บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
6 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

เวลากับการเดินทางของชีวิต



ชีวิตเมื่อพบวิกฤต ย่อมแก้ไขได้ด้วย สติ (ไม่ตกใจ เสียขวัญ) ขันติ (ความอดทน) และ ปัญญา (แก้ไข ตามเหตุปัจจัย) มาดูเจ้าม้าลายโดนสิงโตงับคอ เธอใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยธรรมะสามประการข้างต้น

..............................................................

อานาปานสติ - ศจ.คุณรัญจวน อินทรกำแหง
คลิกที่นี่




""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""



เป้าหมายข้างหน้าจะแจ่มชัดหรือพร่ามัว
คือเส้นแบ่งของผู้เดินทางในวันนี้
ในการก้าวเดินไปอย่างมีทิศทางหรือสะเปะสะปะ

การมองปัญหาอย่างเข้าใจด้วยหลักอริยสัจสี่
จะทำให้การเดินทางของชีวิต
เดินไปสู่จุดหมายได้ตรงเป้าที่สุด

เริ่มด้วยการรู้ว่าชีวิตในตอนนี้ปัญหาสำคัญที่สุดอยู่ตรงไหน
มองและวิเคราะห์สาเหตุของมันจากความเป็นจริง
และซื่อตรงต่อตนเองที่สุด
กำหนดเป้าหมายที่จะไปบรรลุมัน
และสุดท้ายคือการวางแผนปฏิบัติที่จะให้บรรลุเป้าหมายนั้น

...................................................


เทคนิดการบริหารเวลาของขงเบ้ง คลิกที่นี่

การใช้ความคิดเชิงสร้างสรรค์กับทฤษฎีหมวกหกใบ คลิกที่นี่





สร้าง Playlist ของคุณได้ที่นี่


ปาน ธนพร แวกประยูร
เนื้อเพลง: คำขอร้องของก้อนหิน
อัลบั้ม: Lover นรกในใจ

ก้อนหินสักก้อนหนึ่งซึ่งไม่มีคุณค่าใด
ย่อมไม่อยากฝันไกลว่าใครจะเหลียวมองมัน
วันนี้เมื่อชะตา ดลให้เธอมาพบกัน
ท่ามกลางความตื้นตันมันแอบมีความสงสัย

จะทนฉันรึเปล่า จะดูแลฉันหรือเปล่า
ในวันที่เจอเรื่องราวจะปล่อยมือฉันไหม
หากวันนึงเผลอเรอ ทำให้เธอต้องเสียใจ
ให้โอกาสใช่ไหมให้อภัยสิ่งเหล่านั้น
จะทนฉันรึเปล่า จะดูแลฉันหรือเปล่า
บนทางที่มันทอดยาว เธอจะเดินข้างฉัน
ก้อนหินในมือของเธอ ขอเธอเพียงเท่านั้น
จะเต็มใจทำให้กันรึเปล่า (จะตอบแทนเธอด้วยการรักเธอ)

ผู้หญิงสักคนหนึ่งซึ่งไม่เคยจะหวังไป
ว่าจะเจอะผู้ชายสักคนมาสนใจกัน
เมื่อเธอก้าวเข้ามาบอกว่าเป็นคนสำคัญ
ท่ามกลางความตื้นตันมันแอบมีความสงสัย

จะทนฉันรึเปล่า จะดูแลฉันหรือเปล่า
ในวันที่เจอเรื่องราวจะปล่อยมือฉันไหม
หากวันนึงเผลอเรอ ทำให้เธอต้องเสียใจ
ให้โอกาสใช่ไหมให้อภัยสิ่งเหล่านั้น
จะทนฉันรึเปล่า จะดูแลฉันหรือเปล่า
บนทางที่มันทอดยาว เธอจะเดินข้างฉัน
ก้อนหินในมือของเธอ ขอเธอเพียงเท่านั้น
จะเต็มใจทำให้กันรึเปล่า (จะตอบแทนเธอด้วยการรักเธอ)

จะเอาลมหายใจตอบแทนทุกอย่าง
ชีวิตจะวางให้เธอเก็บเอาไว้
แค่ขอคำยืนยันว่าฉันจะมีเธอตลอดไป

จะทนฉันรึเปล่า จะดูแลฉันหรือเปล่า
ในวันที่เจอเรื่องราวจะปล่อยมือฉันไหม
หากวันนึงเผลอเรอ ทำให้เธอต้องเสียใจ
ให้โอกาสใช่ไหมให้อภัยสิ่งเหล่านั้น
จะทนฉันรึเปล่า จะดูแลฉันหรือเปล่า
บนทางที่มันทอดยาว เธอจะเดินข้างฉัน
ก้อนหินในมือของเธอ ขอเธอเพียงเท่านั้น
จะเต็มใจทำให้กันรึเปล่า (จะตอบแทนเธอด้วยการรักเธอ)

..............................................



แจกโค้ดเพลงลง Hi5


...................................................








BILLIE JEAN MOTOWN 25 - (HD) WIDESCREEN - The best bloopers are a click away




















 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2552
20 comments
Last Update : 20 กรกฎาคม 2552 12:32:09 น.
Counter : 2688 Pageviews.

 

ขอบคุณครับ ของดีมีประโยชน์ อิอิ

 

โดย: ม้าสว่าง 6 กรกฎาคม 2552 13:51:34 น.  

 



หลายเวลาที่ห่างหาย
ใช่หัวใจที่ห่างเหิน
ด้วยจิตและดวงใจ
ยังใฝ่หามิลืมเลือน

ขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 คือหนึ่งพระ..ในวันนี้ค่ะ

ความโดดเดี่ยว..มักจะเกิดในจิตใจเพราะเราเลือกเอง
ความหวาดกลัวมักจะเกิดในจิตใจเพราะเราเลือกเอง
ความสิ้นหวังมักจะเกิดในจิตใจเพราะเราเลือกเอง
ความสุขมักจะเกิดในจิตใจ..ก็เพราะเราเลือกเอง

วันนี้คือหนึ่งพระที่เรามิลืมเลือนมิตรเช่นคุณ


อนุโมทนา...บุญมายังกัลยาณมิตร..ที่ดีของเราเสมอค่ะ



ความบริสุทธิ์ผุดขึ้นได้ในใจคิด
ความสะอาดเกิดขึ้นได้ในใจหนุน
ความผุดผ่องเกิดขึ้นได้ถ้าใจดี...

ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่จิตใจและการกระทำ
ที่เกิดจากตัวเราเสมอค่ะ



สามก๊ก..ชอบข้งเบ้ง มากเลยค่ะ
สุขุม นิ่ง สยบมารเลยค่ะ
อยากเป็นแบบนั้นเลยค่ะ
ท่าจะยาก

 

โดย: catt.&.cattleya.. 7 กรกฎาคม 2552 21:59:02 น.  

