life sucks
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
12 ตุลาคม 2552

XXXแหกคอกมหาลัยXXX16XXX



 


เจ้าของไอ้มือที่มาคว้ามือของผมไว้เป็นชายหนุ่มหน้าตากวนตีนๆอีกคน แววตาของมันซ่อนอยู่ในผมหน้าม้าที่ยาวลงมาปรกตา มันผิวขาว สูงพอๆกับผม ดูจากหน้าตา ท่าทาง การแต่งตัว และผมเผ้ายาวรุงรังของมัน ดูติสต์แตกขัดใจแม่ยิ่งกว่าลุคของผมอีก มันชี้ไปข้างหลังของผม ผมจึงมองตามนิ้วของมัน พระเจ้าช่วยเลยครับ... ชายเสื้อข้างหลังของผมหลุดออกมานอกเกงเกงเพียงนิดเดียวเท่านั้น เมื่อผมเห็นดังนั้นจึงจัดการยัดเสื้อเข้าไปในกางเกงเป็นอันเรียบร้อยเสร็จสิ้นกระบวนความ อาจารย์ประจำห้องสอบทำหน้าเหมือนไม่พอใจพอสมควร แต่ก็ปล่อยผมเข้าไปในห้องพร้อมกับพูดเหน็บแนมอีกนิดหน่อย ซึ่งผมก็ทำเป็นหูทวนลมครับ ไม่ตอบโต้ ไม่รับรู้ และไม่ถือสาหาความใดๆทั้งสิ้น ความจริงผมก็ใจหายไปพอสมควรกับสิ่งที่ตัวเองเกือบจะทำ ลองคิดดูสิครับว่าถ้าผมปล่อยหมัดตัวเองออกไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น อย่างแรกผมคงโดนไล่ออกแน่ๆ แล้วพ่อแม่ผมละจะรู้สึกอย่างไร ผมละเชื่อตัวเองเลยครับ ขนาดที่ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนมีเหตุผลแต่ก็เกือบซวยเพราะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ เรื่องนี้ทำให้ผมเสื่อมศรัทธาในตัวเองมากพอดู


แต่ผมต้องขอบคุณมัน ไอ้หนุ่มผมยาวนั่น มันนั่งสอบเยื้องไปทางด้านซ้ายของผม เวลาผ่านหนึ่งชั่วโมงแรกไปแล้วครับ ข้อสอบยากแสนยากนั่นมีเพียง 4 ข้อเท่านั้น ผมก็พยายามทำทุกข้อแล้วครับ แต่ว่าก็ทำไม่เสร็จสักข้อ คือว่ามันยากสุดๆขนาดที่ว่าฟิสิกส์เอนทรานซ์ไม่ได้เสี้ยวความยากของมันเลย ผมก็พยายามไถๆไป พยายามเขียนอะไรเท่าที่รู้เข้าไว้ แต่มันพยายามเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกแย่กับตัวเอง ผมมองไปที่โต๊ะอื่นเห็นเค้าเขียนกันไหลลื่น กดเครื่องคิดเลขราวกับนักเขียนเคาะแป้นพิมพ์ดีด ทำซะอย่างกับข้อสอบมันง่ายมาก ผมก็เหี่ยวสิครับ รู้สึกว่าตัวเองโคตรโง่เลย ผมนี่ทีเรื่องเหี้ยๆละก็เก่งนัก ทีเรื่องดีๆก็ทำกับเค้าไม่ค่อยเป็น สิ่งที่พอจะทำให้ผมรู้สึกดีอยู่บ้างก็คือเมื่อไรก็ตามที่ผมมองไปข้างซ้าย ไอ้หนุ่มผมยาวนั่นก็ยังนอนฟุบโต๊ะ ผมรู้สึกว่ามันคงคล้ายๆกับผม คือทำข้อสอบไม่ได้เลย แต่แทนที่มันจะพยายามเรียกร้องหาความเห็นใจโดยเขียนอะไรลงไปเยอะๆเหมือนผม มันกลับยอมรับชะตากรรมนอนหลับปุ๋ยตั้งแต่เริ่มสอบยันสอบเสร็จ


