life sucks
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
23 ตุลาคม 2552

XXXแหกคอกมหาลัยXXX27XXX



เราเดินด้วยกันตรงนั้น ในสวนสาธารณะที่ผู้คนต่างวิ่งวนไปรอบๆ ชายแก่กางเกงขาสั้นจู๋จับกลุ่มวิ่ง บ้างหัวล้าน บ้างหัวหงอก สวนแห่งนี้ไม่มีพื้นที่โล่งมากพอที่จะจัดเป็นลานเต้นอารบิกหรือรำไท้เก็ก เราก็เป็นแค่หนุ่มสาวคู่หนึ่งในจำนวนหนุ่มสาวหลายร้อยล้านคู่ทั่วโลก ผมก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งในผู้ชายพันล้านคนทั่วโลกที่กำลังตกหลุมรักผู้หญิง จะมีอะไรที่สร้างสีสันให้กับชีวิตได้มากกว่าความรัก มีผู้ชายกี่มากน้อยที่บูชาความรักเท่าชีวิต การที่ผู้ชายคนหนึ่งหลงใหลในความงามของหญิงสาวจนพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอนั้นเป็นเป็นเรื่องราวแห่งโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนโลกใบนี้ ในช่วงชีวิตหนึ่ง สิ่งที่มีค่ามากพอที่จะเรียกว่าความรักได้นั้น เกิดขึ้นมาเพียงไม่กี่ครั้งสำหรับไม่กี่ผู้โชคดีเท่านั้น


สำหรับเธอผู้ซึ่งกำลังเดินกับผมอยู่นี้ บางครั้งเมื่อเธอเดินเล่น ยิ้มแย้มไปกับการเห็นเด็กกำลังหัวเราะไปกับชิงช้าที่ถูกแกว่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ช่วงเวลาเหล่านั้นหยุดอยู่นิ่งราวกับผมรู้จักเธอมาทั้งชีวิต แต่บางครั้งเมื่อเธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้า บนก้อนเมฆสีเทาเหล่านั้นแล้วเริ่มถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้าไปกับความคิดที่เธอไม่มีวันที่จะบอกผม ด้วยสีหน้าเหล่านั้นทำให้ผมกลายเป็นคนแปลกหน้าและไม่มีทางเข้าใกล้เธอไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว บางทีมันก็เหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นระหว่างคนแปลกหน้าสองคน แต่บางครั้งเมื่อเราคุยกัน บทสนทนาเหล่านั้นก็โบยบินคู่กันไปเหมือนผีเสื้อสองตัวหยอกล้อกันในอากาศที่ทำให้ผมรู้สึกผสมผสานกลายเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความปรีดาที่ทำให้ผมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว บางครั้งมันก็เป็นความสุข บางครั้งมันก็เป็นความกลัว ความกลัวว่าความสุขเหล่านี้จะมลายหายไปอย่างรวดเร็วและเราจะไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว ทันใดนั้นผมก็รู้ตัวว่าผมยังไม่แม้กระทั่งรู้จักชื่อเธอเลยนี่นา...


“เราเจอกันหลายครั้ง...” ผมปล่อยหมัดแย็บ “ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”


“หรอคะ...”


เธอมองหน้าผม ด้วยสายตาที่ผมเดาว่าเธอต้องการจะสื่อว่า มันสำคัญนักหรือคะที่คุณจะต้องรู้จักชื่อของฉัน... มันอาจจะเป็นสิ่งที่ผมคิดไปเอง หรือว่าเธอกำลังเล่นตัว การเล่นตัวเป็นเสน่ห์ของผู้หญิงซึ่งถ้านำมาใช้ถูกที่ถูกเวลาแล้วละก็มันจะมีอำนาจพอที่จะทำให้ผมเพ้อคลั่งได้เลย ผมไม่แน่ใจว่าสีหน้าของผม แววตาของผม การขยับอย่างอยู่ไม่สุขขององคาพยบบนใบหน้าของผมจะบอกอะไรกับเธอได้บ้าง ทุกอย่างเป็นเรื่องของธรรมชาติ การสังเกตและแปรผลเป็นเรื่องของศิลปะ ศิลปะที่ผมพยายามฝึกฝนเพื่อความเข้าใจ เพื่อเกมส์ เพื่อความพึงพอใจที่ไม่มีทางหาได้จากศาสตร์แขนงอื่น แต่บางครั้งโจทย์มันก็ยากเกินไป และบ่อยครั้งที่ผมต้องยอมสยบแก่อำนาจที่มากกว่า


