Group Blog
 
<<
เมษายน 2561
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
18 เมษายน 2561
 
All Blogs
 
ต้น มะเดื่อฝรั่ง (Figs)






มะเดื่อฝรั่ง(Figs) กับ พ่อหลวงของแผ่นดินฯ


เหตุการณ์ในภาพเกิดขึ้นเมื่อ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๐ เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการหลวงดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ในวันนั้น ม.จ.ภีศเดช รัชนี ได้นำเสด็จพระราชดำเนินตามเส้นทางที่กำหนดเพื่อทอดพระเนตรสถานที่ต่างๆในสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ อาทิ แปลงทดลองปลูกผัก ผลไม้ ฯลฯ เมื่อเสด็จถึงแปลงทดลองใดเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบก็จะถวายรายงาน แต่พอพระองค์เสด็จมาถึงแปลงทดลองปลูกฟิก (ต้นมะเดื่อฝรั่ง ) และทอดพระเนตรเห็นต้นฟิก ซึ่ง รศ.ม.ล.จารุพันธ์ เป็นผู้ริเริ่มนำต้นพันธุ์เข้ามาทดลองปลูก พระองค์ท่านก็เสด็จฯออกนอกเส้นทาง ลงเนินสูงชันไปยังต้นฟิกที่ออกผลงดงามต้นหนึ่งโดยที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน ( ณ พ.ศ.นั้น ผลมะเดื่อฝรั่งหรือผลฟิกสดๆยังไม่ค่อยมีคนไทยรู้จักกันสักเท่าไร แค่ขึ้นชื่อว่ามะเดื่อฝรั่งคนก็พาลนึกไปถึงมะเดื่อพื้นบ้านที่มักมีหนอนภายในดังที่โคลงโลกนิติบรรยายเอาไว้ )

แต่ในหลวงท่านทรงมีพระปรีชาญาณยิ่งนัก วันนั้น รศ.ม.ล.จารุพันธ์ แทบไม่ต้องถวายรายงานอะไรมากเลยเพราะทรงรู้จักผลไม้ชนิดนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว กลับกลายเป็นว่าพระองค์ท่านเป็นฝ่ายทรงเล่าให้ฟังเป็นส่วนใหญ่

พระองค์เล่าว่าพระองค์ท่านเคยเสวยผลฟิกเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์และประทับอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงหาผลฟิกมาให้เสวยอยู่เสมอ

และยังทรงสอนพระองค์ท่านถึงประโยชน์ของผลฟิก ว่าอุดมไปด้วยแร่ธาตุ ทั้งโปแตสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก แคลเซียม มีวิตามิน A E และ K แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย

เมื่อยังทรงพระเยาว์ หากพระองค์ท่านทรงเป็นแผล(ร้อนใน)ในพระโอษฐ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจะทรงฝานผลฟิกเป็นแผ่นบางๆแล้วทรงปิดแผลไว้ เป็นการถวายการรักษาตามแบบของพระองค์ท่าน (ซึ่งต่อมาในภายหลัง รศ.ม.ล.จารุพันธ์ กลับมาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่าในผลฟิกมีสารที่มีฤทธิต่อต้านเชื้อแบคทีเรียจริงๆ)

ระหว่างที่ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับ รศ.ม.ล.จารุพันธ์ พระองค์ท่านก็ได้ทรงเก็บผลฟิกสดๆจากต้นด้วยพระองค์เอง โดยไม่ได้ทรงรังเกียจยางที่อาจไหลเปื้อน ทรงเก็บผลฟิกมาแล้วทอดพระเนตรราวกับว่าผลฟิกนั้นจะทำให้ทรงระลึกถึงความหลังเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ รศ.ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม เล่าว่า ช่วงเวลานั้นเห็นได้ชัดว่าพระองค์ทรงพระเกษมสำราญเป็นอย่างมาก

เรื่องเล่าในความทรงจำของ ของ รศ.ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม หัวหน้าโครงการเฟิร์นเศรษฐกิจและที่ปรึกษาอาวุโส โครงการบุหงาโครงการหลวง ผู้ถวายงานในโครงการหลวงมานานสามสิบกว่าปี

