life sucks
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
21 ตุลาคม 2552

XXXแหกคอกมหาลัยXXX25XXX



ข้างนอกแดดยังคงสว่างจ้า คนเดินหลบแดดตามร่มตึก คนรวยนั่ง Mercedes คนจนนั่งรถเมล์ ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่ากันหรือไม่... ผมไม่รู้หรอก คุณมีค่ามากหรือน้อยหรือเท่ากับคนอื่นตัวคุณเองเป็นตัวตัดสิน แต่ทุกคนไม่ว่าจะรวยหรือจน จะสวยงามหรืออัปลักษณ์ จะโง่หรือฉลาด ต่างก็ต้องดิ้นรนเหมือนกัน และนั่นละที่ทำให้โลกนี้ยุติธรรม ผมไม่แน่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคืออะไรเพราะทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสำคัญทั้งนั้น


 ผมเดินไปเรื่อยๆตาม Sky Walk รถไฟฟ้าวิ่งผ่านบนหัว สาวออฟฟิศเดินกระแทกส้นสูงผ่านไป มองลงไปเห็นขอทานรุ่นลุงนั่งคุกเข่าปากคาบแก้วที่มีเหรียญบาทดำๆอยู่ไม่กี่เหรียญ มันดูเป็นท่าที่ผมรู้สึกเมื่อยแทนเอามากๆ ความจริงผมก็รู้สึกเมื่อยคออยู่ครับ อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อคืนนั่งหลับทั้งคืน นอนคอห้อยผิดท่าจนปวด รู้สึกเหนื่อยกับอากาศร้อนชื้นจนต้องเข้าไปรับแอร์ในห้างสรรพสินค้าที่มีทางเชื่อมร่วมกับ Sky Walk เข้าไปในร้านกาแฟ สั่งมอคค่าเย็นแล้วไปนั่งยังโซฟาในตำแหน่งที่ติดกับหน้าต่างที่กระจกบานสูงของมันมองออกไปเห็นสวนสุขภาพเบื้องล่าง


มองจากมุมนี้ แดดร้อนเปรี้ยงของยามบ่ายทำให้สวนแห่งนี้ค่อนข้างจะร้างคน ส่วนใหญ่คนจะออกมาวิ่งกันตอนเย็นๆเท่านั้น ในเมื่อผิวขาวคือความดูดีแล้วใครจะออกมาวิ่งกลางแดดให้โง่ละครับ ในสวนสาธารณะที่ผมกำลังมองผ่านกระจกออกไปนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เท่าที่กะด้วยสายตามันน่าจะมีพื้นที่ประมาณหนึ่งในสี่ของสวนลุมฯ ตกแต่งสวยงามสะอาดตา ตรงกลางสวนมีแอ่งน้ำที่ฉีดน้ำพุเป็นละอองขึ้นไปบนอากาศสะท้อนกับแสงแดดจนเห็นเส้นรุ้งบางๆ สนามหญ้าเขียวสด สนามเด็กเล่น ต้นไม้ใหญ่ มีบ้างที่คนมาปูเสื่อนอนใต้ต้นไม้ ผมรับกาแฟจากพนักงาน ดูดดื่มกาแฟรสหวานกลิ่นหอมโกโก้ ความจริงผมก็ไม่ใช่คนที่พิสมัยในรสชาดกาแฟขนาดนั้นอยู่แล้วครับ ผมชอบช็อคโกแลตเย็นแต่ถ้าไปสั่งอย่างนั้นก็รู้สึกอายๆนิดหน่อยเพราะมันดูไม่เท่ห์ เพราะอย่างนี้ละครับ ทำให้บางทีผมก็รู้สึกว่าตัวเองสติไม่ค่อยดี ทำไมเราต้องไปสนใจว่าคนอื่นจะมองเรายังไงขนาดนั้นด้วย คิดไปเองหมดเลยแท้ๆ ความจริงเค้าอาจจะไม่สนใจอะไรเลยก็ได้


บางทีผมก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีจุดยืน แต่เมื่อมองกลับไปในอดีตบางครั้งผมก็รู้สึกว่าผมนั่นแหละเป็นตัวไหลไปตามกระแสสังคมตัวดีเลย ผมเริ่มสูบบุหรี่เพราะเห็นรุ่นพี่สูบบุหรี่แล้วรู้สึกว่ามันเท่ห์ ผมเริ่มตีสนุ๊กเพราะเห็นรุ่นพี่มันตีสนุ๊กแล้วรู้สึกว่ามันเท่ห์ มีอะไรหลายอย่างที่ผมทำเพราะตามกระแสความเท่ห์ของสังคม ทำเพราะต้องการการยอมรับจากเพื่อนฝูง ถ้าตอนนั้นเพื่อนผมเล่นยาบ้ากันด้วย ผมอาจจะร่วมวงเล่นไปแล้วก็ได้ โชคดีครับว่าของพวกนี้เข้ามาในชีวิตผมตอนที่ผมโตแล้ว ผมจึงปฏิเสธมันได้อย่างไม่ต้องคิดเลยสักนิดเดียว อย่างที่บอกละครับ ผมเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่มัธยมต้นมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ติด มีบางเดือนที่ผมไม่สูบผมก็อยู่ได้ บางครั้งก็หลายๆเดือนถ้าชีวิตมันไม่เครียดจนเกินไป ผมจะสูบบุหรี่เพราะสังคมรังเกียจคนสูบบุหรี่ แต่ผมจะไม่มีทางติดมันเด็ดขาดเพราะผมจะไม่ยอมให้อะไรก็ตามมามีอำนาจเหนือผม


คุณเคยไม่ครับที่มานั่งคิดเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อยคนเดียวในร้านกาแฟเหมือนผมในเวลานี้... บางครั้งคนเรานี่ถ้าคิดมากเกินไปชีวิตก็ไม่มีความสุขนะครับ บางทีผมก็เคยอิจฉาเพื่อนบางคนที่สามารถทำอะไรซ้ำๆซากๆได้เรื่อยๆโดยไม่คิดจะกลับมา Question ตัวเองเลยสักครั้ง ผมมีญาติทางฝ่ายพ่อคนหนึ่งที่ชอบเงิน ทำทุกอย่าง ขายประกัน เป็นนายหน้าขายที่ เขาก็หาเงินได้เรื่อยๆ มีคอนโดหลายสิบแห่งในกรุงเทพฯปล่อยให้เช่า บ้านอยู่แถวสุขุมวิท บีเอ็มสองคัน เบนซ์อีกสาม ลูกทุกคนเรียนโรงเรียนนานาชาติต่อตรีนอกทุกคน แต่ญาติคนนี้คนเดียวที่เป็นตัวปัญหาเมื่อคุณปู่ของผมเสีย เขาก็จัดการแย่งกองมรดกจนเป็นเรื่องเป็นราวกับพี่น้องคนอื่นๆ ทั้งๆที่ก็รวยที่สุดในตระกูลอยู่แล้วยังจะมาเบียดเบียนพี่น้องที่บางคนก็ร้อนเงิน สุดท้ายก็แย่ครับ ทะเลาะกันจนจะตัดพี่ตัดน้องกัน เป็นเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ ถ้าเขามีความเป็นอยู่ที่ลำบากก็อีกเรื่องหนึ่ง ผมก็ได้แต่คิดว่าจิตใจเขาคงคิดแต่เรื่องจะหาเงินจนลืมเรื่องอื่นๆในชีวิตไปจนหมดแล้ว โอเคครับ... ถึงแม้ว่าสำหรับคนอื่นแล้วเขาจะดูเป็นคนที่น่ารังเกียจแม้กระทั่งสำหรับพี่น้องของเขาเอง แต่ถ้าเขายังรู้สึกดีกับตัวเองที่ทำอย่างนั้นก็ดีครับ ดูเป็นคนมีเป้าหมายดี ถึงแม้ว่าผมจะมองเป้าหมายอย่างนี้ว่าเป็นเป้าหมายที่โง่ๆก็เถอะ เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่คิดว่าคนที่มีเงินเยอะแล้วจะไม่คอรัปชั่น ในเมื่อคนทุกคนในสังคมเห็นเงินเป็นพระเจ้า กราบไหว้คนรวยได้โดยแทบจะไม่สนใจวิธีการที่พวกแม่งได้เงินมาเลย แล้วจะหวังอะไรมากกับสังคมอย่างนี้ครับ บางทีเปิดช่อง 11 ดูการอภิปรายในสภาแล้วก็หดหู่ใจเพราะนักการเมืองส่วนใหญ่นั้นทั้งการพูดการจา วุฒิภาวะ การใช้อารมณ์ การใช้เหตุผล ไม่ต่างจากนักเลงหน้าปากซอยบ้านผมเลย แค่รวยกว่ากันล้านเท่า เท่านั้นเอง...


บางคนก็เอาเปรียบคนอื่นได้หน้าตาเฉย บางคนก็มีอุดมการณ์ที่อยากจะช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก บางคนเชื่อในความดี บางคนศรัทธาในศาสนาหรือลัทธิบางอย่างอย่างแรงกล้า บางคนก็ใช้ชีวิตไปวันๆโดยไม่คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ มันทำให้บางครั้งผมก็คิดนะครับว่าผมมันเป็นตัวอะไร ผมก็อยากจะรวยนะครับ อยากมีตังเที่ยว ซื้อรถเท่ห์ๆขับ ใช้จ่ายได้เท่าที่ตนต้องการ แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่ชอบกลิ่นเงินขนาดนั้น ผมก็เป็นคนที่อยากช่วยเหลือสังคมนะครับแต่อย่างดีก็ทำได้เพียงให้เงินขอทาน ผมยังรักความสะดวกสบายและไม่พร้อมที่จะทำเพื่อคนอื่น ผมเป็นคนที่มักจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าความดีคืออะไรกันแน่ เพราะบ่อยครั้งสิ่งที่เราคิดว่าดีพอผ่านไปนานๆอาจจะกลายเป็นสิ่งเลวไปก็ได้ เรื่องศาสนานี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ผมอ่านคัมภีร์ได้ทุกศาสนาแต่การอ่านก็เหมือนอ่านหนังสือวิชาการเล่มหนึ่ง ไม่ได้อ่านเพื่อเชื่อ แต่ของดีเราก็เอาไปใช้ ของไม่มีประโยชน์ก็เอาวางไว้ที่เดิม พอผมเริ่มใช้ชีวิตเที่ยวสนุกไปวันๆสักพักก็เริ่มจะไม่มีความสุข เพราะผมจะรู้สึกดูถูกตัวเองทุกครั้งที่รู้ตัวว่าใช้ชีวิตไร้สาระ แล้วสาระจริงๆของผมคืออะไร ผมก็ยังไม่แน่ใจเพราะหลังๆมานี้สาระของผมก็เปลี่ยนไปได้เรื่อยๆตามเวลาและประสบการณ์ อย่างที่พระพุทธเจ้าสอนว่าอย่าเชื่ออะไรนั่นละครับ เพราะทุกอย่างมันล้วนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนผมคิดว่าสิ่งเดียวที่พอจะเชื่อได้ก็คือความรู้สึกของตัวเอง แต่พอใช้ความรู้สึกเข้าสังคมมากๆเข้าก็โดนด่าว่ามึงมันอารมณ์ศิลปินมากเกินไปแล้ว แต่ถึงจะถูกสังคมรังเกียจยังไงผมก็จะใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองอยากจะใช้ละครับ จะทำอย่างไรได้ก็พ่อแม่ของผมสอนมาให้เป็นตัวของตัวเองนี่ครับ จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราเอง ถ้าไปอ้างอิงคนอื่นมากๆผิดขึ้นมาก็ต้องไปโทษคนอื่นให้เกลียดกันอีก อย่างนี้ไม่ดีครับ


ผมนั่งคิดนั่งจิบกาแฟไปเรื่อยๆสักพักก็ห้าโมงเย็นแล้ว แดดยังมีหลงเหลืออยู่บ้างแต่ก็เจือจางขึ้นมาก เหล่าคนกรุงผู้รักสุขภาพเริ่มมาวิ่งออกกำลังกาย บ้างก็เอาหมามาวิ่ง หนุ่มสาวจับคู่กันนั่งข้างสระน้ำคุยกันกะหนุงกะหนิง ผมนั่งอยู่ในร้านกาแฟ แอร์เย็นๆ เฝ้ามองกิจกรรมของคนอื่นก็เพลินไปอีกแบบนะครับ ความจริงก็มีบางจังหวะเหมือนกันที่ผมนั่งสัปงกไปโดยไม่รู้ตัว คุณพอจะมองภาพออกไหมครับ โซฟานุ่มๆ แอร์เย็นๆ จังหวะบอสซ่าบรรเลงเบาๆ แสงข้างนอกที่สว่างจนปวดตา เพียงแค่อยากจะพักสายตาสักนาทีก็นานพอที่จะทำให้ผมหลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความฝันแล้วละครับ และเวลาที่ผมฝันอยู่ผมจะไม่รู้ตัวว่านั่นคือความฝันจนกระทั่งตื่นขึ้นมาแล้ว เอ๊ะ... แล้วนี่ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่า... 


ตรงข้ามร้านกาแฟที่ผมกำลังนั่งอยู่มันเป็น Shop ของ Louis Vuitton ร้านทั้งร้านเต็มไปด้วยกระเป๋าลายตารางหมากรุกสีเนื้อน้ำตาลอย่างที่เค้านิยมกันนั่นละครับ ในร้านมีฝรั่งแต่งตัวดีๆอยู่ห้าหกคน (ฝรั่งแต่งตัวดีๆค่อนข้างจะหายากในเมืองไทย เพราะพวกแบ็กแพ็คแต่ละคนนี่ซกซะ...) และคนไทยอยู่สองสามคน และสองในสามนี้เป็นคนไทยคู่หนึ่งที่มาด้วยกัน ฝ่ายชายแก่และตัวใหญ่ราวหมีกรีซลี่ใส่สูท ส่วนหญิงสาวนั้นดูจากตรงนี้เธอดูดีเอามากๆด้วยเดรสสั้นสีน้ำตาลอ่อนโชว์เรียวขาที่ทั้งขาว ยาว และได้สัดส่วน ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่าคู่นี้เป็นพ่อลูกกันครับ ดูจากที่สาวคนนี้เธอดูไฮโซเอามากๆ ผมยอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบสังเกตเรื่องอะไรที่ดูไร้สาระเอามากๆ เช่นเวลาผมดูผู้ชายผมจะพอมองออกว่าคนนี้เป็นเกย์หรือเปล่า ไม่ใช่ในสไตล์ผีย่อมเห็นผีนะครับ ผมมั่นใจในความแมนของตัวเอง ผมแค่เป็นคนชอบสังเกต ครั้งนี้ก็เป็นการสังเกตเช่นเดียวกัน ผมมองออกว่าเด็กคนไหนเป็นเด็กเสี่ย หรือว่าเป็นพ่อลูกที่มาซื้อของด้วยกัน เรื่องนี้แค่ดูจากการแต่งหน้าแต่งตัวก็พอจะรู้แล้วละครับ พวกเขากำลังเลือกกระเป๋าด้วยกันดูท่าทางสนุกสนาน พ่อมากับลูก พ่อโอบไหล่ลูก ลูกกอดเอวพ่อ ผมนึกในใจ....เอาหน่า... เค้าอาจจะเป็นแค่พ่อลูกที่สนิทกันกว่าปกติ ผมมองพวกเขาคล้องแขนกันไปมา เฮ้ย... พอละ ผมเลิกมองพวกเขาแล้วเพราะมันไม่ใช่ธุระอะไรของผมที่จะต้องมาเสียอารมณ์กับเรื่องแบบนี้


      


     


       






Free TextEditor


Create Date : 21 ตุลาคม 2552
Last Update : 21 ตุลาคม 2552 11:15:49 น. 0 comments
Counter : 406 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Chud S.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Chud S.'s blog to your web]