deeplove
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
15 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add deeplove's blog to your web]
Links
 

 
มาดูแลสุขภาพกาย ใจ กันเหอะนะ






ไทยสามัคคี
บทพระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ 6


อย่าเห็นแก่ตัว มัวพะวง
ลุ่มหลง ริษยาไม่ควรที่
อย่างต่างคน ต่างแข่ง กันแย่งดี
อย่าให้ช่อง ไพรี ที่มุ่งร้าย
แม้เรา ริษยา กันและกัน
ไม่ช้าพลัน จะพากัน ฉิบหาย
ระวังการ ยุยง ส่งร้าย
นั่นแหละ เครื่อง ทำลาย สามัคคี
คณะใด ศัตรู ผู้ฉลาด
หมายมาด ทำลายให้เร็วรี่
ก็ยุแยก ให้แตก สามัคคี
เช่นกษัตริย์ ลิจฉวี วงศ์โบราณ
พราหมณ์ผู้เดียว รับใช้ ไปยุแหย่
สาระแน ยุญาติ ให้แตกฉาน
จนเวลา ศัตรู จู่ไปราญ
มัวเกี่ยงกัน เสียการ เสียนคร
ฉะนั้นไซร้ ขอไทย จงร่วมรัก
จงร่วม สมัคร สโมสร
เอาไว้เผื่อ เมื่อมี ไพรีรอน
จะได้สู้ ดัสกร ด้วยเต็มแรง

นั่งดูข่าวที่ สส. ท่านหนึ่งได้ลุกขึ้นมาพูดในสภาโดยเอาแผนที่มาแสดงถึงปริมาณพื้นที่ที่ไทยต้องเสียดินแดนจากคำพิพากษาของศาลโลกจากแผนที่ 1ต่อ2 แสนของกัมพูชาและให้รัฐบาลเปิดเผยข้อเท็จจริง โดย สส. คนนี้บอกว่าให้นักวิชาการของตนเองประเมินสถานะการณ์แล้ว ภายใน 48 ช.ม ประเมินพื้นที่ที่ว่าอยู่ระหว่าง 0.3 ถึง 2 ก.ม จนท่านทูติวีรชัยต้องลุกขึ้นมาพูดว่าที่ สส. ผู้นี้และนักวิชาการที่สามารถตีความศาลโลก วรรคที่ 98 ได้ภายใน 48 นั้นท่านทูตขอชื่นชมเพราะท่านและคณะทำงานระดับโลกที่เก่งที่สุดทำงานมาหลายปีก็ยังไม่กล้าสรุปชี้ชัดประเด็นนี้ได้ และบอกว่าสิ่งที่นักวิชาการและ สส. คนนี้อ้างเป็นการตั้งสมมติฐานที่ผิดมาตั้งแต่แรก เส้น 1 ต่อ 2 แสนที่ สส.ท่านนี้ยอมรับนั้น เป็นเส้นที่ท่านทูติและทีมงานพยายามทำลายมาตลอดและศาลได้ระบุไว้ตามวรรค 99 แล้วว่าเส้นนี้ใช้ไม่ได้เป็นเส้นที่กัมพูชาขีดขึ้นมาฝ่ายเดียว และสิ่งที่ สส. คนนี้อ้างมาในครั้งนี้จะทำให้มีผลผูกพันและเป็นการทำร้ายประเทศไทยอย่างใหญ่หลวงในการที่จะไปเจรจาตกลงต่อไปในอนาคต..ถึงอย่างนั้น สส. ผู้นี้ยังอุตส่าห์ลุกขึ้นมาเถียงในสิ่งที่พวกเราหลายคนที่ได้ติดตามข่าวได้ยินได้เห็นกะตาในรัฐสภา ถือว่า สส.ท่านนี้ใช้ไม่ได้ในแง่ไม่ยอมรับความคิดเห็นใคร....และหากการเจรจาในเรื่องนี้มีผลในทางลบที่เกิดจากการพูดโดยไม่คิดและไตร่ตรองให้ดีในครั้งนี้ สส. ท่านนี้และพรรคของเค้าจะมาปัดความรับผิดชอบอีกหรือไม่อยากรู้นัก..หึ หึ หึ เป็นไงละไหนๆ ก็ไหนๆ สู้ไปเป่าปิ๊ดๆ อย่างเดียวให้สมกับสมองที่มีนะท่าจะดีกว่านะ..555555...เพราะคนฉลาดจริงๆ แล้วไม่ต้องออกมาส่งเสียงดัง หรือมาพูดอะไรมากมายในสิ่งที่คนอื่นเค้าก็รู้ ไม่ต้องมาปั้นความ เพราะทุกคนก็ได้ยินได้เห็นได้รู้ในสิ่งที่สื่อประโคมข่าวออกมามากมายแบบนั้นสู้ปล่อยให้ผู้คนเค้าต่างคิดไม่ดีกว่าเหรอ นี่ถือว่าเป็นการสอนมวยนักการเมือง และพรรคบางพรรคในสิ่งที่ชอบทำแบบนี้เสมอมา เจอคนจริง ข้อมูลจริงบ้างเป็นไงบ้างล่ะ อีกอย่างได้ทราบว่าคณะทนายชุดนี้ พรรคนี้เป็นคนจัดตั้งมากะมือเองสมัยเป็น รบ. ไม่ใช่รึ หน้าแตกหมอไม่รับเย็บคงต้องหาที่ทำศัลยกรรมแล้วละนะ...5555555...