เอก เกตุทอง
Dumrongkiat Tongsopon



































มะเดื่อฝรั่ง หรือ ฟิกส์ (Figs) มีประวัติ การปลูกมาตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาล(มาก กว่า 2000 ปี)
มีสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ กับร่างกายมากมายในตำนานยุโรป และ ตะวันออกโบราณได้มีการจารึกไว้ว่า ชาว กรีก ชาวโรมัน
และ ชาวอียิปได้ให้ผลฟิกส์แก่นักรบกินระหว่างอาหารทุกมื้อเพื่อกระตุ้น ความแข็งแกร่งของกระดูกและกล้ามเนื้อ
เพิ่มทักษะ ปฏิภาณ ไหวพริบและ กำลังวังชา เมื่ออยู่ในสนามรบ
ยังจัดเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ของประเทศอียิปต์ อิตาลี และกรีซอีกด้วย


มะเดื่อ ต้นไม้ที่แทรกอยู่ในตำนาน ความเชื่อ คติธรรมและการใช้ประโยชน์ในทุกศาสนา ในพุทธศาสนา
กล่าวไว้ในพระไตรปีฎกว่า พระพุทธเจ้าองค์ที่26 จะตรัสรู้ใต้ควงไม้มะเดื่อ
ในศาสนาอิสลาม กล่าวว่า มะเดื่อและมะกอกเป็นอาหารที่สมบูรณ์แบบสำหรับมนุษย์ที่อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการต่างๆสูง
ในศาสนาฮินดู เป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์
ในคริสต์ศาสนายังปรากฏเรื่องราวของมะเดื่อ
ตั้งแต่ครั้งพระเจ้าสร้างโลกและ ความละอายของอีฟและอดัม
ที่แอบขโมยผลไม้กินซึ่งก็คือมะเดื่อ
บ้างก็ว่าเป็นผลแอปเปิล และอาดัมใช้ใบมะเดื่อปิดบังความอาย
มะเดื่อยังเป็นต้นไม้ที่อารยะชนตั้งแต่ยุคโบราณให้ความเคารพบูชา ถือเป็นต้นไม้มงคล
มะเดื่อทั่วโลกมีหลายสายพันธุ์ประมาณ 1500 พันธุ์ เป็นพืชในวงศ์เดียวกับ ต้นโพธิ์ ต้นไทรหรือหม่อน
มะเดื่อในประเทศไทยนั้นจะลูกเล็กกว่า ไม่ใคร่พบว่ามีการนำมาบริโภค แมลงหวี่จะบินที่ฟักไข่ผลจึงมีแมลงวี่เต็มไปหมด
ลูกมะเดื่ออ่อนนำมาเป็นผักเคียงได้
ปลูกมะเดื่อไว้ทิศเหนือ ร่วมกับส้มซ่าและส้มป่อย
ปลูกเพื่อความเจริญรุ่งเรือง เคารพบูชา หรือความอุดมสมบูรณ์




มะเดื่อฝรั่ง หรือ ฟิกส์ (Figs) ลูกใหญ่ รสหวาน มีกลิ่นหอม
ผลประมาณเท่าไข่ไก่หรือไข่








นอกจากจะใช้รับประทานเป็นผลไม้สดแล้ว แปรรูปต่างๆ
เช่น ทำแยม ขนมทดแทนลูกเกด ใช้สำหรับทำพาย, พุดดิ้ง, เค้ก, ไอศกรีม,ผลไม้กวน ผลแห้งนำไปคั่วแล้วนำมาป่นใช้แทนกาแฟ