“อูฐค่ะ” เธอตอบ “ฉันชื่ออูฐ แล้วคุณละคะ” ผมเองก็ลืมไปแล้วว่าเคยบอกชื่อเธอไปหรือยัง อาจจะเคยบอกแล้วแต่เธอจำไม่ได้ หรืออาจจะไม่เคยบอกเลย แต่ถึงจะเคยหรือไม่เคยมันก็ไม่สำคัญตรงไหนเมื่อเธอจำไม่ได้ ยอมรับเลยว่าชื่อของเธอนั้นช่างกระชากอารมณ์ผมเอามากๆ


“ผมชัดครับ” ผมตอบ “ชัดเหมือนชัดเจน”


ถ้าเป็นคนอื่นมาบอกว่าเขาหรือเธอชื่ออูฐนี่ผมคงหัวเราะก๊ากไปแล้ว แต่สำหรับเธอแล้วชื่อ “อูฐ” กลายเป็นชื่อที่ทรงพลัง กลายเป็นชื่อที่ไพเราะ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันกลายเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร สำหรับชื่อนั้นคนไทยเราใช้ชื่อสัตว์เป็นชื่อเล่นมากมายถ้าเป็นสัตว์ปีกก็มีทั้ง นก เป็ด ไก่ หง สัตว์น้ำก็มี กุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งสัตว์ป่าและปศุสัตว์ เสือ แมว สิงโต ม้า กวาง หมู ฯลฯอีกสารพัด แต่อูฐนี่เป็นครั้งแรกครับที่ผมได้ยินว่ามีคนใช้ชื่อนี้ ความคิดของผมไหลไปและไหลกลับ ความเชื่อบางครั้งบางทีมันก็เล่นตลกกับผม สิ่งที่ผมเคยยึดติดบางอย่างก็หักหลังผม แต่ความรู้สึกไม่เคยหลอกลวงผม สำหรับผมแล้วถ้าไม่สามารถเชื่อถือความรู้สึกก็แทบจะไม่เหลืออะไรให้ยึดติด ด้วยความเคารพรัก...


ผมขอสารภาพตามตรง สิ่งที่ทำให้คนเฉื่อยชาอย่างผมสามารถตกหลุมรักเธอได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้อธิบายได้ไม่ยาก ในเชิงวิชาการ ตามหลักวิทยาศาสตร์ เธอมี Element บางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก เป็นความรู้สึกที่คล้ายๆเวลาคุณเดินทางกลับบ้านเกิด มองทุกสิ่งทุกอย่างอย่างที่มันเคยเป็นและเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่มันเป็นซ้อนทับกับภาพอดีตที่เราสร้างขึ้นในสมองและนั่นทำให้เราโหยหาและปลื้มปิติอย่างมากเมื่อได้กลับไปบ้านเกิด ไอ่เหี้ยเอ๊ย... ผมสบถในใจตัวเอง เธอช่างคล้ายกับแฟนเก่าผมเอามากๆ คล้ายกันอย่างบัดซบเลยละครับ


บ่อยครั้งที่ผมรู้สึกว่าสุขภาพจิตของผมไม่ค่อยดีเท่าที่ควร คิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน รู้สึกกับเรื่องอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน คุณเคยหรือเปล่าครับ เวลาเข้าไปดูหนัง จังหวะที่คนอื่นเค้าหัวเราะกันเรากลับเงียบ จังหวะที่คนอื่นเขาเงียบกันเราเสือกหัวเราะ อาจจะเหมือนคนที่อยู่บนโลกเดียวกันแต่โมงโลกกันคนละแบบ หนังฝรั่ง ฝรั่งหัวเราะเราเงียบ หนังไทย ไทยหัวเราะฝรั่งเงียบ... มุมมองบนโลกนี้มันอาจแตกต่างกันตามประสบการณ์ ภาษา บางทีการที่ผมใช้ชีวิตวัยเด็กไม่ค่อยเหมือนผู้คนรอบๆอาจจะทำให้ผมมองโลกคนละอย่างกับพวกเขา ผมอยากจะบอกว่ามันอาจจะเป็นการมองได้ลึกกว่ามีมิติมากกว่าแต่นั่นก็เป็นคำพูดแบบหลงตัวเอง สำหรับคนอื่นแล้วผมอาจจะเป็นอะไรที่เพ้อเจ้อ ล่องลอย ไร้แบบแผน สวะสังคม แต่สำหรับคนที่มองโลกแบบเดียวกับผมแล้ว เราจะสามารถหัวเราะกับหนังเรื่องเดียวกัน ร้องไห้ไปกับเพลงๆเดียวกัน อิ่มใจไปกับหนังสือเล่มเดียวกัน และนั่นละครับคือคนรักเก่าของผม และนั่นละครับสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกกับอูฐที่มีมิติที่ลึกกว่าความงามที่มองได้เพียงภายนอก