ความจริงผมเองก็ง่วงมากๆ สมองก็เบลอ ตาก็แทบจะปิด อยากจะโน้มตัวลงฟุบกับโต๊ะเหมือนกับไอ้หนุ่มเหมือนกัน แต่ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ครับเพราะมันเสียศักดิ์ศรี เรื่องมาจากไอ้อาจารย์แว่นคนที่ผมเกือบจะต่อยมันไปแล้ว มันก็ยังคงรังควาญผมโดยการเดินมาตรวจสอบการทุจริตเอากับผมอยู่อย่างสม่ำเสมอ คือสำหรับที่นี่เค้าจริงจังกับเรื่องทุจริตเอามากๆเลยครับ คือตรวจหมดทั้งบัตรนักศึกษา ไม้บรรทัด เครื่องคิดเลข ปลอกเครื่องคิดเลข เรียกว่าพี่แกตรวจทุกอย่างที่พี่แกคิดว่าเด็กจะจดสูตรเข้าไปได้


สำหรับคนอย่างผมคนที่เหมือนจะมีปัญหากับเค้า พี่แกก็เอาหนักเลยครับ ลองผมนอนฟุบแบบไอ้หนุ่มผมยาวบ้างสิ มันคงเดินมาใกล้ๆผมและก็คงถามผมว่า นี่... เธอทำไม่ได้เลยหรือ? เธอไม่ได้เข้าเรียนเลยหรือ? เธอนี่มันทั้งโง่ทั้งขี้เกียจเลยสินะ? สงสารคนเป็นพ่อเป็นแม่ของเธอจริงๆ และเมื่อมันมาถึงเรื่องพ่อแม่ผมก็คงจะฟิวขาดอีกจนได้ ทั้งหมดนี่ผมไม่ได้คิดไปเองนะครับ ผมเคยเจออาจารย์อย่างนี้มาก่อน และผมจะไม่ยอมให้มันมาพูดจาเสียดสีกระทบกระเทียบผมกับบุพการีของผมเด็ดขาด ดังนั้นผมจึงตั้งใจเขียนอย่างเต็มที่ เรียกว่ามีความรู้เท่าไรก็ใส่เข้าไปหมดให้หน้ากระดาษมันไม่ดูว่างจนมันเห็นได้ว่าเราโง่...


ผมตั้งใจเขียนไปดมยาดมไป กว่ากริ่งหมดเวลาจะดังผมก็แทบจะเป็นลมอยู่ตรงนั้น พอเสียงกริ่งดังเท่านั้นละครับ ผมกวาดเครื่องเขียนแล้วรีบออกจากห้องทันที ขณะที่ผมกำลังเก็บกระเป๋าอยู่หน้าห้องผมก็ต้องทนฟังพวกเก่งโคตรพ่อที่มันทำข้อสอบได้ออกมาโม้ให้ฟังว่ามันเก่งอย่างไรบ้าง แบบว่า ข้อหนึ่งนี่เราได้ XXX แล้วนายได้เท่าเราป่าว... อ่าวเราผิดหรอ... แล้วข้อสองล่ะมันทำอย่างนี้ XXXX แล้วได้คำตอบ XXX หรือเปล่า.... แต่ไอ้อย่างนี้มันก็โอเคนะครับ ออกมาแล้วก็ตรวจคำตอบกัน ถ้าผมพอทำได้ผมก็อยากจะรู้เรื่องแบบพวกมัน อย่างน้อยก็น่าจะพอเดาๆคะแนนของตัวเองได้ แต่พวกที่มันน่ารำคาญก็คือพวกเก่งๆใส่แว่นหนาๆแล้วพอสอบออกมาแล้วก็ชอบบ่นว่าทำไม่ได้เลย แต่พอคะแนนออกมาโคตรเยอะ ไอ้พวกนี้แม่งน่าหมั่นไส้ แต่ผมในช่วงเวลานั้นสภาพร่างกายมันต่อสู้กับความเครียดหน้าห้องสอบอย่างนั้นไม่ไหวแล้วละครับ เท่าที่ผมทำคือแวบออกไปที่บันไดหนีไฟ ควักซองบุหรี่ขึ้นมา จุดบุหรี่สูบให้รู้สึกดีขึ้นกับชีวิตสักหน่อย ทันใดนั้นก็มีเสียงแหบๆเศร้าๆพูดขึ้นมาในบรรยากาศที่น่าวิงเวียนนั่น


“เออ... ขอตัวนึงได้ป่าววะ”


