... Simplicity is Happiness ♥ ...
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2557
 
4 กุมภาพันธ์ 2557
 
All Blogs
 
"ยังไม่ลืมรักที่เซี่ยงไฮ้ หวังพบเธออีกสักครั้งก่อนตาย"



แกรี่ มัตซ์ดอร์ฟฟ์ วัย 92 ปี
ขณะสนทนากับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีในห้องพักโรงแรมที่นครเซี่ยงไฮ้ – เอเอฟพี

เอเอฟพี - นครเซี่ยงไฮ้เก็บความหลังของใครต่อใครไว้มากมาย
เด็กหนุ่มชาวยิว ที่หนีตายจากเงื้อมมือนาซีเยอรมัน
มาหลบภัยในดินแดน ซึ่งอยู่ไกลกันครึ่งค่อนโลกเมื่อกว่า 70 ปีก่อน
มาวันนี้ เขามีโอกาสกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้งในฐานะเศรษฐี พร้อมอดีตรัก ที่ยังอยู่ในหัวใจ

คุณปู่ แกรี่ มัตซ์ดอร์ฟฟ์ วัย 92 ปี ได้หวนกลับมายังบ้านแต่เก่าก่อนในเซี่ยงไฮ้
ด้วยความหวังว่า เขาอาจได้พบกับหญิงสาวชาวจีน
ที่ปิ๊งโดยบังเอิญในห้องโถงเต้นรำเมื่อนานมาแล้วอีกสักครั้ง

ปัจจุบันชายชราผู้นี้เป็นพลเมืองชาวอเมริกัน
และเกษียณตัวเองจากการประกอบธุรกิจเครื่องหนัง
ซึ่งประสบความเร็จ จนมีฐานะร่ำรวย

ความหลังของนาย มัตซ์ดอร์ฟฟ เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนในจีน
ซึ่งได้รายงานเรื่องราวของเขา โดยแม้ความทรงจำของคุณปู่เกี่ยวกับนครเซี่ยงไฮ้
ซึ่งได้รับสมญานามในอดีตว่า "ปารีสแห่งตะวันออก" เลือนๆ ไปหลายเรื่องแล้ว
ทว่า ภาพของหญิงสาวผู้หนึ่ง สวมชุดกี่เพ้า ชายกระโปรงผ่าข้าง ยังแจ่มชัดอยู่ในใจ

"เธอแลดูคล้ายกับเจ้าหญิง" ผู้เฒ่าเล่า "เธอสวยจริงๆ"

หนุ่ม มัตซ์ดอร์ฟฟ์ ในเวลานั้น ได้เขียนข้อความสั้นๆ บนผ้าเช็ดมือ
ขอนัดพบสาวในตอนเย็น และก็ได้รับคำตอบตกลง

เขาพบผู้หญิงคนนี้ในปีพ.ศ. 2484 เธอมีชื่อว่า คลีโอ หว่อง
เปิดร้านขายเสื้อผ้าปักลูกไม้ และยังรับจ้างเป็นคู่เต้นรำ
ในห้องเต้นรำของห้างสรรพสินค้าวิงออน (Wing On Department Store) อีกด้วย



คุณปู่ แกรี่ มัตซ์ด อดีตผู้อพยพชาวยิว
ซึ่งกลับมาเซี่ยงไฮ้ เพื่อตามหาหญิงที่เคยรักกัน – เอเอฟพี

ครอบครัวของมัตซ์ดอร์ฟฟ์ ซึ่งประกอบด้วยพ่อแม่ และยาย
พยายามสร้างชีวิตใหม่ หลังจากลงเรือเดินทางรอนแรมมาจนถึงเซี่ยงไฮ้
ซึ่งเป็นเมืองที่เขารู้จักก็แต่ในภาพยนตร์ ที่เคยดูเมื่อยังเป็นเด็กชายอาศัยในกรุงเบอร์ลินเท่านั้น

คุณปู่ชาวยิวยังเล่าย้อนอดีตไปเมื่อครั้งที่พวกนาซีเยอรมันฆ่าล้างผลาญชาวยิวอย่างสยดสยอง
ในเหตุการณ์ ที่เรียกกันว่า "คืนกระจกแตก" หรือ คริสทัลนัชท์ (Kristallnacht)
มัตซ์ดอร์ฟ และเพื่อนในกองลูกเสือชาวยิว ถูกทุบตี
บ้านเรือนห้างร้านของชาวยิวในกรุงเบอร์ลินถูกทำลาย
ถนนหนทางในเมืองเกลื่อนกลาดไปด้วยเศษกระจก

"ในตอนเช้า ขณะนั่งอยู่บนรถโดยสารประจำทาง
ผมเห็นกลุ่มคนเที่ยวไล่ทุบกระจกหน้าต่างร้านค้า
บางคนใช้สีเขียนเป็นคำว่า "ยิว" บนหน้าต่าง"

คุณปู่เคยเล่าเหตุการณ์ตอนนี้ให้ มูลนิธิโชอาห์ (Shoah Foundation)
ของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย ฟัง

พ่อของ มัตซ์ดอร์ฟฟ์ ซึ่งประกอบอาชีพเป็นพ่อค้าขนสัตว์
ส่วนแม่ ซึ่งทำที่บังตะเกียงขาย ได้ร่วมเดินทางมากับผู้อพยพชาวยิวอีกหลายหมื่นคน
ซึ่งพบว่า นครเซี่ยงไฮ้เป็นที่ปลอดภัยจากการเข่นฆ่าของพวกนาซีในยุโรป
แต่ปู่กับย่าของเขาสิ้นใจตายในค่ายกักกันไปเสียก่อน

