life sucks
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
9 พฤศจิกายน 2552

XXXแหกคอกมหาลัยXXX39XXX



           


        “เงียบหน่อยครับ ชายใส่แว่นหัวเกรียนแต่งตัวเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วตวาดใส่เหล่าพลพรรคปีหนึ่งจนเงียบกริบ “สวัสดีครับ... ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผม นาย ชาติชาย นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ และประธานนักศึกษาหอพักชั้นปีหนึ่ง”


ผมคิดในใจ... ทำไมเด็กวิศวะมันเกรียนเยอะจังวะ คือยังไม่ต้องสนใจเรื่องนิสัยนะครับ แค่ลุคของผู้ชายคนนี้ก็ไม่ไหวแล้ว ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมที่ดูแข็งกร้าว สิวแดงๆเต็มจมูก ทรงผมที่ไถด้านข้างจนเขียวผมที่เหลืออยู่นิดหน่อยก็ใส่น้ำมันไว้จนแวววาวแหลมคมราวกับหนามทุเรียน ดวงตาเล็กๆที่จ้องมองพวกเราอย่างเย่อหยิ่งอยู่หลังแว่นตากรอบเงิน ท่ายืนแยกขา ตัวตรง อกแอ่น แถมยังไพ่มือไว้ข้างหลังเหมือนผู้คุมทหาร(ถ้าใครเคยเรียน รด คงพอนึกภาพออก) ทั้งหมดทั้งปวงนี้ทำให้ผมอายที่จะอยู่คณะเดียวกับคนประเภทนี้เข้าทุกที-ประเภทที่ชอบมองผู้อื่นด้วยสายตาดูถูกนั่นละครับ-


มันยังอยู่หน้าแถว พล่ามไปเรื่อยสไตล์คนหลงยุค ด้วยท่าทางของมันผมจึงขออนุญาตเรียกมันว่า-ไอ้ทหารหนุ่ม-แทนชื่อจริงของมันละกันนะครับ คุณเคยเจอใครแล้วรู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกไหมครับ สำหรับคนเรื่อยเปื่อยอย่างผมแล้วไม่เคยรังเกียจใครหรือไม่ชอบขี้หน้าใครง่ายๆ คนที่จะโดนผมเหม็นขี้หน้าส่วนมากก็จะมีอยู่สองประเภท ประเภทแรกก็เป็นพวกหนุ่มๆที่เข้ามาจีบเข้ามายุ่งกับแฟนผม ส่วนประเภทที่สองคือคนที่มั่นใจในตัวเองและแสดงออกมาจนน่ารังเกียจ ไอ้ทหารหนุ่มก็จัดอยู่ในประเภทหลัง ผมอยากรู้เหลือเกินว่าใครเสือกไปเลือกให้มันเป็นประธานรุ่น


 “มีมติเอกฉันท์จากอาจารย์และประธานรุ่นต่างๆให้ผมเป็นตัวแทนของพวกคุณ” ทหารหนุ่มกล่าวอย่างมั่นใจออกมาราวกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร “โดยตัดสินจากเกรดเฉลี่ย การเข้าร่วมกิจกรรม และความเป็นผู้นำ”


โอ้... นี่ผมต้องมานั่งฟังมันโม้หรือครับเนี่ย??? ถ้าผมยังคงนั่งตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันอาจจะสำรอกของเก่าออกมา ถึงแม้ว่าตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งขัดสมาธิเป็นแถวกันหมดและถ้าผมลุกขึ้นมามันคงจะเด่นมาก แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมไม่อาจจะอยู่ร่วมโลกกับพวกบ้าอำนาจได้แม้แต่วินาทีเดียว ดังนั้นผมจึงพยายามขยับตัวออกจากแถวอย่างพะอืดพะอม


“จะไปไหนครับ” มันตวาดถามผม


ผมขยับปากเป็นเชิงบอกมันว่า ห้--ง น้ำ เงียบๆ ไม่เถียง ไม่กระโตกกระตาก ผมไม่อยากเป็นจำเลยของสังคม ผมไม่อยากให้ใครในที่นี้รู้ว่าผมมีตัวตน ผมพลาดไปแล้ว...


