กรกฏาคม 2553

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
เจ้าชายหิ่งห้อยกับเจ้าหญิงเเสงจันทร์ บทที่ 4



เช้าวันใหม่ เสียงฝีเท้าวิ่งลงบันไดเหล็กดังถี่รัว เรียกชาวชุมชนที่กำลังทำภารกิจส่วนตัวบางนุ่มกระโจมอกอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันอยู่กลางลานให้แหงนขึ้นไปบนบันไดหนีไฟ อันเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นทางขึ้นเฉพาะของ‘เชฟเฮาส์’ของคู่ป้าหลาน ไม่กี่อึดใจ ที่ร่างปราดเปรียวคล่องแคล่วซอยเท้าถี่ยิกผ่านลูกกะไดสุดท้ายลงมาถึงพื้น สายตากับรอยยิ้มขันๆของทุกคนก็เกิดขึ้น

ทักซิโด้สีน้ำตาล ผูกหูกระต่ายสีขาว กางเกงที่สวมใส่สีดำรับกับรองเท้าหนังเป็นเงาวับ ในสายตาของคนที่มองมา มันช่างแตกต่างกันเหลือเกินกับฉากหลังที่เขายืนอยู่ ตึกสีสนิมกับรอยคราบน้ำฝนสีกระดำกระด้าง ตามระเบียงมีแต่ราวตากผ้าห้อยเป็นระย้า คล้ายธงทิวประดับอาคาร ผู้คนที่ปรากฏตัวออกมาเบียดกันเดิน เสียงดังจอแจ กับเช้าวันใหม่เพื่อตื่นขึ้นมาสู้ชีวิต เป็นเหมือนทุกๆวันและทุกคน

แต่ไม่มีใครเลยจะเหมือนหนุ่มน้อยคนนี้สักคน

“ไง พ่อบุญส่งแต่งตัวหล่อ หรูเริดตามเคยนะเรา”

เสียงทักดังมา ตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ เมื่อหันขวับไปดู เป็นคุณป้าคนหนึ่งกับจักรเย็บผ้า หน้าห้องเช่าติดกับบันไดหนีไฟนี่เอง ห้องแรกเมื่อชายหนุ่มลงมาถึง แกทักมาพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ในรูปลักษณ์เต็มยศที่ผู้ชายคนหนึ่งจะแต่งได้

“มันเป็นยูนิฟอร์มคนส่งดอกไม้ของทางร้านครับคุณป้าเอ๊ย คุณพี่ครับ”

“แหม…”หญิงสูงวัยร่างอ้วนต้องยิ้มจนแก้มปริ กับวาจาช่างประจบเอาใจ“ช่างปากหวานชะจริ๊งนะเราน่ะ หลอกคนแก่ให้หลงดีใจได้ทุกวันเลยนะ”ชะเง้อคอข้ามจักรและขยับแว่นกรอบหนา มองดูเนื้อผ้าเป็นมันระยับ ที่ชายหนุ่มร่างบางสวมใส่ ซึ่งคนที่คลุกคลีกับผ้ามามากอย่างแก บอกได้ว่าชุดนี้ราคาแพงมาก พอเลื่อนแว่นมองดูใบหน้าคนพูดแล้ว ได้แต่อมยิ้ม‘เจ้าชายน้อยในดงสลัม’แกบอกกับตนเองในใจ

“วันนี้ผมแต่งตัวใช้ได้ใช่ไหมครับ เอะผมทำหลุดตรงไหนหรือเปล่าครับ”พูดไปอย่างเกิดความไม่มั่นใจ เมื่อป้ามองมาเงียบๆ รีบหมุนตัวตรวจดูเสื้อผ้าหน้าผมว่าเรียบร้อยดีไหม เพราะตื่นสาย ความเร่งรีบแต่งตัวทำให้ผูกหูกระต่ายเบี้ยว ป้านักซ่อมผ้า ได้แต่อมยิ้มไปมองดูหนุ่มส่งดอกไม้โฉมงาม แล้วชี้นิ้วดิกๆไปที่คอ ให้รีบแก้ไข

“ขอบคุณครับที่บอก ผมนี้สะเพร่าทุกเช้าเลย เข้าร้านไปแบบนี้เจ๊ต้องว่าเอาแน่”รอยยิ้มเกิดขึ้นได้ง่ายเสมอบนวงหน้าสดใส ดวงตาโตมีประกายใต้เส้นผมดำคลับ เรือนผมไม่ได้แต่งทรงมากนัก แต่ก็เข้ากับรูปหน้าซึ่งเวลานี้มีแต่ความเขินเมื่อถูกจ้องมอง ที่ป้าแกแอบนึกนิยมชมชอบยิ่งนัก

“ตื่นสายนะพ่อบุญส่ง”ใช้เท้าเหยียบแป้นไป กระสวยด้ายหมุนปล่อยด้ายเข้าเข็มจักร“เมื่อคืนไปเกี้ยวสาวจนดึกมาสิท่า ป้าอยู่ตรงนี้เห็นเข้ามาจนเกือบเที่ยง ตั้งแต่สึกออกมาเป็นทิดใหม่ ไหงกลายเป็นคนเจ้าชู้ขึ้นทุกวัน ถ้าป้ายังสาวอยู่ละก้อ มีหวังต้องเสร็จพ่อบุญส่งไปอีกคนแน่”

“มะไม่ใช่นะครับ”อ้าปากเหวอ รีบมือปัดเป็นระวิงด้วยนิสัยซื่อ“ผมยังหาแฟนให้ตัวเองยังไม่ได้เลยครับ”เพราะมันไม่เป็นความจริงเลย เมื่อคืนเขาไปหา ญาริน เพื่อนเก่าที่ทำงานอยู่ร้านสะดวกซื้อ พูดไปพูดมาเอาอีท่าไหนโดนเธอด่าไล่หลังมาอีก ความไม่เอาไหนของเขา มีมากจนไม่กล้าบอกใครต่างหาก หนุ่มนักส่งความสุขด้วยดอกไม้ต้องหน้าเศร้าละห้อย ตอบกลับไป“แล้วผมจะเจ้าชู้ได้ไง”

คุณป้าหน้าตูม เส้นผมติดโรลดัดผม คอกับหน้าอกโบ๊ะแป้งเย็นกลิ่นหอมฟุ้ง แกหยุดมือมาเอียงหน้าทำตาเล็กตาน้อยเข้าใส่ อย่างไม่เชื่อน้ำหน้า ทำเสียงฮือ..ในลำคอเหมือนเคือง“เราเลือกมากเองหรือเปล่าพ่อมาลัยลอยวน”

สำนวนป้าเก่าจังบุญส่งคิด “อะเออไม่ใช่นะครับ ไม่มีผู้หญิงที่ไหนเขาเลือกผมต่างหาก ก็ผมมันคนตัวเล็กไม่สูงเหมือนใครเขานี่ครับ” พูดมาหน้าซื่อตาใส ทำท่ามือชูขึ้นแล้วโดดเหยงๆ วัดความสูงของผู้หญิงคนนั้นให้ดู“ขนาดเพื่อนผู้หญิงของผม เธอยังติผมมาประจำเลยว่าผมมันคนไม่รู้จักโต”

“โอ้ย ไม่ต้องเปิดเผยมาหมดก็ได้พ่อหนุ่มน้อย”ป้าแกประทับใจบุญส่งก็เพราะความใสซื่อนี่แหละ

ก็พอดีมีเสียงดังจากในห้อง ข้างหลังของป้าเอง จากพอได้ยินกลายเป็นดังโครมคราม ฟังเหมือนเสียงผู้หญิงกับเด็กวิ่งไล่กัน พอประตูเปิดแอ้ด..เป็นเด็กหญิงตัวน้อย ในชุดนักเรียนประถม โผล่ออกมาจากห้อง พอเห็นบุญส่งยืนคุยอยู่กับยาย ก็ตาแป๋ว รีบโผเข้ามากอดเอวร้องกรี๊ดๆกับขวัญใจของเด็กทุกคนในซอย

“โทษทีบุญส่งช่วยจับเด็กด้วย!”แม่ของเด็กโผล่ตามออกมา อย่างกระวีกระวาด ในมือหนึ่งถือเป้เล็กๆ ปรี่เข้ามาคว้าแขนเด็กเอาไว้ เด็กหญิงวัยกำลังเข้าโรงเรียน แต่เวลานี้เข้าเกาะขาบุญส่งแน่น ส่งเสียงกรี๊ดอีกแต่คราวนี้เป็นเพราะไม่พอใจ แม่เด็กต้องทำเสียงเอะ!ลากยาวเอ็ดใส่อีก กลายเป็นทะเลาะกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว เพียงเท่านี้ก็พอจะเดาความวุ่นวายได้ว่า เด็กไม่ยอมไปโรงเรียน

