DEEP----DEEP----DEEP----DEEP
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
14 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
เรื่องเล่าเมืองลาว



เดินทางออกจากสุรินทร์ตอนตีสี่ แวะทานข้าวเช้าที่เขื่อนสิรินธร ถึง ตม. ที่ช่องเม๊ก จังหวัดอุบลประมาณ พอทำเรื่องขอผ่านแดนได้ ก็เดินทางไปถึงจังหวัดปากเซ แวะพักคืนแรกที่ โรงแรมสายลมเย็น หลังจากเก็บกระเป๋าที่โรงแรมแล้ว ก็ไปเที่ยวที่น้ำตก คอนพะเพ็ง (((ที่พระเทพทั่นตั้งชื่อให้ว่า ไนแองกาล่า เอเชีย)))))) แวะทานข้าวเที่ยงที่นั่นแหล่ะ ร้านอาหารมีเยอะเมนูส่วนใหญ่เป็นอาหารตระกูลปลาทั้งสิ้น รูปนี้แหล่ะร้านอาหารด้านหน้าน้ำตกคอนพะเพ็ง




ที่คอนพะเพ็งนี่จะมีต้นไม้ชนิดนึง อาจารย์ที่นำเที่ยวบอกว่าชื่อต้น “แก้วมณีโครต” เป็นต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหน้าผาน้ำตก ทนแรงดึงดูดของน้ำตกได้ มีประวัติที่อาจารย์เค้าเล่าอีกเยอะ แต่จำไม่ได้



หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปที่ หลีผี ที่นี่ทรหดมาก ๆ พอไปถึงท่าเรือจะต้องลงเรือไปเพื่อไปดูน้ำตกหลีผี ที่ขึ้นชื่อเลืองลือของภาคใต้เมืองลาว พอขึ้นเรือได้ทีนี้แหล่ะ ทั้งฝนทั้งลมพายุ ซัดเอาเรือเกือบล่ม ที่นี่มีเกาะแก่งถึง สี่พันกว่าเกาะ (((รวมเกาะเล็ก เกาะน้อย))) พอไปถึงที่ตั้งของเกาะที่จะไปดูน้ำตก ก็ต้องนั่งรถต่อไปอีกนิดหน่อยกว่าจะถึงน้ำตกหลีผี ฝนตก ต้นไม้ล้มขวางถนนอยู่ กว่าจะผ่านไปได้ รถก็ติดหล่ม ไปยากมาก นี่ มีหลักