life sucks
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
17 ตุลาคม 2552

XXXแหกคอกมหาลัยXXX21XXX



           


ผมนั่งอยู่ในแท็กซี่กับไอ้เอก ดึกแล้วถนนยังคับคั่งไปด้วยรถโดยสาร ส่วนใหญ่ก็เป็นแท็กซี่ ถนนกรุงเทพฯยามค่ำคืนก็คือทะเลแท็กซี่ดีๆนี่เอง แท็กซี่สีเขียวเหลือง สีส้ม สีฟ้า สีแดง ฯลฯ แท็กซี่เก่า แท็กซี่ใหม่ ถ้ารถเก่าแล่นผ่านมาเราก็จะไม่เรียก เราเรียกเฉพาะรถใหม่ นั่งสบายกว่าและไปถึงในราคาเท่ากัน ไอ้เอกขอให้พี่โชวเฟอร์เปลี่ยนคลื่นวิทยุจากคลื่นลูกทุ่งมหานครมาเป็นคลื่นเพลงสากลด้วยเหตุผลที่มันกระซิบบอกผมว่า กูทนฟังไม่ได้จริงๆว่ะ ผมจึงนึกในใจว่ามึงนี่มันวัยรุ่นในเมืองจริงๆ ในส่วนตัวผมปกติก็ไม่ได้ฟังเพลงลูกทุ่งอะไรอย่างนี้หรอกนะครับ เพียงแต่ถ้าเขาฟังอยู่เราก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศไปฟังได้ ไม่ได้รังเกียจอะไร ผมเป็นพวกพร้อมที่จะเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆอยู่แล้ว

 


ครั้งนี้ผมก็พาเพื่อนมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆเหมือนกัน เพราะที่ซึ่งเราจะไปหาพี่เซ็กซ์มันไม่ใช่ที่เที่ยวกลางคืนธรรมดาแบบที่ไปกินเหล้าแล้วเต้นอะไรอย่างนี้นะสิครับ พอผมไปถึงหน้าร้านก็โทรเรียกพี่เซ็กซ์ออกมารับ พวกเราแต่งตัวดูเป็นผู้ใหญ่ด้วยเสื้อเชิร์ตและกางเกงแสล็ค พอเรามาถึงพี่แกก็พาพวกเราผ่านการ์ดเข้าไปได้ง่ายๆเพราะว่าพี่แกเป็น Member คนสำคัญของที่นี่ระดับที่ถ้าเป็นบัตรเครดิตก็มีวงเงินอย่างต่ำยี่สิบล้านละครับ มันเป็นห้องตกแต่งด้วยไม้ ขนาดปานกลาง หลังคาต่ำ ให้บรรยากาศค่อนข้างจะเป็นกันเอง แต่วัสดุตกแต่งทุกอย่างค่อนข้างจะประณีตให้ความหรูหราได้ระดับหนึ่ง แอร์เย็นเฉียบแต่เร้าร้อนด้วยบรรกากาศภายใน สิ่งสำคัญที่ทำให้ร้านXXXเรียบทางด่วนแห่งนี้มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งดูดเงินจากประเป๋าลูกค้ากำไรเดือนละหลายสิบล้านก็เป็นเพราะน้องๆของที่นี่เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งจริงๆทั้งหุ่นและหน้าตา

 


“นี่ไอ้เอกพี่... เพื่อนที่คณะ” ผมแนะนำไอ้เอกให้กับพวกพี่ๆ

 


อย่าเพิ่งคิดไปไกลนะครับ ผมไม่ได้พาเพื่อนมาเที่ยวลงอ่างให้เสียเครดิตวัยรุ่นที่พอจะมีปัญญาหากินเองได้ ที่นี่เป็นเพียงแหล่งบันเทิงอีกแบบที่เรียกว่าโคโยตี้ บอกแค่นี้ผมคงไม่ต้องอธิบายอีกนะครับว่าโคโยตี้ที่ผมพูดถึงนี่ก็คือผับที่มีสาวๆสวยๆขึ้นไปเต้นบนโต๊ะ จุดเริ่มต้นของที่เที่ยวอย่างนี้ถ้าผมเดาไม่ผิดน่าจะมาจากหนังอเมริกันอย่าง Coyote Ugly ที่โด่งดังมากๆเมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว คือในอเมริกาผมว่าที่เที่ยวอย่างนี้คงมีมานานแล้วละครับแค่มันเพิ่งมาบูมในบ้านเรา (ผมกำลังพูดถึงช่วงปี 2546) ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงค่อนข้างใหม่ และทั้งไอ้เอกและผมก็ค่อนข้างใหม่กับที่เที่ยวอย่างนี้ สำหรับตัวผมนั้นเคยมากับพี่เซ็กซ์ครั้งนี้เป็นหนที่สองแล้วละครับ ส่วนไอ้เอกผมเดาได้ว่าเป็นครั้งแรกเพราะดูมันตื่นเต้นมาก