“ได้ๆ” ผมตอบ แต่คุณก็คงรู้แล้วนะครับว่าคนที่จะมาขอบุหรี่ผมเป็นใคร ก็จะเป็นใครซะอีกละครับนอกจากไอ้หนุ่มผมยาวติสต์แตก ท่าทางมันดูเหม็นๆเหมือนเด็กถาปัตฯ คือผมหยิกยาวรุงรัง ผอมแห้ง ตัวขาวซีดเหมือนคนไม่เคยโดนแดด มันจุดบุหรี่ด้วยไฟแช็กของผมก่อนจะยื่นคืนมาให้ มันอัดบุหรี่เข้าไปลึกเอามากๆแล้วพ่นออกมาแค่ควันจางๆ โอ้โห... ถ้าผมดูดลึกขนาดนี้นะครับ แค่ตัวเดียวก็มึนไปทั้งวันแล้ว “ทำได้ป่าววะ” ผมถามมันเรื่องสอบ


“ก็น่าจะเห็นนะ” มันตอบแบบกวนๆพร้อมกับยิ้ม “ยากซะขนาดนั้น น้องๆข้อสอบโอลิมปิกเลย”


คือไอ้หนุ่มนี่เมื่อคืนมันคงไม่ได้นอนเหมือนผม เพราะตาของมันที่อยู่หลังผมหน้าม้านั่นค่อนข้างจะแดงก่ำ อีกทั้งขอบตาก็ดำคล้ำ


“เออ.. มึงชื่อไรวะ” ผมถาม


“เอกว่ะ” มันตอบ ผมบอกตามตรงเลยนะครับ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่ผมรู้สึกว่าชื่อของมันไม่เหมาะกับหน้าตาท่าทางของมันเลยสักนิด อีกครั้งนะครับสำหรับบางท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้หนุ่มผมยาวนี่กับผมจึงพูดคุยกันได้อย่างง่ายดายนัก บอกได้เลยครับว่าสังคมการสูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาลัยที่มีชื่อเสียงอันเต็มไปด้วยเด็กเนิร์ดอย่างสถาบันอันทรงเกียรติแห่งนี้ สิ่งมีชีวิตที่สูบบุหรี่หาได้น้อยมากจนเกือบสูญพันธุ์ ดังนั้นการได้พบกันในสถานรังลับคนสูบบุหรี่จึงเป็นดั่งบุพเพสันนิวาสอันมิอาจจะบดบังได้


ตอนแรกๆเราก็คุยเรื่องทั่วไปกันละครับ ภายใต้ทะเลควันนี่บอกได้เลยว่าหนุ่มๆมีเรื่องให้พูดคุยกันมากมาย มันเองก็เหมือนๆกับผม คือไม่ชอบสุงสิงกับคนในคณะ เรียนแลป เข้าห้องเช็คชื่อ นอกจากนั้นก็ไม่มาเลย ไม่ทำกิจกรรมใดๆทั้งสิ้น ไม่เข้ารับน้อง ไม่แม้แต่จะเข้าชมรมใดๆ แต่มันต่างจากผมตรงที่มันไม่ได้เป็นเด็ก ตจว คือมันเป็นเด็ก กทม ติสต์ๆอะครับ ผมว่าเด็กกรุงเทพฯที่เข้าที่นี่ได้มันมักจะเพี้ยนๆแบบไม่ค่อยมีความพอดี บางคนมันจะเนิร์ดก็โคตรเนิร์ดจนไม่น่าคบ แต่บางคนที่มันจะ Friendly มันก็ดีจนน่าใจหาย


สำหรับไอ้เอก มันเล่าให้ฟังว่ามันชอบแบกกล้องไปถ่ายรูปตามต่างจังหวัดไรเงี้ย พอผมบอกว่าผมเป็นเด็กเชียงใหม่ มันก็บอกว่ามันเคยไปลุยเดี่ยวที่เชียงใหม่มาแล้ว ท่าทางมันก็ดูเป็นลูกคุณหนูมีตังนะครับ ดูจากผิวพรรณและเรื่องที่มันเล่า แต่ถึงมันจะเป็นพวกบ้านรวย (ซึ่งปกติจะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการบ่มเพาะนิสัยแย่ๆ) แต่ดูท่าทางการพูดจาคุยกันสบายๆสไตล์สิงห์อมควัน ผมว่าไอ้หนุ่มนี่มันน่าคบใช้ได้เลยแหละ ผมคุยกับมันค่อนข้างจะสนุกจนขนาดถึงกับลืมอาการปวดหัวไปเลย