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับคุณ หรือน้องเค้าไม่ยอมไปโรงเรียน?”ใบหน้าอันเปลี่ยนมาเป็นเรียบนิ่งของเขา ทำเอาคนเป็นแม่ลดลาลง เห็นไม้เรียวในมือของเธอ และก้มมองตาแป๋วใสๆของเด็กที่วนไปหลบเกาะขาด้านหลังของเขา“ใจเย็นครับอย่าตีน้องเค้าเลย”

“ก็ไม่อยากตีหรอกบุญส่งแต่เด็กนี่ดื้อจริงๆ”กระหืดกระหอบชี้ไม้เรียวมา เด็กหลบวูบ“เกเรมาตั้งแต่เช้าแล้ว ขว้างปาข้าวของ ร้ายเหลือเกิน กว่าจะจับอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ นี่ก็ไม่ยอมไปโรงเรียนท่าเดียว ฉันเหลืออดกับลูกคนนี้จริงๆงานการฉันไปสายประจำก็เพราะงี้แหละ”แม่ของเด็กเอ็ดดังอย่างไม่สนใจใครอื่นที่หันหน้ามา ห้องอยู่ติดกัน ทำให้ใครทำอะไรคนอื่นเป็นได้รับรู้หมด หล่อนอยู่ในชุดสาวโรงงาน และยังเป็นสาวอยู่ในวัยเดียวกันกับบุญส่ง ที่เป็นเช่นนี้เพราะหล่อนมีลูกตั้งแต่วัยรุ่น แต่ไม่มีพ่อเด็กมารับผิดชอบ ครอบครัวนี้จึงอยู่กันสามคน บุญส่งรู้จักเธอดี เพราะเรียนอยู่โรงเรียนวัดเดียวกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก

“ให้ผมกล่อมน้องเค้านะครับ”

“ก็ดีฉันเบื่อยัยเด็กนี้เต็มทนแล้ว”

น้ำเสียงทุ้มนุ่ม จากริมฝีปากเจือยิ้ม ของหนุ่มหน้าตาสะอาดหมดจด ขยับมาชิด แม่เด็กสะดุ้งเกือบประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้า เขาเพียงแบมือมาขอไม้เรียวจากนั้นจึงหักมันครึ่งท่อนต่อหน้าเด็ก จัดการยัดมันใส่อกเสื้อของตน แม่ลูกติดต้องแอบเอามืออังผิวหน้าร้อนผ่าว บุญส่งใจดีกับเด็กและคนแก่เช่นนี้เสมอ แต่กลับพวกหญิงสาวยังไม่เคยเห็นเลยว่าเขามีท่าทีสนใจใครเป็นพิเศษ

คุกเข่าลง มาสบตากับเด็กหญิงตัวน้อย หนุ่มหน้าตี๋ค่อยเลื่อนมือไปในอกเสื้ออีกครั้ง แล้วดึงเอาดอกกุหลาบสีเหลืองสวยสดออกมา จากไม้เรียวกลายเป็นดอกไม้ จนหนูน้อยเฮลั่นกับการเล่นมายากล รีบคว้าดอกไม้ไว้ทันทีเพราะมันสวยมากเกินอดใจไหว กลิ่นละมุนละไมจากกลีบเกสร ทำให้ใบหน้าเล็กๆยิ้มได้ทันที ชนิดที่คนเป็นแม่เป็นยายต้องเกาหัว แค่เอาของมาล่อเด็กก็สงบแล้ว เขาเพียงยื่นมือไปลูบหัวอย่างรักใคร่เอ็นดู

“ไปโรงเรียนกับแม่จ๋านะเด็กดี ถ้าไม่ซนไม่ดื้อกลับมาพี่บุญส่งจะเล่นมายา กลให้ดู กับมีของขวัญให้อีกนะ”เด็กน้อยเสียงเจื่อยแจ้ว มองพี่ชายชุดสวยเสกสรรกุหลาบให้ รบเร้าจะขอดูมายากลอีก พี่ชายนิ่วหน้าชูนิ้วก้อยไกวไปมาขอสัญญาเกี้ยวก้อยกันก่อน ยื่นจมูกไปหอมแก้มหนึ่งฟอด หนูน้อยก็เข้ากอดรวบคอ หอมตอบแล้วแลกหอมกันอีกที ชายหนุ่มในชุดชวนฝันของเด็กผู้หญิงทุกคน ลุกขึ้นมายิ้มเต็มหน้า ส่งตัวเด็กให้คนเป็นแม่พร้อมยื่นสิ่งหนึ่งมาด้วย

“ให้คุณครับ”จากไม้เรียวอีกท่อนกลายเป็นกุหลาบสีม่วง หล่อนเบิกตากว้างแปลกใจเล็กน้อย“ต้าย..บุญส่งเอามันมาจากตอนไหนเนี้ย ในอกเสื้อไม่น่าซ้อนดอกไม้ได้เลยนี่นาเล่นมายากลเก่งจัง” ก้มหน้าเอาจมูกแตะกลีบกุหลาบสูดกลิ่นอย่างชื่นใจ”สวยจัง หอมมากด้วย”เธอรับมาชมกลิ่นอย่างพิศวงนัยน์ตาเป็นประกาย

สองคนแม่ลูกอารมณ์ดีขึ้นทันตา บุญส่งโบกมือทำท่าบ๊ายบายส่งเด็กให้ไปโรงเรียน จนคนเป็นยาย ที่นั่งอยู่หลังจักร มองดูอยู่เงียบๆขยับแว่นเขม้นมองตามอย่างไม่เชื่อสายตา แม่วัยรุ่นกับลูก เดินจูงมือกันไปตามประสา เห็นมี ดอกกุหลาบติดมือไปด้วยทั้งสองคน แล้วคนแก่ก็หันมาตั้งสายตาคำถามให้

“อะโรมาเทอราฟีครับ หรือที่เรียกว่าการปรับแต่งอารมณ์และสมดุลของร่างกายด้วยกลิ่นหอมระเหย สองคนกำลังอยู่ในอารมณ์เครียดกันอยู่ผมจึงมอบดอกกุหลาบให้ไป”

“โอ้ย ป้าไม่รู้จักหรอกไอ้อะโรมงอะโรมาได้ยินแต่ว่ามันอยู่ในโรงนวดให้พวกฝรั่งมัน ในหอนี้มันมีนังหมอนวดอยู่สองสามคนเห็นมันคุยกันให้ป้าได้ยิน”

“มันก้อไม่เชิงอย่างนั้นหรอกครับป้า เฮ้อ..”พูดไปคนแก่ก็คงไม่เข้าใจ

ป้าก็แอบขำไปกับท่าทีเก้อๆของชายหนุ่ม แล้วก้มหน้ามือคอยหยิบคอยดันผ้าบนจักรเข้าเข็มปักรัวถี่ยิก สองตาในแว่นกรอบหนายังคงมุงานหนักเช่นเคย หนุ่มส่งดอกไม้นึกขึ้นได้ ล่วงเอากระจกส่วนตัวมาส่องดูหน้าดูผมอย่างห่วงหล่อ สองคนพูดจากันไป คุณป้านักช่างซ่อมผ้าประจำชุมชนแกนั่งอยู่หลังจักรเย็บตัวประจำที่เห็นแกนั่งอยู่ทุกวัน ส่วนลูกหลานต้องแยกย้ายไปทำงานและไปเรียนตั้งแต่เช้าตรู่ วันๆจึงไม่ค่อยได้พูดกับใคร เพราะมีกองผ้าเป็นพะเนินให้ต้องรีบสะสางตั้งแต่เช้าเช่นกัน จะมีช่วงผ่อนคลายบ้างก็คือการได้พูดจากับบุญส่ง ที่มักวนเวียนไปมาระหว่างร้านกับสวนกุหลาบลอยฟ้าของเขาข้างบนตึก และจะทักทายพูดจาให้คนแก่ดีใจเสมอ

หยุดมอเตอร์ จับกรรไกรตัดเส้นด้ายแล้วค่อยหันมาส่งยิ้มพูดด้วยต่อ

“ทิดสึกใหม่ก็แบบนี้แหละ ป้าจำได้ว่าเมื่อสามเดือนก่อนเรายังหัวโล้นเลี่ยน ขนคิ้วไม่มีน่าเกลียดน่าชังจะตาย ผู้หญิงก็เลยยังไม่เข้าหาแต่ตอนนี้ผมยาวดกดำหล่อแล้ว ถ้าออกลายกางเขี้ยวกางเล็บเป็นละก้อ ขี้คร้านจะตะปบไม่เลือก ป้ารับงานเป็นหมอดูพยากรณ์ไปด้วยอีกอย่างนะ ใครในหอนี้มาดูหมอกับป้าทั้งนั้นแหละแล้วป้าก็เคยทำนายดวงของบุญส่งด้วยนะ บุญส่งมีดวงผู้หญิงมาพัวพันมากกว่าหนึ่งคน”