  ถ้าคุณกำลังอยู่บนตึกสูงรอบๆ คุณคงมองเราเป็นเพียงจุดสองจุด ท่ามกลางต้นไม่ใบหญ้า ท่ามกลางจุดนับพันที่กำลังเคลื่อนไหวไปพร้อมๆกับการหมุนของโลก คุณเคยสงสัยไหมว่าเวลาคู่อื่นที่เค้าอยู่ด้วยกัน เค้ากำลังคุยหัวเราะสนุกสนานหรือนั่งหน้าบึ้งห่างๆกัน เค้ากำลังคุยอะไรกันบ้าง ปัญหาเรื่องงาน ปัญหาเรื่องเพื่อน ปัญหาเรื่องความรัก พูดคุยเกี่ยวกับหนังเรื่องเดิม สุนัขตัวใหม่ รายการทีวี ดาราคนไหนที่คุณชอบ เจ้านายคนไหนที่คุณเกลียด คุณเคยไหมที่รู้สึกว่าตัวเองต้องมานั่งคุยนั่งฟังเรื่องไร้สาระมากมาย บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่คุณไม่ได้อยากรู้เลย แต่ที่คุณต้องทนนั่งฟังเพียงเพื่อต้องการรู้จักคนๆนี้ เพียงเพื่อจะได้รู้ว่าฉันไม่ต้องการจะรู้จักมันอีกต่อไป เพราะมันไม่มีอะไรที่ดึงดูดเราเลย เป็นเพียงคนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป สลายไปเป็นเพียงธาตุอากาศ แต่คนที่น่าประทับใจที่สุดคือคนที่คุณสามารถคุยเรื่องไร้สาระนั้นได้อย่างไม่มีวันเบื่อ คนที่คุณจะอยากคุยด้วยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด เพราะเรื่องเดียวกันนั้นมีมุมมองให้มองได้มากมาย และเมื่อไรก็ตามที่เครื่องส่งของเขาและเครื่องรับของคุณปรับลงล็อค เรื่องราวต่างๆก็จะไหลบ่าออกมาเหมือนน้ำป่า เหมือนหิมะถล่ม เหมือนภูเขาไฟระเบิด เหมือนสึนามิ เหมือนภัยพิบัติที่คุณต้องเตรียมตัวรับมือมันก่อนที่มันจะเล่นงานคุณ


“คุณเคยมีคนที่คุณรักมากพอที่จะตายแทนเขาได้หรือเปล่า” นั่นเป็นคำถามที่เธอจุดขึ้นมาเหมือนพลุที่ถูกยิงขึ้นไปแล้วระเบิดเสียงดังสนั่นในอากาศ บนท้องฟ้า เธอถามผมเมื่อแสงอาทิตย์เส้นสุดท้ายลับหายไปจากฟากฟ้า แทนที่ด้วยแสงขาวๆจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ยาวๆที่เรียงตามทางเดินเพื่อล่อแมลงเล่นไฟ “ผู้หญิง คนที่คุณรักมากที่สุดในชีวิต”


“มีครับ” ผมตอบ มองเข้าไปในตาเธอ เห็นเงาสะท้อนของตัวผมเอง “แต่มันจบไปแล้ว จบไปพร้อมกับวัยเด็กของผม จบไปพร้อมกับการมองโลกในแง่ดีและความคิดอันบริสุทธิ์ของผม”


