เชียงใหม่ #1 ...ฤๅว่าจะตามรอย Lost In Thailand ?
สวัสดีค่ะ สัปดาห์นี้มา up blog กันเร็วนิดนึง เพราะสุดสัปดาห์นี้ติดภาระกิจ ไม่ว่างมาอัพค่ะ ^^" (ถ้าโชคดี ก็จะมีรีวิวด้วย หุหุ)
อย่างที่บอกไว้ blog นี้จะมาเล่าเรื่องราวเฮฮาของทริปเชียงใหม่ให้ฟังค่ะ .. เราไปกันทั้งหมด 4 คน แก๊งค์เดิมอ่ะนะคะ แล้วก็สรุปทริปกันลงตัวไม่นานนัก รอโปรแอร์เอเชียมา ดูราคา ดูวัน แล้วพอรับได้ก็คุยกันแล้วก็จองเลยค่ะ (หลัง ๆ นี้เคโกะก็เปลี่ยนเป็นสไตล์นี้ไปแล้ว ไม่ได้บินตั๋วโปรถูกเวอร์เหมือนแต่ก่อนเลยค่ะ >.<" )
ทริปนี้เราไปกัน 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่ 14 June 2013 - 16 June 2013 นะคะ (แอบดองนิดนึง แฮ่..) นัดรวมพลกันที่ดอนเมืองนั้นเลย แล้วก็หาอะไรหม่ำ ๆ กันที่ดอนเมืองซะเลยด้วย ซึ่งตอนแรกก็หมายตาร้านอาหารที่อยู่ชั้นบนไว้ แต่รับกับราคาไม่ได้ เลยหันไปซบอก fast food ด้านในดีกว่า (ซึ่งราคาก็ไม่ได้ถูกกว่าเท่าไหร่ - -")
พอลงเครื่องที่เชียงใหม่ปุ๊บ ก็รีบไปติดต่อรถเช่าทันทีค่ะ เคโกะจองมาล่วงหน้าแล้วกับ Hertz เจ้าเดิม ในราคาไม่โปร ผ่านหน้าเว็บไซต์ค่ะ แล้วก็เริ่มต้นเดินทางกันเลย
จุดหมายแรกที่ไปก็คือไหว้ครูบาศรีวิชัย พร้อมกับไปวัดพระธาตุดอยสุเทพกันก่อนค่ะ
จุดพักรถที่ใคร ๆ ก็ต้องแวะ .. กับครูบาฯค่ะ
ใกล้ ๆ กันนั้นมีร้านกาแฟน่านั่งด้วยล่ะ แต่รสชาติและราคานั้นไม่ผ่านเสียเลยค่ะ (ราคาแบบว่ากาแฟบนห้างในกทม.ใจกลางเมืองเลยนะ แพงเกิ๊นนนน ... - -")
แล้วก็ขับรถกันต่อไปจนถึงพระธาตุดอยสุเทพค่ะ เจอนักท่องเที่ยวชาวจีนกำลังถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน
ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไร เดิน ๆ ขึ้นไปก็ประหลาดใจว่าทำไมนักท่องเที่ยวชาวจีนเยอะจัง (- -")
แล้วก็เดินขึ้นบันไดมาจนถึงข้างบนจนได้ละนะ ..
ตรงนี้มีเรื่องโก๊ะอีกละ (^^") เคโกะใส่กางเกงขาสั้นมาค่ะ แต่ก็เอาผ้าคลุมมาด้วย กะว่าพอเข้าวัดหรือสถานที่ที่ควรสำรวม ก็จะเอาผ้าคลุมไหล่นี้แหละมาคลุมขาต่างโสร่งไรงี้ แต่ก็ดันลืมหยิบลงมาจากรถ เห็นคนอื่นใส่ขาสั้นเข้าไป เลยทำเนียนเข้าบ้าง ยืนถ่ายรูปด้านในได้สองสามช็อต ก็มีจนท.คนนึง (น่าจะเป็นไกด์หรือพนง.ถ่ายรูปอะค่ะ) เข้ามาพูดเป็นภาษาอังกฤษว่าให้ไปเช่าผ้าถุงข้างล่างมาซะ ไม่อนุญาตให้นุ่งสั้นค่ะ เคโกะก็ไม่ได้อะไรนะ ทำหน้านิ่ง ๆ แล้วเดินออกไปค่ะ แต่คุณสามีดันหัวเราะ เค้าเลยบ่นออกมาว่า "อ้าว .. คนไทยหรอกเหรอ แล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้ผมพูดอังกฤษอยู่ได้"
นู๋ป่าวน้าาาาาา ...
พอลงไปเช่าผ้าถุงมาใส่ (5 บาท) ก็มีพนักงานมานุ่งผ้าถุงให้ค่ะ เค้าก็พูดภาษาอังกฤษใหญ่เลย ไอ้เราก็ทำหน้านิ่ง ๆ เข้าไว้ แต่พอเสร็จเรียบร้อย ดันหันไปบอกกับเค้าว่า "ขอบคุณค่ะ" ... แล้วที่ผ่านมานั้นมัน ... ?
เอาล่ะ มาไหว้พระกันเถอะค่ะ
แล้วก็กับมุมมหาชนเนอะ คราวที่แล้วมาปิดบูรณะอยู่ค่ะ ครั้งนี้ก็เลยเหมือนล้างตาเลย (555)
พอเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็เดินไปชมวิวกัน วิวจากที่สูงก็สวยดีนะคะ
แล้วจากนั้นเราก็ขับรถกลับโรงแรมค่ะ (ซึ่งรีวิวไปแล้ว ติดตามอ่านได้ ที่นี่ ค่ะ) เข้าห้องพัก เก็บข้าวของ นอนกลิ้งเกลือกพักผ่อน ก่อนที่จะเริ่มรู้สึกว่า "ควรจะหาร้านอาหารกินข้าวเย็นได้แล้ว" แล้วก็มาเปิดอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งโทรศัพท์มือถือและแทบเบล็ตหาข้อมูลค่ะ จนเลือกเอามาร้านหนึ่ง อยู่ริมน้ำปิง คือแบบไม่รู้ทำไมอ่ะ หาร้านอื่นไม่ถูกใจอ่ะค่ะ เสิร์ชยังไงก็มีแต่ร้านนี้โผล่มาตลอด ดูรูปดูอะไรแล้วก็น่าจะโอเค ก็เลยลองไปกัน ชื่อร้านว่า "คำดารา" ค่ะ อยู่ริมแม่น้ำปิงเลย .. แต่เอาเข้าจริง ๆ นะ รสชาติก็เฉย ๆ อ่ะค่ะ ไม่เลวร้าย แต่ที่เลวร้ายคือราคาต่างหาก แพงเวอร์มาก ๆ แพงว่ามื้อเย็นวันถัดไปสามเท่าตัวได้อ่ะค่ะ (- -")
ระหว่างมื้อนั้น เคโกะกับเพื่อนคนนึงก็พยายามปั้นหน้าแอบคุยว้อทแอพกัน เพื่อจะ surprise เพื่อนอีกคนที่เป็นวันเกิดมันพอดีค่ะ สุดท้ายก็ไม่รู้จะ surprise ยังไงดี เลยแกล้งบอกว่า จะพาไปกินของหวานหลังอาหาร แล้วก็รีบบึ่งไปที่เซ็นทรัลกาดค่ะ ห้างก็จะปิด ๆ อยู่รอมร่อ หันไปหันมา คว้าเค้กไอศกรีมมา 1 ก้อน แล้วบอกมันว่า
"อ่ะแก Happy birthday นะ"
ในรูปข้างบนนั้น เรากลับมาจุดเทียนเป่าเค้กกันที่ห้องพักในโรงแรมนะคะ โดยขอยืมไฟแช็คจากพนง.ที่ล็อบบี้โรงแรมค่ะ
แล้วคืนนั้นพวกเราก็กินกันอิ่มปริ้นพุงแตกมาก ๆ ^^" ... อิ่มไอศกรีมอ่ะ ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ 5555
เช้าวันรุ่งขึ้น เราก็ยังไปมุกเดิมอีกค่ะ เสิร์ชหาร้านอาหารเช้าที่เค้าร่ำลือกัน แล้วก็เปิด Google maps ลากเส้น บอกทางไปร้านนั้น ๆ .. เคโกะเลือกเอาร้าน "โจ๊กสมเพชร" ค่ะ พอไปถึงแล้วก็นึกออกว่าเคยมาร้านนี้กับเพื่อนอีกกรุ๊ปนึงเมื่อหลายปีก่อนแล้ว
ประชันน้ำดื่มกันหน่อย 4 คน 4 สไตล์ค่ะ
นอกจากสั่งอาหารเช้าไปแล้ว เราก็จัดเต็มด้วยติ่มซำอีกหลายเข่งเลยทีเดียว
พออิ่มแล้ว เราก็เดินทางต่อค่ะ จุดหมายแรกของวันนี้ก็คือพิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์ (เคโกะใช้ Google maps นำทางนะคะ เพราะงั้นเลยไม่สามารถบอกทิศทางได้อ่ะค่ะ แหะๆ)
ดูจากรูปและเว็บแนะนำการท่องเที่ยวแล้วออกผิดหวังเล็กน้อย เพราะเอาเข้าจริง ตัวตำหนักเล็ก และไม่ค่อยมีอะไรให้ชมมากนักค่ะ
ด้านหน้ามีอนุสาวรีย์พระราชชายาเจ้าดารารัศมีผู้เป็นเจ้าของอยู่ค่ะ
แล้วก็มีแปลงปลูกกุหลาบจุฬาลงกรณ์ไว้ด้วย ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ สวยมาก
ตัวตำหนักอีกสักมุมนะคะ
เนื่องจากตัวตำหนักด้านบนนั้นงดถ่ายภาพค่ะ เลยไม่มีภาพด้านบนมาให้ชมกัน แล้วก็ซื้อบัตรเข้าชมก่อนด้วยค่ะ ตามป้ายเลยนะคะ
เดินชมจนทั่วแล้วก็เดินลงมาเก็บภาพกว้าง ๆ บ้างค่ะ
โดยรวมแล้วตำหนักดาราภิรมย์ก็โอเคค่ะ มีเนื้อหาประวัติความเป็นมาให้ศึกษาด้วย เทียบกับราคาบัตรเข้าชม 20 บาทแล้วก็ถือว่าคุ้มค่ามากค่ะ เมื่อซื้อบัตรเข้าชมแล้ว จนท.ก็จะให้โบรชัวร์แนะนำประวัติความเป็นมาคร่าว ๆ และแผนผังของตำหนักนี้มาด้วย ซึ่งตำหนักนี้เองก็อยู่ในความดูแลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วยอ่ะนะคะ
วันเวลาทำการก็คือ วันอังคาร - อาทิตย์ 9.00-17.00 น. ค่ะ นักเรียนในเครื่องแบบเข้าชมฟรีค่ะ
จากนั้นเราก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายถัดไป ... ปางช้างแม่สาค่ะ ยกไปต่อไว้ใน blog หน้านะคะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมและคอมเมนท์ให้กำลังใจพูดคุยกันค่ะ ^^
Create Date : 12 กันยายน 2556 |
|
5 comments |
Last Update : 12 กันยายน 2556 23:42:19 น. |
Counter : 2179 Pageviews. |
|
|
|