“กลับไปนั่งที่เดิมก่อนครับ” ทหารหนุ่มโบกมือเป็นสัญญาณให้ผมนั่งอยู่กับที่ “อีกไม่นานผมก็พูดจบแล้ว”


yes sir! ผมตอบมันในใจแล้วกลับไปนั่ง


“อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานวันลอยกระทงแล้ว” ไอ้ทหารหนุ่มเตือนใจเรา “เราจะแสดงศักยภาพของบุคลากรในหอด้วยการสร้างกระทงที่สวยที่สุดและใหญ่ที่สุด และพวกเราก็ต้องช่วยรุ่นพี่ทำกระทงตั้งแต่วันนี้จนถึงวันงานอย่างไม่มีข้อแม้ จะมีการเช็คชื่อผู้เข้าร่วม คะแนนทุกคะแนนที่ได้จะมีผลต่อการถูกพิจารณาให้อยู่หอในภาคการศึกษาต่อไป... เข้าใจนะครับ”


พอพูดจบไอ้ทหารหนุ่มก็สั่งเลิกแถวและบอกให้พวกเราแยกย้ายกันไปทำงาน   


ส่วนตัวผมก็เดินทำเป็นไปช่วยเลื่อยไม้มาทำโครงกระทงทั้งๆที่ใจจริงอยากจะขึ้นไปนอนพักผ่อนจะตายอยู่แล้ว ด้วยความที่ผมเป็นคนที่ชอบแตกความคิดอะครับ ถ้าเห็นอะไรที่มันสะกิดใจก็จะหาความรู้แวดล้อมเพื่อมาอธิบายปรากฏการณ์ที่เราเห็นให้เคลียร์ขึ้น เพราะหลังจากทหารหนุ่มมันสั่งงานเพื่อนๆเสร็จแล้วแทนที่มันจะมาร่วมทำงานด้วยกันแต่มันกลับไปคุยสนุกกับพวกพี่ๆ ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆเข้าไปแอบฟังให้รู้ว่าสิ่งที่ผมคิดเอาไว้มันตรงกับความเป็นจริงหรือไม่


“เราจะได้แชมป์งานประกวดกระทงปีนี้แน่นอนครับ” ทหารหนุ่มพูดกับเหล่ารุ่นพี่ “ผมอยากเก่งเหมือนพวกพี่จังเลยครับ พี่ออกแบบกันเองหรือเปล่าครับ”


คนอ้วนคือหมู ตัวใหญ่มากเป็นช้าง คนปากเสียเป็นหมา ลื่นมากเป็นปลาไหล คนโง่คือควาย พวกชอบประจบสอพลอก็เป็นหมาเช่นกัน บางทีอาจจะกระจอกกว่าหมาเสียด้วยซ้ำเพราะหมามันยังมีความน่ารัก แต่บ่าวช่างเลียให้เพียงความรู้สึกทุเรศลูกตา คนจะเลวเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก มันน่ารังเกียจไหมครับที่คนเราจะ Double standard ได้ขนาดนี้ ไอ้นี่มันออกแนวประจบรุ่นพี่ สอพลอครู เหยียบย่ำเพื่อนๆ เลยครับ อยู่ต่อหน้าคนที่อยู่ในฐานะต่ำกว่าก็ทำเป็นเสียงดังมีอำนาจ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่มีอำนาจมากกว่าก็ชโลมชเลียสารพัด มันแย่นะครับที่สังคมจะยอมให้คนอย่างนี้จะมีอำนาจขึ้นมา


สำหรับผู้ใหญ่ที่เห็นว่าวัยรุ่นยุคนี้คือยุคเสื่อมทราม จากการพิจารณาเพื่อนๆรอบตัวรวมทั้งตัวเองผมก็คงจะไม่เถียงเพราะมันคงเสื่อมทรามจริงๆ แต่ก็อยากจะถามกลับว่าความเสื่อมทรามของคนยุคผมมันบ่มเพาะมาจากไหนถ้าไม่ใช่จากคนรุ่นก่อนก็คือพวกคนแก่ที่กำลังจะตายจากไปเหลือแต่ปัญหามากมายไว้ให้พวกเราคนรุ่นใหม่แก้ไข ผมซึ่งอายุ 19 รู้สึกว่าปัญหาสำคัญของประเทศไทยอาจเกิดจากวัฒนธรรมไทยและพุทธศาสนา วัฒนธรรมที่สอนให้คนยอมคน วัฒนธรรมการช่วยเหลือกันแบบเครือญาติโดยไม่ดูถูกผิด เด็กๆต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่อย่างไม่มีเหตุผลทั้งๆที่ผู้ใหญ่อาจจะโง่กว่าเด็กด้วยซ้ำ ระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง SOTUS ระบบที่สนใจพรรคพวกมากกว่าคนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ ตนไม่ได้เป็นที่พึ่งแห่งตน สุภาษิตเดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด อาบน้ำร้อนมาก่อน ฯลฯ อากาศร้อนที่ทำให้คนเฉื่อยชา การอยู่อย่างสุขสบายเกินไปจนคนไม่รู้ซึ้งถึงความลำบากอย่างแท้จริง พุทธศาสนาที่คำสอนเน้นความสุขของปัจเจกมากกว่าการร่วมมือกันช่วยพัฒนาสังคมโดยรวม สอนให้คนปล่อยวางในเรื่องที่ไม่ควรปล่อยวาง ให้อภัยพวกคอรัปชั่นเพื่อรอให้ผลกรรมจัดการกันเอง


