life sucks
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
27 พฤศจิกายน 2552

XXXแหกคอกมหาลัยXXX42XXX

        “มึงว่าผีไทยกับผีฝรั่งเหมือนกันหรือป่าววะ” กระเทยหอคนหนึ่งถามกระเทยหออีกคนหนึ่ง


“ไม่รู้ดิ” เสียงเพื่อนมันตอบ “ไมวะ?”


“ก็ถ้าเหมือนกัน แล้วผีไอ่เด็กปีหนึ่งคนนั้น มันจะหลอกเรารึป่าว?”


“ใครวะ?” เสียงเพื่อนมันถามกลับด้วยความรำคาญ


“ก็ได้ที่กระโดดตึกตายอะ” ผมหูผึ่งฟัง


“อีเหี้ยนี่ กระเทยอีกคนตวาด “ก็ตกลงกันแล้วไงว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก”


กระเทยคนแรกเงียบไปเพราะโดนเพื่อนแว๊ดใส่... บอกตรงๆเลยนะครับว่าขนลุกซู่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันน่าตื่นตะลึงเกินกว่าที่ผมจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง ผมถามตัวเอง นี่กูกำลังได้ยินเรื่องอะไรอยู่? ผมพยายามรวมรวมสติที่กำลังแตกซ่านและล่องลอยให้จดจ่ออยู่ที่บทสนทนาเบื้องหน้า คำกระซิบกระซาบที่อาจจะเป็นกุญแจที่ช่วยไขปริศนาที่ค้างคาใจผมมาเกือบครึ่งปี แต่ยากครับที่จะเริ่มต้นทำอะไรในสภาวะที่จิตใจยังตื่นตระหนกอยู่ มือของผมยังสั่นไม่หยุดจนผมต้องเอามือล้วงกระเป๋า แต่ก็เหมือนสวรรค์เข้าข้าง ทันใดนั้นก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายมาตามทางจนผู้คนแหวกเปิดทางให้การ์ดสองคนลากกระเทยตัวใหญ่ที่กำลังเมาจัด การ์ดคนหนึ่งพยายามลากเธอออกไปนอกร้าน ส่วนการ์ดหน้าตาดีอีกคนกำลังปัดป้องตัวเองอย่างเป็นพัลวันเมื่อโดนกระเทยเมาลวนลาม เป็นภาพที่ใครเห็นก็ต้องหัวเราะ และมันเป็นโชคที่การหัวเราะได้ละลายก้อนน้ำแข็งแห่งความเครียดของผมไปเสียสิ้น ในตอนนั้นผมก็กลัวเหมือนกันครับ ว่าเหตุการณ์เมื่อกี้อาจจะทำให้ทั้งสองเปลี่ยนเรื่องคุย แต่ไม่เลย... ทั้งคู่ยังดูเคร่งเครียดเหมือนเดิม


“เราจะไม่คุยเรื่องนี้อีกแล้วนะ โอเค?” 


“อีห่า... ก็กูกลัวนี่หว่า” อีกคนพูดเสียงสั่น “เมื่อวานกูไปดูหมอ บอกว่ากูถูกวิญญาณตามรังควาญ”


“แล้วมันเรียกมึงเท่าไร ค่าปัดรังคาญน่ะ?” ในความคิดของผม คนนี้ดูท่าทางจะจิตแข็งกว่า


“ไม่ได้เรียก” กระเทยจิตตกตอบ “แค่บอกให้กูไปทำลายสิ่งที่ทำให้เจ้ากรรมนายเวรไปสู่สุขติไม่ได้ กูนี่ขนลุกเลย กูรู้เลยว่าแม่หมอหมายถึงอะไร”


“อีแดนซี่ อีประสาท อีกคนด่ากลับ “หมอดู หมอเดา มึงเชื่อมากเลยโง่ดักดานอยู่นี่ไง”