ฟังคำแอบทำนายแล้วต้องสะดุ้งโหยง รีบคืนกระจกกับห่อกระดาษซับมันเข้ากระเป๋าเสื้อ

“มะไม่เอาละครับ คุณป้าทำนายอะไรก็ไม่รู้”ตัดบทจะรีบจ้ำอ้าวไป เมื่อเห็นแกเปิดลิ้นชักเอาไพ่ทาโร่ออกมาจะทำนายให้ดูอีกครั้ง คนแก่ต้องหัวคิ้วย่นเพราะกะจะทำนายให้จริงๆ“ทำไมล่ะ ป้าทำนายแม่นนะไม่คิดสตางค์ด้วย มาอยู่ทำให้ป้าทำนายก่อนจะรีบไปไหน”

“ผมคงต้องขอตัวไปทำงานก่อนนะคร้าบ...”เห็นหลังไวๆลงบันไดเพียงสองสามขั้นสู่พื้นลาน จากไปอย่างเร็วจี๋ เพราะเมื่อสามเดือนก่อนป้าหมอดูเคยทำนายว่า เขาจะได้พบกับคนสำคัญ นั่นก็คือ‘ญาดา’และเมื่อวานก็ได้พบแล้วแม่นดังว่า แต่ตอนนี้ไม่อยากฟังอีกแล้ว เพราะกลัวจะเป็นข่าวร้ายมากกว่า ญาดา หญิงอันเป็นที่รักยิ่งของเขา กำลังป่วยด้วยโรคร้าย นี่คือสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาเหลือเกิน

ใต้ร่มตึกของอาคารพาณิชย์สูงตระหง่าน อันคั้นชุมชนจากถนนใหญ่และโลกภายนอก มีตึกแถวให้เช่าซุกตัวอยู่ ต่ำลงไปเหมือนกล่องกระดาษวางอย่างระเกะระกะ มันคือร้านรวงขายสินค้าหลากบริการของชาวชุมชน จากลานคอนกรีตหน้าตัวตึก ที่ชายหนุ่มในชุดสุดหรูก้าวเท้าเดินผ่าน ต้องเจอกับแอ่งน้ำคลำและดินโคลนแฉะๆจากรอยล้อรถ ต้องคอยระวังพวกมอเตอร์ไซด์ที่จะสลัดโคลนเข้าใส่ ผ่านหน้าร้านหนึ่งมีโต๊ะสนุ๊กเกอร์อยู่เต็ม มีกลุ่มวัยรุ่นจอแจกันอยู่ เมื่อหนุ่มทักซิโด้เดินผ่านเสียงแซวก็เกิดขึ้นทันใด

“มาดวลสนุกเกอร์กันซักเฟรมหน่อยเป็นงายรูปหล่อ”ชายวัยรุ่นพับแขนเสื้อโชว์ลายสัก มือยังคาไม้คิว แซวข้ามมาจากอีกคูหาหนึ่ง ก่อนจะยิงลูกขาวไปกระแทกลูกแดงดังโพละ“ช่ายๆ แต่งตัวยังกะนักสนุ๊กเกอร์อาชีพ อีแบบนี้ต้องมาดวลกันซักเฟรมหน่อยเป็นงาย”คู่ดวลหุ่นล่ำบึกตัวดำปี๋ยืนถือไม้คิวรอ มือหนึ่งเกายอดอกเผยรอยสักรูปเสือเผ่น ฉีกยิ้มกึ่งแสยะมาให้ สองคนแซวมาเล่นๆมากกว่าจะคิดจริงจัง ตามประสาคุ้นเคยและเพราะบุญส่งไม่เคยมีพิษภัยกับใคร

“มะไม่ละครับ ผมยังต้องรีบไปส่งดอกไม้ให้ลูกค้าขาประจำก่อน ต้องขอตัวไปก่อนนะครับคุณพี่คุณน้าๆ”มิทันก้าวขาไปได้ไม่กี่ก้าว ตาก็ไปประสบกับหญิงสาววัยรุ่นนางหนึ่ง ยืนมิดเมี้ยนรออยู่หน้าร้านป่าท่องโก้ เธอคือลูกสาวแม่ค้าน้ำเต้าหู้ ที่บุญส่งคุ้นเคยอยู่ทุกวันนั้นเอง เสื้อยืดสีขาวทับด้วยเอี๊ยมผมสั้นแบบเรียบๆเค้าหน้ารูปไข่ ตาโตเป็นประกาย บ่งบอกว่าวันหน้าเธอจะสวยมากขึ้นกว่านี้แน่ สองมือถือถุงพลาสติกใบใหญ่ พอเห็นหนุ่มหน้าสวยน้ำเสียงหวานก็ปรากฏออกมาทันใด

“พี่บุญส่งจ๊ะ”

“อะไรเหรอมะลิ?”

“นี่จ๊ะ น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋”พูดพร้อมยื่นถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก้ตัวใหญ่ให้“เช้ามาไม่กินอะไรเลย มันไม่ดีนะต่อกระเพาะอาหารนะ” สองตากรอกซ้ายขวาเขินอายไม่กล้าสบ พอเบิกตากว้างชายหนุ่มก็เข้ามาชิดจนรีบยื่นส่งของให้ บุญส่งได้แต่เอออ้าค้างอยู่อย่างนั้น ก่อนคุณป้าคนเดิมจะรีบแซงมาหลังลูกกรง ร้านค้ากับตัวตึกห่างกันแค่ตะโกนหากันได้ยิน“รับไว้เถอะ!นังมะลิมันลุกมาทำปาท่องโก้สูตรพิเศษตั้งแต่ตีสี่แล้ว ไปหว่านเสน่ห์ลูกสาวเขาไปทั่ว ยังไงก็ต้องรับผิดชอบลูกสาวเขานะ”

“งั้นเหรอ?”หันกลับมามียิ้มพรายให้หญิงสาว“มะลิช่างดีกับผมจัง”

“ลิทำปาท่องโก้ตั้งหลายตัวแต่ที่สวยที่สุดมีเท่านี้จ๊ะบุญส่งอย่าลืมกินมันนะ”

หนุ่มหน้าขาวปากแดงยังคงยิ้มเต็มหน้ารับของมาแลัวต้องทำตาโตเมื่อเห็นของข้างใน

“หือม์”คิ้วเข้มได้รูปคดหากันเล็กน้อย“ปาท่องโก้รูปหัวใจน่ารักจังมะลิทำเองเลยเหรอ”

“ใช่จ๊ะ”ทำเอาสาววัยแรกแย้มยืนอายบิดง้วนกับหัวใจเต็มถุงที่มอบให้เขาไป ทำเอาสิงห์สนุกเกอร์ร้านข้างๆอดแซวมาอีกไม่ได้

“ฮิ้ว..วว.. อิจฉาคนหล่อจริงจริ๊งเมื่อไหร่จะมีสาวเอาของกินมาให้แบบนี้บางนะ”

มองเข้าไปในร้านซึ่งยังปิดอยู่ แม่ของเธอคงกำลังหลับอยู่ข้างใน เพราะขายของตอนกลางคืน“เกรงใจจัง มะลิต้องนอนดึกแล้วยังต้องตื่นเช้ามาทำของกินให้ผมอีก เอางี้ละกัน”ล่วงมือไปในอกเสื้อ ดึงเอาดอกกุหลาบที่มีอยู่พรักพร้อมอยู่เสมอออกมา แต่คราวนี้เป็นดอกกุหลาบสีดำ ทำจากผ้าก้านดอกผูกโบว์ยื่นส่งให้พร้อมกับน้ำเสียงไพเราะนุ่ม เอียงหน้าเข้ามาใกล้จนหญิงสาวแทบหยุดหายใจ

“นี่กุหลาบดำแทนความหมายแห่งรักอันเป็นนิจนิรันดร์ผมให้ ดูแลสุขภาพด้วยนะ”ยื่นกุหลาบ พร้อมฉวยจังหวะใช้นิ้วก้อยคลอเคลียแก้มเนียน สองพวงแก้มยิ่งแดงปลั่ง หนีนิ้วไล้แก้มอย่างหยอกล้อ เด็กสาวพูดเสียงแหบพร่าหลับตาพริ้มคว้าข้อมือเขาเอาไว้

“พี่บุญส่งอย่านะเดี๋ยวแม่มาเห็นหรอกอย่านะ”

ชะงักนิ้วกลับเพราะลืมตัวไปชั่วขณะ“อะเออโทษทีนะ”เหลียวซ้ายเหลียวขวาชักเสียวสันหลังวาบ สายตาของชาวหอพัก ซึ่งเริ่มทยอยเดินผ่านมาพบกับหนุ่มเจ้าสำราญ ไม่รู้ตัวเองเลย ที่กำลังทำอยู่นี้คือการเกี้ยวลูกสาวชาวบ้าน ต้องกล่าวขอโทษมะลิเสียยกใหญ่ หญิงสาวเพียงยิ้มทำตาปริบๆเอาฝ่ามืออังสองแก้มอันร้อนผ่าว ไม่ได้ว่ากล่าวโทษอะไร ร่างในชุดทักซิโด้สีน้ำตาลต้องรีบขอตัวผละไปแต่ไม่วายทิ้งรอยยิ้มเสน่หาไว้ตามรายทาง สาวโรงงาน แม่ค้า นักเรียนนักศึกษาต่างได้รับรอยยิ้มของหนุ่มหน้าตี๋ คนที่เหมือนหลุดออกมาจากแคทตาล็อกแฟชั่นฮิต ณ ปัจจุบันนี้ คุณป้าช่างเย็บจักรและเป็นหมอดูไพ่ทาโร่ไปในตัว ได้แต่ทำตาปริบๆ บ่นตามหลัง

“พูดอยู่แหมบๆ ว่าไม่เจ้าชู้ ออกลายหนักขึ้นทุกวัน”โคลงหัวดิกบ่นกับตนเอง ก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเองไป



ร้านขายดอกไม้เจ๊โรส เหมือนตู้กระจกใบใหญ่ เห็นสองร่างยืนเคียงกันอยู่ หนึ่งร่างใหญ่หนาคือสาวเทียมเจ้าของร้านกับอีกหนึ่งหญิงสาวร่างสูงระหงที่คุ้นตาจากเมื่อคืน ไม่ใช่ใครที่ไหน ญาริน เพื่อนสนิทของเขาเอง

“อึ๋ย…แย่แล้วญารินมาได้ไง คงไม่ได้มาเอาเรื่องเมื่อคืนมาฟ้องเจ๊นะ”เผ่นแผ้วเข้าหลบหลังเสาไฟฟ้า ชะเง้อชะแง้มองฝ่ากระจกใส ยิ่งเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของทั้งสองเหมือนกำลังถกเรื่องเครียดกันอยู่ ต้องกลืนน้ำลายฝืดคอเมื่อนึกถึงเรื่องที่เมื่อคืนไปพูดจาล้อเลียนญาริน แถมกวนหน้าตายใส่เธออีก

“ใช่แน่ รินต้องเอาเรื่องเมื่อคืนมาฟ้อง ท่าไม่ดีค่อยแอบหลบไปก่อนดีกว่า”ไม่ทันที่สายตาคู่ดุจะหันขวับมาเห็นคนนอกร้านเข้า ตะเบ็งเสียงเรียกมาข้ามสามร้านเจ็ดร้าน

“บุญส่งจะไปไหน!! มานี้!...”

“ซวยแล้ว”

ทักซิโด้หนุ่มน้อยได้แต่จำใจกลืนน้ำลายลงคออึก เดินยิ้มทำใจดีสู้เสือแล้วค่อยห่อตัวเข้ามาในร้านเหมือนจำเลยรอคำพิพากษา โดยมีคู่กรณีหญิงสาวยืนรออยู่ท่าทางปั้นปึ่งมองดูเขาด้วยสายตาเย็นชา

“เออ แหะๆสวัสดีตอนเช้านะเจ๊ สวัสดีนะริน”ทำท่าโบกมือบ๊ายบายจะหันหลังกลับ

“บุญส่งมานี้!”

ร่างใหญ่ตรงเข้ามาลากแขน เงื้อฝ่ามือใหญ่ๆตบป๊าบ! เข้ากลางหลังทันที “อุ๊โอ๊ย โอ๊ย โอ้ย! เจ๊มาตีผมทำไม!ผมเจ็บน้า!..”ยิ่งเถียงเจ๊ก็ยิ่งยึดแขนแน่น เล็บมือยาวๆหยิกเข้าสีข้างจนไอ้หนุ่มผิวบางร้องจ๊าก!“อุโอ้ย!!... นี่แนะเจ็บแล้วจะหลาบจำมั้ยคนปากไม่ดี”คำรามไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“ผมปากไม่ดีตรงไหน..!”

“ยังจะเถียง!ขอเอาอีกสักทีเถอะ”

เวลานี้เจ๊ร่างใหญ่กลายร่างเป็นนางยักษ์ไปแล้ว ทั้งหยิกทั้งทึ้งแล้วยังชี้นิ้วดิกๆไปที่หญิงสาวข้างตัว“ก็เราไปพูดไม่ดีอะไรกับหนูญารินไว้เมื่อคืนสารภาพออกมาซะดีๆ”เล็บหยิกเข้าเนื้อเน้นๆให้ร้องจ๊าก คนโดนหยิกหน้าบิดหน้าเบี้ยวร้องอุทธรณ์มา

“ผมป่าวน้า..อะโอ้ย..ย..!!”

มองไปด้านหลังเห็นญารินกำลังแลบลิ้นปลิ้นตาสะใจที่เขาโดนลงโทษ บุญส่งต้องกัดฟันกรอดเพราะรู้ว่าเสียทีโดนเอาคืนแล้ว“เราไปว่าลูกสาวเขาอย่างเสียๆหายๆได้ไงหนูรินมาฟ้องเจ๊หมดแล้วนะว่าเมื่อคืนไปว่าเขายังไงมั่ง พูดจาหยาบคายล้อเลียนเขายังโน่นยังนี้ เจ๊ไม่เคยสั่งเคยสอนให้เราเป็นคนปากไม่ดี อย่างนี้ต้องหยิก หยิกให้เนื้อหลุดเลย”

“เสียหายอะไรมันเป็นความจริงไม่ใช่เรอะ!” นึกโมโหเลยสวนคืนทันที

จำเลยไม่ยอมรับสารภาพจนต้องโดนหยิกเสียหน้าบิดหน้าเบี้ยว รินฟังอยู่อดไม่ได้ที่จะโต้มาบ้าง นัยน์ตาแดงช้ำมาตลอดทั้งคืน“นิ นายดวงนายยังไม่ยอมรับผิดอีกเรอะ นายกล้าดียังไงเอาฉันไปเปรียบ เทียบเป็นแฟนกะตาแก่เจ้าของหอพัก เป็นแฟนคนขายไส้กรอกอีสาน น่าเกลียดที่สุดฉันไม่ใช่คนสิ้นคิดขนาดนั้นนะ ชื่อเสียงฉันเสียหายหมด”

“ก็เธอบอกเองไม่ใช่เรอะว่าเธอชอบผู้ชายตัวสูงๆผิวเข้มๆไม่ชอบผู้ชายตัวเตี่ยผิวบางประเภทฉันไง”ชายหนุ่มร่างเล็กตะเบ็งเสียงดังกลับออกไป มองหญิงสาวซึ่งตัวสูงกว่าได้แต่ชะงักคำพูดหน้าหดลง

“กะก้อฉันไม่ทันคิดเลยเผลอพูดออกไปเรื่อยนี่นา”

แววความน้อยใจฉายขึ้นวูบหนึ่งแต่ชายหนุ่มคงไม่ทันเห็น เธอสูง ๑๗๐ กว่า ปรกติก็สูงกว่าผู้ชายทั่วไปอยู่แล้ว แม้รูปร่างจะสมส่วนสามารถขึ้นเวทีนางงามได้ แต่ก็มักจะถูกนำเรื่องความสูงไปเปรียบเทียบกับเสาไฟฟ้าเป็นการทำลายความมั่นใจของเธออย่างแรง และเจ้าของคำพูดที่ว่านั้นก็คือคนที่เหมือนไม่รู้จักโตอย่างนายดวงหรือชื่อนายบุญในตอนนี้ คนที่มีปมด้อยเรื่องความสูงของตนเองแล้วหาเรื่องรวนว่าคนอื่น

“เอาเป็นว่าฉันขอโทษละกัน”บุญส่งเองก็เกิดสีหน้าแย่ไม่แพ้กัน ซูดปากมาทีหนึ่งจากความเจ็บก่อนพูด“มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรเลย ที่ฉันจะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องชีวิตอันสูงส่งของเธอเลยฉันขอโทษนะรินยังไงเธอก็ยังรับเพื่อนปากเสียคนนี้ได้ใช่ไหม”คำขอโทษอย่างเสียมิได้ของหนุ่มเจ้าสำอางทำเอาหญิงสาวฮึดขึ้น มาอีก ตาลุกวาว มือเท้าสะเอวเหมือนอยากจะออกฤทธิ์บ้าง นิ้วชี้หน้ามา

“นายดวงนายจะบังคับให้ฉันพูดให้ได้ใช่มั้ยว่าฉันชอบใคร”

“ไม่ล่ะ”คิ้วขมวดตึงหันข้างให้ไม่ยอมสบตา มือข้างหนึ่งเสยผมอย่างหวงความหล่อ ปากก็พูดมา“ริน ยังไงฉันก็เชื่อว่าคนที่เธอชอบจะต้องเป็นคนดีแน่ เขาคนนั้นจะต้องเพียบพร้อมคู่ควรกับเพื่อนของฉันทุกอย่าง ฉันขออวยพรให้เธอพบกับชายคนนั้นโดยเร็วนะ”เน้นคำว่า ‘เพื่อน’ออกไปเพื่อให้รินตัดใจจากเขาไปเสีย เพราะว่าในหัวใจมีเพียง‘ญาดา’หญิงอันเป็นที่รักยิ่งเท่านั้น เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตแม้จะรู้ว่ายังมีหญิงสาวอีกคนตรงหน้าจะคิดกับตนเองเช่นไร เเต่หัวใจมันบอกว่ารินเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น

เดินเลยไปหยิบช่อดอกไม้ ซึ่งถูกประกอบไว้พร้อมนำส่งลูกค้าขาประจำ แล้วเดินลำเลียงไปไว้กล่องท้ายรถสกู๊ดเตอร์ ปล่อยให้สองคนมองตาม ช่อดอกไม้ จำนวน ๕ ช่อสำหรับลูกค้าขาประจำ ๔ และอีกหนึ่งสำหรับคนพิเศษนั่นก็คือ‘ญาดา’ยอดรักของเขา

บรึม..มม..!! บรึมๆๆๆ

ขึ้นคร่อมสตาร์ทเครื่องยนต์ บิดคันเร่งเสียงเสียดหู สวมหมวกนิรภัยแล้วหันหน้ามาพูดเพียงสั้นๆ

“ผมขอตัวก่อนนะเจ๊ วันนี้ลูกค้าขาประจำเขาเรียกมาแล้ว”บิดคันเร่งอยู่กับที่ ส่งควันจากท่อมอเตอร์ไซด์คันน้อย สองสาวแท้สาวเทียมต้องเอามืออุดจมูกเหม็นควันแทบสำลักกับลีลาการกวนโมโหของเจ้าหนุ่มส่งดอกไม้ ก่อนปล่อยเบรกพุ่งออกไปเร็วรี่ ปาดซ้ายปาดขวาจนคนเดินในซอยเดินหลบกันให้วุ่น ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว

“เจ๊ดูสิคะนายดวงช่างกวนโมโหเหลือเกิน”เต้นฝางยังไม่หายเคืองอีก มีเพียงญารินเท่านั้นที่ยังเรียกชื่อเดิมของบุญส่งว่านายดวง

“ก็แล้วทำไมหนูไม่ตบปากเขาเสียละ เจ๊ออกปากอนุญาตให้แล้วนิ”ดวงตาแข็งๆหันมาเห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจน

“เรื่องนั้น เออ คือว่าหนูทำไม่ได้”

“ที่ทำไม่ได้ก็เพราะ ญารินเธอคิดอะไรอยู่ลึกๆกับบุญส่งของเจ๊อยู่สินะ”

“หนูป่าว!..นะ”

“อย่ามาโกหกผู้ใหญ่นะ เจ๊อาบน้ำร้อนมาก่อนเดาพฤติการณ์เธอออก หนูชอบบุญส่งอยู่จริงๆ ชอบมากถึงขนาดตามมาทำงานอยู่ใกล้กันขนาดนี้”

เพียงเท่านี้เธอก็เหมือนถูกจับไต๋ได้หน้าเหย่เกออกปากปฏิเสธลั่นทันที “ใครจะไปอยากเป็นแฟนกับคนขี้เก็กพรรค์นั้น เบ่งหล่อเป็นคางคกตัวเตี่ยติดดิน”

สองคนจูงมือกัน กลับเข้าไปนั่งในร้าน พูดจากันให้เป็นเรื่องเป็นราวหลังจากนายตัวยุ่งได้จากไปแล้ว โรสบรรจงยกกาน้ำชาเชรามิกสวยหรูรินให้ ญารินตอบขอบคุณไป กลิ่นชาร้อนหอมกรุ่นช่วยลดอารมณ์แย่ๆลงไปได้บ้าง

“ไม่ต้องอ่ำอึ่งหรอกเจ๊เห็นตาเธอแล้วดูออกไม่ยากแล้วบุญส่งก็ดูออกด้วยนะ ญารินหนูลงทุนมาทำงานมาพักอยู่ใกล้บุญส่งขนาดนี้ ตอนเด็กเธอก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กผู้หญิงที่ตามบุญส่งมาตลอด เจ๊จำได้นะ ถึงตอนนี้โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้ว ก็มีเธอที่ยังรักติดตามมาถึงตอนนี้ แต่เมื่อเธอเองไม่ยอมพูดออกมา บุญส่งเขาเห็นเธอเป็นเพื่อนไปเท่านั้น ในเมื่อรักเขาก็ต้องเป็นฝ่ายบอกก่อน นี่เป็นสิ่งที่เจ้าหนูของเจ๊มันรอฟังอยู่”พูดออกมาตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม แล้วค่อยบรรจงยกถ้วยชาของตนขึ้นดื่ม แค่นี้ก็ทำเอาหญิงสาวอารมณ์เดือดปุดขึ้นมาอีก การสนทนาอย่างเปิดอกของสองหญิงเริ่มไปอย่างเร่าร้อน

“เอาเปรียบกันชัดๆ เขาเป็นผู้ชายแท้ๆยังจะให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายบอกรักก่อนได้ไง”อาการตะบึงตะบอนไม่เลิกของเธอ“หนูเกลียดที่เขาเริ่มหลงตัวเองเข้าทุกวันแล้ว ชอบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพงทำตัวไม่ติดดินเหมือนก่อนตั้งแต่มีผมมีขนคิ้วขึ้นก็เริ่มโปรยเสน่ห์ใส่เด็กสาวไปทั่ว ผู้หญิงมีอายุมากกว่าก็ไม่เว้น เจ๊จะไม่จัดการปรามเขาไว้บ้างเลยเหรอ?”ในที่สุดก็ยอมแง้มความจริงออกมา เจ๊ร่างใหญ่เกือบสำลักน้ำชาเข้าให้

“เออแนะดันมาตั้งคำถามคืนเสียนี้”วางถ้วยชาลงถาดอย่างนิ่มๆ หญิงสาวตรงหน้าได้แต่ทำเสียงหึ!ย่นจมูกลง กอดอกสะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างอารมณ์เสีย ในใจยังนึกโกรธที่บุญส่งหรือนายดวงเที่ยวไปผูกไมตรีกับผู้หญิงไปทั่ว ยกเว้นเธอที่ยังเหมือนเดิม

“ก้อนั่นมันงานของเขานะ ที่ต้องแต่งตัวหล่อๆทุกวัน เอาดอกไม้ไปส่งให้ลูกค้า แล้ววิธีการเข้าหาลูกค้าที่ส่วนใหญ่เจ๊เป็นคนสอนให้เขาเอง เพื่อเป็นการยึดเหนี่ยวใจลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าสาวๆเสียด้วย”โรสนั้นเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวที่กำลังอยู่ในอารมณ์หึ่งหวงชายคนรัก งานของบุญส่งต้องคอยส่งดอกไม้ให้ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ทั้งสวย โสด แก่ แม่ม่าย แถมยังมีพวกเด็กสาวในชุมชนนี้อีกที่คอยให้ท่าให้ทางเล่นหูเล่นตา แล้วเจ้าหนุ่มส่งดอกไม้ก็เริ่มหูตาแพรวพราวขึ้นทุกวัน ยกเว้นแต่กับญารินเพื่อนเก่าแก่ซึ่งยังยักท่าหยั่งเชิงกันอยู่

“เขาคงจะชอบงานนี้มากสินะ”เธอพูดเหมือนอยากจะตัดพ้ออีก

“ผู้หญิงพวกนั้นเจ๊ไม่เอามาเป็นลูกสะใภ้หรอกไม่ต้องเป็นห่วงนะหนูริน ยังไงเจ๊ก็เล็งหนูไว้คนเดียวเท่านั้น”

“เจ๊พูดอะไร”หนังหน้าผากมีรอยพับนิดหนึ่งไม่เข้าใจอีกฝ่ายพูดเล่นพูดจริง

“ก็เจ๊ไฟเขียวให้หนูรินมานานแล้ว”คนชื่อสวยแต่หน้าห่วยหลิ่วตาให้ข้างทำวงนิ้วเป็นรูปโอเค

เอื้อมมือข้ามโต๊ะไปจับคางเรียวเขย่าอย่างเอ็นดู ริน ในสายตาสาวประเภทสองอย่างโรส เธอเป็นคนสวยคนหนึ่งทีเดียว เนินอกตั้งชัน เอวคอด สะโพกผายได้รูปสวยเหมือนเพชรที่ยังไม่ถูกเจียระไน หากแต่เสื้อผ้าหน้าผมธรรมดา ผมยาวมัดหางม้าอย่างง่าย ทุกวันเอาแต่ทำงานไม่ค่อยสนใจตนเอง

