|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ฝึกสังเกตเพื่อสร้างความประทับใจ
เคล็ดไม่ลับของการสร้างความประทับใจให้แก่บุคคลที่คุณติดต่อด้วย นั่นก็คือ การสังเกต (Observation) เป็นการค้นหาข้อมูล หรือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นของลูกค้า โดยอยู่บนหลักการที่ว่า “ ทำอย่างไรให้ลูกค้าพอใจและสนใจที่จะใช้สินค้าและบริการของเราต่อไป”
กระบวนการสังเกตที่มีประสิทธิภาพ มิใช่แค่สักแต่ว่าสังเกตเพื่อหาข้อมูลเท่านั้น การสังเกตที่ดีจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการบูรณาการข้อมูลที่ได้รับ นั่นก็คือการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อกำหนดพฤติกรรมตอบกลับว่า ควรจะแสดงออกต่อลูกค้าอย่างไรให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด
การสังเกตก่อให้เกิดการกระทำในเชิงรุก (Proactive) โดยมิต้องรอให้ลูกค้าร้องขอรับการบริการก่อน ถือได้ว่าเป็นการแสดงออกที่เหนือความคาดหวัง ซึ่งพฤติกรรมนี้เองย่อมเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจแก่ลูกค้าให้ลูกค้าคิดถึง และอยากใช้บริการของเราต่อไป
การสังเกตก็คือการเอาใจใส่นั่นเอง ก่อนอื่นเลยตัวคุณจะต้องใส่ความรักที่จะพัฒนา และปรับปรุงการบริการของตนเองก่อน และเมื่อคุณเกิดความคิดความรู้สึกเช่นนี้ คำถามที่จะตามมาก็คือ ลูกค้าต้องการบริการอะไรจากเรา และเราควรจะทำอย่างไรให้ลูกค้าติดใจและอยากขอรับบริการจากเราอีก การสังเกตจึงเป็นกระบวนการเริ่มต้นให้เกิดการกระทำต่างๆ เพื่อสร้างความประทับใจแก่บุคคลรอบข้าง
แล้วเราควรเอาใส่ใจลูกค้าในเรื่องใดบ้าง ?? มีหลายเรื่องอยู่เหมือนกันที่อาจจะถูกมองข้ามไป หรือบางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญเท่าไรนัก ดิฉันขอสรุปเรื่องที่คุณควรสังเกตลูกค้า ด้วยการตั้งคำถามในประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้
สังเกตถึง …. “ ข้อมูลพื้นฐานของลูกค้า” เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นข้อมูลของลูกค้าสามารถสร้างความประทับใจที่มีต่อตัวคุณได้ ขอเน้นนะคะว่าข้อมูลทั่วไปมิใช่เป็นข้อมูลที่เป็นความลับ หากลูกค้าไม่ประสงค์อยากจะให้ข้อมูลแก่คุณ คุณเองไม่จำเป็นต้องไปล้วงลูกแบบว่าถามเซ้าซี้ ถามแล้วถามอีก เพราะถ้าเป็นแบบนี้แล้วรับรองได้ว่า ลูกค้าไม่ H-A-P-P-Y แน่นอน ดีไม่ดี คุณเองอาจจะต้องเสียลูกค้าไปในที่สุด
สำหรับการหาข้อมูลพื้นฐานของลูกค้า ไม่ยากเลยค่ะ ง่ายนิดเดียว เพียงแต่สังเกตและถามตนเองว่า “ อะไร” เป็นเรื่องที่ลูกค้าชอบบ้าง เช่น ชอบทานอาหารไทยอะไร ชอบสีอะไร กีฬาสุดโปรดคืออะไร นักร้องสุดปลื้มเป็นใคร
สังเกตถึง …. “ สิ่งที่ลูกค้ากระทำจนเป็นนิสัย” กิจวัตรประจำวันที่ลูกค้าทำ แตกต่างจากข้อมูลพื้นฐานของลูกค้า นั่นก็คือ เป็นเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กันที่เรียกว่า “ นิสัย” เป็นความต้องการที่เกิดขึ้น จากภายในที่แสดงออกมาภายนอกอยู่บ่อยครั้ง เช่น ก่อนเริ่มทำงานทุกครั้ง มักจะอ่านหนังสือพิมพ์ จิบกาแฟ หรือมักจะเดินไปหาเพื่อนอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อเดินกลับบ้านด้วยกัน หรือมักจะโทรศัพท์หาหวานใจทุก 6 โมงเย็น …. เห็นไหมค่ะว่ากิจวัตรประจำวัน จึงเป็นการกระทำที่มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่น หรือเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกมาภายนอกที่กระทำเป็นประจำ ในรูปแบบของการตอบสนอง หรือตอบรับให้เห็นชัดที่มีแนวโน้มอาจจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็ได้ แตกต่างจากข้อมูลพื้นฐานของลูกค้าซึ่งถือว่าเป็นความชอบลึกๆ ที่อยู่ภายในที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างยากถึงยากมาก
สังเกตถึง …. “ สีหน้าที่ลูกค้าแสดงออก” สีหน้าสามารถบ่งบอกได้ถึงความรู้สึก หรือความต้องการของผู้พูดได้เช่นกัน โดยเฉพาะกับบุคคลที่ไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้ มักจะเป็นบุคคลที่แสดงออกมาทางสีหน้า เป็นบุคคลที่มีสีหน้าผันแปรโดยตรงกับอารมณ์ เช่น “ โกรธ” ก็ทำหน้าบึ้งตึง ไม่พูดไม่จากับใคร หรือ “ ชอบ” ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตาสดชื่น ฉายแววตาแห่งความสุข หรือ “ เบื่อ” ก็ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก แววตาสลดหดหู่