พักนี้มีแต่เรื่องเครียดๆ มากมายไปทำงานก็เจอปัญหา รถติดทั้งที่ตามปกติก็ติดมากมายอยู่แล้ว ตอนนี้มีม๊อบเป่าปิ๊ด ออกมาอาละวาดรถยิ่งติดหนัก ไหนบอกว่าจะไม่ละเมิดสิทธิคนอื่นจะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน อย่าลืมว่ามีทั้งคนเห็นด้วยกะคนไม่เห็นด้วยให้คำนึงถึงคนสองประเภทนี้ด้วยนะคะ อย่าเลือกสิ่งที่เข้าข้างตัวเอง แบบนี้เค้าเรียกว่าพวกเห็นแก่ตัวทำอะไรอย่าให้ใครเดือดร้อนสิคะโดยเฉพาะคนไม่เห็นด้วยในการกระทำของพวกคุณในครั้งนี้ ที่ทำงานก็มีคนสองฝ่ายทั้งที่่เป็นเพื่อนกันทำงานร่วมกันมานาน แต่ทัศนคติการเมืองแตกต่างกันตามความคิดของแต่ละคน อยากให้ทุกคนอยู่ในมุมของตนเองจะทำอะไร พูดอะไรก็ให้คิดว่ายังมีคนอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งหรือคนที่ตนเองชอบ ควรเคารพการอยู่ร่วมกันหน่อย ไม่ใช่มาเป่าร้อง มาปิ๊ดๆ เหมือนอันธพาลที่อยากให้คนอื่นฟังตนเองแต่ตนเองไม่เคยคิดจะฟังใคร หรือคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมาทั้งหมดคิดถูก เรื่องแบบนี้อยู่ที่ความชอบ และความคิดเหตุผลของแต่ละคน สำหรับ จขบ. เลือกที่จะนิ่งไม่พูดแต่เก็บข้อมูลฝ่ายตรงข้าม และนั่งอมยิ้มเบะปากสมน้ำหน้าและสงสาร...อยู่บ้านก็ต้องรับข้อมูลจากสื่อที่ไม่เป็นกลาง สื่อไหนบ้างก็รู้ๆ กันอยู่ ก็อยากจะบอกว่าให้วางตัวเป็นกลางในฐานะสื่อให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาไม่เอนเอียงฝ่ายใด..หนีไปไหนไม่ได้อยู่ที่ไหนก็เครียดในสถานการณ์การเมืองแบบนี้เล่นนอกกติกากันไม่เลิก ทำทุกทางเพื่อสนองความอยากของตนเอง..มันน่าเบื่อรู้บ้างไหมสุขภาพจิตก็ย่ำแย่..ไม่เอาล่ะพูดไปแล้วของขึ้นหันมาดูแลสุขภาพกายกันดีกว่า

จขบ. เองเป็นคนไม่ชอบดื่มน้้ำ มัวแต่ทำงานไม่มีเวลาไปห้องน้ำเพราะงานติดพัน การเป็นคนไม่ค่อยดื่มน้ำหรือดื่มน้ำน้อยนั้นมีผลเสียหลายอย่าง ไม่ว่าต่อระบบร่างกายของคนเรา ทางการแพทย์บอกว่าร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ เลือดเราประกอบด้วยน้ำ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ กระดูกเราก็ประกอบด้วยน้ำ 22 เปอร์เซ็นต์ ร่างกายเราเสียน้ำวันละ 2 ลิตรเศษ ถ้าเรารับน้ำเข้าไปไม่เพียงพอก็ถือว่าขาดน้ำ อวัยวะภายในจะรวนผิดปกติ เลือดจะข้น ยากที่จะสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายส่วนต่าง ๆ หัวใจจะตีบตันเสียก่อน ความจำก็จะเสื่อมหรือเป็นอัลไซเมอร์ เพราะเลือดเลี้ยงสมองไม่พอ เส้นเลือดก็จะตีบตัน ลำไส้จะแห้ง ทำให้ท้องผูก นั่นเพราะร่างกายของคนเราต้องการน้ำไปเพื่อช่วยในการขับของเสียออก ซึ่งจะมีอยู่ 5 ช่องทางด้วยกันคือ