"เซี่ยงไฮ้เป็นร่มไม้ชายคาสำหรับผม"
เขาเอ่ยกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีด้วยบุคลิก ที่กระฉับกระเฉงและน้ำเสียงหนักแน่นผิดวัย

เมื่อเดินทางมาถึงเซี่ยงไฮ้ ครอบครัวของมัตซ์ดอร์ฟฟ์ย้ายมายังเขตหงโขว่
ซึ่งต่อมากองทัพญี่ปุ่น ที่เข้ายึดครองจีนในเวลานั้น ได้กำหนดให้เป็นถิ่นอาศัยของชาวยิว
ในปีพ.ศ. 2486 ผู้อพยพชาวยิว 2 หมื่นคนไม่ตกเป็นเป้าถูกทำลายล้าง
แม้มีคำขอจากผู้แทนของนาซีเยอรมัน ซึ่งเป็นพันธมิตรในยามสงครามของญี่ปุ่นก็ตาม
อย่างไรก็ดี ชีวิตดำเนินไปอย่างยากลำบาก และขาดแคลนอาหาร เนื่องจากภาวะสงคราม

ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่นี้ยืดยาวเพียง 1 ปี มัตซ์ดอร์ฟฟ์ ได้พา คลีโอ หว่อง
ไปพบพ่อแม่ ซึ่งอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ในเขตหงโขว่

"พ่อของผมท่านมีความหวั่นวิตก เพราะสมัยนั้นการที่คนต่างชาติจะมาแต่งงานกับหญิงชาวจีน
มันอาจทำให้ผู้คนไม่เข้าใจ มันไม่เคยมีธรรมเนียมมาก่อน"
เขาอธิบาย

ทว่าความคิดเรื่องการแต่งงานพลันหายไป
เพราะคลีโอ หว่องเป็นฝ่ายทิ้งเขาไปหากะลาสีกองทัพเรืออเมริกันอย่างไม่ไยดี

มัตซ์ดอร์ฟฟ์ มีโอกาสพบเธออีกครั้งถบนถนนย่านธุรกิจพลุกพล่านในเมืองนานกิง
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงแล้ว

"วันหนึ่งมีใครมาตบที่บ่าผม เธอพยายามจะเล่าให้ผมฟังว่า
เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ผมไม่สนเธออีกแล้วละ"
คุณปู่นึกทบทวนเรื่องแต่หนหลัง

ทว่าหลังจากย้ายไปอาศัยในอเมริกา มาวันนี้
เขาคิดอยากจะตามหาเธอให้พบอีกสักครั้ง ก่อนต้องตายไปจากโลกนี้

แนนซี่ ภรรยาของมัตซ์ดอร์ฟฟ์ มาเซี่ยงไฮ้กับเขาด้วย
เพื่อช่วยสามีตามหาหญิงคนรักเก่า

"ดิฉันนึกถึงภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่งอยู่ในหัว เด็กหนุ่มผู้อพยพย้ายมาอยู่ที่อเมริกา
สร้างเนื้อสร้างตัวจนร่ำรวย แล้วกลับมาเซี่ยงไฮ้ เขาเดินไปเข้าในร้านแห่งหนึ่ง
ซึ่งมีสุภาพสตรีชราอยู่หลังเคาน์เตอร์ ฉันเห็นเรื่องราวอยู่ในใจ"
ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากกล่าว

ในสมุดรายนามของนครเซี่ยงไฮ้ฉบับปีพ.ศ. 2491 ปรากฏชื่อ
ของนางคลีโอ หว่องแห่งบริษัทคลีโอ โครเชต์
ซึ่งลงโฆษณาว่า "เนคไทและงานโครเชต์ทำด้วยมือ"

แต่ก็สืบไม่ได้เรื่องราวอะไร รวมทั้งการเสนอข่าวของสื่อมวลชน
ก็ไม่ช่วยทำให้ได้ข้อมูล ที่มีประโยชน์ใดๆ

"ถ้าเธอมีอายุถึง 90 ปี และยังมีชีวิตอยู่ แต่นั่นแหละใครจะไปรู้ได้เล่า"
คุณปู่เอ่ย นัยน์ตาระยับด้วยหยาดน้ำใส

"ทั้งหมดที่ผมจะถามก็คือ 'คุณยังจำผมได้ไหม' "
หนุ่มน้อยชาวยิวอพยพเมื่อกว่า 70 ปีก่อนเอ่ยถึงคำพูด
ที่เขาปรารถนาจะบอกกับ คลีโอ หว่อง ผู้ซึ่งเขาคงไม่มีวันรู้ได้เลยว่า
เธอจะยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้หรือไม่


ที่มา: //www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000105671




Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 5 มกราคม 2558 2:01:07 น. 1 comments
Counter : 1149 Pageviews.

 
เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกประทับใจจัง
คนที่รักฝังใจแบบนี้ก็มีอยู่จริง
จะมีใครตามหาเราแบบนี้บ้างมั้ยน้าา


โดย: Daisy Song วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:17:29:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอกไม้บานริมรั้ว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]






▼ ห้อง SHOP 1 ▼

เสื้อ
แขนกุด สายเดี่ยว
แขนสั้น
แขน 3-5 ส่วน
แขนยาว กันหนาว
-------------------------
กางเกง
กระโปรง
เดรส
รองเท้า
ชุดผ้าไหม ชุดไทยๆ
ผ้าคลุมไหล่ / ผ้าพันคอ / หมวก
ตุ๊กตา

[ วิธีสั่งซื้อ ]
[ อัตราค่าส่ง & ข้อชี้แจง ]

▼ ห้อง SHOP 2 ▼

!! Clearance SALE !!
ล็อต : (A) - (O)


ล็อต : (P)
ล็อต : (Q)
ล็อต : (R)

Friends' blogs
[Add ดอกไม้บานริมรั้ว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.