เข้ามาเขียนคราวนี้ไม่มีอะไรมาก แค่อยากระบายความในใจที่อึดอัด จากภาวะการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน...ที่เกิดจากนักการเมืองกลุ่มหนึ่งได้ออกมาไฮปาร์คกันนอกสภาและบางคนถึงกับลาออกมายึดอาชีพไฮปาร์คเป็นงานประจำในช่วงหลายๆ อาทิตย์ที่ผ่านมา..

ก็ให้พิศวงงงงวยกับคนไทยบางคนโดยเฉพาะใน กทม. ที่เค้าบอกให้เราเชื่อว่าเค้าเป็นคนดี ที่ออกมากู้ชาติจากคนโกงกินประเทศ และจะขับไล่ผู้คนกลุ่มหนึ่งที่มีอุดมการณ์ความคิดที่แตกต่างจากตัวเองเนื่องจากไม่เห็นด้วยในการกระทำและความคิดในหลายๆ เรื่อง...จนเหตุการณ์มาถึง รบ. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชานส่วนใหญ่ของประเทศ ต้องยุบสภาเพื่อไม่ให้คนไทยด้วยกันต้องเข่นฆ่ากันเอง เป็นทางออกที่ทำให้คนที่รักความสงบอย่างเราๆ โล่งใจ เพราะอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ เมื่อการเมืองถึงทางตันการยุบสภาเป็นหนทางหนึ่งในการแก้ปัญหา ให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกนักการเมือง หัวหน้านักการเมืองกลุ่มใหม่ คนใหม่ หรือนักการเมืองกลุ่มเก่า คนเก่า นั่นแล้วแต่การตัดสินใจของประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียง แบบนี้สิเรียกว่าเป็นประชาธิปไตย คือใช้เสียงส่วนใหญ่ในการตัดสินใจและแก้ปัญหา เมื่อเสียงส่วนใหญ่มีความเห็นอย่างไร เสียงส่วนน้อยก็ต้องยอมรับหากเล่นกันแบบถูกกติกา ไม่งั้นเราจะมีรัฐธรรมนูญ มีตัวบท ก.ม ไว้เพื่ออะไร ถ้าหากการใช้ผู้คนที่รวมตัวกันออกมากดดันเพื่อให้ได้และเป็นไปอย่างที่ตนเองต้องการนั่นใช่หนทางของประชาธิปไตยหรือไม่...และถ้าหากเป็นแบบนี้ ต่อไปข้างหน้า ต่อให้พวกคุณได้ตั้งสภาประชาชนขึ้นมา โดยประชาชนส่วนน้อยที่ออกไปเย้วๆ แล้วประชาชนส่วนใหญ่ที่เค้าลงทุนลงแรงออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งนักการเมืองที่ตนเองชื่นชอบที่สำคัญเป็นประชาชนทั้งประเทศที่เป็นคนส่วนมากด้วยสิ เค้าจะเสียเวลาไปเพื่ออะไร คนไทยสมัยนี้อย่าดูถูกกันว่า โง่ งี่เง่า เพราะการศึกษาสมัยนี้ไปทั่วถึงหมดแล้ว ตาสีตาสาชาวไร่ชาวนาไม่ศึกษาเองก็สามารถส่งลูกหลานจนจบด๊อกเตอร์ เป็นนักวิชาการ เป็นหมอ เป็นหลากหลายอาชีพที่สำคัญๆ ก็มากมาย..ฉะนั้นอย่าดูถูกคนไทยด้วยกัน ความคิดของคนไทยด้วยกันเองว่ามีความคิด คิดถูกต้องอยู่ฝ่ายเดียว ลืมอะไรไปหรือเปล่าว่า โลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ถูกและผิดในความคิดของเรา เพราะเราไม่ใช่จุดศูนย์กลางของโลก เรายังมีผู้คน คนอื่นๆ ที่อยู่ร่วมโลกกับเรา เราต้องฟังความคิดของคนอื่นด้วย อย่าเอาความต้องการของตัวเองมาตัดสินเป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่แล้วไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น บางทีคนที่รวมตัวกันออกมาอาจเป็นเพราะอุปนิสัยในการแสดงออก ความคิด อุดมการณ์ ไม่เหมือนกับคนที่ออกไปก็ได้ อย่าเหมารวมว่าคนที่ออกไปรักชาติ รักในหลวงมากกว่าคนที่มีความเห็นต่าง เราเชื่อว่าคนไทยทุกคนรักชาติ รักในหลวงด้วยกันทุกคน ถ้าหากจะออกไปเรียกร้องอะไรก็ให้เรียกร้องเรื่องนั้นโดยไม่ดึงการรักชาติ รักในหลวงมาเกี่ยวข้องจะได้ไหม จึงขอย้ำว่าคนไทยทุกคน "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์" กันทุกคนค่ะ