 

พลิกกลยุทธ์ การจัดการทำแผนธุรกิจ



โดย บิสิเนสไทย [25-3-2008]



“บิสิเนสไทย”นำสาระที่ได้จากการจัดสัมมนา Smart Business Day ที่จัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)ร่วมกับหนังสือพิมพ์บิสิเนสไทยเมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมาเสนอต่อเนื่องจากฉบับที่แล้ว โดยนายรัชกฤช คล่องพยาบาล ที่ปรึกษา ส่วนบริการปรึกษาการเงินและการร่วมลงทุน ฝ่ายประสานงานและบริการ SMEs ของ สสว. บรรยายในหัวข้อ “พลิกกลยุทธ์ การจัดทำแผนธุรกิจ” โดยสรุปดังนี้



การใช้แผนทำธุรกิจการไปกู้เงิน การจัดการทำแผนทางธุรกิจโดยการทำเป็นเรื่องราวของธุรกิจ โดยการเขียนแผนเป็นเอกสาร และส่วนใหญ่มีการนำเสนอไปยังบุคคลภายนอก การทำแผนธุรกิจไม่มีใครสามารถรู้ได้เท่ากับตัวเอง

ก่อนการเขียนแผน ต้องมีเหตุผลการเขียนแผน ใครเป็นคนอ่านแผน และทำเพื่ออะไร วัตถุประสงค์หลักการกู้เงินต้องมีความเหมาะสมสำหรับธุรกิจและสามารถนำเงินส่งคืนได้ให้กับธนาคารที่ให้กู้เงินหรือไม่ การกู้เงินมาจะเป็นการปรับทุนทางด้านการตลาดและการพัฒนาธุรกิจต่างๆ ดังนั้น ประเด็นการให้กู้เงินต้องรู้ประเด็นการใช้เงิน

การเขียนกู้เงินไม่ควรคำนึงถึงการใช้คู่มือ เพราะการใช้คู่มือไม่สามารถช่วยอะไรได้ ต้องมีการเขียนที่เน้นที่ว่าใครเป็นคนอ่าน ทำไปเพื่ออะไร การทำแผนธุรกิจ มี 2 อย่างมี A คือการให้ยืนกู้เงินแล้วผ่านการให้กู้เงิน F คือการยื่นไม่ผ่าน

ปัจจัย 7 C ทำแผนธุรกิจ

การทำธุรกิจมีปัจจัยที่เป็นตัว C ที่สำคัญ 7 ประการ คือ

Cที่ 1 คือ Communicate เป็นการเขียนที่อ่านแล้วเข้าใจรู้เรื่อง สามารถสื่อสารแล้วเข้าใจ สื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจเกี่ยวกับแผนที่ทำ

Cที่ 2 คือ Commercial มีความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์ บางครั้งยังไม่รู้ว่าจะทำในเชิงพาณิชย์อย่างไร บ่อยครั้งที่ได้ยินไอเดียไม่เคยมีมาในโลก ในประเทศไทย แล้วยังไง ถ้าทำแล้วมันดีอย่างไร ต้องตอบคำถามตรงนี้ให้ได้

สิ่งหนึ่งเวลาทำแผนธุรกิจ ต้องรู้ว่าคุณทำธุรกิจเพื่ออะไร เพื่อรายได้ หรือ กำไร คุณหวังจะมีรายได้ แล้วรายได้จะมาจากตรงไหน รายได้จะมาจากตรงไหน จะมีตลาดไหม จะมีลูกค้าไหม

C ที่ 3 คือ Competitive หรือ การแข่งขัน คุณจะไปแข่งกับธุรกิจที่มีอยู่แล้วในตลาดอย่างไร เราพยายามเน้น ทั้งกลยุทธ์ ความแตกต่าง โฟกัสเฉพาะกลุ่ม หรือ อะไรก็ตาม ประเด็นก็คือ คุณจะทำตามชาวบ้านก็ได้ แต่คุณจะไปแข่งกับเจ้าตลาดอย่างไร ที่ไปลอกเลียนแบบมา หรือ จะไปแข่งกับธุรกิจที่เหนือกว่าเราได้อย่างไร

การที่คุณบอกว่าแข่งกับเขาได้ แสดงว่าคุณจะมีรายได้จากความสามารถในการแข่งขัน อย่างน้อยจะไม่ถูกชาวบ้านเขาอัด หรือ จะปกป้องตัวเองได้อย่างไร

C ที่ 4 คำว่า Correct หรือถูกต้อง ถ้าเป็นตัวเลข บวกลบ คูณหาร ต้องมีผลลัพธ์ถูกต้อง เราเคยเจอแผนธุรกิจที่มีกำไรมหาศาล แล้วผู้ประกอบการยืนยันว่าผลประกอบการเขาดี แจ๋ว หรือว่าเป็นเพราะคุณเติมศูนย์เกินมาตัวหนึ่งหรือเปล่า ตรงรายได้ พอเกินเลยกระโดดมา แล้วคุณส่งมา ถ้าผมอ่านแผนแล้วพบเป็นอย่างไร ถ้าคุณยังไม่เช็ค ทั้งที่เป็นสาระสำคัญ ตัวเลขพวกนี้ นั่นคือ คำว่าถูกต้อง

C ที่ 5 คือ คำว่า Clear จะต้องบอกว่า มีใครมีทุนจดทะเบียนเท่าไร เปิดร้านที่ไหน มีผู้ถือหุ้นเป็นใคร สินค้าบริการคือ อะไร มีรายได้ มีแผนการตลาดอย่างไร ต้องเขียนอย่างนี้จึงจะเรียกว่า เคลียร์ อย่างน้อยต้องอ่านแล้วรู้ว่ามีบริหารจัดการอย่างไร ไม่ต้องมาตอบคำถามว่า จะผลิตอย่างเดียว ไม่ขายใช่ไหม

หรืออย่างไร ผมดูบางตัวบอกบริการ ตกลง คุณไปรับจ้างเขาผลิตด้วยหรือเปล่า อย่างนี้เรียกว่าไม่เคลียร์

ทั้ง 5 อย่าง ถ้าทำได้ดีแค่ C แรก คนอ่านจะตัดสินใจได้ คือ หนึ่งธุรกิจนี้มีโอกาสเติบโต หรือเปล่า 2 ธุรกิจนี้มีความเป็นไปได้หรือไม่ น่าสนับสนุนหรือไม่

C ที่ 6 คือ คำว่า Complete หรือสมบูรณ์ มาจากที่ว่า หนึ่งเข้าใจโครงสร้างประเด็นธุรกิจ มีการเรียงลำดับอย่างถูกต้อง บอกเรื่องภาวะตลาด อุตสาหกรรม บอกส่วนแบ่งตลาด บอกวิเคราะห์เป้าหมาย บอกกำหนดกลยุทธ์ ไล่ตามหัวข้อที่สมบูรณ์ของโครงสร้างธุรกิจ ถ้ามี 6 C ครบถ้วนจะไปอยู่ ที่ C ต่อไป

C ที่ 7 นั่นก็คือ Convince หมายถึง น่าเชื่อถือ แผนธุรกิจเวลาคนอ่าน ไม่ได้อ่านเอามัน หรือ อ่านนวนิยาย คนอ่านถือเป็นภาระ ใช่ไม่ใช่ จริงไม่จริง ดังนั้นคุณต้องเขียนให้น่าเชื่อถือ และต้องอธิบายเหตุผล

ถ้าคุณเขียนได้ตาม 7 C ผมคิดว่าคุณจะได้แผนธุรกิจที่ดี โอกาสก็จะมีมากขึ้น ปัญหาคือ จะเรียงลำดับ และหาอธิบายให้ชัดเจนได้อย่างไร

วิธีวิเคราะห์ว่าธุรกิจไปรอด?

