Dinner สุดหรูในท้องปลาวาฬ ที่ร้าน Whale's Belly
ชื่อร้าน : Whale's Belly
รายการอาหาร : Hokkaido Scallop & Fresh Gazpacho , Cold Cappellini with Crab and Mentaiko, 62 Celcius Degree Onsen Egg, Volcano Bluefin Tuna, Mile Pommes Confit
ที่ตั้งร้าน : โครงการ Boulevard สุขุมวิท 39, กรุงเทพมหานคร วัฒนา Thailand
พิกัด GPS : 13° 44' 17.13"N 100° 34' 11.55"E



มีโอกาสได้ไปลองมื้อค่ำที่ร้านwhale's belly มาค่ะ ก้าวแรกที่เดินเข้าร้านขอบอกว่าแอบยืนตะลึงในความหรูและสวยของร้านมาก


ไวน์มีให้เลือกหลายชนิด

ภายในร้านจะเน้นตกแต่งด้วยโทนสีเข้มไฟสลัวๆ โต๊ะถูกจัดไว้อย่างสวยงาม




มองขึ้นไปบนเพดานจะเห็นเป็นคลื่นๆคือท้องของปลาวาฬ ซึ่ง concept ร้านคือจำลอง เหตุการณ์ที่ pinocchio ติดอยู่ในท้องปลาวาฬค่ะ


ห้องนี้ชื่อว่า Pinocchio Secret Chamber จะเป็นห้อง vip หากใครต้องการห้องส่วนตัวต้องโทรแจ้งกับทางร้านก่อน


นี่ไง เจอแล้ว Pinocchio น่ารักจัง


ที่นั่งด้านในก็สวยไม่แพ้กัน




สร้อยคอของโรสในเรื่องไททานิค


บาร์เครื่องดื่ม


คำพูดบนหมอนช่างน่ารักจริงๆ


วันนี้เรามาทานแบบ 9course menu ราคา 1950++ / ต่อคนหากใครต้องการ wine pairing จ่ายเพิ่ม 1200 บาท/ ต่อคน เริ่มมาพนักงานนำ welcome drink มาให้น่าจะเป็น fruit punch สดชื่นเปรี้ยวๆ สีสวยดีค่ะ


ขนมปังcomplementary จากทางร้าน เนื้อนุ่มเหนียว ทานคู่กับตับไก่ และเนย เนยคุณภาพดีรสชาติและเนื้อละมุนมาก ชอบค่ะ


จานแรกคือChef's Amuse Bouche หรือ Creative Bite by Chef's style

starter วันนี้จะเป็นเนื้อเป็ดและทาร์ตผักผัดสไตล์ยุโรปโดยแต่ละวันเชฟจะเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ ตามชื่อที่ได้กล่าวไว้ว่าคำเล็กๆที่สร้างสรรค์ในสไตล์์ของเชฟ รสชาติจะออกแนวอ่อนๆทานง่าย ชอบอาหารยุโรปตรงที่ทำมาไซส์เล็กๆ ไม่เลี่ยน และมีดีเทลทำให้ก่อนทานรู้สึกตื่นเต้นว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร



ปกติจานที่2ทางร้านจะเสริฟเป็น Hokkaido Scallop & Fresh Gazpacho แต่วันที่ไป scallop หมด จึงเปลี่ยนเป็นเนื้อปูด้านบนเนื้อปูจัดเรียงด้วย caviar ที่เพิ่มความกรุบกรอบซอสสีเขียวทำจาก honeydew melon ตัวซอสจะใส่ส่วนผสมหลายอย่างซึ่งเป็นสูตรเฉพาะเชฟ ตัวซอสหอม รสหวานอ่อนๆ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยถนัด cold seafood โดยเฉพาะเมนูปูที่มีกลิ่นชัดเจนเราชอบทาน scallop มากกว่าจึงคิดว่าถ้าเป็น scallop น่าจะลงตัวกับ melon มากกว่าค่ะรสชาติของจานนี้จะเบาๆ สดชื่น เริ่มมื้อได้เป็นอย่างดี โดย 9 course menu จะเป็นการทานอาหารจากเบาไปหนักเพื่อให้ทานอาหารได้อย่าง smooth ค่ะ


