|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
สร้างความสำเร็จในการทำงานจาก….. การเป็นผู้ให้
“ การให้ ” เป็นการคิด การพูด และการแสดงออกที่อาจหวังผลตอบแทนหรือไม่หวังผลตอบแทนก็ย่อมได้ ซึ่งรูปแบบของการให้นั้น อาจเป็นได้ทั้งการเสนอหรืออาสาที่จะให้ผู้อื่นก่อนเสมอ หรืออาจจะเป็นการให้เมื่อมีได้การร้องขอจากผู้อื่น
การให้ที่ดีนั้น ผู้ให้ย่อมต้องมีความสุขไปกับสิ่งที่ตนได้ให้ เป็นการให้ในลักษณะที่ไม่คาดหวังผลตอบแทนไว้ล่วงหน้าก่อนเสมอ ซึ่งการให้ดังกล่าวย่อมทำให้ผู้ให้มีความสุข มากกว่าการให้ที่มัวแต่คอยคิดคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ที่ตนจะได้รับ ทำให้ผู้ให้มีแต่ความทุกข์ เหตุเพราะความกังวล และการรอคอยในสิ่งที่ตนเองต้องการหรือคาดหวังไว้ ทั้งนี้พื้นฐานของการให้ที่ดีและทำให้ตนเองมีความสุขได้นั้น จะต้องมาจากความรัก เป็นความรักต่อผู้อื่นที่นอกเหนือจากการรักตนเอง รวมถึงการมองโลกในทางบวก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคุณจะต้องไม่กล่าวโทษตนเองและผู้อื่น มองว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมต้องแก้ไขได้ ไม่ดูถูกในความรู้ ความสามารถของผู้อื่น
บ่อยครั้งที่อานิสงค์ของการให้นั้น จะส่งผลมาถึงตัวคุณไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม โดยที่คุณอาจไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ และคุณเชื่อไหมว่า มีหลายคนที่ประสพความสำเร็จ และมีความก้าวหน้าในชีวิตการทำงานได้นั้น มาจากการเป็นผู้ให้ โดยไม่หวังผลตอบแทน
บารมีที่เกิดขึ้นจากการให้นั้น จะผลักดันให้คนเหล่านั้นได้รับโอกาส และความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน โดยสิ่งต่าง ๆ ที่ได้รับนั้นจะเป็นสิ่งที่พวกเค้าไม่คาดคิดมาก่อนเลยก็ว่าได้ ดิฉันขอนำเสนอผลที่เกิดขึ้นจากการเป็น “ ผู้ให้ ” ต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ดังต่อไปนี้
การให้นำพา..... ความร่วมมือ : การที่คุณเป็นฝ่ายให้ผู้อื่นอยู่เรื่อยๆ คุณลองไปขอความร่วมมืออะไรสักอย่างจากกลุ่มคนเหล่านั้น รับรองได้ว่าคุณจะได้รับความร่วมมือจากกลุ่มคนดังกล่าวไม่มากก็น้อย และความร่วมมือจากผู้อื่นนี้เอง จะเป็นสิ่งผลักดันให้งานหรือโครงการที่นำเสนอประสพผลสำเร็จ
การให้ก่อให้เกิด ...... ความช่วยเหลือ : ยามเมื่อคุณเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่น คุณจะเป็นผู้หนึ่งที่หลายต่อหลายคนยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ดังสุภาษิตหนึ่งที่ว่า “ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้” คนที่คุณเคยให้ความช่วยเหลือพวกเค้า สักวันหนึ่งพวกเค้าอาจจะเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือแก่คุณก็เป็นได้
การให้ส่งผลต่อ ...... โอกาสอันงามที่ได้รับ : คุณเชื่อเรื่องพลังแห่งการให้บ้างหรือไม่ การให้เปรียบเสมือนกับการสั่งสมบารมีแห่งความดี และความดีนี้เองจะทำให้คุณมีโอกาสหรือทางเลือกที่จะทำอะไรมากมาย ซึ่งบางครั้งคุณอาจไม่เคยคาดคิด ถึงโอกาสหรือสิ่งที่คุณได้รับมาก่อนเลย
การให้บ่อเกิดของ ...... ความเห็นอกเห็นใจ : เมื่อคุณทำงานผิดพลาด หรือมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ คุณจะได้รับความเข้าใจและความเห็นใจมากกว่าที่จะโดนซ้ำเติม หรือได้รับการตอกย้ำจากบุคคลที่คุณเคยเป็นผู้ให้แก่พวกเค้า ผู้ให้ย่อมจะได้รับความเข้าใจ ความพร้อมที่จะรับฟังในปัญหาหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
สิ่งสำคัญที่ดิฉันอยากให้คุณตระหนักไว้เสมอว่า จงอย่าคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น เพราะผลที่เกิดขึ้นนั้นจะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ โดยที่คุณไม่ได้ร้องขอหรือไม่ได้คาดคิดมาก่อน ดิฉันอยากให้หลายต่อหลายคน เห็นความสำคัญของการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ ทั้งนี้การให้นั้นคุณไม่จำเป็นต้องให้ในรูปของทรัพย์สิน ที่เป็นตัวเงินเพียงอย่างเดียว หากคุณต้องการพัฒนาตนเองให้เป็น “ผู้ให้” บ้างแล้วล่ะก็ คุณสามารถทำได้ในรูปแบบต่างๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ
ให้ “ความรู้” คุณไม่ควรเก็บหรือกั๊กข้อมูลไว้ เหตุเพราะกลัวคนอื่นจะเก่งกว่าหรือรู้มากกว่า การให้ความรู้อาจจะเป็นในรูปแบบของการถ่ายทอด หรือการสอน หรือการจัดกลุ่ม เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้อื่นในสายวิชาชีพเดียวกัน หรือบุคคลต่างๆ ที่สนใจในสิ่งที่คุณรู้
ให้ “ความคิดเห็น” รูปแบบหนึ่งของการให้นั่นก็คือ การแสดงความคิดเห็นของตนแก่ผู้อื่น ซึ่งเป็นความคิดเห็นทั้งในแง่มุมของการเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย รวมทั้งเหตุผลประกอบความคิดเห็นของตนด้วย ในกรณีที่คุณไม่เห็นด้วยนั้น คุณควรระวังในคำพูด โดยพยายามใช้คำพูดในทางบวก เพื่อให้อีกฝ่ายมีความรู้สึกดีด้วยเช่นเดียวกัน
ให้ “คำปรึกษา” การให้คำปรึกษาแก่ผู้อื่นนั้น จะเป็นได้ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน การให้คำปรึกษาที่ดีนั้นคุณควรเป็นผู้รับฟังที่ดีด้วย รวมถึงเป็นผู้ตั้งคำถาม เพื่อค้นหาข้อมูลหรือเหตุผลในเหตุการณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้น และในระหว่างที่คุณให้คำปรึกษาแก่ผู้อื่นอยู่นั้น ขอให้ลองสังเกตสีหน้าและแววตาของอีกฝ่าย เพื่อที่ว่าคุณจะได้ปรับน้ำเสียง และคำพูดของคุณให้เหมาะสมกับความรู้สึกของ ฝ่ายตรงกันข้าม
ให้ “ความช่วยเหลือ” เมื่อมีคนมาขอร้องคุณให้ช่วยทำสิ่งต่างๆ ให้ โดยที่คุณวิเคราะห์แล้วว่าสิ่งนั้นคุณสามารถทำได้ (สบายมาก) คุณไม่ควรนิ่งดูดาย คุณควรรับปากด้วยความเต็มใจ รวมถึงคุณควรเป็นผู้หนึ่งที่อาสาให้ความช่วยเหลือก่อน โดยไม่ต้องรอคำร้องขอหรือคำสั่งใดๆ ก็ตาม
ให้ “ทรัพย์สินที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน” การให้ในที่นี้จะหมายถึงการบริจาค หรือเป็นการทำทานแก่ผู้อื่นตามกำลังทรัพย์ที่คุณมี “มีมากให้มาก มีน้อยให้น้อย ”… . การบริจาคนั้นอาจเป็นได้ทั้งตัวเงินหรือไม่ใช่ตัวเงินก็ว่าได้ และที่สำคัญคุณอย่าไปนึกเสียดายในสิ่งที่คุณบริจาคหรือให้ไป.... แล้วคุณจะรู้สึกมีความสุขไปกับสิ่งที่คุณบริจาค
ให้ “จิตที่เป็นกุศล” การส่งใจหรือส่งจิตที่เป็นกุศล ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการให้ ซึ่งเป็นการคิดสงสารหรือเห็นใจในสิ่งหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นการแผ่เมตตาจิต เป็นการขอให้คนที่คุณไม่รู้จัก แต่คุณบังเอิญไปรับรู้และรับฟังเรื่องราวของพวกเค้า โดยขอให้พวกเค้าพบเจอแต่สิ่งดีๆ มีความสุขและสามารถผ่านพ้นในเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปได้
ให้ “อภัยในความผิดของผู้อื่น” การให้อภัยในสิ่งที่คนอื่นคิด ทำ หรือพูดไม่ดีกับคุณ คุณไม่ควรถือสาหรือคิดแก้แค้นในสิ่งที่พวกเค้าทำกับคุณ แต่ในขณะเดียวกันถ้าทำได้ คุณควรช่วยเหลือพวกเค้ายามเมื่อเค้าเดือดร้อน เพราะการให้อภัยจะทำให้จิตคุณไม่วิตกกังวล ไม่ฟุ้งซ่านหรือคิดมาก เท่ากับว่าเป็นการฝึกจิตให้มีพลัง มีความเข็มแข็ง
ลักษณะของการให้ตามที่กล่าวถึงไปแล้วนั้น เป็นเพียงลักษณะหนึ่งที่คุณสามารถทำได้อย่างแน่นอน ขอให้คุณเป็นฝ่ายให้โดยไม่หวังผลตอบแทน เพราะทำให้คุณมีความสุข มีความภาคภูมิใจว่าคุณเป็นผู้ให้
และบารมีหรือผลบุญของการเป็นผู้ให้นั้น ดิฉันเชื่อว่าจะส่งผลต่อตัวคุณ ทำให้คุณเป็นผู้หนึ่งที่ประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน อย่างน้อยๆ จิตใจที่สดใส ไม่วิตกกังวล ย่อมจะทำให้คุณมีจิตที่นิ่ง พร้อมที่จะทำงาน มีสติสมาธิ และในที่สุดคุณจะเกิดปัญญาในการทำงาน รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ และทำไมถึงต้องทำสิ่งนั้น แน่นอนว่าปัญญาเกิดขึ้นแล้ว ก็จะส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จในหน้าที่การงานของตน
บทความโดย : อาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์ อีเมล : p_arporn11@yahoo.com ที่มา : //www.hrcenter.co.th
Create Date : 09 กรกฎาคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2553 18:32:02 น. |
Counter : 894 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
แวะมาทักทายค่ะ
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆๆที่มาแบ่งปัน