“เราน่ะต้องปฏิวัติตนเองเสียใหม่แล้วนะ หากคิดจะให้บุญส่งของเจ๊มาสนใจก็ต้องหัดแต่งหน้าแต่งตาเสียมั่ง เสียดายรูปร่างดีๆรู้จักหาเครื่องสำอางประทินโฉมเสียบ้างสิ”พูดไปหญิงสาวได้แต่ก้มหน้าพูดเสียงอ้อมแอ้ม“หนูก็อยากสวยอยากดูดีอย่างเจ๊ว่าละคะแต่เงินทุกบาทที่หามาได้ต้องใช้อย่างคุ้มค่าไม่มีเงินไปซื้อไอ้ของพรรค์นั้นหรอกค่ะ”

“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง”ยกมือทำหัวนิ้วโป้งนิ้วชี้เป็นวงกลม“ของพวกนี้เจ๊จะจัดการให้ เจ๊มีเครื่องสำอางซื้อเก็บไว้นานแล้วของนอกราคาแพงเซียวนะยังไม่ได้ใช้จะยกให้หนูรินเอาไปแปลงโฉม รึหากแต่งหน้าไม่เป็นเจ๊ก็จะแต่งหน้าให้เอาไหมจ๊ะ”รอยยิ้มจากคนกรามใหญ่ กรีดขอบตาเสียคมหากเป็นผู้ชายคงหล่ออยู่หรอกแต่แต่งหญิงมันดูพิลึกจนรินต้องนึกทบทวนว่าจะแต่งหน้าแบบนี้ดีหรือเปล่า

“มิน่ารองพื้นเจ๊ดูเนียนตาดีจัง”เธอพยายามพูดไปเรื่องอื่น

“ไม่ต้องมาชมเจ๊พูดเฉไปนอกเรื่องเลยเด็กคนนี้”

น้ำเสียงอ่อนโยนปลุกรินให้ตื่นจากอาการประหม่า

“หนูรินต้องหัดพูดปากให้ตรงกับใจแล้วนะหากจะเข้าหาเจ้าเด็กตาตี้นั้น”

“เจ๊พูดอะไรก็ไม่รู้ใครจะเข้าหาคนแบบนั้นกัน”ลอยหน้าไปทางอื่นเสีย

สาวเทียมร่างใหญ่ได้แต่ส่ายหน้าบ่นว่าคู่นี้ขิงก็ร่าข่าก็แรงจริง ลากปลายนิ้วไปกดนิ้วที่ตีนผมของตนแสดงให้รินดู“มีเรื่องหนึ่งจะพูดให้ฟัง ไอ้แผลเป็นเหนือหน้าผากที่ตอนเป็นเณรเห็นได้ชัดแต่เวลานี้บุญส่งเอาผมปรกไว้นั้นน่ะ เกิดจากคนเป็นย่าแท้ๆทำร้ายมาตอนที่สองพ่อลูกลำบากสุดๆจนต้องระเห็จระเหเร่ร่อนจนมาโกนหัวใส่ผ้าเหลืองอาศัยข้าววัดกินทั้งพ่อทั้งลูก ตั้งแต่นั้นเจ้าเด็กนี้เลยเกลียดการถูกปฏิเสธที่สุด ถ้าหนูรินรักจะชอบเขาต้องหัดปากตรงกับใจให้มากกว่านี้นะ”

ได้ฟังเรื่องในครอบครัวของบุญส่งที่ไม่ค่อยจะรู้นัก เธอถึงกับหันมาฟังอย่างตั้งใจยังมีอะไรหลายอย่างที่ยังเคลือบแคลง ภูมิหลังเดิมของเขาก่อนจะมาบวชเป็นเณรที่เธอไม่เคยรู้เลย

“รินจะจำคำของเจ็ไว้ค่ะ”

ทั้งสองพูดคุยเรื่องส่วนตัวไปเรื่อยจนมาถึงเรื่องหนึ่ง

“หนูรินตอนนี้ทำงานเป็นไงมั่ง? ลำบากมากไหม ได้ยินว่าต้องส่งเงินไปช่วยเหลือทางบ้านด้วย แล้วเงินเดือนพนักงานขายมันกี่ตังค์เองจะพอใช้เหรอ”

“ก้อลำบากมากค่ะเจ๊”ยิ้มเรียบ สีหน้าแววตาดูหม่นลงไปทันทีเพราะเธอคนนี้ต้องทำงานหนักมาตลอด มือเท้าคางเหม่อมองออกไปนอกร้านผ่านกระจกใส ดูวิถีชีวิตผู้คนในซอยซึ่งมีทั้งพึ่งกลับจากการทำงาน หรือกำลังจะออกไปแต่ละชีวิตต้องดิ้นรนเพื่อให้ตนเองและครอบครัวอยู่รอดเช่นเดียวกับชีวิตของเธอ โรสหรือนายอภิรักษ์ ซึ่งรับหน้าที่ผู้ปกครองของบุญส่งนับแต่ที่สึกจากพระมาอยู่ทางโลก นั่งพินิจดูเค้าหน้าสวยแต่ดูเข้มแข็งของเธอคนนี้แล้ว ในใจเกิดความคิดขึ้นมาทันที ว่าที่ลูกสะใภ้ของท่านอาจเป็นเธอคนนี้ก็ได้”

“ตั้งแต่จบ ป.ตรีมาหางานอย่างดีได้แค่ร้านเซเว่น ได้เงินเดือนเจ็ดพันกว่าบาทแบ่งไปช่วยทางบ้านสามพัน แบ่งเป็นค่าเช่าห้องน้ำไฟเสียสองพันกว่าที่เหลือต้องกระมิดกระเมี้ยนใช่ไปจนกว่าจะพอ ไหนจะหนี้สินของทางบ้านที่พ่อเอาที่บ้านไปจำนองเพื่อเอาเงินมารักษาน้องที่ป่วยอีก ไม่รู้ว่าเมื่อไรเจ้าหนี้เขาจะมายึด หนูละกลุ้มใจเรื่องหาเงินจริงๆ ไม่มีเงินเหลือแม้ไปซื้อเครื่องสำอางสักชิ้นเลยค่ะ”

“รับผิดชอบเยอะจังนะ อายุแค่เนี้ย ไม่เหมือนบุญส่งของเจ๊ รายนั้นน่ะให้เงินไปเท่าไหร่ก็เอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เอาเงินไปซื้อทองหยองมาทดลองปลูกกุหลาบบ้าๆของเขาจนตอนนี้ร้านจนกรอบอย่างที่เห็น ตอนนี้เจ๊ให้เงินบุญส่งใช้วันละ๔๐บาทเองนะจะได้เป็นการสั่งสอนให้รู้จักชีวิตคนจนเสียมั่ง”

“เหรอค่ะหนูเองยังใช้ไม่ถึงเลย”เธอหัวเราะน้อยๆมือยังเท้าคาง

“ประหยัดจริงเด็กคนนี้”มาถึงตอนนี้ผู้ปกครองของบุญส่งเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว“เจ๊พอจะช่วยเหลือหนูรินเรื่องที่พักได้นะ เราก็มาพักด้วยกันเสียสิเจ๊เช่าชั้นสี่ของหอนี้กับดาดฟ้าไว้ทั้งหมดเลยนะมีห้องหับเหลือเยอะแยะเลย ต่อไปนี้หนูรินไม่ต้องไปเปลืองสตุ้งสตังค์ เรื่องค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟอีกแล้วนะ หนูรินเข้าเวรกะดึกใช่ไหมงั้นก็ขนของตอนกลางวันนี่เลย”

“เออ มันจะดีหรือค่ะ แล้วบุญส่งละเขาจะว่าไง”เจอการจู่โจมกะทันหันจนวางสีหน้ามือไม้ไม่ถูก

“ไม่ต้องมาเกรงจงเกรงใจอีกแล้วนะ ว่าจะชวนหนูรินมาพักอยู่ด้วยกันนานแล้วฝากบอกบุญส่งมันไปเรียกหลายครั้งก็เงียบจ้อย เจอตัววันนี้ก็ดีจะได้พูดเสียให้จบ”

“เจ๊ก้อ พูดอะไรก็ไม่รู้หนูเป็นผู้หญิงนะจะให้ไปอยู่บ้านผู้ชายได้ไง”

“เจ๊น่ะเปิดไฟเขียวให้ใกล้ชิดกะบุญส่งเต็มที่แล้วนะ ถ้าได้หนูรินมาเป็นลูกสะใภ้ละก้อเจ๊จะเป็นปลื้มที่สุดเลย บ้านของเรากำลังต้องการลูกสะใภ้ด่วน”ถ้าเป็นไปได้รินนี่เองคือความหวังที่จะให้บุญส่งแต่งงาน รอยยิ้มฉายขึ้นที่หน้าทันใด เล็บมือเพ้นท์สีแต่มันก็สากหนาแบบชายเลือนมาสัมผัสมือหญิงสาวกระชับแน่นบอกความจริงจัง “ถ้าตกลงกันได้เจ๊จะเป็นผู้ใหญ่ไปสู่ขอหนูรินเอง หลวงพ่อยกเรื่องทั้งหมดของลูกชายคนเดียวของท่านรวมทั้งเรื่องคู่ครองให้เจ๊รับผิดชอบหมดแล้วนะ เรื่องหนี้สินทั้งหมดเจ๊ก็จะจัดการให้ อย่าลืมว่าเราสองคนมีหลวงพ่อเป็นแบ็กนะ”

“อะเออคือ…”เจอคำถามจู่โจมจนเนื้อตัวสั่น จะอ้าปากก็อ้าไม่ทัน

“งั้นเป็นอันตกลงนะ”โรสแท้จริงคือผู้ปกครองของบุญส่งรวดรัดเอาทันทีแต่หญิงสาวสะบัดหน้า ผมหางม้ากระจาย“เจ๊รวบรัดชะมัดนี่จะหลอกหนูมาแต่งงานกับนายบื้อนั้นใช่มั้ย”ขยับปากหมุบหมิบอยากต่อ ว่ามาอีกด้วยซ้ำจนกระเทยร่างใหญ่ชักไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนคาดเดา

“อะอ้าวนี่หนูไม่ได้คิดอะไรกับบุญส่งเขาหรอกเหรอ” คอหลุบลง สีหน้าบ่งอกว่าหมดลุ้น รินแอบส่งสายตาคมปลาบมาทีหนึ่ง หัวคิ้วชนกันอย่างเห็นได้ชัดแล้วพูดไป

“คนปัญญาทึบแถมปากไม่ดีใครจะไปเอาลง หนูไม่ได้นึกพิศวาสคนพรรค์นั้นซักหน่อย”

“ซักนิด..ด..หนึ่ง”

“ไม่! ”สะบัดผมกระจายอีก

“งั้น เจ๊คงต้องไปหาผู้หญิงคนใหม่มาเป็นสะใภ้แล้วละ เด็กมะลิลูกคนขายน้ำเต้าหู้ที่อยู่หอพักเดียวกันกะเจ๊นี่เองเห็นขยันขันแข็งสู้การสู้งานดีแล้วก็ซื่อดีด้วย บุญส่งเองก็ท่ามีใจให้ อือม์ เด็กคนนี้ใช้ได้นาอือม์”กอดอกเอามือลูบคางแต่แอบมีหางตาเหล่มา

“ไม่ได้นะหนูไม่ยอม! ห้ามยกนายดวงไปให้ใครเด็ดขาด!”ยกมือมาปิดหน้าจะร้องไห้“จะผู้หญิงชื่อมะลิหรือชื่อไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นหนูไม่ยอมจริงๆด้วย” อาการหวงกางปรากฏออกมาทันที จนคิ้วเข้มด้วยดินสอสีของคนหน้าคมแบบชายผ่อนลงนิดหนึ่งเอามือแปะยอดอกคล้ายไม่เข้าใจอารมณ์ผู้หญิง“ทำไมหรือจ๊ะหนูริน ก้อหนูไม่ได้ชอบเขานี่นาปล่อยบุญส่งไปเถอะนะๆ”

อาการหายใจไม่ทั่วท้องของรินแสดงออกมาชัดเจนสองตาแดงเรื่อกัดริมฝีปากแน่นสะบัดหน้าทำเสียงหึในลำคอเพราะรู้ว่าเสียรู้แผนการยั่วเย้าจนเผยความจริงเอาเสียหมดแล้ว หมดทางจะไว้ท่าอีก

“ดวงเขาคิดอะไรกับหนูหรือเปล่าหนูยังไม่รู้เลยจะให้หนูพูดก่อนได้ไง”

“โถๆๆ เด็กหนอเด็กรักเขาแล้วยังไม่กล้าแสดงออกอีก”เอื้อมมือมากุมมือน้อยของหญิงสาวแน่นพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“เจ๊ขอยืนยันว่าพูดจริงอยากจะทาบทามหนู

“ไม่นะถ้าทำอย่างนั้น หากเขายังไม่ยอมรับผลักใสมาอีก คราวนี้หนูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนความเป็นเพื่อนมันยังจะเหลือต่อไปได้อีกหรือเรอะ”

“ก็ลองมาขัดใจเจ๊ดูสิ แม่จะสั่งสอนให้เท่านั้น”ถลกแขนเสื้อเห็นกล้ามเป็นมัดจนรินตกใจเกือบร้องกรี๊ด“เจ๊ขอยืนยันว่าอยากได้หนูรินมาเป็นสะใภ้จริง สมัยนี้จะหาผู้หญิงดีอย่างหนูรินมาเป็นภรรยาของใครสักคนมันไม่ใช่ง่ายๆหรอกนะโชคดีของเจ้าบุญส่งมันแล้ว หากเด็กเจ๊มันไม่ยอมเจอซ้อมน่วมแน่แล้วเจ๊จะเอาบุญส่งใส่พานมาถวายให้หนูรินเองเชื่อมะ”

เสียงหัวเราะดังคิกๆมันเป็นการหัวเราะทั้งน้ำตาของรินต่อความจริงจังจนเว่อของผู้ปกครองชายคนรัก ต้องปล่อยให้น้ำตามันไหลล้นขอบตามาเองแล้วโผเข้าสวมกอดใบหน้าซบอกใหญ่รู้สึกถึงความอบอุ่นและจริงใจได้ดี ดวงใจที่เธอเฝ้าติดตามมาตั้งแต่ยังเด็กอยู่ใกล้เอื้อมแล้ว บุญส่งคือรักแรกและรักเดียวของเธอมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน

“ถ้าเจ๊พูดสะขนาดนี้หนูก็จะเชื่อค่ะ”ร่างน้อยในอ้อมกอดพูดขึ้นหลับตาพริ้ม “อาจจะเร็วไปนิดแต่เจ๊เชื่อสายตาตนเองว่าหนูรินต้องใช่แน่ เรื่องบุญส่งไม่ต้องห่วงนะ เจ๊จะกล่อมเขาเองเชื่อว่าคงไม่มีปัญหาแน่” โรสหรือนามเดิมชื่ออภิรักษ์ในอดีตมองใบหน้านี้แล้วก็ยิ้ม ริน เธอช่างละม้ายคล้ายแนนนี่ลูกสาวคนเดียวของตนยิ่งนักและเมื่อใดที่บุญส่งจรดปลายปากกาจดทะเบียนสมรสกับเด็กสาวคนนี้ เมื่อนั้นหน้าที่ผู้ปก ครองจำเป็นของเขาก็จะหมดสิ้นไป

“หลายปีมาแล้วที่เจ๊ดูแลบุญส่งมาตั้งแต่เป็นเณรตัวน้อยหรือที่เรียกโยมอุปัฏฐากเอ๊ยอุปัฏฐายิกานั้นแหละ รักและเอ็นดูเขาเสมือนหนึ่งลูกจริงๆก็ไม่ปานจนหลวงพ่อท่านซึ้งเป็นพ่อแท้ๆของบุญส่งไว้ใจยอมรับและมอบหมายหน้าที่ดูแลชีวิตลูกชายคนเดียวของท่านต่อไปเมื่อสึกมาใช้ชีวิตฆราวาสแล้ว รวมทั้งเรื่องการหาคู่ครองให้ด้วย เรื่องนี้ท่านย้ำนักย้ำหนาว่าจะต้องควบคุมไม่ให้บุญส่งไปคว้าผู้หญิงสะเปะสะปะมามันจะส่งผลเสียต่อชีวิตของเขาภายหน้า เจ๊ในฐานะผู้ใหญ่ต้องดูแลคัดกรองให้ดี”