มะเดื่อซื้อจากห้างสรรพสินค้า อบแห้ง ตากแห้ง รสชาติหวานจัด





















เมล็ดมะเดื่อ








เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกประเภท มีอายุยืนยาวมากกว่า 100 ปี
ต้นที่อายุมากๆสูงได้ถึง 20 เมตร
เป็นผลไม้อยู่ในเขตกึ่งร้อน ชอบแสงแดดจัดทั้งวัน ต้องการแสงแดดร้อยเปอร์เซ็นต์ ทนร้อน
ไม่ชอบร่มเงา ต้นมะเดื่อไม่ชอบอากาศหนาวจัด
ดูแลรักษาง่าย โรคและแมลงรบกวนน้อยมาก
บางสายพันธุ์ ปลูกในกระถางได้ขนาดตั้งแต่10 นิ้วขึ้นไป
ตั้งไว้ที่ดาดฟ้าได้ใช้เป็นร่มเงาได้ ทำบอนไซได้





การขยายพันธุ์มะเดื่อฝรั่ง

ตอนกิ่งหรือปักชำ
วิธีการง่ายสุด ตัดกิ่งปักชำ เดือน พ.ค.- ก.ย
เลือกกิ่งที่ตั้งตรง ยอดและใบสมบูรณ์ ยาว 6-10 นิ้ว ลิดก้านใบให้หมด
กิ่งจะแตกยอดใหม่ได้เร็วขึ้น
จุ่มกิ่งด้วยน้ำยาเร่งราก นานประมาณ 10 นาที นำไปปักชำใต้ตาข่ายพรางแสง
รดน้ำให้ชุ่มไม่ควรรดน้ำให้แฉะเกินไป อย่ารดบ่อยจะมีผลทำให้กิ่งเน่าง่าย



บอกวิธี ชำกิ่งมะเดื่อฝรั่ง แบบง่าย

https://www.youtube.com/watch?v=1gjpDBz6CYg


วิธีชำมะเดื่อจากกิ่งสดสำหรับมือใหม่และการย้ายมะเดื่อลงกระถาง

https://www.youtube.com/watch?v=4ijd6Lbfs0I




หลังจากปักชำไปนาน 1 สัปดาห์ ถ้ากิ่งที่ปักชำไปนั้นยังคงความสดจะมีแนวโน้มรอดตาย
อีกประมาณ 2 สัปดาห์ กิ่งมะเดื่อก็จะเริ่มแตกยอดอ่อน
ปล่อยให้มีการแตกใบอ่อนอย่างน้อย 4-5 ใบ
ให้เลือกยอดที่ดูแข็งแรงสมบูรณ์ที่สุดเพียงสองยอด
นอกนั้นให้เด็ดออกให้หมดเพื่อให้กิ่งมะเดื่อทั้งสองยอดนี้โตและยาวได้เร็วขึ้น
เพื่อประโยชน์ในการปลูกอย่างถูกวิธีเลี้ยงจนต้นแข็งแรงจึงย้ายนำไปปลูกได้



กิ่งพันธุ์ที่ซื้อมาได้มาจากการตอนกิ่ง ปลูกอนุบาลในร่มก่อน
และเด็ดใบเก่าออกให้หมดเหลือแต่ยอด เริ่มแตกใบใหม่แล้ว








ต้นอ่อนพันธุ์ออสเตเลีย
เขียนป้ายชื่อด้วยดินสอกันลืม








ปลูกจนแตกใบเยอะแล้ว
ต้นซ้ายพันธุ์ญี่ปุ่น ต้นขวาพันธุ์ออสเตเลีย









ดินที่ปลูก

วัสดุปลูกที่ดีเมื่อรดน้ำลงไปแล้วจะมีการซึมลงไปอย่างรวดเร็วยิ่งดี
ดินที่ใช้ปลูก มะเดื่อควรเป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดี มีธาตุอาหารมากๆ เช่นดินปุ๋ยหมัก ผสมกับแกลบดำหรือ กาบมะพร้าวสับ ใบไม้แห้ง ใบไผ่
ค่อยๆ เติมดินลงไปรอบกิ่งจนเต็มกระถาง ห้ามกดโคนกิ่งรากจะหักช้ำ
แล้วรดน้ำให้ชุ่ม รดแต่พอชื้น ไม่แฉะมากนัก
คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆ


หาเปลือกไข่ตำให้ป่นผสมลงไปด้วย ช่วยเพิ่มแคลเซียม ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง
ฝังซากสัตว์ เช่น ปลาสด เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูง
ปุ๋ยไม่ชอบเคมีจะเป็นกรด ชอบความเป็นด่าง
ชอบปุ๋ยธรรมชาติ มูลสัตว์แห้งเก่าข้ามปีปีละ 2 ครั้ง
ปุ๋ยน้ำชีวภาพ ไม่ควรให้บ่อย มะเดื่อไม่ค่อยชอบดินเป็นกรดชอบเป็นด่างมากกว่าถ้าให้ บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่


ต้นที่อายุยังน้อยไม่ควรตัดแต่งราก ต้นอายุหลายปี ระบบรากเก่าและแก่มาก การพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม. ดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม
แต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นใช้ วิธีล่อรากด้วยการพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรีย์วัตถุ 1 ส่วน



กิ่งที่ปลูกซื้อจากการตอนกิ่ง โตแล้ว








การตัดแต่งกิ่ง


ถ้าไม่ตัดแต่งกิ่งต้นจะสูงชะลูดจะพลอยไม่ออกผล อย่าเสียดายกิ่งตัดทิ้งตัดขายตัดแจกไป
บำรุงเลี้ยงต้นให้สมบูรณ์ เลี้ยงกิ่งใหม่ออกมาจะออกมาพร้อมผลที่สมบูรณ์เสมอ
หวงกิ่งเก่ากิ่งแก่เอาไว้นอกจากไม่มีผลถึงมีก็ได้ผลไม่มีคุณภาพรสชาติไม่อร่อย





















การตัดแต่งกิ่งควรทำในช่วง หลังจากหมดหนาว ประมาณเดือน ก.พ.- มี.ค.
จะแตกยอดใหม่ บำรุงเพื่อสร้างผลผลิต
คัดกิ่งที่มีความแข็งแรงและสมบูรณ์ ตัดต้นให้เหลือกิ่งหลักเพียง 2-3 กิ่ง และตัดให้ต้นสูง ถึง 1 เมตร
จัดกิ่งให้ขนานกับพื้นดิน
กิ่งใหม่จะได้มีผล ผลจะได้ออกตลอดปี
เทคนิคตัดปลายยอดทิ้ง (ใช้ปูนแดงกินหมากทาหรือใช้เทียนทา ป้องกันโรคพืช)



หลังจากที่ตัดแต่งกิ่งประมาณ 1 เดือน
ต้นจะมีการแตกกิ่งใหม่ออกมาก็จะเริ่มมีการติดผลตามซอกใบ


ดอกมะเดื่อ





















ต้นที่ได้รับไนโตรเจนมากจะเจริญเติบโตแตกกิ่งสาขาและกิ่งย่อยจำนวนมาก
แต่จะออกดอกติดผลน้อย เหมาะสำหรับใช้ขยายพันธุ์
ปุ๋ยไนโตรเจนมากให้งดน้ำบ้าง วันเว้นวันหรือว่าสองวัน
ถ้าได้รับน้ำมากเกินจะทำให้ผลแตกง่ายแต่ถ้าขาดน้ำผลก็จะเล็กแกร็นและร่วงได้
น้ำรดไม่บ่อยหน้าดินไม่แห้งไม่ต้องรด จะได้ออกผลเรื่อยๆ


ลักษณะของการติดผล กิ่งแตกยอดใหม่พร้อมกับติดผลด้วยจะติด 1 ผล ต่อ 1 ใบ
ระยะเวลาผลเจริญเติบโตประมาณ 2.5 เดือน ผลจะเริ่มสุกกินได้
ผิวผลสุกพอจะกินได้จะนิ่มเล็กน้อยก็เก็บได้
ทยอยเก็บผลไปเรื่อยๆ ได้นานเป็นเดือน







เก็บผลในเดือน มี.ค.- พ.ค.
ผลจะแก่เก็บเกี่ยวได้ในช่วง ก.ค.- ส.ค.
ช่วงหน้าหนาว พ.ย.-.ม.ค. เป็นช่วงปล่อยให้ต้นได้พัก ซึ่งใบจะร่วง


ผลดิบมะเดื่อ













พันธุ์มะเดื่อฝรั่งเอามาปลูกเป็นสายพันธุ์ญี่ปุ่น BTM6 ( มะเดื่อญี่ปุ่น)
ต้นแข็งแรง ชอบอากาศร้อน แสงแดดจัด ให้ผลผลิตได้เร็ว
ขั้วเหนียว ไม่มีปัญหาผลหลุดร่วงง่าย
ในกระถางก็ให้ผลได้ ผลดก ให้ผลผลิตทั้งปี
ที่ญี่ปุ่นนิยมปลูกมะเดื่อฝรั่งในโรงเรือน เพื่อควบคุมอุณหภูมิ

































ผลสุกพันธุ์ญี่ปุ่นBTM6































ประมาณเกือบ 2.5 เดือนผลจะเริ่มสุกรับประทานได้ สามารถออกผลทั้งปี และผลจะทะยอยสุกเริ่มเข้าสีเพียง 2-3 วันเท่านั้น

ศัตรูที่สำคัญมีเพียงนก มด แมลงวันทองจะใช้วิธีการห่อผลในช่วงที่ผลเริ่มสุก

ถุงห่อมะเดื่อ







ผลสุกพันธุ์ออสเตเลีย



















เนื้อในพันธุ์ออสเตเลีย หวานฉ่ำ







เด็ดเก็บใส่กล่องไว้ในตู้เย็นได้หลายวันเอาไว้กินวันหลังค่ะ







ใบมะเดื่อเอามาทำใบชาใบมะเดื่อได้
ในประเทศอินเดียนิยมใช้ใบมะเดื่อมารับประทานเป็นอาหาร

วิธีเก็บใบมาทำชาใบที่แก่ นับลงมาสัก 4- 5 ใบ เอาใบที่ 5,6 นับจากยอดลงมา นำไปตากแห้ง








ใบมะเดื่อฝรั่งสามารถนำมาทำเป็นชาที่ดีเพราะ

1 ช่วยในการลดระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยคนที่เป็นโรคเบาหวานให้ใช้ปริมาณอินซูลินน้อยลง ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรดื่มชาใบมะเดื่อเป็นสิ่งแรกในตอนเช้าเพื่อช่วยในการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือดในระหว่างวัน
ชาใบมะเดื่อฝรั่งสามารถนำมาใช้สำหรับการ
2 รักษาโรคหลอดลมอักเสบและ
3 โรคหอบหืดและ
4 รักษาแผลในกระเพาะอาหารและช่วยให้มีการย่อยอาหารที่ดีขึ้น
ในการศึกษาที่ผ่านมาใบมะเดื่อฝรั่งสามารถลดไตรกลีเซอไรด์ได้มาก
5 ทำให้สามารถช่วยบรรเทาและลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ 6. สามารถลดความดันโลหิตและ 7. หยุดการเจริญเติบโตของบางประเภทของเซลล์มะเร็ง
8 ใบชามะเดื่อฝรั่งยังมีสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพที่ทำงานได้ดีสำหรับโรคไขข้ออักเสบและการอักเสบอื่น ๆ
จากการศึกษายังแสดงให้เห็นว่าใบชามะเดื่อฝรั่งจะเต็มไปเต็มไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ยอดเยี่ยมที่มีความสำคัญสำหรับการกำจัดสารอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย 9. จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ
และ 10. งานวิจัยใหม่แสดงให้เห็นว่าใบชามะเดื่อฝรั่งสามารถป้องกันโรคไตที่เกิดจากคอเลสเตอรอลสูง สัตว์ที่ได้รับสารสกัดจากใบรูปที่มีการทำงานของไตดีขึ้น ลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์กว่าผู้ที่อยู่ในอาหารที่ได้มาตรฐาน
11 ใบชามะเดื่อฝรั่งจะช่วยรักษาโรคงูสวัด มีสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพและสารต้านอนุมูลอิสระในใบที่สามารถนำมาใช้โดยตรงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
12 เนื่องจากใบมะเดื่อฝรั่งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพและสารต้านการอักเสบ ที่ยังช่วยรักษาโรคผิวหนังทั่วไป จึงสามารถนำน้ำชาใบมะเดื่อฝรั่งมาอาบหรือล้างโดยตรงกับบริเวณที่เป็นริดสีดวงจะช่วยรักษาโรคริดสีดวงได้

การคั่่วใบชามะเดื่อฝรั่ง


วิธีการไล่ความชื้นเพื่อเก็บรักษาใบมะเดื่อฝรั่งให้ได้นาน พร้อมเป็นการเพิ่มความหอมของใบชา เพิ่มความอร่อยเวลาชง

วิธีการ (อาจารย์เก่ง)

1. ตั้งกะทะ ติดไฟให้ร้อน ด้วยไฟแรง ใช้กะทะหนาๆ แบบที่ใช้ทำข้าวกระยาสาร์ท
2. เมื่อกะทะเริ่่มร้อน ลดไฟลงให้อ่อนที่สุด
3. เอาใบชาที่ตากแห้งแล้วลงคั่ว ประมาณ 10-15 นาที พร้อมทั้งนวดให้ใบมีขนาดเล็กละเอียดลงมาด้วย และมีกลิ่นหอม
4. เก็บใส่ภาชนะเก็บความชื้น
5. เวลานำมาชงใส่ถุงผ้า ใช้ประมาณ 1.5-2 กรัม ต่อ 1 แก้ว กดน้ำร้อน รอสัก 5 นาที จะได้น้ำชาใบมะเดื่อที่มีกลิ่นหอมละมุน และรสชาติอร่อย ชงได้ 2-3 ครั้ง

หมายเหตุ
ถ้าชงเยอะจนน้ำเป็นสีน้ำตาล จะขมแน่นอน ไม่ควรทานความดันลดลงเยอะหน้าจะมืด


https://www.facebook.com/FIGTEA2015/photos/a.1515199588793745.1073741828.1513725108941193/1518947665085604/?type=3&theater&hc_location=ufi












Pichai Puangraya


เล่าสู่กันฟัง....ประโยชน์น้ำชาจากใบมะเดื่อ
หลังจากที่ได้อ่านงานวิจัยของฝรั่งมั่งค่ามา และแจกจ่ายให้ได้ทดลองไปต้มกินกัน ได้ผลกลับมาดังนี้

1 โรคความดัน และเบาหวาน....กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ใช้เวลา 2 อาทิตย์ถึง 1 เดือน ดื่มวันล่ะ 1 แก้ว จำนวนคนที่ทดลองประมาณ 30 คนขึ้นไป
***ตรงกันกับเอกสารงานวิจัย****
2 อาการปวดเหมื่อย ปวดตามร่างกายเรื้อรัง ดีขึ้น เดินเหินได้ตามปกติ ใช้ชีวิตได้ปกติสุข จำนวนคนที่ทดลองประมาณ 10 คน
***ตรงกับเอกสารงานวิจัย ***
3 ไทรอยด์กับไมเกรน...อันนี้งงๆ มีคนหายอย่างล่ะ 1 คน
4 สรรถภาพทางเพศดีขี้น อันนี้ท่านชายหลายท่านที่ทดลองดื่ม รายงานเข้ามา

นอกจากนี้งานวิจัยยังกล่าวถึงคุณสมบัติของการมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ สารต่อต้านมะเร็ง การใช้ในการป้องกันและรักษาโรควัณโรค ป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยในการเผาพลาญอาหาร แก้ไอ อาการจุกเสียด อาหารไม่ย่อย เป็นยาระบายอ่อนๆ ทำให้ลดความอยากอาหารและอื่นๆอีกพอประมาณ...ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ในทางปฏิบัติเพราะ ยังไม่ได้รับรายงานจากคนที่เอาไปรับประทาน
ทั้งหมดแค่เล่าสู่กันฟัง ไม่ได้โฆษณาขายหรืออย่างไร
ส่วนความปลอดภัยในการใช้ที่ต่างประเทศก็ไม่มีรายงานความเป็นพิษจากการดื่มกิน ที่ประเทศจีนก็ชงเป็นชาดื่มกันมาช้านาน ในบ้านเราคนที่ปลูกมะเดื่อ ก็ชงดื่มกันมาแล้วหลายปี ไม่มีอะไรน่ากังวล จะมีบ้างก็คนที่เอาไปกินแล้วต้องการให้หายวันหายคืน กินแบบเข้มข้น ต้มกินจนขม ทำให้ความดันลดต่ำเร็วเกินไป พอไปตรวจความดัน หมอก็เตือนว่าความดันต่ำเกินไป อันนี้ก็ไม่ควรกระทำ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ในการรับประทานก็ควรอยู่ในความพอเหมาะพอควร ไม่ให้มากเกินไป มีพี่ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า การใช้สมุนไพร ก็ควรใช้แบบเป็นสมุน คือใช้ร่วมกันหลายๆตัว จึงจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีความปลอดภัย

วิธีทำน้ำชา

1 เก็บใบมะเดื่อใบที่นับมาจากบนยอด ใบที่ 5 ลงมา คือ ไม่ใช้ใบอ่อน รสชาติไม่อร่อย
2 นำมาล้างทำความสะอาด ผึ่งให้แห้ง
3 หั่นหนาประมาณ 1 นิ้ว
4 ตากแดด จนแห้งกรอบ 2 แดดกำลังดี
5 นำมาต้ม ใช้ได้ทั้งส่วนใบ ก้านและผลอ่อนตากแห้ง ผลอ่อน จะช่วยเพิ่มรสชาติและให้กลิ่นหอมละมุนมากขึ้น
6 จากรูปน้ำ 1 กาใส่น้ำประมาณ 3 ลิตร ใช้ใบชาปริมาตร 1 แก้วน้ำ
7 ใส่ใบมะเดื่อลงไป ใส่ในถุงตาข่าย จะช่วยให้ไม่มีเศษใบเวลาดื่ม
8 ต้มให้เดือด จะได้สีประมาณในรูป ทดลองดื่ม ถ้าเข้มไป ให้ลดปริมาณใบมะเดื่อลงในรอบต่อไป
9 สามารถใช้ต้มได้อีก 2-3 รอบ เพื่อการประหยัด


ใบตากแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ เทน้ำร้อน 1 ถ้วย
ดื่มทุกเช้ากับอาหารเช้าก็ได้








ประโยชน์ต่อสุขภาพของมะเดื่อ


จัดเป็นผลไม้ที่บริโภคเป็นอาหารและยา
มะเดื่อฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กสูงมาก
ทั้งยังมีวิตามินและเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
เป็นผลไม้ที่ถูกจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกของผลไม้ที่มีประโยชน์ในโลก

- มีแคลเซียม เหล็ก และฟอสฟอรัสสูง บำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน
ช่วยเสริมสร้างซ่อมแซมและเพิ่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ
ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กระดูกเยอะกว่าแคลเซียมนมสด1แก้ว
- เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง
- มีวิตามินเอ บี 1 บี2 วิตามินซี ต่อต้านอนุมูลอิสระ
ป้องกันโรค มะเร็งต่างๆ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
ยับยั้งเซลล์มะเร็ง
- ดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด
ใบมะเดื่อช่วยลดอินซูลินในการฉีด
อุดมด้วยโปแตสเซียมที่ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด
- มีคอเลสเตอรอลและไขมันน้อย
ปรับความดันโลหิต ป้องกันความดันโลหิตสูง จึงไม่มีปัญหากับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ป้องกันตับแข็ง โรคตับ จึงรับประทานได้
- ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ลดการเสี่ยงโรคหัวใจ
- ช่วยชะลอความชราการเกิดริ้วรอย ลดรอยเหี่ยวย่นทำให้อ่อนวัยลง
- ช่วยฟอกตับและม้าม
- ช่วยปันกันโรคโลหิตจาง เนื่องจากมีธาตุเหล็กและโฟเลตสูง
- ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
- มีโปรตีน เอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหาร ย่อยเนื้อสัตว์ได้ดี
และสมานแผลใน ปาก
- ช่วยสร้างสมดุลของกรดด่างในร่างกาย
- ป้องกันท้องผูก มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ มีใยอาหารสูงมากกว่าผักและผลไม้ใดๆ
ช่วยในระบบขับถ่าย กำจัดของเสีย ออกจากร่างกาย -บรรเทาอาการเจ็บคอ
- เป็นยาขับปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- ป้องกันโรคนิ่วในไต
- ช่วยรักษาหอบหืด โรคปอด เจือจางเสมหะ
- ป้องกันริดสีดวงทวาร
- ช่วยเสริมสร้างพลังทางเพศ บรรเทาอาการของโรคกามโรค