เราจะวิเคราะห์ธุรกิจอย่างไร ว่าเป็นไปได้หรือไม่ได้ จะต้องดูประมาณ 6 เรื่อง ๆ แรกคือ การตลาด ว่าขายได้หรือไม่ได้ มีตลาด มีลูกค้าหรือเปล่า ต่อมาเรื่องความสามารถในการบริหารจัดการ มีความสามารถพอที่จะจัดการธุรกิจได้หรือไม่

สมัยแรกๆ คุณมานิต รัตนสุวรรณ (นักการตลาดชื่อดัง) ได้เคยกล่าวไว้ว่า ผู้ประกอบการที่จะประสบความสำเร็จจะต้อง ประกอบด้วย ตาถึง มือถึง ใจถึง เงินถึง 4 ถึงคือ องค์ประกอบในแง่ของผู้ประกอบการที่จะประสบความสำเร็จ

ตาถึง รู้ว่าต้องทำอะไร ใจถึงรู้ว่าทำแล้ว กล้าทำหรือเปล่า รู้ว่าจะทำอะไร มือถึง บริหารจัดการเป็นไหม เงินถึงหรือเปล่า ที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ถ้าคุณมีไม่ครบ 4 ไปไม่ค่อยรอด

การผลิต และการบริการ เป็นเรื่องของกฎหมายเสียมาก เทคโนโลยี ไล่ตามทันกันหมด แต่ปัญหาเป็นเรื่องของการตลาดเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเรื่องการผลิตและการบริการ สำหรับผู้ประกอบการไทยไม่ค่อยแตกต่างกันนัก เพราะเทคโนโลยีไล่กันทัน

ต่อมา คือ เรื่องการเงิน เช่น การวัดค่าต่างๆ เช่น กำไร ที่สำคัญ ปัจจุบัน กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เป็นสิ่งที่จะต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่ทำให้เกิดกับตัวผู้ประกอบการค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะมาตรฐานต่างๆ ระเบียบสังคม ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยเฉพาะหมวดของคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ทำให้เงินลงทุน หรือ กู้เงิน จะมีวงเงินสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ผ่านมาตรฐานเหล่านี้

ถัดมาเริ่มทำแผน จากตัวคุณเอง ควรจะมีอะไรบ้าง หรือจากคนที่เขาอ่านต้องการอะไรบ้าง เริ่มต้นถ้าคุณอยากทำแผน เข้าใจโครงสร้างรูปแบบการจัดทำแผนธุรกิจ ต้องไปหารูปแบบการจัดทำแผนธุรกิจก่อน เช่นจาก เว็บไซต์สสว.(www.sme.go.th) หรือไปซื้อหนังสือก็ได้ ถ้าเป็นภาษาไทยมีอยู่หลายเล่ม เช่น คู่มือการเขียนแผนธุรกิจแบบง่าย หรือการเขียนแผนธุรกิจสำหรับผู้เริ่มต้น เป็นต้น

แผนธุรกิจที่ทำไป จะต้องมีความเป็นไปได้ สอดคล้องกับความเป็นจริง ถ้าทำแบบนี้แล้วจะได้อะไรกลับมา ต้นทุนลดลง นั่นคือ ทักษะ หรือกลยุทธ์ของแผน

ประเด็นคือ เวลาเราทำแผน ไม่ใช่ว่าคิดของขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพราะแหล่งข้อมูลธุรกิจจะอยู่กับตัวบุคคลอยู่แล้ว เช่น ชื่อบริษัท ,ตัวผู้ถือหุ้น ,จำนวนพนักงาน ค่าจ้างแรงงาน ค่าใช้จ่ายสารพัด จะมีสินค้าอะไรรู้อยู่แล้ว ไม่ได้คิดอะไรขึ้นมาใหม่

การทำแผนธุรกิจต้องรู้ขั้นตอนการทำธุรกิจ ต้องรู้เรื่องกฎหมายเป็นสิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งข้อ ข้อจำกัดของธุรกิจและข้อแตกต่าง เรื่องหมวดอาหาร เช่น ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยวและข้าวมันไก่ ข้อแตกต่างคือ ก๋วยเตี๋ยวและข้าวมันไก่ สามารถกินตอนเช้าได้แต่ส้มตำตอนเช้าไม่ค่อยมีคนกิน ต้องดูเวลาการเปิดร้าน

การทำธุรกิจมีการลงทุนแบบไม่เท่ากัน และมีโครงสร้างการลงทุนที่แตกต่างกัน โครงสร้างเป็นอย่างไร การลงทุน เวลายื่นแผนธุรกิจ เราต้องรู้การใช้เงิน อาทิ การทำแผนธุรกิจขอเงินกู้ 10ล้านบาท เมื่อธนาคารกู้เงินถามการกู้เงิน 10 ล้านบาท นำเงินไปทำอะไรต้องสามารถบอกการนำเงินไปใช้ได้ ไม่ใช่การเดาเอา เพราะธนาคารไม่ใช่เพื่อนของคุณที่ต้องพูดแบบนั้นไป

แจงรายละเอียดผลิตภัณฑ์สำคัญ

ผลิตภัณฑ์สินค้า รายละเอียดของเรื่องผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการเป็นส่วนที่อยู่ในแผน ประเด็นนี้ยากมากที่สุดถ้าเขียนแผนธุรกิจแต่ไม่สามารถให้รายละเอียดสินค้าและบริการของตัวเองได้ อาจทำโดยการใช้ภาพ เพราะภาพบางภาพสามารถแทนคำพูดได้ การใช้วิธีนี้ง่ายกว่าการเขียนรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ

ถ้ามีคนต้องการอยากรู้รายละเอียดผลิตภัณฑ์ หรือบริการ คือ เขาต้องการจะรู้ว่าผลิตภัณฑ์ สินค้าหรือบริการของคุณมีอะไรบ้าง มีกี่แบบ ตั้งราคาไว้เท่าไหร่ มีกี่รุ่น มีสีอะไร มีเงื่อนไขการขายเช่น ซื้อร้อยชิ้นลด 5% ซื้อแล้วมีเครดิตทางการค้า