โดยปกติการจิบ Wineไปพร้อมกับการทานอาหารจะช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารได้เป็นอย่างดีเพราะฉะนั้นการจับคู่ไวน์กับอาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญ จานนี้ทานคู่กับ SparklingWine (ไม่รวมอยู่ใน set) ตัว Sparkling Wine จะเป็นแบบไม่หวานขมนิดๆค่ะ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยดื่มแอลกอฮอร์ จึงขอจิบพอเป็นพิธีค่ะ


VolcanoBluefin Tuna

Bluefin Tuna/Avocado, Miso/ Orange/ Lime

ชอบ presentation มากค่ะโดยเชฟแต่งจานมาให้เหมือนชื่อคือ ภูเขาไฟ จานนี้จะมีดีเทลเยอะทางร้านแจ้งว่าใช้ปลาทูน่าพันธุ์ Bluefin สดๆหั่นเป็นชิ้นเล็กๆวางบนอโวคาโด ด้านบนเป็นโฟม Honey Lemon ใช้วิธีทำแบบMolecular โรยด้วยผิวมะนาวเขียว ซอสสีส้มที่ใช้ราดจะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นโดยเน้นส่วนผสมของญี่ปุ่นเป็นหลัก เช่น Miso และ สาเกและเพิ่มน้ำส้มเข้าไป จึงทำให้ตัวซอสมีรส เปรี้ยว เค็ม หวานนิดๆส่วนตัวคิดว่าด้วยส่วนผสมของปลาทูน่าดิบ อโวคาโดและโฟมจานนี้จึงทำให้รสสัมผัสนุ่มละมุน ซอสกลมกล่อม รู้สึกสดชื่นจากรสและกลิ่นของมะนาวคิดไม่ถึงว่า miso จะเข้ากันได้ดีกับ lemon และน้ำส้ม เป็นรสชาติที่แปลกใหม่แต่ลงตัวมากค่ะ


62 CelciusDegree Onsen Egg

1.5 hoursSous-vide egg, shiitake, bacon, Fleur de France

ไข่ที่ถูกนำไปSous-vide ให้เนื้อสัมผัสแบบครีมมี่ไข่แดงจะไม่เหลวแบบไข่ลวกปกติและจะไม่สุกแข็ง 


กลิ่นหอมๆของเบคอนและสาหร่ายย่างและรสชาติที่มีเอกลักษณ์ของเห็ด shiitake ทานคู่กับซอส whitewine ให้รสชาติที่กลมกล่อมและครีมมี่ กลิ่นและรสทำออกมาได้ดีทานง่าย หลายๆคนน่าจะชอบค่ะ


ColdCappellini with Crab and Mentaiko (ราคา 390ไม่รวมอยู่ใน set)

Blue CrabMeat, little spicy mentaiko, white truffle oil, Yuzu Vinaigrette

จะเป็นcold pasta ที่ใช้เส้น angel hair ใส่เนื้อปู ด้านบน topด้วย ไข่ปลา mentaiko หมักที่ออกรสเผ็ดนิดๆคลุกกับซอสที่มีส่วนผสมของ truffle oil ทำให้กลิ่นหอมมากค่ะรสชาติอ่อนๆ เผ็ดนิดๆ เป็นเมนูเบาๆ ไม่หนักไม่เลี่ยนค่ะ


Mc'n CheeseDuo of Ravioli

Herbs Chickenand Fresh cheese, Espagnole, Pamesan Cheese

จานนี้เป็นsignature ของทางร้านตัวแป้งเป็นแบบ homemade ใช้วิธีการห่อด้วยเทคนิคพิเศษของเชฟโดยหนึ่งชิ้นจะมีสองไส้คือไส้ไก่สมุนไพร และ ชีสสด ทานคู่กับซอสสองชนิดสีน้ำตาลจะเป็น Espagnole และสีขาวจะเป็นPamesan Cheese เวลาทานทางร้านแนะนำให้ทานทั้งสองไส้พร้อมกันทีเดียวจะให้รสชาติลงตัวกว่าจานนี้จะออก cheesy และ creamy เพิ่มระดับความหนักของรสชาติกว่าจานก่อนส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นรสชาติที่ทานง่าย อร่อยมาตรฐาน แต่ยังไม่แปลกใหม่เท่าไหร่นักเลยไม่ค่อยอินกับจานนี้ค่ะ


เบรคคั่นมื้อด้วยRefresher ที่ประกอบไปด้วยgua jelly, dragon fruit granita, froth

รสชาติเปรี้ยวๆอ่อนๆ ของผลไม้และกลิ่นของใบมินท์ ทำให้รู้สึกสดชื่นพร้อมที่จะไปต่อจานที่หนักขึ้นแล้วค่ะ


Slow BraiseWagyu Beef Cheek

Black garlic,Radish, Pommes, Cognac

เป็นการนำเนื้อส่วนแก้มของวากิวไปตุ๋นกับไวน์แดงเป็นเวลา 36 ชั่วโมง เสริฟคู่กับ ถั่ว หัวไช้เท้าดอง มันฝรั่งทานคู่กับซอสพริกไทยดำที่ sous-vide กับนมให้กลิ่นหอมและละมุนและเผ็ดน้อยกว่ากว่าซอสพริกไทยดำปกติ


ส่วนตัวไม่ทานเนื้อจึงให้เพื่อนชิม เพื่อนบอกว่า เนื้อนุ่มมากค่ะแต่เราแอบชิมถั่วและมันฝรั่งบด ถั่วกรอบ ข้างในกัดไปยังมีความชุ่มของน้ำ หวานมากๆส่วนมันฝรั่งบดทำมาได้เนื้อเนียนมาก แต่เค็มไปนิดนึงค่ะ


Mile PommesConfit

Granny Smith,rosemary crumble, rasberry, madagascar vanila ice cream

แอ๊บเปิ้ลเขียวนำไปตุ๋นกับน้ำผึ้งและชินนาบอนทานคู่กับไอศกรีมวนิลาจาก madagascarรสชาติจะไม่หวานมาก จานนี้จะออกเปรี้ยวปะแล่มๆหวานนิดๆไม่หนักเกินไปสำหรับขนมหวานหลังมื้ออาหาร จานนี้ทำได้ดีค่ะ



จบท้ายมื้อด้วยMocca with Marsh Mellow ก็เป็นอันเสร็จสิ้นของการทานอาหาร 9 course menu ในบรรยากาศสุดหรูของค่ำคืนนี้


ส่วนตัวแล้วประทับใจในสถานที่มากๆ ทางร้านตกแต่งได้หรู ใส่ใจในดีเทล แต่ไม่ให้ความรู้สึกอึดอัดแบบร้าน fine dining ที่ต้องใส่ชุดราตรีไปทานเข้ากับ lifestlye คนเมืองสมัยใหม่ที่กำลังมองหาร้านอาหารกึ่ง fine dine กึ่ง casual และเน้นอาหารคุณภาพดี บริการดี และเป็นส่วนตัวหรือหากใครกำลังมองหาร้านสำหรับโอกาสพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคุยธุรกิจพาคนรู้ใจมาสวีทหรือเดท ร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีค่ะ




Create Date : 23 ตุลาคม 2556
Last Update : 16 กันยายน 2557 15:43:56 น.
Counter : 3364 Pageviews.

2 comments
  


สวัสดีวันฮาโลวีนนะคะ อาหารน่ากินและบรรยากาศดีมากเลย ชอบโทนสีกับ Pinocchio จังน่ารักดี ส่วนตัวอยากลองhoursSous-vide egg, shiitake, bacon, Fleur de France กับ Mocca with Marsh Mellow จังค่ะ
โดย: Lagata Novella วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:14:54:18 น.
  
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ
โดย: Eat Lek Lek วันที่: 2 พฤศจิกายน 2556 เวลา:18:35:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Eat Lek Lek
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]



หลงใหลในการถ่ายรูปของอาหาร ชอบชิม ชอบลองอาหารใหม่ๆ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนะคะ ทำสนุกๆ หวังว่ารีวิวที่นำมาแบ่งปันจะเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายๆคน
New Comments
ตุลาคม 2556

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
16
17
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog