life sucks
 
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
27 กันยายน 2552

XXXแหกคอกมหาลัยXXX4XXX


เป็นมือใครก็ไม่รู้เพราะห้องมันมืดมาก แต่พอผมจับแขนขนหยุบหยับราวกับอุ้งตีนหมีนั่น พระเจ้าช่วย... ผมรู้เลยครับว่ามันคือไอ้กระทิงยักษ์รูมเมทผมนั่นเอง


“ไปไหนมาจ๊ะพ่อหนุ่ม” มันถามด้วยเสียงตุ๊ดๆของมัน


อึงอ่าอาอุ่งอะอู นั่นคือเสียงตัวเองที่หูของผมได้ยิน แรงบีบมหาศาลของมันไม่เปิดโอกาสให้ผมส่งเสียงอะไรได้มากกว่านั้นหรอก ผมพยายามสลัดจากพันธนาการของมันอย่างเต็มแรง มันจึงตุ้ยท้องผมไปทีนึง(ผมเดาว่าอย่างเต็มแรงเหมือนกัน) 


“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่าดิ้นเซ่ มันเก็กเสียงแมนขู่ผม


จะมีอะไรที่น่าหวาดสยองสำหรับผู้ชายไปมากกว่าการถูกกระเทยจัดการจดหมดทางสู้ครับ? ท้องที่โดนต่อยปวดจิ๊ดจนตัวงอ กระเพาะอาหารอันบอบช้ำบีบของเก่าขึ้นมาจนถึงคอหอย ยอมรับว่าอยากอ้วกใส่หน้ามันเลย แต่ว่ามือมันข้างหนึ่งปิดปากผม มืออีกข้างหนึ่งพยายามรวบมืออีกข้างที่ตัวของมันไม่ได้ทับอยู่ น้ำหนักร้อยกว่ากิโลแบบนักมวยปล้ำของมันทับตัวผมจนแทบกระดิกกระเดี้ยวไม่ได้ ที่สำคัญกลิ่นตัวมันเหม็นมากจนผมอยากจะไล่มันไปอาบน้ำทันทีที่มันเปิดโอกาสให้ผมพูด คือตอนนั้นเดาไม่ออกเลยครับว่ามันจะทำอะไรผม


อึงอะอำอะไออู แต่ทันใดนั้นก็แทบจะไม่ต้องเดาเลยครับว่าเรื่องราวต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไรต่อ เพราะเข็มขัดของผมถูกปลดออกอย่างเร่งรีบ ผมเหวี่ยงขาถีบมันออกเต็มที่จนได้ยินเสียงมันชนตู้ไม้อีกด้านหนึ่งของห้อง ใช่ครับศัตรูของผมเท่าที่นับได้ตอนนี้มีสองคน แต่อีกคนหนึ่งละ... ผมอยากรู้มากเลยว่ามันเป็นใคร... ไอ้คนที่จะถอดกางเกงผม


“ไอ้หมี อย่าให้มันถีบกูเซ่” มันน่าจะเป็นเสียงของไอ้คนที่ถูกถีบซึ่งก็คือรูมเมทอีกคนของผมไอ้โจ้ ไอ้ที่ผมบอกว่าเป็น US ชอบมองผมด้วยสายตาแปลกๆนั่นละครับ ผมต่อจิ๊กซอเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่พวกมันพยายามจะกระทำก็คือตุ๋ยผมนั่นเอง


“กูมีแค่สองมือนี่อีห่า” เสียงไอ้ตุ๊ดยักษ์ตอบเพื่อนมัน “อีน้อยมาช่วยจับขามันหน่อยสิ”


“มือกูว่างที่ไหนล่ะ”เสียงกระเทยตัวเล็กตอบ


ผมหันไปมองในจุดที่ไอ้กระเทยน้อยอยู่ โคตรเหี้ยเลยครับ มันกำลังถ่ายวีดีโออยู่ ไอ้ห่าพวกนี้จะแบล็กเมล์ผมด้วย ชิบหายละครับ ผมพยายามสู้อย่างสุดแรง สำเหนียกเลยถึงความรู้สึกเวลาผู้หญิงถูกข่มขืนก็คงจะมีสภาพไม่ต่างจากผมตอนนี้ พวกเธอคงพยายามสู้เต็มที่แต่ก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้ บางคนถูกข่มขืนโดยมีมีดมีปืนมาจ่อหัวซะอีก ส่วนผมยังไงก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ละครับ ผมดิ้นหนัก พยายามจะกัดมือมัน ขาสองข้างก็เหวี่ยงไปในอากาศไม่ยอมให้มันจับกดได้ง่ายๆ


“แม่งสู้เยอะๆอย่างนี้โคตรได้อารมณ์เลยว่ะ” ไอ้เหี้ยโจ้พูด ผมอยากจะบอกมันว่า มึงแม่งโคตรโรคจิตเลย เกย์ควีนมีตั้งเยอะมึงไม่ไปเอาวะไอ่ห่า


ถึงผมจะพยายามดิ้นอย่างไรแต่ตอนนี้กางเกงของผมก็กรอมอยู่ที่ข้อเท้าแล้ว ผมพยายามเตะถีบไม่ให้ใครได้เข้าใกล้หว่างขาของผมแน่ๆ ทันใดนั้นก็มีอีกหมัดชกมาที่สีข้างของผมจนจุก หมดแรง  ผมรู้สึกว่าตัวของไอ้โจ้มันขึ้นคร่อมตัวผม แล้วอะไรสักอย่างลื่นๆก็... ไม่เอา!!!! ผมตะโกนสุดเสียงพร้อมกับสะดุ้งตื่น เหงื่อกาฬไหลเต็มหลัง เสื้อเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ มองไปรอบๆ ตอนนี้เช้าแล้วครับแปดโมงแต่ก็ยังคงเงียบสงบ แต่ละคนก็นอนอยู่ที่เตียงของมัน ไอ้หมีกระเทยควายก็ยังคงนอนหลับสนิทกรนเสียงดังน่ารำคาญของมันต่อไป ผมสำรวจตัวเองว่ามีอะไรเสียหายบ้างหรือเปล่า ทุกอย่างอยู่ในสภาพปกติ ไม่แสบ ไม่เจ็บอะไรทั้งนั้น ไม่มีอะไรบุบสลาย ผมถอนหายใจ ลุกจากเตียง เปิดประตูห้องออกไป ตอนนี้ยังไม่ค่อยจะมีคนตื่นละครับ เพราะกว่าจะเลิกเชียร์ก็ตีสี่ กว่าพวกนี้จะตื่นก็คงจะสิบโมงอะไรประมาณนี้


ผมหิ้วอุปกรณ์ชำระล้างส่วนตัวเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมครับ ในหอชายอันทรงเกียรติแห่งนี้ แต่ละชั้นจะมีห้องน้ำรวมเพียงห้องเดียว มันก็ไม่ได้ดูดีนักแต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดห้องน้ำค่ายทหารที่มีเพียงอ่างให้ตักอาบนะครับ อย่างน้อยที่นี่ก็มีห้องฝักบัวกั้นเป็นบล็อกๆให้มีความเป็นส่วนตัวหน่อยด้วยผ้าม่านพลาสติกเหมือนที่มักจะนิยมใช้กันในห้องน้ำของสระว่ายน้ำนั่นละครับ ผมเข้าไปก็แปลงฟันก่อนเลย อ่างล้างหน้าเป็นแบบแถวเรียงประมานเกือบๆสิบอ่าง กระจกที่ทั้งเก่าขุ่นมัวเขียวๆเป็นชิ้นเดียวยาวตั้งแต่อ่างแรกไปจนในสุดปลายอีกข้าง เรียกได้ว่าการอยู่หอพักรวมอย่างนี้มีประโยชน์ในเรื่องการเรียนรู้ที่จะอดทนอยู่ร่วมกับผู้อื่น


ตอนแรกที่ผมเข้าไปนั่นก็มีคนกำลังอาบน้ำอยู่ก่อนแล้ว รู้ได้จากเสียงน้ำฟักบัวซ่าๆข้างใน เสียงน้ำหยุดลงไปพร้อมๆกับเสียงบิดก็อก เสียงรองเท้าแตะเวลาย่ำบนพื้นเปียกๆค่อยๆเข้าใกล้เรื่อยๆ ผมขณะที่แปลงฟันอยู่ก็ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่าให้เจออะไรที่ไม่พึงประสงค์ตั้งแต่เช้าเลย ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะชายหนุ่มที่เดินออกมานั้นดูยังไงก็โอเคครับ เขานุ่งผ้าขาวม้าแทนผ้าเช็ดตัว ผิวแดงเกรียม หนวดเคราคงไม่ได้โกนมานานเหมือนกัน เขายิ้มให้ผมอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ้มแบบที่คนหอเดียวกันจะยิ้มทักทายกัน เขาวางขันไว้ที่อ่างล้างหน้า แล้วก็หวีผมให้ตัวเอง


“ตื่นเช้าเลยนะนาย เป็นอย่างไงบ้าง เมื่อคืน?” เขาถามผมโดยไม่ได้มองหน้า เขาพูดไทยกับผมด้วยสำเนียงคนใต้ นี่ละครับคนต่างจังหวัดด้วยกันมักจะทักทายมีไมตรีต่อกัน


“เมื่อคืน?” ผมพยายามคิดคำตอบที่เหมาะสม “เหนื่อยครับ พอดีต้องเรียนเช้าเลยตื่นเร็ว”


“ขยันนะเนี่ย แต่เมื่อคืนไอ้คนนั้นโคตรซวยเลยเนอะ”


“ซวย?” อีกครั้งที่ผมต้องพยายามหาคำตอบที่เหมาะสมให้แก่เรื่องที่ผมไม่มีความรู้เลย “ใช่ครับ ซวยจริงๆ” ผมเนียนได้แค่นี้ล่ะ


“นี่นายรู้ไหม” เขาหันมากระซิบกับผม “ได้ข่าวว่าไอ้คนนั้นโดนจับขึ้นไปชั้นบนสุด” เขาชี้นิ้วไปข้างบน “สยองแทนเลย แต่เดี๋ยว... มันชื่ออะไรนะ วิดๆอะไรสักอย่าง”


“วิศวะ” ผมตอบ เขาพยักหน้า “ผมเรียนคณะเดียวกับเขาครับ”


“อืมม นั่นละ ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง รู้ไหมที่นั่นมันแดนประหารชัดๆ” เขานิ่งไปนิดนึง “มันน่าจะเป็นเด็กปีหนึ่งคนแรกที่เคยขึ้นไปเลยนะ ว่าแต่ว่า... นายรู้จักเขาหรอ?”


“อืมม...”


ผมพยักหน้าแล้วจึงหยิบอุปกรณ์การอาบน้ำของผมขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปยังห้องฝักบัว บิดก็อกให้น้ำเย็นๆซัดสาดใส่ใบหน้าและร่างกาย ชำละล้างความเครียดและความกดดันต่างๆ ต้นเหตุแห่งการฝันร้ายของผมน่าจะมาจากข่าวลือพวกนี้ละ ข่าวโคมลอย ข่าวซุบซิบต่างๆนาๆที่มากเกินพอดี เรื่องราวอันน่าขยะแขยงจนผมจำกลับไปคิดกลับไปเครียด ซึ่งการตัดสินอย่างไม่รู้จริงเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ผมเองก็ต้องเปิดใจสักที สำหรับรูมเมทเหล่านี้ทั้งไอ้หมี ไอ้โจ้ ไอ้น้อย ถ้าได้รู้จักกันจริงๆมันอาจเป็นคนนิสัยดีก็ได้ ผมไม่อยากเป็นเหมือนพวกอเมริกันขาว kkk ที่เกลียดนิโกร หรือพวกนาซีเยอรมันที่เกลียดยิวเพราะได้รับการปลูกฝังและสถิติด้านเดียวที่จะทำให้คนเหยียดกันได้ง่าย ผมว่าถ้าคนเราได้ลองรู้จักกันจริงๆคงไม่มีใครเกลียดกันจนจะฆ่าแกงกันได้ลงคอหรอก เพราะความดีความเลวเป็นเรื่องของบุคคลครับ ไม่ใช่เรื่องเชื้อชาติ ศาสนา หรือแม้แต่เพศ บางทีถ้าผมได้ทำความรู้จักพวกเขามากขึ้น ผมก็คงจะอยู่ในหอแห่งนี้ได้อย่างมีความสุขมากขึ้นด้วยเช่นกัน


ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว รู้สึกสดชื่นเอามากๆ ผมมีแลปเคมีตอนสิบโมง โดยส่วนใหญ่แล้ววิชาที่ผมจะเข้าเรียนจะเป็นวิชาที่มีการเช็กชื่อหรือไม่ก็แลป ผมต้องตรงเวลาต่อตารางเหล่านี้ค่อนข้างมากเพราะมันสำคัญต่อการอยู่รอดในเชิงวิชาการของผมนะครับ คือว่าถึงแม้ผมจะเป็นเด้กบ้านนอกแต่ว่าพ่อแม่ของผมท่านก็เป็นอาจารย์มหาลัยทั้งคู่และท่านก็วาดฝันให้บุตรชายคนโตของท่านค่อนข้างสูง พูดให้ง่ายก็คือท่านหวังให้ผมเป็นอภิชาตบุตร หวังให้ผมเก่งกว่าท่าน ดีกว่าท่าน ที่มันน่าเศร้าใจก็คือพวกท่านหวังไปอย่างนั้นโดยไม่ได้เหลียวดูศักยภาพของผมเลย ผมมันก็แค่เด็กใจแตกที่ สูบบุหรี่ตั้งแต่ ป.6 เจาะหูตอน ม.1 และเริ่มดื่มเหล้า ม.1 เทอม 2 คือสรุปแล้วชีวิตผมตอนประถมตอนปลายๆถึงมัธยมตอนต้นๆนั้นมันช่างบัดซบสิ้นดี ถ้าท่านถามว่าทำไมผมถึงเอนท์เข้าคณะวิศวะที่คะแนนสูงสุดในสยามได้ ผมตอบได้เลยว่าทุกชีวิตมันก็ต้องมีจุดเปลี่ยนล่ะครับ สำหรับผมจุดเปลี่ยนคือแฟนและมอเตอร์ไซค์ แต่เรื่องพวกนี้ผมค่อยเล่าให้ฟังภายหลังนะครับเพราะผมเริ่มนอกประเด็นไปเยอะแล้ว


คณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ผมสังกัดเป็นนักศึกษาอยู่ ไม่ไกลหอชายนี้มาก ถ้าเดินก็ประมาณ 10 นาที ไปถึงเร็วกว่าเท่าหนึ่งถ้าคุณวิ่งได้เร็วพอ สถาบันอันทรงเกียรติแห่งนี้เป็นมหาลัยอันดับต้นๆของเอเชีย ผลิตบุคลากรได้ทุกสาขาเท่าที่ประเทศโลกที่สามอย่างเราจะต้องการ การเรียนเน้นแบบประยุกต์ใช้ไม่เน้นพัฒนาครับ บัณทิตที่จบออกมาขอเพียงใช้เป็นซ่อมเป็นก็พอแล้ว ถามว่าถ้าอยากได้อะไรใหม่ๆจะทำอย่างไร เป็นคำถามโง่ๆที่ตอบง่ายๆ ก็นำเข้าสิครับ! ประเทศโลกที่สามอย่างเราส่งออกแค่ผลผลิตของที่คนเมื่อหลายร้อยปีก่อนก็สามารถผลิตได้ก็พอแล้ว ขอโทษครับ... ผมนอกประเด็นอีกแล้ว เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผมเองก็ทำได้แค่บ่นละครับ เพราะไม่ได้เก่งและมีอำนาจพอที่จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรอยู่แล้ว


เอาละ... มาถึงการบรรยายบรรยากาศยามสายๆขณะที่ผมกำลังจะเดินไปที่คณะต่อ ผมไม่ได้พยายามจะชี้นำว่าที่นี่คือที่ไหนนะครับ แต่ว่าบริเวณแถวนี้ตอนเช้ารถค่อนข้างจะติดและไม่ค่อยมีที่จอดรถสักเท่าไร น่าสงสารเด็กรวยๆที่อยากจะเอารถมาจอดแต่เหนื่อยครับ หาที่จอดตอนสายๆแถวนี้ยากพอๆกับงมเข็มในมหาสมุทร แต่ถ้ามองในแง่ดีมันก็ให้โอกาสกับพวกขี้อวดได้วนรถหลายๆรอบ นักศึกษามีวิธีเดินทางมามหาลัยค่อนข้างจะหลากหลาย ทั้งรถส่วนตัว รถส่วนรวม และรถไฟฟ้า มันถือเป็นมหาลัยในฝันอย่างแท้จริงเพราะการเดินทางก็สะดวกและรายรอบด้วยห้างสรรพสินค้า โรงหนัง ฯลฯ และเนื่องจากมันเป็นสถานศึกษาของรัฐบาลดังนั้นค่าเล่าเรียนที่นี่จึงไม่แพงมากแถมมันยังเป็นมหาลัยอันดับหนึ่งที่ตั้งอยู่ในย่านที่มีราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศ (จากการประเมินล่าสุด พ.ศ. 2552 ที่ดินห้างใหญ่แถวนั้นมีราคาเฉลี่ย 1,500,000 บาทต่อ ตรว) จึงทำให้ชุมชนนักศึกษาที่นี่มีช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนค่อนข้างกว้าง แบบที่ลูกคนรวยขับรถสปอร์ตมาเรียนส่วนลูกคนจนต้องต้มมาม่าประทังชีวิตอะไรอย่างนั้น (เรื่องมาม่านี้ผมขอคอนเฟิร์มนะครับ เพราะเด็กยากจนจาก ตจว ก็อยู่ในหอเดียวกับผมทั้งนั้น)


 ผมพยายามเดินเลาะเลียบทางเดินใต้ร่มไม้มาตลอดจนถึงคณะ ตอนเดินๆอยู่มีความสุขดีอะครับ ประมาณว่านักศึกษาสาวนุ่งกระโปรงสั้นเอวต่ำกับเสื้อฟิตๆหิ้วหลุยส์กับถุงแฮร์รอทพยายามประคองตัวไม่ให้ส้นสูงสามสี่นิ้วไปสะดุดกับผิวถนนขรุขระจนล้ม เป็นภาพสัตว์โลกน่ารักที่น่าสนใจจนอยากให้มีคนมาถ่ายสารคดีเก็บไว้ สาวๆสวยๆเดินกันให้ควัก คนไม่สวยแต่หุ่นดี คนสวยแต่หุ่นไม่ดี คนสวยหุ่นดี คนไม่สวยหุ่นไม่ดี และผู้ชายที่ผมไม่เคยให้ความสนใจจะไปมอง


ผมเดินมาเกือบสิบนาทีจนสุดท้ายก็ถึงคณะ ผมไม่ค่อยเอ้อระเหยอะไรแถวๆคณะหรอกครับ พอถึงปุ๊บผมก็ขึ้นห้องเรียนเลย บอกตามตรงว่าคณะวิศวกรรมศาสตร์เป็นคณะที่ถ้าคุณเป็นผู้ชายและคุณยังไม่มีแฟน คุณก็ไม่ควรจะมาเรียน เพราะที่นี่เป็นสวรรค์ของผู้หญิงแต่เป็นนรกของผู้ชายโดยแท้ ประมาณโรงเรียนผู้ชายมีแต่ชายล้วนละครับ ผมเข้าคณะมานี้เพื่อเอาของในล็อคเกอร์ สิ่งสำคัญในการทำแลปเคมีที่ขาดไม่ได้เลยก็คือแว่นตากันสารเคมีและสมุดบันทึกผล ซึ่งทั้งสองอย่างอยู่ในล็อคเกอร์ ขณะที่กำลังหันหน้าเข้าไขตู้ล็อคเกอร์อยู่นั้นก็มีมือกดหลังคอผม ดันหัวผมเข้าไปในตู้ล็อกเกอร์ที่เต็มไปด้วยเสื้อ กางเกง ถุงเท้า รองเท้ากีฬา ที่ยังไม่ได้ซัก กลิ่นตลบอบอวนเมื่อรวมกับแรงบีบที่อยู่บนหลังคอผมทำให้ผมแทบจะเป็นลม


“ไอ้สัตว์ ไอ้ระยำ ไอ้เลว ไอ้ลูกกะหรี่” มันด่าผมเป็นชุดแบบไม่ทันให้ตั้งตัว แต่ผมฉุนกึกตรงที่มันมาด่าถึงบุพการีนี่สิครับ ถึงแม่ผมจะเป็นอาจารย์มหาลัยที่ห่างไกลคำว่ากะหรี่ประมาณแปดล้านปีแสง แต่มาด่าอย่างนี้ผมฉุนแตกเลยครับ แค่ถูกข่มเขาโคขืนในฝันก็แย่พอแล้วผมคงทนไม่ได้ที่ต้องมาเจอกับชีวิตจริงตอนกลางวันแสกๆ ดังนั้นผมจึงเตะแบบยันส้นเท้าไปข้างหลังด้วยสัญชาตญาณ โป๊ะเช๊ะเลยครับ! ลูกถีบผมโดนหว่างขาของมันจังๆจนมันเซไปชนผนังดังตึง ผมหันกลับไปดูหน้าผู้ต้องหาเตรียมจะต่อยซ้ำ อ้าว... ไอ้วิศวะนั่นเอง






Free TextEditor


Create Date : 27 กันยายน 2552
Last Update : 28 กันยายน 2552 11:00:59 น. 0 comments
Counter : 381 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chud S.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Chud S.'s blog to your web]