แคเป็นไม้พื้นบ้านชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมบริโภคเป็นผักสด หรือนำมาประกอบอาหารอื่นๆ โดยเฉพาะส่วนของดอกและยอดอ่อน

สารอาหารที่พบในดอกแค ได้แก่ โปรตีน เส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินA (สูงมาก) เบต้าแคโรทีน วิตามิน B1 วิตามินB2 ไนอาซีนและวิตามิน C ยอดแคมีสารอาหารมากกว่าดอกแค ส่วนเปลือกต้นแคจะพบสาร tannin ไตรเทอร์ปีนอยด์ ซาโปนิน และกรดอะมิโน ชื่อ คานาวานีน

❤ ❤ ลั ก ษ ณ ะ

เหมือนดอกถั่ว มีปริมาณโปรตีนร้อยละ 1.22 เปลือกต้นแคมีรสฝาด จากสาร tannin เมื่อนำมาต้มเอาน้ำรับทานจะช่วยแก้อาการท้องเสียได้ โดยใช้เปลือกต้นแคปิ้งไฟ 1 ส่วน ต้มกับน้ำหรือน้ำปูนใส 10 ส่วน ดื่มครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ

จะเห็นว่าแคเป็นพืชที่ใช้เป็นทั้งอาหารและยารักษาโรค อีกทั้งราคาถูก ปลูกง่ายและโตเร็วเหมาะที่จะปลูกไว้ใช้ประโยชน์ในบ้าน


❤ ❤ก า ร ป ลู ก แ ล ะ ก า ร บำ รุ ง รั ก ษ า


แคเป็นพืชอายุหลายปีมีทั้งดอกสีขาวและสีแดง สามารถขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด แต่ชอบดินร่วนมีความอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี

การปลูกใช้ระยะปลูก 1x1.5 เมตร หลังปลูกรดน้ำสม่ำเสมอการใช้ปุ๋ย แคที่ปลูกเพื่อเอาดอกจะให้ปุ๋ยเคมีที่มีสัดส่วนของธาตุฟอสฟอรัส มากกว่าไนโตรเจน และโปแตสเซียม เช่น 13-27-13 หรือ 16-24-12 โดยใส่ในอัตราส่วน 50 - 150 ก.ก. ต่อไร่ ขึ้นกับความอุดมสมบูรณ์ของดินแต่ละแห่ง

การใส่ปุ๋ยแบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรกใส่รองพื้นขณะเตรียมดินและครั้งที่สองใช้แบบโรยข้างต้นเมื่ออายุได้ประมาณ 30 วัน เมื่อแคเจริญเติบโตที่แล้ว จะเริ่มออกดอก การเก็บเกี่ยวจะเก็บตั้งแต่ดอกยังไม่บาน

❤ ❤ ก า ร ข ย า ย พั น ธุ์

นิยมใช้เมล็ด โดยหยอดเมล็ดในหลุมๆละ 3 - 5 เมล็ด หลังจากงอกแล้วถอนให้เหลือหลุมละ 1 ต้น


❤ ❤ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก //chachoengsao.doae.go.th