จากเหตุการณ์ที่เกิดทำให้ได้แง่คิดหลากหลายว่า คนไทย (บางคน) เชื่อคนง่ายและเป็นความเชื่อแบบงมงาย ลืมเรื่องราวในอดีตที่ตนเองไม่อยากจำทั้งที่เป็นเรื่องที่ควรจดจำ เพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง หรือเพราะเป็นเรื่องไกลตัว อย่างบางคนที่ออกมาด่าคนอื่นว่า "โกงชาติ โกงอย่างโน้นอย่างนี้" ลองไปสืบประวัติคนเหล่านี้ดูบ้างไหมว่าคนพวกนี้เคยโกงชาติ โกงอะไรในชีวิตบ้างหรือเปล่า นั่นเพราะคนเราชอบลืมในสิ่งที่ไม่อยากจำ และจะจำในสิ่งที่ไม่อยากลืม พูดง่ายๆ เลือกที่จะจำและเลือกที่จะลืมนั่นเอง เราเขียนไม่เก่งเพราะไม่ใช่นักประพันธ์ นักเขียนอะไร แต่สิ่งที่เขียนเป็นสิ่งที่คิดมาตลอดว่าจะเขียนตามความคิดของตัวเอง คิดอะไรก็เขียนอย่างนั้นตามเหตุและผลที่ตัวเองรับรู้มานานแสนนาน ไม่ใช่แค่ช่วงเวลานี้ มีข้อมูลเพราะลมปากหรือการชักชวนของใครให้มาเขียน นั่นเพราะเป็นคนมีความคิดเป็นของตนเอง ไม่ยอมให้ใครมาจูงจมูก มาสนตะพายเหมือนวัวเหมือนควาย ไม่ได้ฟังไฮปาร์กฝ่ายไหนทั้งนั้น ทุกอย่างเกิดจากเหตุและผลและเลือกที่จะอยู่ข้างความจริง อีกอย่างคนเราไม่มีใครดีหมดและเลวหมด จึงขอเลือกคนที่เลวน้อย เพราะความเลวเป็นนิสัยของปุถุชนที่เกิดมาเป็นคนทุกคนที่ย่อมมีความเลวแฝงอยู่ในตัว แค่ใครจะเอาออกมาใช้มากน้อยเท่านั้น...แบบนี้จึงขอชื่นชมนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ที่เธอมีหัวใจที่แกร่งและอดทน ตั้งแต่เธอรับตำแหน่งมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นกับเธอมากมายเธอก็ลุย และพยายามแก้ปัญหาทุกอย่าง ทั้งที่บางอย่างเธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ผู้ชายอกสามศอกที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีบางคน ยังแก้ปัญหาไม่ได้ดีเท่าเธอ เห็นกันง่ายๆ ก็การก่อม๊อบครั้งนี้ไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อจากการสลายการชุมนุม ต่างกับนายกรัฐมนตรีคนก่อนที่แก้ปัญหาอย่างรู้ๆ กันอยู่ว่ามีคนตายมากมายเท่าไร ทุกวันนี้คดียังไม่สามารถลงโทษคนที่สั่งฆ่าได้เลยและทำให้คิดว่า คดีนี้ศาลกำลังจะตัดสินคดีในวันที่ 12 นี้ทำให้คิดได้ว่าจะเกี่ยวพันกับการเกิดม๊อบครั้งนี้หรือไม่ เพราะจนบัดนี้ รบ. ได้ประกาศยุบสภาแล้ว หัวหน้าไฮปาร์คกลับบอกให้พวกม๊อบอยู่ต่ออีก 3 วัน นับแล้วก็เป็นวันที่ 12 ตามศาลเรียกพอดีแบบน่าบังเอิญอะไรแบบนี้ และทำไมจะไม่ทำให้เราคิดเชื่อได้อย่างไรว่า ม๊อบคราวนี้เป็นม๊อบจงใจให้เกิดในช่วงพอเหมาะนี้พอดี ทั้งที่เดือนนี้เป็นเดือนที่คนไทยทั้งประเทศรู้กันอยู่ว่าเป็นเดือนที่คนไทยแสดงความรักที่มีต่อองค์พระประมุขของคนไทยเราด้วยหัวใจที่มีต่อท่าน..เมื่อเรารักท่าน เราก็ย่อมไม่ทำอะไรให้ท่านขุ่นข้องหมองใจ เราไม่สามารถบอกท่านได้ด้วยคำพูดแต่เราก็สามารถบอกท่านได้ด้วยการกระทำ เหมือนเช่นที่นายกรัฐมนตรีหญิงท่านนี้ทำ ท่านได้ใจจากพวกเราที่รักสงบมากมายค่ะ...แต่สิ่งที่เกิดตอนนี้ คืออะไร...มาเรียกร้อง และบอกว่า รักชาติ รักในหลวง ทั้งที่เป็นเดือนที่คนไทยทุกคนแสดงความรักต่อพ่อหลวงของพวกเราอย่างนั้นเหรอ...คิดแค่นี้ยังคิดกันไม่ได้ ก็จงตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองเลวๆ ต่อไปก็แล้วกัน หลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นก็จงเตรียมตัวรับในสิ่งที่เกิดเพราะน้ำมือและการกระทำของทุกคนที่เห็นด้วยกับนักการเมืองกลุ่มนี้แล้วกัน...ตอนนี้ได้แต่นึกถึงเพลงของสิรินทรา นิยากร ที่ร้องว่า "รู้เค้าหลอก แต่เต็มใจให้หลอก" มากๆ เลยค่ะ...น่าสงสารประเทศไทยจริงๆ เลย...

