YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~

::::: เรื่องราวในอินเดีย 10 ... ตอน กุณฑาลินี ตันตระ และหฐโยคะ (บนโต๊ะอาหาร) :::::

ผมไม่รู้ว่านอกอินเดียนอกสอนกุณฑาลินีโยคะอย่างไร
เพราะฉะนั้นผมจะไม่พูดถึง สิ่งที่เขาสอนกันนอกอินเดีย
ส่วนตันตระโยคะนั้น พวกคุณหลายคนคงมีความรู้สึกแย่ๆ กับคำคำนี้
วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องนี้กัน กันดาร์กล่าวขึ้นในตอนเริ่มต้นคลาส

จริงๆ แล้วทั้งกุณฑาลินีโยคะ หฐโยคะ และตันตระโยคะ นั้นเชื่อมโยงกันอยู่
ทั้งสามพูดถึงการตื่นขึ้นของกุณฑาลินี เพียงแต่ในวิธีที่ต่างกัน
และหฐโยคะอันเป็นที่มาของอาสนะที่เราฝึกๆ กันทุกวันนี้
ก็มีรากฐานมาจากตันตระโยคะด้วย

หา!! ตันตระโยคะเนี่ยนะ ไอ้วิธีพิสดารๆ ทั้งหลายที่เราเคยได้ยินได้ฟังมาเนี่ยนะ

จริงๆ แล้ว ตันตระนั้นกว้างมาก และมีมาตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาลเสียอีก
มันมีทั้งตันตระแบบปลอดภัยคนธรรมดารับได้ ซึ่งบรรลุช้า แต่ได้ผลชัวร์
ซึ่งหฐโยคะก็มีรากฐานมาจากตันตระสายนี้
กับตันตระแบบแผลงๆ พิสดาร อันตราย ได้ผลไม่แน่นอน แต่ถ้าได้ก็เร็วมาก

โดยรวมๆ ตันตระเป็นการฝึกฝนตนเอง
เพื่อให้จิตนั้นกว้างออก และพลังปรานนั้นเป็นอิสระ
(expansion of mind, consciousness และ liberation of pranic energy)
เขาจะใช้จิตใจเราเป็นเครื่องมือในการบรรลุ
เราทุกคนมีอารมณ์ความรู้สึก ตัวอย่างในที่นี้ คือ ความกลัว
แต่จิตใจเราก็มี positive energy ที่จะจัดการกับความกลัวนั้น
เช่น ทุกคนกลัวงูเมื่อสองสามวันที่แล้ว กันดาร์ยกตัวอย่างขึ้น
(สองสามวันก่อนกันดาร์เตือนพวกเราว่าอย่าขึ้นไปบนภูเขาเพราะแถวนี้งูเยอะ)
เดินไปไหนก็ระแวงไปหมด แต่จนถึงตอนนี้เมื่อ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความกลัวก็น้อยลง
ทั้งนี้เพราะจิตใจเรามี positive energy ที่จะจัดการกับความกลัวนั้น
และเมื่อความกลัวเพิ่มสูงขึ้น positive energy นั้นก็จะเพิ่มตาม
ด้วยเหตุนี้ ตันตระประเภทหลังนี้จึงใช้ความรู้สึกนี้เป็นเครื่องมือ
โดยจะเร้าอารมณ์ความรู้สึกให้ขึ้นถึงขีดสุด
เขาเชื่อว่า ยิ่งร่างกายสบายเท่าไหร่ ระบบประสาทก็ยิ่งอ่อนแอ
การฝึกแบบตันตระนี้ คือการยืดภาวะของอารมณ์ความรู้สึกให้ขยายออก
คือกลัวเท่าที่จะกลัวได้ แล้วอยู่กับความกลัวนั้นให้ได้ ถ้าอยู่ไม่ได้ก็บ้าไปเลย
ซึ่งอาจจะเป็นความกลัว หรือความรู้สึกอื่นๆ เช่น อารมณ์ทางเพศด้วย
แล้วพยายามควบคุมมันด้วยจิตของเราให้ได้
นั่นคือ ทำให้ positive energy นี้สูงขึ้นตาม (expansion of mind, conciousness)
ซึ่งก็คือพลังปรานที่เพิ่มขึ้น และเป็นการตื่นขึ้นของกุณฑาลินีในที่สุด

ตัวอย่างสยองที่กันดาร์ยกมาคือ การฝึกกับศพ
นั่นคือลากศพเข้าไปในคืนเดือนมืด
แล้วท่องคาถาเรียกวิญญาณ (ตันตระเขาจะมีน่ะ)
แล้วพยายามตั้งจิตให้มั่นอยู่อย่างนั้น ถ้าได้ก็บรรลุ ถ้าไม่ได้ก็บ้าไปเลย
จริงๆ แล้วทางพุทธเราก็มีอะไรคล้ายๆ อย่างนี้เหมือนกันนี่เนอะ

มาพูดถึงกุณฑาลินีกันบ้าง เรื่องนี้สำคัญเพราะว่าเป็นรากฐานของโยคะที่เราฝึกกัน
มันคือพลังที่ฝังอยู่ลึกๆ ในร่างกายโดยที่เราไม่เคยรู้ ไม่เคยใช้
เขาจึงพูดว่ากุณฑาลินีนี้หลับใหลอยู่นั่นเอง

พลังนี้เป็นเช่นไร...
พลังนี้เป็น cosmic energy หรือพลังจักรวาล ซึ่งมีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้
มนุษย์เองก็มีพลัง (pranic life force) นี้อยู่
เขาว่ามันนอนอยู่ที่ก้นกบ (หรือจักระล่างสุด)
ถ้าสามารถทำให้พลังนี้ตื่นขึ้นมาได้ มนุษย์ก็จะมีศักยภาพอย่างเหลือล้น
กันดาร์บอกว่าบุคคลสำคัญต่างๆ ของโลก เช่น พระเยซู หรือพระพุทธเจ้า
ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่สามารถจะบรรลุถึงศักยภาพของมนุษย์ในลักษณะนี้ได้
ชีวิตมนุษย์ก็คือการเดินทาง … ของพลังนี้ จากล่างขึ้นบน (จักระล่างไปจักระบน)
เขาเชื่อว่าถ้าในชีวิตนี้ทำไม่สำเร็จ ก็ไปเกิดใหม่ แล้วเริ่มจากจักระอันที่ได้มาแล้วในชีวิตก่อน
ดังนั้น มนุษย์หลายคนที่มีความสามารถพิเศษตั้งแต่เกิด
ก็เกี่ยวพันกับระดับของจักระที่ผู้นั้นมีอยู่ในชีวิตที่แล้ว

ทำไมต้องล่างขึ้นบน … เพราะเมื่อขึ้นไปสู่จักระสูงสุดได้แล้ว
พลังนี้จะถูกปลดปล่อยออกไปรวมกับพลังจักรวาล
พลังกุณฑาลินีในร่างกายนี้ = ศักติ, ผู้หญิง, หยิน
พลังจักรวาลภายนอก = ศิวะ, ผู้ชาย, หยาง
ทั้งสองสิ่งทั้งตรงกันข้ามและส่งเสริมซึ่งกันและกัน
เมื่อมารวมกันแล้วก็จะเป็นสิ่งที่สมบูรณ์ เหมือนไฟฟ้าต่อครบวงจร
สามารถมีกำลังที่จะทำสิ่งต่างๆ ได้มากมาย
การรวมเป็นหนึ่งเดียวกันของพลังทั้งสองขั้วนี้
คืออีกหนึ่งความหมายที่สำคัญของโยคะ
(อันมีรากศัพท์จากคำว่า ยุจ ซึ่งแปลว่า รวม)

(คนอ่านเหนื่อยยัง วันนี้เล็กเชอร์ไปเลยเต็มๆ)

ส่วนหฐโยคะเกี่ยวอะไร...
ไว้ต่อคราวหน้า กลัวจะเบื่อเสียก่อน อิอิอิ

…..

เรียนเล็กเชอร์เสร็จ ลงมากินข้าวกลางวัน แต่อาหารยังไม่เสร็จทั้งๆ ที่เที่ยงครึ่งแล้ว
“หิวมากๆ" อาเนียบ่น "เมื่อเช้านี้กินข้าวไม่ลง"
“อ้าวเป็นอะไรล่ะ เมื่อเช้านี้ไม่ค่อยสบายเหรอ"
เพื่อนๆ ทุกคนเป็นห่วงเสียยกใหญ่
“เมื่อเช้า...” อาเนียบิดตัวเล็กน้อย "เอ่อ...นั่งโต๊ะเดียวกับเซอร์จิโอน่ะ"
อาเนียพูดถึงอาสาสมัครคนหนึ่งจากอเมริกาที่อยู่ที่นี่มาสองเดือนแล้ว
"แล้วไง" ไม่มีใครตามทัน ต่างมองหน้ากันด้วยความงง
“แล้วไง" ถามคำเดิมอีกครั้ง
“ก็เขามาจ้องหน้าฉัน แล้วเขาก็เป็นสเปคฉันเลย" อาเนียพูดเร็ว
“อ๊าาา...นี่อย่าบอกนะว่า... เธอชอบเขาน่ะ" เอเลนพูดขึ้น
ในขณะที่เรากับแร็กเคลขำกันเสียยกใหญ่
“นี่ฉันแย่แน่ๆ ถ้าเขามานั่งโต๊ะเดียวกับฉันบ่อยๆ น่ะ"
เอเลนกับแร็กเคลหยุดหัวเราะไม่ได้เอาเสียเลย

ด้วยความเป็นห่วงว่าเพื่อนจะไม่ได้กินข้าว แล้วไม่มีแรงเรียน เราเลยแนะนำ
“นี่อาเนีย เป็นโอกาสดีนะเนี่ย เธอจะได้ฝึกโยคะแม้กระทั่งตอนกินข้าว"
“อะไรยังไง" เพื่อนทั้งสามคนยังงง
“ก็ตอนกินข้าว เธอก็นั่ง 'ปลุกพลังกุณฑาลินี' ของเธอไปสิ"
เสียงฮาดังขึ้นรอบห้อง แร็กเคลเสริมขึ้น
"ใช่ๆๆ เธอต้องเอาชนะความ...เอ่อออ... ใจหวิวๆ นั่นให้ได้สิ"
เอเลนไม่ยอมแพ้ แนะนำบ้าง
"แล้วเธอก็ต้องปล่อยให้ความหวิวๆ นั่นขึ้นถึงขีดสุดด้วยนะ"
ถึงตอนนี้ไม่มีใครหยุดหัวเราะได้สักคน … เออหนอ ประยุกต์บทเรียนได้เข้ากับชีวิตเสียจริงๆ
เป๊งๆ! กระดิ่งกินข้าวดังขึ้นสองครั้ง (ในที่สุด)

“เอาล่ะ ได้เวลาฝึกปลุกพลังกุณฑาลินีแล้ว"

เอเลนพูดทิ้งท้าย....





 

Create Date : 14 ตุลาคม 2553
7 comments
Last Update : 14 ตุลาคม 2553 0:45:12 น.
Counter : 4279 Pageviews.

 

อรุณสวัสดิ์ครับน้องเสี้ยว

ที่อินเดียเค้าไม่ตีงู
เพระาเป็นสัตว์เทพ
งูเลยเยอะจริงๆนะครับ

เวลารถจอดข้างทางให้แวะทำธุระส่วนตัว
ไกด์อินเดียก็เตือนตลอดว่า
ให้ระวังงู
โดยเฉพาะงูเห่า 555

ส่วนตันตระ
หลังๆพี่ก๋าเห็นเค้านำมาใช้กับเรื่องของเซ็กส์ซะมากเลยนะครับ
คิดว่าเป็นความเข้าใจผิดของการตีความหมายครับ

ส่วนใหญ่เราไปติดกับภาพจากรูปปั้นในวิหารของชาวฮินดูน่ะครับ





 

โดย: กะว่าก๋า 14 ตุลาคม 2553 6:07:08 น.  

 

สวัสดีครับ ขอบคุณนะครับ

 

โดย: หน่อย - ตั้ม (tumauto ) 14 ตุลาคม 2553 6:32:48 น.  

 



 

โดย: หน่อยอิง 14 ตุลาคม 2553 7:15:41 น.  

 

เหรอคะ งูเยอะเหรอ งั้นงดทริปอินเดียเลยนะ

 

โดย: เชิญจุติ 14 ตุลาคม 2553 7:42:26 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ไม่กลัวงูแต่เห็นงูเยอะๆ แล้วสยองเลยค่ะ

 

โดย: อุ้มสี 14 ตุลาคม 2553 10:33:51 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับน้องเสี้ยว




 

โดย: กะว่าก๋า 15 ตุลาคม 2553 6:48:59 น.  

 

vสวัสดีค่ะคุณเสี้ยว แวะมาเที่ยวหากันหน่อยค่ะ สบายดีนะคะ มาอ่านบล็อกวันนี้เป็นอะไรที่เราแทบจะไม่เคยได้ศึกษาอ่านผ่านตาหรือรู้จักเรื่องราวมาก่อนหน้าเลยค่ะ แปลกดี จะว่าไปก็อยากฝึกโยคะเหมือนกัน เคยเล่นเมื่อนานมาแล้วแต่ไม่ได้จริงจังอะไรมาก กรุงเทพฯช่วงนี้ฝนตก รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

 

โดย: prunelle IP: 118.172.193.131 15 ตุลาคม 2553 7:30:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
14 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.