คือให้รายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆทางการค้าและกิจกรรมการตลาดที่มีการเติบโตจากการขายสินค้าและบริการ ผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการสามารถให้ลูกข่ายเข้าไปช่วยได้ จะเป็นเรื่องการวิเคราะห์ตลาดในปัจจุบัน ประเด็นนี้บางคนไม่รู้ว่าทำไมต้องใส่ข้อมูลเข้ามา จริงๆ แล้วเป็นการใส่รายละเอียดของการวิเคราะห์ตลาด ว่าตลาดตอนนี้เป็นอย่างไร อุตสาหกรรมตอนนี้เป็นอย่างไร

แต่รายละเอียดเหล่านี้คุณไม่ได้วิเคราะห์หรือสร้างขึ้นเอง เราสามารถไปดูข้อมูลที่มีอยู่โดยเฉพาะจากหน่วยงานของรัฐ เช่น เว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งจะมีข้อมูลดัชนีทางเศรษฐกิจ ดัชนีการพาณิชย์ อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจจะไม่ใช่เป็นข้อมูลโดยตรง อย่างน้อยก็จะได้รู้แนวโน้มว่าเป็นอย่างไร

ผู้ประกอบการจะต้องไม่ละเลยในเรื่องการเรียนรู้และติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา จะต้องรู้ว่ามีอะไรใหม่ ถ้าเป็นสินค้าที่ไม่เคยมีในประเทศไทย คุณมาเริ่มต้นธุรกิจนี้ คุณจะทำให้คนอื่นรู้จักผลิตภัณฑ์ หรือบริการตัวนี้ได้อย่างไร คุณคิดว่าคุณจะใช้การเงินในการลงทุนทางการตลาดเท่าไหร่

นี่คือคำถามง่าย ถ้าคุณตอบคำถามนี้ได้แผนธุรกิจของคุณก็เกิดประโยชน์ ของดีไม่จำเป็นต้องขายได้ ของขายได้ไม่จำเป็นต้องดี แต่ถ้าคุณบอกว่านวัตกรรมของคุณเป็นของดี ผู้ประกอบการไทยส่วนมาก ผลิตของได้แต่ขายไม่ค่อยเป็น ประเด็นนี้ค่อนข้างน่าห่วงจะแก้ไขอย่างไรก็ไม่ได้ แต่เราก็ต้องพัฒนากันต่อไป

ต้องรู้เขารู้เรา

ที่สำคัญคือ คุณต้องรู้เรื่องคู่แข่งด้วย ว่ามีธุรกิจอะไรที่อยู่ใกล้ๆ กันกับเรา เขาตั้งราคาขายอย่างไร เขามีผลิตภัณฑ์อย่างไร ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้คุณจะต้องระบุเอาไว้อย่างไร เมื่อคุณรู้ข้อมูลคู่แข่งคุณต้องบอกได้ว่าผลิตภัณฑ์ของคุณดีกว่าหรือด้อยกว่าหรือแตกต่างหรือเหมือนกันหมด ถ้าเหมือนกันคุณจะใช้วิธีอะไรจัดการตลาดเช่นถ้าผลิตภัณฑ์เหมือนกันคุณก็อาจจะปรับในเรื่องของราคาที่ต่ำกว่านี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง

แผนบริหารจัดการจะเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในแผนธุรกิจ รูปแบบจัดตั้งธุรกิจเหมาะสม ธุรกิจคุณควรจะจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดหรือเป็นรานค้าธรรมดา เช่น สมมติคุณทำธุรกิจแค่หนึ่งแสนบาทก็ไม่จำเป็นต้องจัดตั้งเป็นบริษัทเป็นบุคคลธรรมดาแค่จดทะเบียนพาณิชย์ธรรมดาก็ได้ แต่ถ้าเป็นสิบล้านก็อาจเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด พอขึ้นร้อยล้านก็มีรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวเลือก เช่นทำธุรกิจส่งออกอาจตั้งเป็นบริษัทจำกัดให้มันเหมาะสมกับธุรกิจ

การมีโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสม คือมีคน มีหน้าที่รับผิดชอบภายในองค์กรทั้งหมด นี่ก็เป็นการเตรียมการของธุรกิจเช่นกัน เขาก็ต้องการรู้ว่าใคร บริหารจัดการอย่างไร ธุรกิจจะดำเนินการด้วยคน ในธุรกิจบางธุรกิจจะต้องมีจำนวนคนอยู่ในธุรกิจ

เมื่อดูจำนวนแล้วก็ต้องมาดูเรื่องของเงินเดือน เพราะเงินเดือนจะบอกถึงความสามารถของตัวพนักงาน เราจะต้องดูว่ามีคนกี่คนอยู่ในองค์กร ดูอัตราเงินเดือนหารเฉลี่ยต่อคน คำว่าเหมาะสมขึ้นอยู่กับธุรกิจการกำหนดเป้าหมายคือการทำแผนธุรกิจจะพูดถึงอนาคต

แผนการตลาดมักจะพูดว่าทุกอย่างที่ทำจะต้องใช้เงินทั้งนั้นคุณลองคำนวณดูว่าสิ่งที่คุณจะทำต้องใช้เงินเท่าไหร่ เพราะเงินมีจำกัด มีแค่ก้อนเล็กก้อนใหญ่ บางคนคิดว่ากลยุทธ์การตลาดค่อนข้างยากแต่จริงๆ

หัวใจหลักของกลยุทธ์การตลาดคุณต่อลูกค้าเข้ามาให้ได้ ถ้าบอกลักษณะของคนที่จะมาเป็นลูกค้าของคุณได้เมื่อคุณรู้ว่าคุณจะขายใครด้วยการตั้งลูกค้าเป้าหมาย กลยุทธ์การตลาดจะมาอย่างอัตโนมัติอาจจะเป็นการส่งเสริมการตลาดอย่างเช่นการสร้างภาพลักษณ์

 

โดย: คนเดินดินฯ 12 กรกฎาคม 2552 0:39:19 น.  

 

จากกรุงเทพธุรกิจ

"ลดความเสี่ยงธุรกิจ ด้วย White Ocean Strategy"
By danai

เราคงได้สังเกตเห็นทิศทางขององค์กรน้อยใหญ่ในปัจจุบัน ที่พยายามทุกวิถีทางในการควบคุมจัดการและบริหารความเสี่ยง (Risk Management) บางแห่งมีการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง บางแห่งมีทั้งแผนกบริหารความเสี่ยงเพื่อประเมิน ดูแลและควบคุมเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด



คำถามคือ ความเสี่ยงในการทำธุรกิจเกิดจากอะไร? และ White Ocean Strategy จะเป็นกลยุทธ์ในการลดความเสี่ยงได้หรือไม่? คำตอบ คือ ได้แน่นอนครับ!



มาดูกันว่า ‘กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว’ ช่วยอะไรคุณได้บ้าง



1. ลดความเสี่ยงจากกับดักกระแสทุนนิยม : กลยุทธ์น่านน้ำสีขาวสอนให้เราไม่หลงมัวเมาไปกับตัวเลขยอดขาย ผลกำไร หรือผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ไม่ผลีผลามลงทุนเกินตัวจนมองข้ามความเสี่ยงอันเนื่องจากการดำเนินธุรกิจ



2. ลดความเสี่ยงจากกับดักการแข่งขัน : แน่นอนธุรกิจคือการแข่งขัน ปัญหาคือเราจะทุ่มเททุกสิ่งเพื่อการแข่งขันอย่างขาดสติหรือไม่ ธุรกิจสีขาวสอนให้เราแข่งขันอย่างมีสติ มีจรรยาบรรณ เปิดโอกาสให้ทุกคน ทั้งคู่แข่งและตัวเราเองเดินเข้าสู้เส้นชัยได้อย่างสง่างาม โดยไม่เน้นเรื่องชัยชนะเป็นเป้าหมายหลัก



3. ลดความเสี่ยงจากความหลงใหลในหน้าตา ภาพลักษณ์ : มีผู้คนมากมายที่ให้ความสำคัญกับการมีหน้ามีตาในสังคม มีชื่อเป็นข่าวสังคม มีรูปลงหนังสือพิมพ์ ยกตัวอย่างมีธุรกิจมากมายที่สำคัญผิดว่า CSR คือกลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร แต่กลยุทธ์น่านน้ำสีขาวสอนให้เราไม่หลงไปกับสิ่งนี้ แต่เน้นเรื่องความเป็นเนื้อแท้ มีพลังที่จะ ‘ระเบิดจากภายใน’ โดยการรู้จัก เข้าใจ และยอมรับในตัวตนของเราเองอย่างกล้าหาญและมีความสุข



4. ลดความเสี่ยงจากความเสื่อมถอยด้านคุณธรรม : กลยุทธ์ธุรกิจสีขาวเน้นย้ำให้ยึดมั่นในศีลธรรม คุณธรรม ไม่ประพฤติสิ่งที่ออกนอกลู่นอกทาง มีความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในกฏระเบียบของสังคมอย่างเคร่งครัด แม้ในบางครั้งจำเป็นต้องเสียสละ ยอมขาดทุนในเชิงรูปธรรม ตัวเลข ส่วนแบ่งการตลาด แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาเป็นกำไรมหาศาลในเชิงนามธรรม คุณธรรม และต้นทุนทางสังคม



5. ลดความเสี่ยงจากกับดักสภาวะสิ่งแวดล้อม : กลยุทธ์น่านน้ำสีขาวชี้ให้เห็นความสำคัญของการทะนุถนอมและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกๆ กรณี ไม่ว่าจะเป็นผืนแผ่นดิน ผืนน้ำ อากาศ ต้นไม้ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ทั้งในด้านกายภาพและจิตภาพ คือ สรรพสิ่งที่จับต้องได้ (กายภาพ) และอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน (จิตภาพ) ซึ่งจำเป็นต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง



6. ลดความเสี่ยงจากการหมดไปของทรัพยากรโลก : ผลที่ตามมาจากการยึดแนวทางน่านน้ำสีขาวช่วยให้การใช้ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ มีความคุ้มค่า ด้วยความรู้สึกหวงแหน ทะนุถนอมและแบ่งปันกับเพื่อนร่วมโลก ไม่มีความพยายามเข้าไปจับจองตีตราพะยี่ห้อเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว จึงเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะทรัพยากรธรรมชาติเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลานานนับร้อยปีกว่าจะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ได้



7. ลดความเสี่ยงจากการสูญเสียทรัพยากรบุคคล : เป็นธรรมดาที่บุคลากรย่อมชื่นชมกับองค์กรที่ได้รับการยกย่องจากสังคมในเรื่องความโปร่งใส ให้ความสำคัญกับสังคมรอบด้าน การเป็นองค์กรแห่งคุณธรรมจึงเป็นแรงดึงดูดบุคลากรคุณภาพที่มีอุดมการณ์เดียวกันเข้าสู่องค์กร



8. ลดความเสี่ยงจากกับดักสังคม : องค์กรที่ตั้งอยู่ในกรอบของคุณธรรม-สังคม-สิ่งแวดล้อม จะมีภูมิคุ้มกันไม่ให้ไหลไปตามกระแสสังคมอันเชี่ยวกราก อยู่ในวังวนมาตรฐานเดิมๆ ของสังคม แต่สามารถพลิกตัวออกมา สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคม จนเป็นต้นแบบอันดีงาม



9. ลดความเสี่ยงต่อการล่มสลายขององค์กร : องค์กรธุรกิจสีขาวจะยกระดับตัวเองสู่องค์กรที่มีความยั่งยืน เมื่อไม่หวังผลเลิศจนเกินไป ไม่ให้ความสำคัญกับตัวเลขจนละเลยมิติด้านอื่น เมื่อเราไม่ลงทุนจนเกินตัว ไม่สุ่มเสี่ยงต่อศีลธรรม ก็จะไม่เกิดปัญหาตามมา



ผมขอเชิญผู้อ่านทุกท่านแหวกว่ายออกจากน่านน้ำสีเลือดและน่านน้ำสีคราม มาร่วมค้นหาน่านน้ำสีขาว เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจและองค์กร สามารถดาวน์โหลดเนื้อหา White Ocean Strategy ได้ที่ //www.dmgbooks.com

 

โดย: คนเดินดินฯ IP: 124.121.155.73 16 กรกฎาคม 2552 0:36:58 น.  

 

 

โดย: คนเดินดินฯ 16 กรกฎาคม 2552 0:50:22 น.  

 

 

โดย: คนเดินดินฯ 17 กรกฎาคม 2552 8:12:26 น.  

 

 

โดย: คนเดินดินฯ 17 กรกฎาคม 2552 8:32:54 น.  