การดำรงอยู่ของไอ้ชาติชายนี่มันทำให้ผมต้องคิดมากจนปวดท้องเลยครับ ผมอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่สังคมอย่างนี้ก็ได้ สังคมที่คนซึ่งพอจะคิดได้ทำได้แค่ปล่อยวาง แค่ผมเห็นมันเลียรุ่นพี่ผมก็แตกปัญหาออกมามากมายราวกับปฏิกิริยาปรมาณูจนสมองแทบจะระเบิดเพราะประมวลผลไม่ไหว


ผมมองไป... ทหารหนุ่มมันก็ยังคงยืนคุยอยู่กับรุ่นพี่ตรงนั้น ปล่อยให้เพื่อนๆเหงื่อไหลไคลย้อยไปกับการตัดไม้ประกอบกระทงซึ่งถ้าเสร็จแล้วมันก็คงเสนอหน้ารับผลงานไปเต็มๆอีก มันยังมีเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกคลื่นไส้มากกว่าเดิมอีกครับ คงต้องอธิบายก่อนว่าหอนี้เป็นหอแยกตึกชายหญิง ดังนั้นเมื่อพวกผู้หญิงเห็นผู้ชายกำลังช่วยกันประกอบกระทง พวกเธอบางส่วนที่มีน้ำใจจึงเข้ามาร่วมช่วยทำ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีใครสังเกตเห็นเหมือนผมหรือเปล่า แต่ไอ้ชาติชายมันไปช่วยในกลุ่มที่มีสาวๆหน้าตาดีๆอยู่ด้วย เรียกว่าโชว์พาวโชว์สาวเต็มที่จนผมอยากจะอ้วกออกมาจริงๆ คนเราบางคนทำไมมันทำตัวได้ทุเรศขนาดนั้น ผมหมดอารมณ์ครับ ตอนนี้ใครจะมองว่าผมกินแรงเพื่อนอย่างไรผมก็ไม่สนแล้วครับ สังคมของผมไม่ใช่สังคมที่นี่แน่นอน ผมเหนื่อยและต้องการจะพักผ่อนแล้ว ดังนั้นผมจึงทิ้งเลื่อย เดินขึ้นไปบนหอ อาบน้ำ และเตรียมตัวจะนอน ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก


 “ลงไปช่วยเพื่อนทำงานด้วยครับ” ไม่อยากเชื่อ! ไอ้ทหารหนุ่มมันขึ้นมารังควาญชีวิตผมถึงในห้อง!


มันวอนเองนะครับ... คือผมขออธิบายก่อนนะครับว่าที่ผมไม่ได้ฟาดปากกับมันในตอนแรกก็เพราะคนอยู่เยอะ ผมไม่ต้องการให้คนอื่นรู้สึกว่าผมเป็นแกะดำ แต่เมื่ออยู่กันตัวต่อตัวอย่างนี้ผมจึงกล้าที่จะด่ามันออกไปอย่างไม่เกรงใจ


“อย่ามาเสือก” ผมบอกแล้วก็โบกมือไล่มันเหมือนไล่หมา “กูจะนอน”


“อย่ากินแรงเพื่อนครับ” มันยังตื้อ “เดี๋ยวผมตัดคะแนนคุณนะครับ” มันยังมาขู่อีกแน่ะ


“มึงตัดไปเลย แล้วก็ออกไปได้แล้ว” ผมไล่มันอีกรอบ “ปิดประตูด้วย”


มันยืนหน้าแดงก่ำอยู่ตรงนั้นด้วยความโกรธจนผมรู้สึกสะใจเอามากๆ เสือกมายุ่งกับผมเอง ช่วยไม่ได้


“เดี๋ยวเห็นดีกัน” มันพูดเบาๆแต่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตก่อนจะหันหลังเดินจากไป


คือปกติแล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยสร้างศัตรูหรอกครับ แต่กับคนอย่างนี้มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ คืนนั้นผมนอนหลับไปด้วยฝันดีปนๆกับฝันร้าย ฝันดีก็คือพรุ่งนี้ผมจะได้เจอกับเจนเป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาสองปี ส่วนฝันร้ายก็คือไอ้ชาติชายแหละครับ ผมมักจะรู้สึกกระวนกระวายเสมอในยามมีศึกศัตรู และความเครียดที่ช่วยไม่ได้นี้ก็ปรากฏเข้ามาอยู่ในฝันของผม สุดท้ายฝันดีก็มีอานุภาพมากกว่าฝันร้าย ต้องยอมรับกับตัวเอง... ผมตื่นเต้นที่จะได้เจอแฟนเก่าเอามากๆเลย  


  


 






Free TextEditor


Create Date : 09 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2552 23:03:48 น. 1 comments
Counter : 359 Pageviews.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: Vito Andolini Corleone วันที่: 31 กรกฎาคม 2557 เวลา:13:04:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Chud S.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Chud S.'s blog to your web]