ตอนนี้คำว่า "ไทยเฉย" เป็นคำที่ท๊อปฮิตมากๆ ถ้าหากเป็นพวกนู๊นนนนน...ดูที่ปาก (เลียนแบบน้องนิชาลูกพี่บ๊อบ) ก็คงหมายถึงคนไทยที่ไม่ออกไปช่วยพวกเค้าเย๊วๆ แต่ถ้าเป็นอีกฝ่าย หรือ พวกไทยเฉยด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็อยากจะบอกพวกนู๊นนนนน...ว่า..ตรูไม่ได้เฉยนะเว่ย..ตรูแอบดูพวกแกอยู่นั่นแหละ อย่าให้พวกตรูลุกมาบ้างนะแก..แล้วแกจะหนาววววว.....วะฮะฮ๊า...จึงขอฝากข้อความไทยเฉย ที่ไม่น่าเฉยให้อ่านกันค่ะ ก็ขออนุญาตและขอบคุณตรงนี้และกันค่ะ

//pantip.com/topic/31298631
ความในใจของไทยเฉย

ผมเรียนจบโท ผมทำงานเป็นพนักงานออฟฟิสอยู่ในกรุงเทพ ผมเล่น Facebook ผมก็ไม่ชอบคนโกงผมไม่เชื่อมั่นในตัวทักษิณแต่ลึกๆในใจ ผมเชียร์รัฐบาลผมเลือกที่จะแสดงพฤติกรรมเป็นกลางทางการเมืองโดยการไม่ทำอะไรเลยเพราะคดีของทักษิณ ยังไม่พิสูจน์ให้ประจักษ์ซึ่งความสุจริตแต่ทำไมคุณถึงหยาบคายขึ้นทุกวันหนักข้อขึ้นทุกวันสร้างความเกลียดชังในใจขึ้นทุกวันคุณถามผมบ้างไหม ชวนผมไปนั่นไปนี่ ไปแสดงพลังอันบ้าคลั่งของคุณนั่งจิบกาแฟอยู่ดีๆคุณก็โพล่งด่ารัฐบาลให้ผมฟังอย่างหยาบคายต้องทนฟังคุณด่าว่าคนจังหวัดผม ด่าว่าอาชีพที่สร้างให้ผมมีทุกวันนี้ผมยังคงอดทนอดกลั้นคุณจะไปม็อบก็ไป จะถ่ายรูปลงเฟซแสดงพลังของคุณก็ทำไป จะด่าว่าใครก็ทำไป จะประกาศ Unfriend ใครก็ทำไปผมยังทนได้ ทั้งๆที่ผมต้องทนเห็น ทนอ่าน ทนฟังอยู่ทุกวี่วันเพราะผมพยายามเป็นกลางแต่ถ้าสักวันหนึ่ง ที่คุณรุกล้ำเสรีภาพของผมจนเกินไปพยายามฝืนใจผมให้บ้าคลั่งไปกับคุณผมคงควบคุมความเป็นกลางไม่ได้อีกต่อไปประชาธิปไตยของคุณคือการดูถูกคนว่าโง่ ไม่มีการศึกษา เลวผมจะไม่ว่าเลยถ้าทุกเสียงของคุณคือคนดีที่พิสูจน์ได้จริงประชาธิปไตยคืออะไร?