 

จากกรุงเทพธุรกิจ

"ไมเคิล แจ็คสัน แม้จะรวยแต่ก็จน"

วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

ราชาเพลงป๊อปไมเคิล แจ็คสัน จากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร เมื่ออายุ 51 ปี เขาเป็นทั้งนักร้องนักแสดง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีแฟนเพลงนับพันล้านคน และเป็นทั้งบุคคลที่เหงาที่สุด ในโลกส่วนตัวของเขา

การจัดการการเงินของไมเคิล แจ็คสัน ถือเป็นกรณีศึกษาที่ดี ซึ่งน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ประกอบวิชาชีพวางแผนการเงิน และผู้สนใจทั่วไป ดิฉันจึงขอใช้พื้นที่ในสัปดาห์นี้ วิเคราะห์ถึงชีวิตการเงินของราชาเพลงป๊อปผู้นี้ ข้อมูลที่ได้มาอาจจะยังไม่สมบูรณ์มากนัก แต่ก็พยายามค้นหาและสอบทานจากหลายแหล่ง เพื่อให้ใกล้เคียงที่สุด

ไมเคิล แจ็คสัน มีความมั่งคั่งโดยรวมเท่าใด ยากที่จะมีใครประเมิน แต่มูลค่าสินทรัพย์ที่ทราบกันโดยทั่วไปมีอยู่ 2 ชิ้นใหญ่ คือ คฤหาสน์เนเวอร์แลนด์ ปลูกบนเนื้อที่ 2,800 เอเคอร์ (ประมาณ 7,000 ไร่) ในเขตซานตาบาร์บารา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ เขาซื้อมาในปี 1988 ด้วยราคา 14.6 ล้านดอลลาร์ สร้างเป็นสวนสนุก สวนสัตว์ และมีโรงภาพยนตร์อยู่ด้วย ราคาประเมินปัจจุบันน่าจะไม่ต่ำกว่า 25 ล้านดอลลาร์

สินทรัพย์ชิ้นที่สอง เป็นหุ้นในบริษัท Sony/ATV Music Publishing ซึ่งไมเคิลถืออยู่ 50% บริษัทนี้ถือลิขสิทธิ์เพลงจำนวน 251 เพลงของเดอะบีทเทิล ไมเคิลซื้อ ATV Music มาในปี 1985 โดยเสนอราคาแข่งกับบีทเทิล คือ พอล แมคคาร์นีย์ และโยโกะ โอโนะ ภรรยาของจอห์น เลนนอน เขาได้มาด้วยราคา 47.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งว่ากันว่า เป็นสองเท่าของที่ พอลกับโยโกะ เสนอซื้อ

ในปี 1993 ไมเคิล ต้องคดีเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายอายุ 13 ปี และชีวิตการงานของเขาก็เริ่มตกต่ำลง เขาต้องขายหุ้น ATV Music ครึ่งหนึ่ง เพื่อรวมกิจการกับ Sony Music Publishing โดยนำเงินไปสู้คดี และจ่ายค่าชดเชยให้กับครอบครัวของเด็ก ว่ากันว่า ไมเคิลได้เงินจากการขายครั้งนั้น 95 ล้านดอลลาร์ บริษัทใหม่ที่เกิดจากการรวมกัน เปลี่ยนชื่อเป็น Sony/ATV Music Publishing จนถึงทุกวันนี้ มูลค่าหุ้นในส่วนของไมเคิลน่าจะอยู่ประมาณ 390-1,000 ล้านดอลลาร์ (ข้อมูลจาก Time)

ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล แจ้งว่า ไมเคิลได้ให้สิทธิ (option) แก่ Sony ในการซื้อหุ้นทั้งหมดของ Sony/ATV Music Publishing ที่ไมเคิลถืออยู่ในราคาที่กำหนดไว้แล้ว ซึ่งไม่เปิดเผย ดังนั้น สินทรัพย์ส่วนนี้จึงอาจจะมีมูลค่าไม่ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ไมเคิลยังมีลิขสิทธิ์เพลงของตัวเอง ทั้งที่ออกสู่สาธารณะแล้ว และที่ยังไม่ได้ออกสู่สาธารณะอีก ที่ยังประเมินค่าไม่ได้

รวมเป็นว่าไมเคิลมีสินทรัพย์ประมาณ 500-900 ล้านดอลลาร์ บวกค่าลิขสิทธิ์เพลงของตัวเอง

แต่ ในการวางแผนทางการเงิน เราจะคำนึงถึงมูลค่าความมั่งคั่งสุทธิ ซึ่งหมายถึง ต้องหักหนี้สินออกไปก่อน จึงจะเหลือความมั่งคั่งสุทธิที่เป็นของไมเคิลจริงๆ

ไมเคิลมีหนี้สินมากมายเพียงใดยังไม่มีใครออกมาสรุป แต่ที่ทราบเป็นการทั่วไป คือ หนี้ที่กู้จาก แบงก์ออฟอเมริกา 200 ล้านดอลลาร์ โดยจำนำหุ้นของ Sony/ATV Music Publishing ภายหลังหนี้จำนวนนี้ถูกโอนไปให้ Fortress Investment Group

ไมเคิลยังมีหนี้เงินกู้ 24.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีคฤหาสน์เนเวอร์แลนด์ เป็นหลักประกัน และไมเคิลไม่ได้ผ่อนชำระตั้งแต่กลางปีที่แล้วเป็นต้นมา จึงถูกฟ้องและจะถูกดำเนินการยึดทรัพย์ แต่ โคโลนี แคปิตอล (Colony Capital) ซึ่งเป็นไพรเวทอิควิตี้ หรือกองทุนที่ลงทุนในหุ้นที่ไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้เข้ามาช่วยไว้ โดยตั้งบริษัทร่วม (joint venture) กับไมเคิล ซื้อหนี้ออกมาในราคา 23 ล้านดอลลาร์ และให้บริษัทถือทรัพย์สินไว้ คฤหาสน์เนเวอร์แลนด์จึงยังเป็นของไมเคิลบางส่วน แต่ต้องหักด้วยเงินลงทุนในส่วนของโคโลนี แคปิตอล 23 ล้านดอลลาร์ และค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล ลงข่าวว่า โคโลนี แคปิตอล ใช้เงินปรับปรุงและซ่อมแซม เนเวอร์แลนด์ ไปประมาณ 3 ล้านดอลลาร์ ทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์ ระบบไฟฟ้าและระบบปั๊มน้ำ โดยคาดว่าจะนำออกมาขายเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่า ไมเคิลเป็นหนี้ธนาคารบาร์เคลย์ส ของอังกฤษ อีก 315 ล้านดอลลาร์ และติดหนี้ค่าบริการต่างๆ หลายร้อยล้านดอลลาร์ รวมๆ แล้วหนี้สินของไมเคิลน่าจะอยู่ที่ประมาณ 550-700 ล้านดอลลาร์ เพราะฉะนั้น ไมเคิล แจ็คสัน ยังมีความมั่งคั่งสุทธิตั้งแต่ติดลบ 50 ล้านดอลลาร์ ไปจนถึงเป็นบวก 200 ล้านดอลลาร์ เพราะฉะนั้น ทายาทของไมเคิลก็น่าจะยังมีฐานะดีอยู่นะคะ

ปัญหาของไมเคิลไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สินค่ะ เพราะเขายังโชคดีที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดผลตอบแทน (Earning Asset) คือ การลงทุนใน หุ้นของ Sony/ATV Music Publishing ซึ่งข้อมูลจากไทม์ บอกว่าทำรายได้ให้เขาประมาณ 400 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 20 ปีเศษที่ผ่านมา