ต้องแอบถอนใจ หลายปีมานี้เพื่อการทำหน้าที่ต่อผู้มีพระคุณเขาต้องยอมทิ้งหน้าที่ของพ่อและสามีมาดูแลสองพ่อลูกคู่นี้ซึ่งบวชเป็นพระอยู่ในละแวกนี่เอง ตนเองจำต้องมาเช่าห้องย่านสลัมอยู่อาศัยเพราะอยู่ใกล้ที่สุดสะดวกจะไปมาดูแลรับใช้ได้ พออยู่ไกลลูกเมียพฤติกรรมเบี่ยงเบนมันก็ออกมากลายเป็นพวกผิดเพศอย่างในปัจจุบัน เพราะชอบเรื่องสวยๆงามๆมาตั้งแต่เด็กชอบร้อยมะลิชอบจัดดอกไม้แม้โตเป็นหนุ่มก็ยังชอบแม้ผู้ใหญ่จะรู้ถึงสิ่งผิดปรกติว่าไม่ใช่ชายแท้แต่ก็บังคับให้แต่งงานกับผุ้หญิงจนมีลูกด้วยกันหนึ่งคนคือแนนนี่ แม้ทุกวันนี้จะจากมาเหมือนหนีหน้ามาเปิดร้านขายดอกไม้ไปพราง เมื่อทราบจากปากลูกสาวเมื่อวานว่าสองแม่ลูกยังคงเฝ้ารอเขาอยู่และไม่รังเกียจที่เป็นกระเทย ความโหยหาในชีวิตครอบครัวในอดีตมันก็กลับจู่โจมประดาประดังเข้ามาจนเกินจะทานทนไหว

เขาอยากจะกลับไปหาลูกเมียเหลือเกิน

เงื่อนไขสำคัญคือเมื่อบุญส่งอายุครบ ๒๕ ปีหรือบรรลุนิติภาวะโดยการแต่งงาน เขาก็จะหมดหน้าที่เมื่อนั้น อีกเพียง ๒ ปีหรือจะให้บุญส่งแต่งงานเสียตอนนี้กับหนูริน อาจจะเร็วไปนิดที่ตัดสินใจรับเธอมาเป็นสะใภ้ของท่าน แต่เขาก็ไม่อาจแสวงหาผู้หญิงที่ดีกว่านี้มาให้ทายาทของท่านได้อีกแล้ว

“คุณอาอภิรักษ์ค่ะ”ตาใสปริบๆพูดอ้อนมาในอ้อมแขน

“อึ๋ย..ย ดันมาเรียกชื่อเก่าได้ไง โรสจ๊ะโรส..เรียกให้ถูก”

“หนูไม่ชอบชื่อใหม่ของนายดวงเลย”

“อื้อหือ..ทำไมละจ๊ะ”

“ก็ชื่อบุญส่งมันเชยมากไงคะลุงของหนูที่อยู่บ้านนอกก็ชื่อนี้เหมือนกัน ทำไมต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ให้เขาด้วยชื่อเดิมว่าดวง-ก็ออกไพเราะดีอยู่แล้วนี่นา”เลื่อนตัวลงไปนั่งหนุนตักใหญ่ หลับตาพริ้มนึกถึงความ หลังเมื่อครั้งยังเรียนโรงเรียนวัดกับเณรดวง-

มือใหญ่หนาลูบเรือนผมเธออย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องสงสัยอะไรหรอกจ๊ะ ชื่อนี้หลวงพ่อท่านเป็นคนตั้งให้เอง‘บุญส่ง’ท่านบอกว่าจะได้เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่บุญหนุนส่งยังไงละ”

“งั้นหรือค่ะหนูอาจยึดติดเกินไปก็ได้”

ปลุกเด็กสาวลุกขึ้นเมื่อเธอจะเคลิ้มหลับไปจริงๆเพราะเข้างานกลางคืนต้องหลับกลางวัน ลุกเดินไปหยิบป้าย‘Close’พลิกออกหน้าร้าน หยิบกระเป๋าหนังใบสวยมาคล้องไหล่ใบหน้าเจือยิ้มอย่างเป็นสุขตลอด เวลา หันมาพยักหน้าให้หญิงสาวบอกให้มาเดินคล้องแขนกัน“วันนี้เจ๊จะปิดร้านแต่หัววัน จะพาหนูรินไปกราบหลวงพ่อท่านตอนนี้เลย ไปให้ท่านดูหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ ท่านจะต้องเห็นด้วยแน่ก็หนูรินทั้งสวยทั้งดีขนาดนี้”



สกู๊ดเตอร์สีชมพูหวานท้ายรถบรรทุกช่อดอกไม้หลากสีวิ่งฉิวโผล่ออกจากซอย ผ่านหน้าวินมอเตอร์ไซด์ หลีกเว้นผ่านกลุ่มสาวโรงงานซึ่งกำลังขึ้นซ้อนท้ายเบาะรถเพื่ออกไปทำงาน โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีรถเก๋งบีเอ็มสีเงินทรงสปอร์ต ขับตามมา จากช้ากลายเป็นเร่งความเร็วขึ้นและไล่จี้หลังมาทุกที แม้พยายามแอบไหล่ทางให้รถคันนั้นแซงไป แต่ก็ถูกไล่จี้หลังเหมือนตั้งใจจะชน เร่งหนีเข้าซอยข้างหน้าเลี้ยวลัดซอกแซกไปในซอยแคบอีกสองสามครั้งอย่างชำนาญเข้าใจว่าเจอพวกขับรถเปรี้ยวเข้าให้แล้ว พอออกมาเข้าถนนหลักก็เจอรถคันเดิมชะลอความเร็วรออยู่ข้างนอก ที่นี้ไม่ใช้แค่ไล่อย่างเดียวแต่ยังกดแตรไล่ด้วย

แป๊น!! แป๊น!! แป๊น!!“เวอ…จะไล่มาทำไม!”แป๊น..ป..!!“ ไอ้คนบ้าเอาพ่อฉันคืนมานะ!”เสียงผู้หญิงตะโกนมาจากในรถ “ไอ้คนเลว เอาพ่อฉันคืนมา แป๊นๆๆๆ”

โผล่หน้าออกมา เส้นผมยาวสลวยปลิวสยายตามลม ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นลูกสาวจอมห้าวของเจ๊โรส คนที่เกือบจะเอาเรื่องบุญส่งเมื่อวานนี่เอง ความเข้าใจผิดมันยังไม่จบเพราะเธอเข้าใจว่าเขามีอะไรเกินเลยผิดเพศกับพ่ออภิรักษ์ของตน ความสยองไม่นึกว่าจะเจอเอาตอนนี้ ความเร็วของสกู๊ดเตอร์อย่างมาก แค่ ๔๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง รถสองคันไล่กันมาถึงทางเปลี่ยว ข้างทางรกทึบด้วยหญ้าขน หน้ารถสปอร์ตพุ่งกระแทกกับท้ายรถจนเซฮวบปัดซ้ายปัดขวาก่อนพุ่งเข้าไหล่ทางล้มแถก คนขับลงไปกลิ้งหลุ่นๆลงบนพื้นหญ้า ไม่ทันจะร้องโอดโอย ยางรถยนต์สปอร์ตบดเอี้ยด!กับพื้นถนน คนขับเปิดประตูรถออกมา ก้าวเดินฉับๆตรงเข้ามาด้วยท่าทางขึงขังในมือถือไม้เบสบอลมาด้วย

ไฟมันลุกในดวงตาเธอเสียแล้ว กัดฟันกรอดอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ยืนผงาดคร่อมร่างคนนอนหงายเก๋งเอาไว้ บุญส่งต้องหลับตาปี๋อย่างหวาดเสียวเพราะกระโปรงยีนสั้นจู๋ของเธอมันแหกออกจนเห็นเนื้อในอะไรต่อมิอะไรไปหมด นักเดินแคทวอล์คสาวเวลานี้ได้กลายเป็นนักเลงไปเสียแล้ว“วันนี้เรื่องทุกอย่างมันจะต้องจบนายจะต้องคืนพ่อของฉันมาเสียดีๆ”ยืนผงาดเท้าเหยียบยันยอดอกชายเอาไว้ ยื่นปลายไม้เบสบอลมาเคาะหน้าอก บุญส่งต้องตาเหล่เหงื่อตกมองตามปลายไม้ โบกมือยอมแพ้ให้วุ่น

“ใจเย็นๆพี่สาวเราค่อยพูดจากันดีๆกัน”

พูดไม่ทันจบก็ต้องร้องอุ๊บเพราะโดนไม้เบสบอลดันปลายจมูกจนตาเหล่

“ใจเย็นยังไงไหว !นายเอาพ่อฉันไปกกไปกอดเจ้าคนวิปริตเอาพ่อฉันคืนมา”

ไม่นึกเลยว่าคำทำนายของป้าหมอดูจะแม่นยำปานนี้ ที่ว่าเขาจะมีดวงผู้หญิงมาพัวพันมากกว่าสองคน ใช่ซี คนแรกก็แทบทำเอาซ้ำในตับไตเคลื่อนหมด คนที่สองก็เอารถไล่ชนจะเอากันถึงตาย สองคนจะมาช่วยกันรุมฆ่าเขาซะมากกว่า






Create Date : 18 กรกฎาคม 2553
Last Update : 2 สิงหาคม 2553 14:46:06 น.
Counter : 1714 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แจ็ค ในสวนถั่ว
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ยินดีต้อนรับสู่บ้านของคนชอบคิดชอบเขียนครับ
New Comments