 



Create Date : 18 เมษายน 2561
Last Update : 23 กันยายน 2562 11:41:48 น. 0 comments
Counter : 7043 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณVELEZ


ใจรัก Jairuk Channel
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 91 คน [?]








ติดตามดูต่อที่YouTube

ใจรักJairukChannel



ติดตามดูต่อที่Facebook

ใจรักJairukChannel



แนะนำให้ชม

บัวหิมะ
บัวหิมะ
วิธีเลี้ยงบัวหิมะ
เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน
บั้งไฟพญานาคที่ไปดูมา
ติดอันดับTOP Page Views
อาหารและการดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยมะเร็งและคนทั่วไป
เที่ยวขอนแก่น
Michael Jackson
คอนเสิร์ตบอย Peacemaker
คลิปเจ้าขุน
การกลับมาของX Japan

ท่องเที่ยว

UFOที่เคยเห็น
บั้งไฟพญานาคที่ไปดูมา
หาดใหญ่และปัตตานี
ไข่มุกอันดามัน
อะ พีพี
เกนติ้ง
กัวลาลัมเปอร์
หาลิงเข้าถ้ำทะเลภูเขาเลยจ้า นอนดูหมอกที่ปราจีนบุรี
เที่ยวปราจีนบุรีต่อ
เลยจะถึงไหมละนี่
พักค้างแรมที่เลย
เลยจนเกือบถึงลาว
ขุดกรุเขื่อนป่าสัก
บึงแก่นนคร ขอนแก่น
พระธาตุขามแก่น
เดินทางไปลพบุรี
กินข้าวอิงภูชัยภูมิ
ลาว เวียงจันทร์
ลาว2
ปิดทริปเที่ยวลาว
ล่องเรือเจ้าพระยา
รถไฟลอยฟ้า ฟ้า ไทย
รถไฟใต้ดินไทย
ทะเลน้ำจืดหาดวังโกขอนแก่น บ้านปราสาทโคราช
วังน้ำเขียวโคราช
ชอปปิ้งหนองคาย
ตัวเมืองขอนแก่น
น้ำผุดทับลาว ชัยภูมิ
สนามหลวง2
ไปดูงานศิลป
สายน้ำกับปลาที่ไปปล่อย
งานExpro
เขื่อนอุบลรัตน์
เที่ยวป่าวัดพรไพรวัลย์
ล่องแพอ่างเก็บน้ำห้วยไร่
ทะเลหมอกภูพานน้อย
วัดเจดีย์ชัยมงคล
ครั้งหนึ่งที่เคยโบกรถ
น้ำหนาว,เพชรบูรณ์
พระพุทธชินราช,พระธาตุลำปางหลวง
น้ำพุร้อน,วัดร่องขุ่น
มหาลัยแม่ฟ้าหลวง,น้ำตกก้างปลา
เวียงแก่น,ภูชี้ฟ้า
ดอยแม่สลอง
อุทยานฯขุนแจ
สวนโลกราชพฤกษ์
วัดเจดีย์7ยอด,วัดเจดีย์หลวง
ดอยสุเทพ,ทุ่งสแลงหลวง
โครงการครูบ้านนอก
วัดหลวงพ่อโตใหญ่ที่สุดในโลก
ที่พักปากช่อง
เลย-ลาว-ท่าลี่
ถึงระยองแล้วจ้า
ทะเลตอนเช้า
งานเที่ยวภาคใต้






Friends' blogs
[Add ใจรัก Jairuk Channel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.