 


“เพื่อนมึงนี่เด็กแนวหรอ?” พี่เซ็กซ์แกแอบกระซิบถามผม ซึ่งผมก็ได้แต่ยักไหล่

 


พวกพี่ๆที่อยู่ที่โต๊ะวันนี้ก็มี พี่ชายผม พี่ยอด พี่แห้วและพี่ชิน รวมทั้งสิ้น 4 คน แต่ละคนก็กำลังยุ่งกับเรื่องของตัวเองซึ่งก็คือน้องๆที่กำลังนั่งอยู่บนตัก นั่งดื่ม พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ คุยกันในเรื่องที่น้องๆได้แต่นั่งฟังตาแป๋ว เมื่อมาเห็นภาพอย่างนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าบางทีผู้หญิงสวยๆก็เป็นเพียงเครื่องประดับของผู้ชาย คนบางทีก็มีค่าเท่ากับสิ่งของในกรณีที่มันซื้อขายกันได้นะครับ จะว่าผมแอนตี้ก็ไม่ใช่นะครับ น้องเค้าก็แค่เกิดมาในสังคมบริโภค ผมถือว่าสถานะแบบนี้เป็นสถานการณ์แบบ win-win situation ก็คือหญิงสาวก็ได้เงินที่ตนเองต้องการ ชายหนุ่มก็ได้ความสนุกที่ตนต้องการ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ไม่ได้ไปทำร้ายใคร นอกจากอาจจะขัดใจมนุษย์บางคนที่คิดว่าคุณค่าของผู้หญิงอยู่ที่ความรักนวลสงวนตัวซึ่งผมคิดว่ามันคร่ำครึเอามากๆ ส่วนตัวผมถึงผู้หญิงจะเคยขายตัวมาก่อนแต่ถ้าผมชอบผมก็จะไม่เกี่ยงการสานต่อความสัมพันธ์เพราะจุดนั้นแน่ๆ     

 


 ผมนั่งดูสาวๆที่เต้นเป็นโคโยตี้อยู่บนเวทีและมองพี่ๆเหล่านี้ใช้เงินกันอย่างไม่เสียดาย จากที่ผมเคยได้ยินมาน้องๆ(ความจริงก็น่าจะรุ่นเดียวกับผมนั่นละ) ในร้านแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ เด็กประเภทที่นั่งดริ๊งกับโคโยตี้ ซึ่งถ้าอยากนั่งดริ๊งกับโคโยตี้ที่สวยกว่าหุ่นดีกว่าก็ต้องจ่ายแพงกว่า หนึ่งดริ๊ง (ประมาณครึ่ง ชม) ละเกือบพัน คือของที่นี่เค้าสวยจริงแต่ก็แพงจริงละครับ และเท่าที่ดูพี่ๆแกก็เรียกเด็กโคยีตี้มาเกือบหมด ผมละเบื่อคนรวยจริงๆ ผมดูพี่ยอดกับพี่แห้วแกก็คุยกันหัวเราะเหมือนเดิมสงสัยจะหายโกรธกันแล้ว ถ้าเป็นเพื่อนกันจริงๆก็จะรู้ว่าเรื่องผู้หญิงมันเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ยิ่งกับคนที่หล่อเลือกได้รวยเลือกได้อย่างสองคนนี้ละก็ เรื่องผู้หญิงกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆไปเลย ผมชอบความสัมพันธ์ของเพื่อนผู้ชายนะครับ มันออกแนวสบายๆ ตัวใครตัวมันแต่สนุกด้วยกัน ไม่มีมานั่งอิจฉากันนินทากันจริงจังเหมือนสาวๆ สำหรับพวกพี่ผมนี่คบกันได้ด้วยความจริงใจครับ

 


พี่แห้วกับพี่ชินนี่จะเป็นอะไรที่คล้ายๆกันครับ คือไม่หล่อแต่รวยโคตรๆ พี่แห้วนั้นบ้านเป็นโรงงานส่งออก ส่วนพี่ชินนั้นเป็นลูกนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังแบบที่จะได้เห็นในทีวีบ่อยๆ ทั้งสองคนนี้มีอะไรคล้ายๆกันหลายอย่างคือค่อนข้างจะท้วมๆ ไม่หล่อแต่คุยเก่งแบบน้ำไหลไฟดับไปเลย รถสวยๆที่จอดอยู่หน้าร้านคู่กันสองคันก็เป็นของพี่สองคนนี้ละครับ อีกขั้วหนึ่งก็จะเป็นพี่เซ็กซ์และพี่ยอดที่หล่อกระชากใจสาวเหมือนกันทั้งคู่ ฐานะปานกลางแต่มีความสามารถโดดเด่น พี่ยอดนั้นตั้งแต่กลับมาไทยก็กำลังพยายามฟอร์มวงดนตรี ส่วนพี่เซ็กซ์นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะตอนนี้เป็นแชมป์ดริฟท์ของเมืองไทย ถ้าใครถามว่าเหล่าหนุ่มๆต่างนิสัยต่างฐานะมาคบกันเป็นเพื่อนสนิทขนาดนี้ได้อย่างไร ผมเดาว่าเพราะพวกเขาเจอกันในอเมริกาดินแดนแห่ง ประชาธิปไตย เสรีภาพ และภราดรภาพละครับ ที่ผมรู้เรื่องพวกนี้เยอะเพราะเมื่อไรก็ตามที่พี่เซ็กซ์เมา แกจะเป็นคนชอบเล่าเรื่อง ชอบสอน ทำให้ผมได้รู้เรื่องราวมากมายทั้งที่อยากรู้และไม่อยากรู้ (ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยอยากรู้เท่าไร แต่เมื่อรู้แล้วก็เอามาแบ่งปันกัน)

 


ที่ฟลอริดานั้นพี่เซ็กซ์กับพี่ยอดแกออกแนวไล่ตามฝันอยู่แล้ว ส่วนพี่แห้วกับพี่ชินไปอเมริกาเพราะบ้านรวยเกิน อยู่เมืองไทยก็ทำตัวเกเรไร้อนาคตก็เลยถูกส่งไปดัดสันดานที่อเมริกา พอไปถึงพี่แกก็กร่างสิครับ คนมันถูกสปอยมาตั้งแต่เกิด แต่จะไปเก๋าที่นั่นก็คงเก๋าไม่ค่อยออกเพราะเงินบาทไทยพอออกไปอยู่ประเทศเจริญแล้วมันก็ไม่ได้ดูร่ำรวยขนาดจะซื้อกฏหมายได้ ไปก็ไปเป็นพลเมืองชั้นต่ำของประเทศเค้า พูดอังกฤษก็ไม่ค่อยได้ ฝีมืออะไรก็ไม่มี มีแค่เงินก็ไม่ได้การยอมรับนับถือเหมือนอยู่เมืองไทย บอกชื่อพ่อไปก็ไม่มีใครรู้จัก ถึงพ่อจะใหญ่ในเมืองไทยแต่นั่นมันอเมริกานะครับ! เมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนั้นจะมีอะไรที่ดีไปกว่าคนบ้านเดียวกันที่พูดภาษาไทยด้วยกันละครับ อยู่นั่นพี่เซ็กซ์แกเป็นช่างซ่อมซูเปอร์ไบค์ฝีมือขนาดไอ้พวกหัวทองยังยอมรับ ฝีมือตีรันฟันแทงหรือแม้จะยิงกันก็ไม่ได้ด้อยกว่าจิ๊กโก๋เมืองนอก พอทั้ง 4 โคจรมาเจอกัน ด้วยความเป็นคนไทยด้วยกัน พอได้เจอกันแล้วมันก็ไม่เกี่ยงวรรณะแล้วครับ ลงเรือลำเดียวกัน คบกันด้วยใจ ลุยไหนลุยกัน พี่เค้าเคยเล่าให้ฟังว่าเคยลุยมาหมดแล้วทั้งแก๊งไอ้มืด ไอ้โก้ หรือไอ้คลั่งนาซีชอบเหยียดผิว คือพี่เขาลุยของเขามา สุขทุกข์ร่วมกันจนเป็นเพื่อนรักกัน ดูเท่ห์ดีนะครับเพื่อนที่รักกันได้ขนาดนี้

 


“เฮ้ย...” พี่แห้วแกสะกิดผม “มึงกับเพื่อนไม่เรียกเด็กเลยหรอวะ”

 


“ไม่เป็นไรครับพี่” ผมตอบ ความจริง เพราะผมชอบแค่มาสัมผัสบรรยากาศดื่มเหล้า ดูสาวๆเต้นบนโต๊ะเท่านั้นก็พอแล้ว ถ้าจะให้จ่ายเงินเพื่อให้เค้ามานั่งด้วยนี่ผมอยากจะรอให้แก่ๆหากินเองไม่ได้แล้วค่อยทำ ก็ยังไม่สายนะครับ

 


“ไอ่ห่า... ไม่ต้องเกรงใจหรอก” พี่ชินพูดย้ำ “ไอ้เหี้ยเซ็กซ์พี่มึงเพิ่งหาได้เป็นล้าน” พี่เค้าพูดแล้วก็หัวเราะ

 