ปัญหาของไมเคิลอยู่ที่การใช้เงินค่ะ เขามีรายได้จาก Sony/ATV Music Publishing ปีละประมาณ 16-17 ล้านดอลลาร์ และตั้งแต่ปี 1980 เขามีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์เพลงของตัวเองการขายแผ่นเสียง เทป ซีดี และวีซีดี รวมกันมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ (เฉลี่ยประมาณ 10-11 ล้านดอลลาร์ต่อปี)

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ บอกว่า อัลบัม ทริลเลอร์ (Triller) อย่างเดียวก็ทำรายได้ให้ไมเคิลถึง 125 ล้านดอลลาร์

ไมเคิลใช้เงินตามการไหลเข้ามาของเงิน เช่น เมื่อได้ค่าลิขสิทธิ์จากทริลเลอร์ เขาก็ใช้ในปีนั้นๆ หรือ 2 ปีนั้นๆ หมด แต่อาชีพอย่างไมเคิล อายุการทำงานสั้น ของไมเคิลนี่ต้องถือว่ายาวกว่าคนอื่นแล้วค่ะ คือ อยู่มาได้ 3 ทศวรรษเลยทีเดียว เพราะเขามีชื่อเสียงตั้งแต่อายุน้อย ดังนั้น ในช่วงเวลาที่หาเงินได้นั้น ต้องเก็บเอาไว้และลงทุนไว้ใช้ในยามที่ไม่สามารถหาเงินได้ด้วยค่ะ

ว่ากันว่า เขาใช้จ่ายเกินจากรายได้ปีละประมาณ 20-30 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแต่เดิมก็มีค่าใช้จ่ายในการดูแลเนเวอร์แลนด์ปีละ 10 ล้านดอลลาร์ ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด มีค่าเครื่องบินส่วนตัว ของเก่าที่สะสม ของขวัญราคาแพง และมีค่าใช้จ่ายกฎหมายสูงลิบ

ในช่วงท้าย ไมเคิล ไม่ได้อยู่เนเวอร์แลนด์ เขาย้ายไปอยู่โรงแรมหรูหรา ในลอสแองเจลิส และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้เอง ที่ย้ายไปเช่าคฤหาสน์ราคา 100,000 ดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อประหยัดเงินเพิ่มขึ้น
แผนการออกทัวร์คอนเสิร์ต “This Is It” ที่อังกฤษของไมเคิลในเดือนกรกฎาคมนี้ ก็เพื่อล้างหนี้สินของเขา โดยคาดว่า เขาจะมีรายได้จากทัวร์นี้ 100 ล้านดอลลาร์

ชีวิตของไมเคิลเป็นกรณีศึกษาที่สอนเราว่า ไม่ว่าจะมีทรัพย์สินหรือมีรายได้มากมายเพียงใดก็ตาม หากใช้จ่ายเกินกว่าที่หาได้ ก็ทำให้จนลงไปได้เช่นกัน ตามนิยามที่ว่า "คนรวยหาเงินได้มากกว่าที่ใช้ และคนจนใช้เงินมากกว่าที่หาได้"

 

โดย: คนเดินดินฯ 20 กรกฎาคม 2552 7:50:50 น.  

 

สวัสดีค่ะ . .
วันนี้ หนี่ฯ ได้รายละเอียดมากมาย
อย่างแรกก้อคำว่า "สติ" --ขอบคุณค่ะ

และหลากหลายในเง่ชีวิตของไมเคิล แจ๊กสัน
เขาเป็นบุคคลที่น่าสนใจหลาย ๆ แง่ในชีวิตของเขาค่ะ


ไม่ค่อยได้พบปะพูดคุยกันเลย
แต่ภายในใจ ไม่เคยลืมนะคะ ....หนี่ฯ

 

โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) 20 กรกฎาคม 2552 23:05:28 น.  

 

สวัสดีเจ้าค่ะ..

ได้อ่านบทความดีๆ..ขอบคุณนะค่ะ

แต่ต้องค่อยๆอ่านไป คิดไปด้วย..

เพราะมันยาวววว...

ขอถามอะไรหน่อยนะค่ะ..

ในวันครบรอบวันเกิดของคุณ..

อยากทำอะไรบ้างในวันนั้น..

แค่อยากรู้ ก็เท่านั้นค่ะ..

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 22 กรกฎาคม 2552 15:21:39 น.  

 


สวัสดีตอนเช้าของ เนเธอร์แลนด์ จ้า



คิดถึงเธอไม่มาก
คิดถึงเธอไม่น้อง
คิดถึงเธอบ่อยๆ
เลยไม่น้อยจะห่วงใยเธอ


ขอให้มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงนะจ้า



สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังด้วยนะจ้า
ว่าแต่เปลี่ยนแปลงแนวแต่งบล็อกอีกแบบเข้ามางงเลยอะจ้า

 

โดย: จอมแก่นแสนซน 23 กรกฎาคม 2552 13:17:05 น.  

 

ห่างหายไปนาน พี่สบายดีนะคะ



จุไม่ชอบเล่าปี่ แต่โอเคกับขงเบ้งนะคะ


แต่ตรงใจก็คือพงษ์เทพค่ะ เมื่อวันก่อนยังโหลด คนพูดเพลงมาฟังเลยค่ะ

 

โดย: กระจ้อน 24 กรกฎาคม 2552 21:52:42 น.  

 

มีความสุขวันหยุดนะค่ะ


 

โดย: cattleya.. (catt.&.cattleya.. ) 25 กรกฎาคม 2552 9:13:59 น.  

 



หนึ่งพระ..วันนี้ขึ้น 8 ค่ำเดือน 9

** มีศัตรูเป็นบัณฑิต ดีกว่ามีมิตรเป็นงูเห่า **

บัณฑิตคือผู้มีสติปัญญา ภูมิธรรมดีงามอยู่มาก
มีเมตตาจิตรู้ให้อภัยศัตรู คือบัณฑิตมีจิตใจสูง
ทำให้สัตรูกลายเป็นมิตรได้ ทำให้ตัวเราคลายจาง
ความรู้สึกเป็นศัตรูกันไปได้

แต่คนประเภทดังงูเห่า เสมือนคนไม่มีคุณธรรม
ควรถอยห่าง ปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกว่า

คำคมพุทธทาสภิกขุ

อนุโมทนา...บุญมายังกัลยาณมิตร..ที่ดีของเราเสมอค่ะ








ไม่ได้แวะหาแค่ไม่กี่วัน
แต่ในความรู้สึกคุณแคทยามนี้เหมือนห่างหายมิตรเช่นคุณดูนานจัง

หรือจิตใจในวันนี้ช่างหดหู่
หรือเราเริ่มล้าและหมดพลังไปแล้วละนิ
คิดว่ามีคนเข้าใจ..ในที่สุดเราก้ได้แค่ตัวเราที่เหลือเพื่อเข้าใจตัวเรา

เศรษฐกิจ..ไม่มีที่ท่าจะดีขึ้นเลย..
เลยพาลให้ใจเราอ่อนแอ..ไปด้วย
มองซ้ายแลขวา..ทุกคนอยากช่วยแค่คิด
แต่ในที่สุด..เราต้องช่วยตัวเราเอง..อย่างที่คิด