 จะให้ผมวางตัวกับเธออย่างไร ผมต้องการเธอ ต้องการร่างกายของเธอในฐานะของคู่รัก ในขณะเดียวกันก็ต้องการพูดคุยกับเธออย่างสบายใจในฐานะเพื่อน ภายนอกของเธอดึงดูดผมเกินกว่าที่ผมจะไม่ใจสั่นยามคุยด้วย แต่เรื่องราวที่เราคุยกันมันล้วงเข้าไปในเชิงลึกที่เราอาจจะรู้ทุกอย่าง และเมื่อใครที่รู้เรื่องของใครมากจนเกินไปแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย... เรานั่งอยู่บนเก้าอี้ยาว ใต้ต้นไม้ที่จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาให้เรารู้สึกอึดอัดยามค่ำคืน เธอนั่งอยู่ที่ปลายข้างหนึ่ง ผมนั่งอยู่ที่ปลายอีกข้างหนึ่ง มีเสียงจิ้งหรีดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินเสียงกรีดปีกของมันในสวนสาธารณะกลางใจเมือง ผมเดินไปที่เสาลำโพง พยายามจะฟังว่ามันถูกทาง กทม ปล่อยออกมาหลอกหูหรือเปล่า แต่ก็ไม่ ลำโพงไม่มีเสียงใดๆ จิ้งหรีดตามธรรมชาติ ประชาชนผู้รักสุขภาพก็ยังคงวิ่งอยู่ไม่หยุด ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมยกเว้นอากาศที่เริ่มจะเย็นสบายขึ้นหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า


“เราเองก็มีเหมือนกัน” เธอตอบโดยมองไปยังสระน้ำเบื้องหน้า


“ครับ” ผมตอบ มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงจันทร์สีเหลือง ดวงดาวสีขาว ท้องฟ้าสีดำ “คุณรักเขามาก”


“มากเท่าที่คนคนหนึ่งจะรักอีกคนได้” เธอเงยขึ้นไปมองท้องฟ้าเหมือนผม “แต่ก็ต้องมีสักวันที่อะไรๆก็ต้องเปลี่ยนจริงไหม?”


“จริงครับ”


อย่างที่บอกละครับ... ผมไม่สนใจว่าเธอกำลังมีใครอยู่ ผมรู้แต่ว่าผมอยู่กับเธอตอนนี้แล้วมีความสุขเท่านั้นก็น่าจะพอแล้ว ไม่มีใครเป็นอนาคตของใคร ไม่มีใครเป็นอดีตของใคร ทุกสิ่งเป็นเพียงแค่ปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่ ทุกอย่างในตอนนี้ช่างโรแมนติคและน่าจดจำ ทั้งความเศร้าจากความหวนไห้ในสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ความตื่นเต้นที่จะอยากรู้อยากเห็นกันและกัน ทุกอย่างทำให้ผมฮำเพลงขึ้นมาเบาๆ


Cause we are gonna be forever you and me ...


You'll always keep me flying high in the...


“เธอร้องเพลงเดียวกับที่เรากำลังคิดอยู่เลย” เธอบอกผม


“ครับ” ผมตอบเธอไปแค่นั้น ไม่ตกใจ ไม่แปลกใจ ความจริงโอกาสที่เรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นมันมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น บางทีเราอาจจะได้ยินเพลงนี้ในห้าง ในร้านกาแฟ สถานที่ที่เราใช้ด้วยกันเพียงแต่ต่างกาลเวลาและโอกาส บรรยากาศเดียวกัน แน่นอนครับว่ามันเป็นความบังเอิญที่มาได้จังหวะที่ลงตัว แต่ผมไม่เทคว่ามันเป็นเรื่องพิเศษ ทุกอย่างปล่อยให้ไหลไปตามกระแสธรรมชาติ สอดคล้อง สอดประสาน เมื่อเป็นหนึ่งเดียวกันเมื่อไรธรรมชาติก็จะบรรเลงเพลงๆเดียวกันกับเรา


จบตอนที่2


 


            






Free TextEditor


Create Date : 23 ตุลาคม 2552
Last Update : 23 ตุลาคม 2552 10:38:00 น. 1 comments
Counter : 521 Pageviews.  

 
ตามอ่านอยู่นะคะ ^^


โดย: kirill วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:12:43:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Chud S.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Chud S.'s blog to your web]