“เป็นล้านเหี้ยไรละ” พี่เซ็กซ์ตอกกลับ “อีเจ๊นั่นแม่งกดราคาชิบหาย เหลือมาแค่ห้าแสน”

 


“พี่ขายไรหรอ”ผมถามบ้าง

 


“ไม่ได้ขายไรหรอก” พี่เซ็กซ์ตอบ “เป็นนายหน้าขายที่ให้ไอ้ชินมันนั่นละ”

 


พวกพี่แกก็พูดจาเฮฮาตามประสาคนหาตังเองได้ละครับ ส่วนเด็กอย่างผมที่ยังต้องขอพ่อแม่กินก็คงต้องเรียบๆสนุกไปตามประสาเด็กๆ สรุปแล้วผมกับไอ้เอกก็ไม่ได้เรียกเด็กครับ นั่งกินนั่งคุยกับพี่เค้าอย่างนั้น

 


“เฮ้ย พี่ยอดพูดมั่ง “พวกมึงมาแล้วมานั่งเฉยๆอย่างนี้เสียอารมณ์กูหมด เอางี้ มึงเรียกมาแล้วเดี๋ยวกูเลี้ยง”

 


พอพี่แกพูดจบก็ดึงมือผมให้ไปหน้าเวที ผมจะพยายามพูดให้คุณเห็นภาพรวมของที่เที่ยวสไตล์นี้ก่อนเลยนะครับ จากจุดที่ผมอยู่ตอนนี้มองเห็นเวทีกลางซึ่งจะแบ่งเป็น catwalk ย่อยๆซอกซอนเข้าไปในกลุ่มผู้ชมโดยสาวๆโคโยตี้ที่ว่าก็จะออกมายืนเต้นเรียงกันตามทั้งทางหลักและทางรอง สำหรับสาวที่สวยโดดเด่นก็จะอยู่ตรงกลางลดหลั่นกันไปละครับ พี่ยอดแกดึงผมไปหน้าเวทีกลาง เออ... ผมลืมบอกไปว่าเด็กสาวที่นี่ไม่เหมือน Stripe bar ในเวกัสที่จะไปยัดเงินใส่ตรงนั้นตรงนี้ของเธอได้ง่ายๆนะครับ ถึงที่นี่จะเป็นผับโคโยตี้แต่ก็เป็นโคโยตี้ที่เต็มไปด้วยความเป็นกุลสตรีตามแบบฉบับไทยๆที่ถึงจะมีเงินก็ใช่ว่าจะไปยุ่งกับช่องน้อยแต่พอตัวของพวกหล่อนได้ พูดง่ายๆก็คือเวลาสาวๆเค้าอยู่บนเวทีคุณก็ได้ดูแต่ตามืออย่าต้องของจะเสียนั่นละ ผมออกไปยืนตรงนั้นนี้เรียกว่าละลานตาไปหมด หญิงสาวสวยโชว์หน้าท้องแบนราบเต้นกันอย่างมั่นใจ สาวๆผิวสวย หุ่นสวย หน้าสวย ร่วมร้อยคน ผมยืนอยู่ตรงนั้นใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย ไม่รู้ว่าอายอะไรเหมือนกันนะครับ ผมอาจจะเพียงแค่ไม่ชินที่มายืนเลือกผู้หญิงเหมือนเลือกอาหารในซูเปอร์มาเก็ตอย่างนี้ ขณะที่ผมกำลังตาลาย มึนงงด้วยฤทธิ์เหล้าและภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ทันใดนั้นผมก็เห็นแกะดำบนเวที

 


คือว่าสาวคนนี้เตะตาผมเพราะเธอเต้นได้อย่างกระโดกกระเดกมาก หน้าตาก็ไม่น่าจะดีมากเพราะยืนอยู่ตรงเกือบขอบเวทีซ้ายสุด ขณะคนอื่นกำลังพริ้วไหวแจกรอยยิ้มให้กับแขกของร้าน เธอกลับเต้นเหมือนอยู่ในโลกของตัวเอง คือเต้นบ้าๆบอๆแบบไม่สนใจใครละครับ เหวี่ยงแขน เตะขา บางทีก็ทำท่าเหมือนว่ายน้ำ แบบว่าท่าทางจะเมามาก ดูตลกมากแม้จะมองไกลๆอย่างนี้ ไม่รู้ว่าทางผู้จัดการให้สาวนางนี้ไปอยู่บนเวทีในลักษณะนั้นได้อย่างไร แต่เธอเต้นได้ใจผมพอควร พอผมเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่ออยากจะเห็นหน้าเธอ... อ้าว! หมูน้อย!   

 


     

 


  

 






Free TextEditor


Create Date : 17 ตุลาคม 2552
Last Update : 17 ตุลาคม 2552 9:42:04 น. 0 comments
Counter : 462 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Chud S.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Chud S.'s blog to your web]