พบว่าการให้บริการที่ดีและให้ลูกค้าประทับใจนั้น ความสามารถในการสังเกตสีหน้าที่แสดงออกมาย่อมทำให้คุณปรับกลยุทธ์ หรือวิธีการในการแสดงพฤติกรรมตอบกลับแก่ลูกค้าให้เหมาะสม เช่น หากคุณกำลังชี้แจงข้อมูลให้ลูกค้า และลูกค้าทำหน้าเบื่อๆ สายตาสลดหดหู่ ตัวคุณควรปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอข้อมูล มิใช่ว่ายังมัวแต่ดันทุรังนำเสนอข้อมูลตามวิธีการเดิมๆ ของตนอยู่
สังเกตถึง …. “ คำพูดที่ลูกค้าตอบกลับหรือสื่อออกมา” คำพูดที่ได้ยินได้ฟังมา จะแสดงให้เห็นชัดว่าลูกค้ามีความรู้สึก ความต้องการอะไรจากเรา เขามีความชอบหรือไม่ชอบบ้างหรือไม่ ตัวคุณเองสามารถคาดเดาว่า ณ ขณะนี้ลูกค้ากำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์อย่างไร เช่น “ เฮ้อ!! เบื่อสุด ๆ เลย” หรือ “ ทำไมคุณถึงทำงานแย่มากขนาดนี้” หรือ “ จะเอาอะไรหนักหนา งานที่ส่งมอบให้นายไป ทำไมเดี๋ยวแก้ แก้แล้วแก้อีก เบื่อจะแย่อยู่แล้ว” นักสังเกตชั้นยอด หากสามารถจับสีหน้าและคำพูดของลูกค้าได้ว่า ตอนนี้ลูกค้ากำลังรู้สึกอะไร เป็นอย่างไร รับรองได้ว่า พวกเขาจะเป็นคนมีเสน่ห์ที่สามารถเข้ากับใครต่อใครได้ แต่นั่นหมายความว่านักสังเกตเหล่านั้น จะต้องเป็นนักบริหารคน จากสีหน้าและคำพูดของลูกค้าที่รับรู้ได้เช่นกัน
สังเกตถึง …. “ ข้อมูลทางอ้อมที่เกิดขึ้น” คุณไม่ควรละเลยข้อมูลทางอ้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารที่บังเอิญได้ยินได้ฟังมา หรือการขาดการติดต่อของลูกค้า อยู่ๆ ลูกค้าเกิดหายไปไม่มีการตอบกลับด้วยวิธีการใดๆ เลย และหากตัวคุณเองเจอสถานการณ์เช่นที่ว่านี้ ขอให้ตระหนักไว้เลยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ไม่ธรรมดา ซึ่งบ่งบอกได้ว่าคุณอาจจะสูญเสียลูกค้าไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม จงอย่าปล่อยปะละเลย และไม่ควรนิ่งดูดาย สิ่งแรกที่ต้องตั้งข้อสังเกตก็คือ เพราะเหตุใดลูกค้าจึงไม่ติดต่อกลับมา
การหาเหตุผลดังกล่าวนี้ไม่ยากเลย มีวิธีการหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสอบถามจากลูกค้าตรงๆ ถึงความรู้สึกที่มีต่อการให้บริการ หรือการสอบถามจากบุคคลที่เกี่ยวข้องก็ย่อมได้
ดังนั้นการเป็นผู้ให้บริการที่ดี มิใช่สักแต่ว่าจะทำงานตามหน้าที่ หรือขอบเขตงานที่ได้รับมอบหมายตามตำแหน่งงานที่ถูกกำหนดขึ้น หรือที่เรียกกันว่า Job Description เท่านั้น แต่การที่จะมีจิตสำนึกของการให้บริการที่ดีได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีหัวใจของการให้ เป็นการให้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกค้าพอใจ เพราะลูกค้าพอใจผลงานเรา ย่อมหมายความถึงผลงานที่กำลังจะตามมา และการเป็นผู้สังเกตที่ดีที่จะช่วยให้ลูกค้าพอใจได้นั้น ควรเป็นผู้ที่สามารถประมวลและประเมินผลข้อมูล เพื่อหากลยุทธ์หรือวิธีการที่เหมาะสม ในการปรับเปลี่ยนการแสดงออกของตนเองที่มีต่อลูกค้า เช่น สังเกตเห็นว่า ลูกค้ามีน้ำโห ทำเสียงเอะอะโวยวาย ไม่พอใจ …. คุณควรใจเย็น และพูดจาตอบกลับไปด้วยความสงบ
หรือในอีกสถานการณ์หนึ่ง สังเกตเห็นว่า เจ้านายเราชอบทานน่องไก่ แทนที่จะเป็นอกหรือปีก เวลาคุณสั่งอาหารเลี้ยงวันเกิดนาย คุณก็ควรสั่งน่องไก่ เพราะคุณรู้ว่านายคุณชอบน่องไก่มากกว่าอกหรือปีก เป็นต้น
สรุปว่า กลยุทธ์ที่จะเพิ่มดีกรีความพึงพอใจของลูกค้า ความสามารถหรือที่เรียกว่า Competency ตัวหนึ่งที่สำคัญก็คือ การสังเกต เป็นการรับรู้ และประมวลข้อมูลที่เกิดขึ้นของลูกค้า เพื่อทำให้เกิดการบริการแก่ลูกค้าในเชิงรุก
บทความโดย : อาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์ ที่มา : //www.hrcenter.co.th ภาพจาก : //www.serviceplustraining.com
Create Date : 03 กรกฎาคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2553 20:13:41 น. |
Counter : 1380 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|