เราเชื่อมั่นตัวเราเองมากไปก็แย่นะ
ถ้าเราอยู่ในสังคมที่เราไม่เคยเจอ
เขาก็มองในรูปแบบ...นักธุรกิจ..
ดูเหมือนเราไม่ใส่ความเป็นมิตรให้กับเขา

เราอาจมีสายเลือดความเห็นแก่ตัวแบบนักธุรกิจแอบแฝง
เลยทำให้เราไม่รู้ตัวว่ามิตรภาพต้องเกิดจากใจ
แต่สิ่งที่เราให้เขาชอบแต่กลับเรียกร้องใจจากเรา

คุณแคทเป็น งง...ตัวเองเลยค่ะท่าน
แสดงว่า...แต่ละคนมีความเห็นแก่ตัวเองไหมค่ะนิ
หรือเพราะสังคมเราต่างกันเลยมีความคิดต่างกัน

วันนี้วันพระ..แต่ใจคุณแคทแย่....มาบ่นได้คงแค่บล็อกนี้มัง
เพราะมองรอบข้างโลกไซเบอร์..ดูเหมือนคุณแคทไร้มิตรจังเลย

จึงแวะหามิตรเช่นคุณด้วยความรู้สึกดีและคิดว่าเข้าใจ
ความรู้สึกคุณแคทนะเวลานี้
งานช่วงนี้ดูเหมือนล้าค่ะ
แต่มีหัวใจที่สู้เสมอ
ต้องหาทางที่จะทำให้ตัวเองอยู่รอด
เลยมีพฤติกรรมที่คนมองดูเรา
เหมือนทุกอย่างคือธุรกิจ..รู้สึกแย่จัง

แต่จริงๆๆเราใช้ใจมองหามิตรเสมอนะ



เราพร้อมเสมอนะที่จะทำให้ทุกคนในสังคมที่ด้อยกว่าเรา
แต่บ้างสังคมมองเราสูงส่งจนเหมือนเราเห็นแก่ได้
แต่เราก็พร้อมที่ให้เสมอ

เราเข้าใจ..นานาจิตตังเสมอในมนุษย์

ขอให้เราแกร่งไปพร้อมกันเสมอนะค่ะ
ในยุคที่ก็ไรก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ
โดยที่เราไม่คาดคิด
แต่เราคิดเสมอว่าเราพร้อมที่จะเผชิญค่ะ

สู้ๆๆๆๆ..จนกว่าจะตายก็ว่าได้ค่ะ






 

โดย: catt.&.cattleya.. 30 กรกฎาคม 2552 9:16:52 น.  

 

แวะมาทักทายวันอาทิตย์ค่ะ
ชอบเพลง** สองกายหัวใจเดียว** ค่ะ
เพราะจังความหมายก้ดีค่ะ


ชอบค่ะบรรยากาศแบบที่ไปกาจญน์..สนุกเด็กๆๆก็น่ารัก
ถึงเขาจะมีความเป็นอยู่ไม่เหมือนเรา
แต่แววตาพวกเขามีความสุขมากเลยค่ะเวลาอยู่ใกล้เรา
เต็มใจที่จะหยิบยื่นไมตรีให้เราตลอด

ไม่ว่าเราต้องการอะไร จะทำอะไร
เด็กๆกระตือรือล้นมากเลยค่ะ

คุณแคทมีความสุขมากค่ะงานวันนั้น


มีความสุขนะค่ะ


 

โดย: catt.&.cattleya.. 2 สิงหาคม 2552 8:16:06 น.  

 

** คุณคนเดินดิน**

คนดีของฉัน


หนอนในอา..จม..ย่อมสกปรก
เมื่อกลายเป็นจั๊กจั่น
ก็ดื่มน้ำค้างกลางลมใบไม้ร่วง
หญ้าเน่าย่อมไร้แสง
เมื่อกลายเป็นหิ่งห้อย
ก็เรืองโรจน์ใต้แสงจันทร์ฤดูร้อน

ฟังดูว่าสะอาดเกิดจากสกปรกฉันใด
ความสว่างเกิดจากความมืดมนได้เช่นกันฉันนั้น




สัตว์เลี้ยงที่น่ารัก..เราทนุถนอมเจ้าด้วยความรักใคร่เมื่อเติบใหญ่..
ตามธรรมชาติ..เจ้ายังคิดจะทำร้ายผู้มีความรักให้ได้ด้วยเหรอ
คนดีของฉัน

เราคือคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้นั้นใช่ตัวเราเหรออ
ถ้าเรารู้เท่าทันทุกอย่างและเชื่อเสมอเราจะหนีกลโกงเล่เหลื่ยม..ได้สิ
คนดีของฉัน


การมีสติ..ยั้งคิดยั้งทำ..คือภูมิต้านทาน..ให้เรา
รู้เท่าทันใจของตนเอง..กระนั้นหรือ
คือหนทางพ้นทุกข์และหนีภัย..
คนดีของฉัน


 

โดย: catt.&.cattleya.. 3 สิงหาคม 2552 9:17:58 น.  

 



อุ่นนนอายย..แห่งรัก






เป็นคนดีมากที่สุด..อาจไม่เคยได้พูดถึง
เพราะเธอคือความลึกซึ้ง เป็นที่หนึ่งในหัวใจ

อาจไม่เคยได้บอกรัก เพราะมากกว่าคำว่ารักจะใช้ได้
แต่เธอเป็นทุกอย่างลึกข้างใน
ที่ฉันคงเก็บไว้มิลืมเลือน







ความรักใดในพื้นหล้า..ทั่วฟ้า..ปฐพี
หาได้มีมากล้น..ดั่ง..แม่รัก
ลูกยังคงเหมือนเด็กน้อย..แม้เติบใหญ่
เพราะหัวใจแม่อาทรห่วงเสมอ..ชั่วนิรันดร์












 

โดย: catt.&.cattleya.. 12 สิงหาคม 2552 1:08:09 น.  

 

ชีวิตช่วงนี้ พี่สบายดีนะคะ


ทุกอย่างให้มันดำเนินไป เป็นเหตุผลของแต่ละคน

ไม่ว่าเหตุผลนั้น จะรับฟังได้หรือไม่

แต่ก็ต้องเดินไป เพราะเราอยุ่กับที่ไม่ได้

จริงมั้ยคะ

 

โดย: กระจ้อน 15 สิงหาคม 2552 12:26:03 น.  

 

ในใจไร้กังวลก็ไร้อุปสรรค

 

โดย: สุดเขตต์ IP: 110.49.235.20 25 กันยายน 2554 2:06:09 น.  

 

?
- .
.
.
, , .
.


[url=//arbeca.net/]//www.arbeca.net/[/url]

 

โดย: JerrygaF IP: 136.243.138.66 24 มิถุนายน 2563 16:21:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.