1. ไต ขับออกมาทางปัสสาวะ
2. ลำไส้ใหญ่ ขับออกมาทางอุจจาระ
3. ปอด ขับออกมาทางลมหายใจ
4. ผิวหนัง ขับออกมาทางเหงื่อ
5. (สำหรับผู้หญิง ) รอบเดือน ขับออกมาทางประจำเดือน

เมื่อช่องทางการขับของเสียไม่สมบูรณ์ ร่างกายก็จะต้องพยายามหาทางออกให้ได้ ก็ทำให้เป็นสิว ฝ้ากระ ฝี ริดสีดวง ถ้าเรามีอาการดังที่กล่าว อาจแสดงถึงว่าร่างกายมีของเน่าเสียอยู่ภายใน เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ไม่ควรมองข้าม การกินหรือฉีดยาไม่ใช่วิธีเดียวในการรักษาหรือบำบัดโรคให้หายไป เราควรมาทานน้ำให้เยอะๆ ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไม่ดีกว่าหรือ

นอกจากการทานน้ำเยอะๆ แล้วการนอนหลับก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้คนเรามีสุขภาพกายที่ดี เพราะการนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดของร่างกาย ช่วยเพิ่มและรักษาประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่างๆ ให้สมบูรณ์แข็งแรง การนอนไม่เพียงพอ จะทำให้เซลล์ต่างๆ เสื่อมสภาพ น้ำหนักตัวเพิ่ม ไม่สดชื่น อ่อนล้าและอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย และการทานอาหารทุกมื้อ ไม่ว่าอาหารเช้าซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมมื้อแรก อาหารเช้าที่ดีจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว พร้อมลุย เนื่องจากร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ เราจึงควรรับประทานอาหารประเภทโปรตีน เนื้อสัตว์ ไข่ ข้าว แป้ง รวมทั้งอาหารที่มีไขมันในมื้อเช้ามากกว่ามื้ออื่นๆ ที่สำคัญนอกจากจะรู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าและสมองมีประสิทธิภาพในการทำงาน น้อยลงแล้ว การไม่ได้รับประทานอาหารเช้าจะทำให้เรารู้สึกหิวมากในมื้อต่อไป และมักจะกินอะไรที่อยู่ตรงหน้า โดยขาดความยับยั้ง สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหรือไม่เคยชินกับการรับประทานอาหารเช้าในปริมาณมาก ก็ควรทานอาหารเพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย เช่น แซนด์วิช ขนมปัง ซาลาเปา ขนมจีบ หรือผลไม้ต่างๆ ส่วนอาหารกลางวันควรน้อยกว่าอาหารมื้อเช้า อาจเป็นอาหารจากข้าวหรือแป้งที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้องงอก ขนมปังโฮลวีท และเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน รวมถึงควรมีผัก และผลไม้เป็นประจำ หรืออาจจะกินขนมสลับบ้างก็ได้ แต่ควรเน้นขนมที่ทำจากถั่ว เช่น ถั่วเขียวต้ม ถั่วแปบ เต้าส่วน เพราะมีแมกนีเซียมสูง ส่วนครื่องดื่มควรหลีกเลี่ยงน้ำหวาน หรือน้ำอัดลมที่มีกาเฟอีนเป็นส่วนผสม สำหรับอาหารเย็น ถือเป็นมื้อที่ใกล้เวลานอนที่สุด มีข้อแนะนำที่ควรทำและควรหลีกเลี่ยงเพื่อช่วยให้หลับอย่างสบายดังนี้
-กินอาหารเย็นตรงเวลา เพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชิน และควรกินก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายไม่ต้องทำงานหนักในเวลานอนแล้ว ยังช่วยป้องกันและบรรเทาอาการกรดไหลย้อน ซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพของการนอนเป็นอย่างมาก
-ลดไขมัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีพลังงานสูง อาหารทีมีฤทธิ์เป็นธาตุร้อน เช่น อาหารทอด อาหารมัน แกงกะทิ ขนมที่มีครีมเข้มข้น อาหารเผ็ดจัด เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารดิบ น้ำอัดลม เพราะอาหารเหล่านี้จะย่อยยาก ร่างกายต้องใช้เวลาในการเผาผลาญนาน ทำให้ร่างกายตื่นตัว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการนอนไม่หลับ ด้วยเหตุนี้มื้อเย็นจึงควรเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ซึ่งการปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ตุ๋น อย่างเช่น ซุป หรือ แกงจืด จะย่อยง่ายกว่าแกงกะทิ ผัดผัก ดังนั้นจึงควรเลือกปลานึ่ง ไข่ตุ๋น แทนปลาทอด หรือไข่เจียว รวมถึงเลือกเนื้อสัตว์ชนิดที่ไม่มีหนังและมัน สำหรับมื้อเย็น
-จำกัดปริมาณผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งมักจะมีฤทธิ์ร้อน ทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานในการเผาผลาญมาก ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว เช่น ทุเรียน ลำไย ขนุน ถ้าชอบรับประทานผลไม้เหล่านี้ก็ควรเลื่อนไปเป็นมื้อเช้า หรือมื้อกลางวันแทน นอกจากนี้ยังไม่ควรรับประทานผลไม้แทนอาหารเย็น รวมถึงไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ หรือรับประทานผลไม้ครั้งละมากๆ เพราะสารอาหารหลักของผลไม้คือคาร์โบไฮเดรทหรือน้ำตาล แต่ควรเลือกรับประทานผลไม้แทนขนมหวานที่มีส่วนผสมของกะทิ
-เคี้ยวอาหารให้ละเอียด มื้อเย็นเป็นมื้อที่มีเวลาในการรับประทานมากกว่ามื้ออื่น จึงถือเป็นช่วงจังหวะที่เราควรเคี้ยวอาหารหลายๆ ครั้ง ซึ่งจะเกิดผลดีต่อร่างกายคือ ทำให้อิ่มง่าย ไม่รบกวนการทำงานของระบบย่อยและดูดซึมของกระเพาะอาหารและลำไส้
-กินข้าว แป้งที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้องงอก หรือโรยข้าวด้วยจมูกข้าวเป็นประจำทุกมื้อเย็น จะทำให้ร่างกายเก็บสะสมทริปโตเฟน (Tryptophan) และกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในระบบประสาทส่วนกลาง ที่มีคุณสมบัติพิเศษช่วยให้ผ่อนคลายและทำให้นอนหลับได้ดี แต่ต้องรับประทานต่อเนื่องเป็นประจำ
- เมนูปลา ถ้าร่างกายมีภาวะเครียดสูงทำให้นอนหลับยาก ดังนั้นลองเลือกเมนูจากปลาทะเลซึ่งอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 หรือน้ำมันปลา และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารที่ต่อต้านความเครียด เช่น ข้าวต้มปลา ปลาผัดคี่นไช่ ปลาย่างซีอิ้ว ปลานึ่ง สเต็กปลา เป็นเมนูประจำสำหรับมื้อเย็น
-ลดโซเดียม เกลือหรือโซเดียมทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ส่งผลให้ร่างกายกระสับกระส่ายนอนหลับยากขึ้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารทีมีโซเดียมสูง เช่น ผลไม้ดอง ปลาเค็ม กุ้งแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มันฝรั่งทอดกรอบ รวมถึงการปรุงอาหารเค็มจัดและใส่ผงชูรสปริมาณมากด้วย

นอกจากความสำคัญของอาหารทุกมื้อแล้ว ยังมีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ ที่อาจจะช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้นดังนี้
-ผลไม้ที่ช่วยให้หลับสบาย ได้แก่ กล้วย อินทผลัม ลูกพรุน ซึ่งอุดมไปด้วยกรดอะมิโนทริปโตเฟน โดยสมองจะนำทริปโตเฟนไปสร้างสารเซโรโทนิน (serotonin) ซึ่งถ้าร่างกายมีสารตัวนี้เพียงพอ ก็จะเพิ่มการหลั่งของฮอร์โมนเมลาโทนิน (melatonin) ซึ่งช่วยในการควบคุมการนอนหลับ ให้มีมากขึ้น ร่างกายจะรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด อารมณ์ดี นอนหลับสนิทตลอดคืน โดยนอกจากในผลไม้แล้ว ทริปโตเฟนยังพบมากในนม เผือก มัน สาหร่ายทะเล และงา
-เพิ่มวิตามิน B6 B12 เพราะวิตามินบี 6 มีความสำคัญในการสังเคราะห์เซโรโทนิน ขณะที่วิตามินบี 12 จะช่วยลดอาการนอนไม่หลับ ซึ่งเมนูที่มีวิตามิน 2 ตัวนี้สูงก็คือ ข้าวโอ๊ตใส่นมสดและกล้วยหอม ซุปไก่มันฝรั่ง และตับบด
-เครื่องดื่มและน้ำ ควรดื่มวันละ 6-8 แก้ว แต่อย่าดื่มมากก่อนเข้านอน เพราะอาจจะต้องลุกมาเข้าห้องน้ำกลางดึก ทำให้นอนต่อไม่ได้ ส่วนเครื่องดื่มที่ช่วยให้หลับสบาย ได้แก่ น้ำเก๊กฮวย ชาคาโมมายด์ น้ำมะตูมอุ่นๆ น้ำข้าวต้ม น้ำงาดำโดยผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย น้ำผึ้งซึ่งเป็นยาคลายเครียดอย่างอ่อนๆ จากธรรมชาติ

นอกจากการพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายก็จะช่วยให้ระบบชีวภาพของร่างกายคนเราแข็งแรง มีอายุอ่อนกว่าอายุจริงได้สูงสุดถึง 9 ปี ถ้าออกกำลังกายเป็น เช่น การเต้นแอโรบิก ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของปอดและหัวใจซึ่งต้องทำต่อเนื่อง การขี่จักรยาน การวิ่ง ว่ายน้ำ เดินเร็ว เป็นระยะเวลานานพอสมควร การออกกำลังกายประเภทนี้จะช่วยให้คุณควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอลและไขมันในร่างกายได้ดี ในขณะที่การออกกำลังกาย จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ให้ดีต้องเป็นการออกกำลังกายที่เน้นทั้งร่างกาย จิตใจ และการหายใจ เช่น โยคะ จี้กง พิลาธีส เป็นต้น การออกกำลังกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อนี้ไม่เน้นจังหวะแต่เป็นการออกกำลังกายที่ เน้นการกำหนดการหายใจ การขยับเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อด้วยท่าต่างๆ เพื่อยืดหมุนกล้ามเนื้อจนสุดระยะการเคลื่อนไหวของข้อ

ถ้าอยากกระชากวัยให้ออกกำลังกายดังนี้

- ออกกำลังกายแบบแอโรบิก 3 ครั้งต่อสัปดาห์
- ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ 2 ครั้งต่อสัปดาห์
- ออกกำลังกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อ 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์


ปล. คนไทย(บางคน)เป็นคนเชื่อฟังคนง่ายเนอะ ใครไม่รู้มาสั่งให้ทำโน่นทำนี่ก็เชื่อ ก็ทำตามยิ่งกว่าพ่อและแม่สั่งซะอีก ทีพ่อแม่ตัวเองสั่งยังไม่ทำตาม ทำไมดื้อนักหนาอ่ะ..แปลกดีแฮะ...

























ขอบคุณข้อมูเรื่องสุขภาพจากที่นี่ดอทคอมนะคะ...








Create Date : 15 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 10 ธันวาคม 2556 14:33:55 น. 2 comments
Counter : 1266 Pageviews.

 
อรุณสวัสจ้ะคุณภัทร..เห็นด้วยว่าน้ำมีความสำมากๆต่อร่าง..ช่วงนี้ประชาชนคนไทยทั้งในและต่างประเทศต่างเครียดๆกันตามๆค่ะมีเพื่อนคนไทยที่อเมริกา ก็บ่นว่าม๊อบบ้าบอ..โอพีไม่กล้าถามต่อเพระที่อเมริกา เขาห้ามคยเรื่องการเมืองในที่ทำงาน..คุณอาจจะต้องหางานใหม่ได้.. แต่ด้วยว่าวินิจฉัย"บ้าบอ"ที่เพื่อนพูดออกมาเพียงแค่นี้แล้วก็พอจะตีความได้ว่า...ชอบหรือไม่ชอบกะสถานการณ์เมืองไทยขณะนี้... รักษาสุขภาพด้วยค่ะคุณภัทร


โดย: Opey วันที่: 16 พฤศจิกายน 2556 เวลา:6:55:01 น.  

 
แวะมาเยี่ยมตอนดึกมากๆค่ะ คุณภัทร เขียนยาวมากอ่านจนตาลายเลยละค่ะ เบื่อไอ่เสียงปริ๊ดๆเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเป่ามีแต่หน้าดำๆท่าทางนักเลงใหญ่แทบทั้งนั้น รถก็ติดเสียจนต้องทิ้งรถไว้บ้าน
เบื่อมากจริงๆเลย เมื่อไหร่จะจบกันเสียทีก็ไม่รู้ คิดถึงคุณภัทรเสมอค่ะ


โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 30 พฤศจิกายน 2556 เวลา:2:49:53 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.