ในวารวัน ของ ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ในวารวัน ของ ปิยะพร ศักดิ์เกษม
“ หนึ่งชีวิตคนเราก็ไม่ต่างจากหนึ่งวารวัน..”
ผมได้เคยอ่านนิยายเรื่องนี้ของพี่เอียดเมื่อตอนตีพิมพ์รวมเล่มครั้งแรกแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกเฉยๆ ไม่อะไรมากนัก เพียงแค่บอกกับตัวเองว่านิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่ดีมากเรื่องหนึ่ง ทั้งการเดินเรื่องสนุก ตัวละครได้เนื้อได้หนัง อ่านไปๆ ได้ความรู้เรื่องเกร็ดประวัติศาสตร์แถบจังหวัดชลบุรีอย่างล้นเหลือ (แบบไม่ยัดเยียดในการนำเสนอ) กลับมาให้ถกและสานต่อยอดความรู้อีกต่างหาก นวนิยายมีขนาดความหนา 706 หน้า แบ่งเป็นสี่ภาค ไม่ยาวเลยสำหรับการอ่าน สนุกได้อรรถรส ผู้ประพันธ์มีความละเมียดละไมทางภาษามาก แถมสรุปจบได้น่าประทับใจ คนทำดีย่อมได้ดีในตอนท้ายแน่นอน ขอเพียงความอดทนเท่านั้น ....
ในวารวัน ของพี่เอียด อ่านได้ความรู้สึกประมาณเดียวกับรากนครา คือ รู้สึกชอบทั้งสองเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว อ่านมาแล้วสองรอบ ยังอยากจะกลับไปอ่านอีกครั้งอยู่เรื่อยไปเพราะรู้สึกว่ายังเก็บเกี่ยวได้ไม่หมด นิยายเรื่องนี้เป็นภาคแรกของเรื่อง “ตะวันเบิกฟ้า” ส่วนเรื่องหลังเป็นรุ่นหลาน น่าสนุกเหมือนกัน แต่ผมยังมะได้อ่าน อิอิ ...
สำหรับเนื้อความในเรื่องเป็นเรื่องของแม่วัน (นางเอกของเรื่อง)กับพ่อเทิด (พระเอก) ที่มีชีวิตในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕ จวบจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๘ ซึ่งเป็นภาคที่สี่ ภาคสุดท้าย ชีวิตของแม่วันระหกระเหินไปมาในวงล้อของโชคชะตาจนต้องฝ่าด่านยากนี้ด้วยความอดทนและปล่อยวาง มีธรรมะอยู่ในใจตลอดเวลา ผมน้ำตารื้นกลับตอนหนึ่งของเรื่องที่ว่า ...
..แม่วันเลื่อนตัวลงมานั่งคุกเข่าปลายเท้าย่า แนบหน้าศรีษะกับฝ่าเท้าอันเย็นชืด กราบลงด้วยความรัก ความเคารพ และสำนึกในบุญคุณสูงสุด ก่อนจะลุกขึ้นเดินด้วยฝีเท้าอันเบากริบ .... ย่าคงหลับสบายและเป็นสุข สีหน้าอิ่มเอิบพริ้มเพรา และรอยยิ้มที่ริมฝีปากเธอว่าอย่างนั้น ... เธอไม่ยอมให้ความทุกข์ยากแบบใหนรบกวนย่าได้อีก … ท้องฟ้าภายนอกเพิ่งแสงแรกของอรุณที่ตีนฟ้า แม่วันเดินผ่านเรือนหลังใหญ่ไปหาครูเนื่อง ... ทันทีที่ครูเนื่องเปิดประตู เด็กหญิงก็ถาม .. “ ครูเนื่องคะ ย่าไม่อยากให้ฉันลำบากต้องเลี้ยงดูย่าใช่ไหมคะ ถึงได้รีบร้อนไปตั้งแต่ป่านนี้..” ...เอาอีกแล้วกระแสน้ำเริ่มไหลบ่ามาท่วมร่างเธอ มันเชี่ยวกรากรุนแรงราวน้ำป่าที่พังทลายเขื่อนดิน .. “ ฉันตั้งใจทำงาน ตั้งใจจะเก็บออม ทำมาหาเลี้ยงไม่ให้ย่าลำบาก ทำไมย่าไม่ยอมให้ฉันทำอย่างที่ตั้งใจ ทำไมย่าไม่อยู่เพื่อดูฉัน ดูว่าฉันสามารถอยู่ได้ดี ฉันสามารถเป็นคน....คน...ดีได้ ท่าม....กะ...กลางความยากลำบาก อยู่ได้เพราะคำสั่งสอนของย่า..” “ แม่วัน ...แม่วัน....พุทโธ่เอ๋ย....แม่วง...คุณพระคุณเจ้าช่วย..” ไม่ต้องบอกสักคำครูเนื่องก็รู้ ผู้สูงวัยพูดได้เพียงแค่นั้นก็ต้องอ้าแขนรับร่างเล็กบางของผู้เยาว์ไว้ ปากก็ร้องเรียกทั้งนางปริกและนางจาดเสียงขรม ... เด็กหญิงมิได้รับรู้สิ่งใดอีกแล้ว นอกจากโลกอันมืดและเย็นเฉียบ ... (หน้าที่ ๒๒๙ ถึง ๒๓๐ )
ในวารวัน จึงเป็นนวนิยายในดวงใจผมอีกเรื่องด้วยประการฉะนี้ครับ ... วันนี้อยากจะชวนเชิญชาวหนอนไปหาอ่านงานที่มีคุณค่าต่อชีวิตอย่างเรื่องๆนี้กันนะครับ ใครอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร..ประทับใจมากๆ เหมือนผมไหม บอกกล่าวเล่าสู่กันฟังนะครับผม ..สวัสดีครับ ..
Create Date : 29 กันยายน 2550 |
Last Update : 29 กันยายน 2550 22:20:38 น. |
|
7 comments
|
Counter : 1762 Pageviews. |
|
|
|
แต่อ่านเรื่องของหลาน (ตะวันเบิกฟ้า) เรียบร้อยแล้ว สนุกมากๆ ขนาดเล่มค่อนข้างหนา แต่ก็อ่านได้จบภายในวันเดียวค่ะ