สำหรับผมพวกที่น่ารำคาญเวลาคุยด้วยที่สุดคือพวกขี้โม้และพวกชอบเสือก พวกขี้อวดก็มักจะพูดจาโอ้อวดทุกเรื่องแม้แต่เรื่องโง่ๆ เช่นแบบ กูอย่างงั้น... กูอย่างนี้... กูเคยทำอย่างโน้นอย่างนี้มา... พี่กูแม่งเก่งโคตรๆ... ส่วนพวกชอบเสือกก็จะถามซอกแซกในเรื่องที่ไม่ควรถามจนน่ารำคาญ แบบว่า เจอหน้ากันก็คุยเรื่องเรียนแล้วก็ถามคะแนน ถามว่าที่บ้านทำอะไร (อย่างกับว่าถ้าบ้านเราจนแล้วมันจะไม่คบด้วย) คำถามแบบที่ว่าคนที่เพิ่งคุยกันแบบพอมีมารยาทเค้าไม่ค่อยจะถามกันน่ะครับ ส่วนเพื่อนที่ผมจะไม่คบคือเพื่อนประเภทที่ชอบเอาเปรียบเพื่อน หรือพวกที่ไม่จริงใจเนี่ย เช่นบางคนเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนแต่ก็จะหลอกเราไปขายตรงพวกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่างๆเนี่ยรับไม่ได้จริงๆ ถ้าเป็นเพื่อนกันแล้วจะมาคุยเรื่องธุรกิจอย่างนี้ก็ไม่ต้องคุยกันดีกว่าครับผมว่า... ผมเป็นคนโง่นะครับ แล้วก็ชอบใช้ความรู้สึกตัดสิน อะไรที่ผมรู้สึกว่ามันไม่โอเคแล้วก็ไม่มีทางดีไปได้เลย แต่กับไอ้หนุ่มผมยาวคนนี้สังเกตได้ว่ามันคงแห้งแล้งเพื่อนมานานพอสมควรแล้วละครับ พอเจอคนชอบฟังอย่างผมเข้ามันก็เลยปล่อยของออกมาหมด


“ขอบใจนะ” ผมขอบคุณมัน


“ขอบใจเรื่องไรวะ” มันถามกลับ


“เรื่องที่มึงยั้งมือกู ไม่ให้ตั้นหน้าไอ้อาจารย์นั่นหน้าห้อง”


“อ๋อ” มันยิ้ม “กูเห็นแล้วว่ามีเรื่องแน่ๆ ท่าทางมึงก็ห่ามๆ ตอนแรกกูก็ชั่งใจว่ากูจะห้ามก่อนหรือว่าจะดูมวยดี แต่พอรู้ตัวอีกทีกูก็ห้ามไปแล้ว สงสัยสัญชาตญาณบอกว่ะ” มันพูดไปหัวเราะไปอย่างไม่เคร่งเครียด เหมือนไม่อยากให้ผมรู้สึกเป็นบุญเป็นคุณอะไรกับมัน


 แน่นอนว่าผมซาบซึ้งกับน้ำใจของมันพอสมควร ถึงมันจะบอกว่ามันเองก็ทำไปตามสัญชาตญาณ แต่ผมลองถามตัวเองดูว่าถ้าเป็นผมเห็นคนกำลังอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นผมจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือหรือไม่ ผมตอบได้เลยว่าไม่ครับ ถึงแม้ว่าปกติแล้วผมจะชอบแส่เรื่องชาวบ้านแต่เรื่องมันส์ๆอย่างลูกศิษย์จะวางมวยอาจารย์นี่ผมขอดูเฉยๆสนุกๆดีกว่าครับ    


คุยกันไปสักพักมือถือของมันก็ดัง มันกระซิบกระซาบลงไปในมือถือ แล้วจึงกดวางแล้วหันมาถามผม


“ว่างป่าววะ”


ผมตอบมันว่าว่างเพราะผมก็กำลังว่างอยู่จริงๆ


 


 


   


 






Free TextEditor


Create Date : 12 ตุลาคม 2552
Last Update : 12 ตุลาคม 2552 11:39:03 น. 2 comments
Counter : 517 Pageviews.  

 
ห้ามหายไปใหนก่อนเรื่องนี้จบนะคะ

ติดละเนี่ยยย


โดย: kirill วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:12:58:18 น.  

 
รับทราบครับน้อง kirill...


โดย: Chud S. วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:14:24:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Chud S.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Chud S.'s blog to your web]