คนจนมีสิทธิลงคะแนนหรือไม่ชาวนามีสิทธิลงคะแนนหรือไม่คนไม่มีการศึกษามีสิทธิลงคะแนนหรือไม่ประชาธิปไตยคือ 1 คน 1 เสียง ที่เสมอภาคและเท่าเทียมกันคุณยอมรับระบอบนี้หรือไม่ถ้ายอมรับก็หยุดสรรหาคำอ้างว่ามีแต่คนโง่ปัญหาของพวกคุณคือไม่เข้าใจบริบท ไม่เข้าใจลักษณะประชากร ไม่เข้าใจวิถีการดำเนินชีวิต ว่าแต่ละคนมีความแตกต่างกันพวกคุณมีโอกาสเรียนสูง ทำงานดี มีฐานะ อยู่ห้องแอร์ คุณคงไม่แคร์นโยบายรากหญ้า แต่มันมีค่า และเป็นความหวังของคนรากหญ้าที่คุณดูแคลนแต่พอนโยบายรถคันแรก พวกคุณก็สนองนโยบายเป็นอย่างดี เพื่อสนองตัณหา สนองความอยากได้ใคร่มีของคุณเห็นไหมความต้องการ ความจำเป็น ของทุกคนต่างกันคุณต้องโทษพรรคการเมืองที่คุณชอบ ที่ไม่ยอมเข้าใจจุดนี้โจทย์คือเสียงข้างมากชนะปัญหาคือทำอย่างไรถึงจะเข้าถึงหัวใจของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ใช่แพ้แล้วมาอ้างว่าคนส่วนใหญ่โง่อุดมการณ์จอมปลอมของคุณ คือขับไล่ระบอบทักษิณอุดมการณ์ที่แท้จริงคือการเห็นพรรคที่คุณชื่นชอบขึ้นเป็นรัฐบาล และพร้อมจะสะใจ เหยียดหยามฝั่งตรงข้ามอคติมันบังตาหมดแล้วรู้ไหมว่าคนแบบผม เงียบ และอดทนแบบผม ในสังคมของพวกคุณยังมีอีกเยอะปล่อยให้คนอย่างผมอยู่เฉยๆน่ะดีแล้วเพราะนั่นแสดงว่าผมยังเห็นคุณเป็นเพื่อน ยังนับถือ ยังแยกแยะเพราะถ้าวันไหนที่ผมแสดงออกทางการเมืองขึ้นมาคุณอาจจะรับไม่ได้แต่อยากให้รู้ว่าผมทำดีที่สุดแล้วจริงๆ