อืมม... ผมคิดในใจ ไอ้กระเทยขวัญอ่อนคนนี้ชื่อแดนซี่นี่เอง ชื่อเล่นจริงๆของมันน่าจะเป็น แดน เติม ซี่ เข้าไปเพื่อให้ดูเซ็กซี่ แต่ตามทัศนะของผม ถึงจะเปลี่ยนชื่อก็ไม่ได้ช่วยเท่าไรหรอก เพราะขนาดหน้าของมันโบ๊ะแป้งหนาเป็นนิ้วผมก็ยังคงเห็นรอยหลุมสิวของหล่อนได้เหมือนส่องกล้องเห็นหลุมบนดวงจันทร์ ผมขยับเข้าไปประชิด ทำท่าเป็นคุยโทรศัพท์ แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามดักฟังอย่างเต็มที่


“แต่มันก็มีเหตุผลนะ” แดนซี่พยายามโน้มน้าวเพื่อน “มึงคิดดูสิอีเบน ถ้าตำรวจเห็นคลิปพวกนี้เข้าจะเป็นยังไง”


“กูลบของกูแล้ว” เบนตอบ “แต่มึงก็รู้ ถึงจะลบไปแม่งก็กู้ขึ้นมาได้ ไม่อย่างนั้นพวกดารามันจะมีคลิปหลุดให้เห็นบ่อยๆหรอ”


“มึงก็ทุบทิ้งเลยดิ” แดนซี่พยายามอีกครั้ง


“มึงจะบ้าหรอ” เบนปริ๊ดแตก “กูไม่ได้ขี้ออกมาเป็นทองนะจะได้เปลี่ยนมือถือได้บ่อยๆ”


ระหว่างที่พวกมันคุยกันผมก็คิดไปด้วย ว่าในความเป็นกระเทยนั้นคงจะสบายกว่าถ้ามีชื่อที่ไม่ได้บ่งบอกเพศจนเกินไป เช่น เบน เป็นต้น ถ้าเป็นชื่อที่มาจากภาษาอังกฤษ Benjamin ก็หมายถึงผู้ชาย แต่ถ้ามาจากภาษาไทยอย่าง เบญมาศ ก็ให้ความหมายแบบหญิงๆ เรื่องนี้ผมคิดเล่นๆนะครับ ส่วนเรื่องที่ผมกำลังคิดจริงจังมันอยู่ในความหมายของบทสนทนาทั้งหมดที่ถ้าเป็นนักสืบคินดะอิจิเหมือนในการ์ตูนก็คงจะต้องพูดว่า “ปริศนาทุกอย่างคลี่คลายแล้ว...” แล้วก็ยืนเก็กสักสองนาที


โอ้แม่เจ้า! ด้วยความบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ มันเริ่มจากการที่ผมจับได้ว่าอูฐเจอกับแฟนเก่า ทำให้ผมได้คุยกับเจนจนเรานัดเจอกัน หลังจากนั้นก็เป็นความบังเอิญล้วนๆ บังเอิญด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังราวกับ Black Diva ของเจนโดนใจชาวสีรุ้งจนเธอได้เป็นนักร้องที่นี่ บังเอิญที่ผมบ้าจนถูกลากมาข้างนอก บังเอิญที่ผมสังเกตเห็นไอ้กระเทยควาย บังเอิญที่ผมได้ยินเรื่องที่แดนนี่กับเบนคุยกันทั้งๆที่พวกมันก็ไม่ได้คุยกันดังไปกว่านักเรียนกระซิบคุยกันหลังห้องเรียนเลย มันเป็นเพียงความบังเอิญทั้งนั้นที่ทำให้ปริศนาทุกอย่างคลี่คลายแล้วจริงๆเหลือแต่เรื่องของผม ผมต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมไอ้วิศวะมันถึงเคียดแค้นผมนัก ทั้งๆที่ผมไม่ได้ไปทำอะไรมันเลย


เรื่องราวไม่ได้ยากอะไรเลย การปะติดปะต่อก็ทำได้ง่ายมาก แรงจูงใจที่ทำให้ไอ้วิศวะมันฆ่าตัวตายมีอยู่อย่างเดียวคือความอับอาย ผมไม่แน่ใจว่าในวีดีโอคลิปนั้นมีอะไรบ้าง อาจจะเป็นการกลั่นแกล้งต่างๆนานา อาจจะถูกจับแก้ผ้าแล้วโกนขนเพชร แรงที่สุดก็คงเป็นการโดนรุมอัดถั่ว เพียงเท่านี้ก็เป็นแรงจูงใจมากเพียงพอให้คนอย่างไอ้วิศวะมันกระโดดตึกฆ่าตัวตายหนีความอับอาย สมองผมเริ่มเดินเครื่องอีกครั้ง เอาเป็นว่าก่อนหน้านี้ ไม่ว่าผมจะเมาอะไรมาก่อนก็ตาม แต่ตอนนี้ผมสร่างเป็นปลิดทิ้ง


ผมฟังทุกสิ่งที่พวกมันสองคนคุยกันจนจบ แล้วจึงเดินออกมาจากกลุ่มกระเทยหอ แล้วหัวเราะเบาๆด้วยความรื่นรมณ์ ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้ละครับ คิดดูสิครับ... ตอนที่ไอ้วิศวะเพิ่งตาย ผมเองก็เครียดแทบตายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากทำใจ แต่ตอนนี้ ในขณะที่ผมทำใจได้แล้วและกำลังมีความสุขอยู่กับการได้เจอแฟนเก่าที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน เรื่องราวที่เคยเป็นปริศนากลับมาเผยให้เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างง่ายๆซะแบบนี้ คุณเข้าใจอารมณ์ไหมครับ อธิบายง่ายๆสมมุติว่าคุณเคยชอบสาวคนหนึ่ง เคยจีบแทบตายก็ไม่สำเร็จจนคุณต้องทำใจ แล้วอยู่ดีๆวันหนึ่งเธอก็เข้ามาเคาะประตูบ้านแล้วโผเข้ามากอดคุณ เป็นอย่างนี้แล้วคุณจะอดใจไหวหรอครับ? เป็นผม ผมต้องซัดอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อได้รู้ว่าในมือถือของไอ้ตุ๊ดที่ชื่อเบน มีคลิปที่ผมต้องการ.... สายตาของผมจึงจ้องมองที่กระเป๋าถือของมันเหมือนเหยี่ยวเล็งเหยื่อจากกลางเวหา


ผมกำลังจะเป็นขโมย แต่เป็นการขโมยเพื่อความถูกต้อง อย่างน้อยผมก็สมควรที่จะได้รู้ว่ามันทำอะไรไอ้วิศวะบ้าง พระเจ้าช่วย... มันเป็นความสงสัยที่มากเกินกว่าจะเก็บเอาไว้ในใจ แต่ผมจะเอามันมาได้อย่างไร มือถือนั่นอยู่ตรงไหน ในกระเป๋ากางเกง? ในกระเป๋าถือของมัน? และผมจะดำเนินการอย่างไรให้ได้มาซึ่งมือถือเครื่องที่ว่านี้ ผมคิดคิดคิดจนหัวแทบระเบิด ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยขโมยของนะครับ ในความทรงจำวัยเด็กอันไม่ค่อยปะติดปะต่อ ผมจำได้ว่าตัวเองเคยเป็นยอดหัวขโมย และก่อนที่จะทำสิ่งที่จะทำต่อไป ผมอยากท้าวความให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจเหตุผลว่าทำไมผมถึงกล้านัก ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นด้วยเหตุผลของมัน คนขโมยของเพราะจน เพราะสิ่งแวดล้อมหล่อหลอมให้อยากได้อยากมีเหมือนคนอื่นเขา คนขายยาบ้าเพราะสังคมบริโภคเห็นคุณค่าของความรวยมากคุณค่าด้านอื่นๆ มือปืนรับจ้างฆ่าคนแลกกับเงินไม่กี่หมื่น การคอรัปชั่นเกินขึ้นในทุกพื้นที่ที่มีงบประมาณ ทุกอย่างนี้มันเกิดโดยมีเหตุผลของมัน และกฏหมายคือเครื่องมือที่ใช้ข่มขู่ให้คนอยู่ในสังคมร่วมกันได้ด้วยโทษอันร้ายแรง แต่ถามว่าถ้าอยากมีสังคมคุณภาพจริงๆคงต้องแก้ปัญหากันที่ต้นเหตุ ต้องเล่นแก้กันตั้งแต่แบบแปลนแห่งสันดานความเป็นคน


สำหรับผมแล้วก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่าถ้าเทียบกับมาตรฐานสากลแล้วผมถือว่าเป็นคนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความดีกับความเลว ถึงจะทำเลวแต่ก็พอจะมีสำนึกอยู่บ้าง ถึงผมจะขโมยของ ผมก็ไปขโมยในห้างใหญ่ๆที่ปิดงบประมาณแต่ละไตรมาสอย่างน้อยๆก็หลักร้อยล้าน ถึงขโมยของชิ้นที่แพงที่สุดในร้านขนหน้าแข้งของบริษัทพวกนี้ก็ยังไม่ร่วงอยู่ดี พูดตรงๆว่าผมไม่แน่ใจว่า Logic ของผมจะถูกต้องหรือเปล่า ของอย่างนี้คงต้องรับไปพิจารณาแล้วใช้วิจารณญาณของแต่ละท่านตัดสินกันเอาเองนะครับ สมัยมัธยม... มันมีเด็กบางจำพวกที่ชอบขโมยของเพื่อนในห้องตอนพักเที่ยง คนพวกนี้ถ้าโดนจับได้จะโดนแบน โดนรังเกียจ เพราะแม้แต่เพื่อนกันมันยังทำได้ลง สุดท้ายเด็กพวกนี้ก็ต้องย้ายโรงเรียนเพราะทนแรงกดดันไม่ไหว ส่วนตัวหัวโจกหน่อยที่กล้าพอจะไปสอยของในห้าง เสี่ยงต่อการโดนไล่ออก เสี่ยงต่อสถานพินิจ ทั้งๆที่เป็นการขโมยเหมือนกันแต่คนที่ขโมยของในห้างจะไม่มีใครรังเกียจ เผลอๆจะกลายเป็นความเท่ห์ด้วยซ้ำ เพราะอะไรรู้ไหมครับ... เพราะคนที่เสียผลประโยชน์ไม่ใช่พวกเดียวกัน เป็นอะไรที่ไกลตัว จึงเป็นอะไรที่สังคมเพื่อนยอมรับได้


ผมลองโยนเข้ามาในประเด็นว่าทำไมโทษของการปล้น โทษของการค้ายา จึงร้ายแรงกว่าโทษของการคอรัปชั่นอย่างเทียบกันไม่ได้ ผมลองคิดดูหลายครั้งแล้วว่าการปล้นอย่างมากก็ได้เป็นหลักสินล้าน ค้ายาบ้า 100000 เม็ด เม็ดละ 40 บาท ได้มาแค่ 4 ล้านแต่ต้องแลกกับโทษประหารชีวิต ผิดกับคอรัปชั่นเป็นพันล้านหมื่นล้านกลับมีโทษติดคุกเพียงไม่กี่ปี หรือเพราะผลประโยชน์ที่เสียเป็นงบประมาณส่วนรวม เป็นเรื่องไกลตัว จึงเป็นอะไรที่ยอมรับได้ ผิดกับการค้ายาหรือการจี้ปล้นที่มีผลกระทบต่อตัวบุคคลมากกว่า นี่อาจจะเป็นวิธีคิดที่ทำให้ประเทศเรายังไม่พัฒนา เพราะมองแบบแยกส่วน มองที่ปลายเหตุว่าคนค้ายามันเลวมันจึงค้า ส่วนนักการเมืองมีอำนาจพอที่จะคอรัปชั่นได้ก็ปล่อยไปเถอะ แต่ถ้าลองมองในภาพรวมแล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เชื่อมโยงกันหมด เพราะมันเป็นธรุกิจ พวกค้ายาที่โดนจับได้ก็ตัวเล็กๆทั้งนั้น เก็บกวาดเท่าไรก็ไม่มีทางหมด ผมเชื่อว่าผู้ใหญ่ที่มีอำนาจจริงๆของบ้านเมืองเราต้องรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังขบวนการพวกนี้ คนที่เป็นตัวหัวโจกซึ่งรวยและมีบารมีมากพอที่จะอยู่เหนือกฏหมาย ส่วนคนที่ถูกจ้างมาขาย จับไปเถอะครับ... จับเท่าไรก็ไม่มีวันหมดหรอก


กลับมาที่ตัวผมว่าผมไม่รู้สึกผิดนักที่ขโมยของในห้าง รู้สึกเหมือนโรบินฮู้ดที่ปล้นแต่คนรวย ไม่ได้เบียดเบียนเพื่อน เพียงเบียดเบียนคนที่เค้ารวยอยู่แล้วโดยไม่ได้นึกถึงพนักงานขายหรือ รปภ ที่อาจจะต้องมารับกรรมเพราะของหาย สรุปว่าวิธีคิดทั้งหมดนี้นอกจากจะทำให้ประเทศด้อยพัฒนาแล้วยังทำให้ตัวผมเองด้อยพัฒนามาจนถึงบัดนี้... คิดแล้วก็เซ็งตัวเองยังไงชอบกล


เอาละครับ... ผมต้องสลัดเรื่องไม่เข้าเรื่องออกไปจากสมองให้หมดเพื่อที่จะได้โฟกัสกับงานข้างหน้าอย่างเต็มที่ ผมเป็นคนที่ขโมยของเพื่อความตื่นเต้น สนุกกับความรู้สึกกลัวต่อการถูกจับ เมื่อลองเสพติดความรู้สึกตื่นเต้นไปแล้วก็ยากที่จะหลุดออกจากวงโคจรของมัน เหมือนพวกผีพนันเข้าสิงละครับ คนพวกนี้บางทีไม่ได้ต้องการเงินจริงๆหรอก สิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆนั้นอยู่ระหว่างเงินและความล้มเหลว นั่นคือความตื่นเต้น เพื่อให้ชีวิตมีสีสัน สมองจะหลั่งอะดรีนาลีนทุกๆสองนาทีที่เปิดไพ่ใบสุดท้าย การขโมยก็เหมือนกัน ความสนุกมันจะอยู่ที่ความตื่นเต้นว่าจะขโมยสำเร็จหรือถูกจับได้ เดิมพันหนักหน่วงด้วยประวัติที่อาจจะด่างพร้อยเมื่อมันไปอยู่ในบันทึกประจำวันของตำรวจ แต่ท้ายที่สุดแล้วผมก็หลุดออกมาจากวงโคจรนั้นได้ ผมก็ลืมความรู้สึกของการขโมยของไปนานแล้วจนกระทั่งบัดนี้ละครับ ในเวลาทุกๆเสี้ยววินาทีที่ผมจ้องเขม็งไปยังตุ๊ดเบน ตั้งสมาธิให้แหลมเหมือนปลายเข็ม พวกมันพอคุยกันเสร็จก็ทยอยเข้าไปแดนซ์ต่อกันข้างใน ผมจ้องมันอย่างไม่วางตา มันหยิบมือถือขึ้นมาคุยเสร็จแล้วก็วางกลับลงไปในกระเป๋า


   ผมมองทางหนีทีไล่ ทางออกมีสองทาง คนเยอะแทบจะเหยียบกันตาย ถ้ามันเผลอจนผมล้วงได้เมื่อไรผมก็จะหายไปในฝูงชน อย่างนี้ง่ายครับ ตามภาษิตถ้าจะซ่อนต้นไม้ก็ต้องซ่อนในป่า ผมจ้องตาไม่กระพริบ มันเต้นราวกับคนไร้สติ เสียงเพลง กลิ่นควัน ในความมืดที่มีเพียงแสงไฟกะพริบเป็นระยะ ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้ผมแน่ใจว่ามันไม่ค่อยจะระวังตัวเท่าไรหรอก ผมค่อยๆเบียดเข้าไปใกล้จนยืนอยู่ข้างหลังมัน ในจังหวะที่เพลงเปลี่ยนและทุกคนกำลังจ้องไปยังแสงเลเซอร์หน้าเวที ในเสี้ยววินาทีอันมีค่าสุดๆนั้นผมเข้าประชิดตัว ทันใดนั้นก็มีมือมาจับที่ไหล่ผม เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก!


 


  






Free TextEditor


Create Date : 27 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2552 3:55:45 น. 3 comments
Counter : 578 Pageviews.  

 
ติดตามอ่านอยุ่นะคะ ^^


โดย: boboloki วันที่: 27 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:34:39 น.  

 
ไม่ได้เข้ามาอ่านซะนาน ยังสนุกเหมือนเดิมค่ะ


โดย: WONDERFUL_LIFE (wonderful_chilli ) วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:14:16:16 น.  

 
ขอบคุณทั้ง boboloki กับ wonderful นะครับที่ติดตาม


โดย: Chud S. วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:15:34:05 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Chud S.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Chud S.'s blog to your web]