จากใจไทยเฉยคนนึง


//pantip.com/topic/30573006
ไม่เข้าใจ"ไทยเฉย" เปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไม่ได้

ถ้าหากประมาณคร่าวๆ ตามคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เมื่อการเลือกตั้งที่ผ่านมาเพื่อไทยมีผู้สนับสนุน 15 ล้านคน ประชาธิปัตย์มีผู้สนับสนุน 11 ล้านคนพรรคอื่นๆ 5 ล้านคน รวม 31 ล้านคน จากประชากรที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 47 ล้านคน ส่วนที่เหลือ 47-31 = 16 ล้านคน เป็นคนไทยที่ไม่ฝักใฝ่พรรคใด หรือเรียกว่าคนที่อยู่กลางๆเป็นคนที่ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อาจด้วยเจตนาหรือความจำเป็นบางอย่างก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นฝ่ายที่มีมากที่สุดหากใครก็ตามที่อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ไปในทิศทางที่อยากให้เป็น แล้วไม่เข้าใจธรรมชาติของคนเหล่านี้ก็ยากจะสำเร็จได้ เพราะถ้าคนเหล่านี้ถ้าเทใจไปให้ฝ่ายใดมากๆ ฝ่ายนั้นก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก เราอาจเรียกคนไทยกลุ่มนี้ว่า "ไทยเฉย" ตามที่สื่อบางสื่อให้ชื่อไว้ เพราะค่อนข้างสะท้อนความจริงได้ดีทีเดียว

ลักษณะของไทยเฉยดังกล่าว มีอยู่ในทุกสาขาอาชีพ ทุกชนชั้น ทุกเพศ ทุกวัย คือเป็นคนที่สนใจเรื่องทำมาหากินมากกว่าและสนใจเฉพาะสิ่งที่มากระทบตัวเองตรงๆเท่านั้น ไม่ได้สนใจเรื่องการเมืองมากนัก มีทัศนคติเป็นลบกับการเมืองและนักการเมือง เบื่อการชุมนุมประท้วงไม่ว่าฝ่ายไหน ไม่ชอบใจอะไรก็แค่บ่น หรือด่าว่า แต่จะไม่ไปเดินขบวนขับไล่ใคร ยึดถือขนบธรรมเนียมเดิมๆที่คุ้นชิน ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แต่เมื่อใดที่ไทยเฉยเหล่านี้รวมพลังกันขึ้นมา แล้วไปเติมให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็จะนำไปสู่ชัยชนะที่ค่อนข้างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจึงอยากบอกให้ฝ่ายการเมืองที่กำลังต่อสู้กันอยู่ในเวลานี้ หากอยากชนะจริงๆ ท่านต้องทำให้ไทยเฉยยอมรับตัวการกระทำของท่าน และแนวคิดของท่านให้ได้ ซึ่งต้องทำให้สอดคล้องกับอัตวิสัยของไทยเฉยด้วย ไม่ใช่หักด้ามพร้าด้วยเข่า หรือข่มขู่บังคับเพราะการที่จะเปลี่ยนความคิดฝ่ายที่เห็นตรงกันข้ามให้มาสนับสนุนฝ่ายตนนั้นคงทำได้ยากยิ่งและที่สำคัญไทยเฉยให้ความสำคัญกับ "ความจริง" สูงเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้น หากจะเอาชนะใจพวกเขาได้ก็ต้องด้วย"ความจริง"เท่านั้น .....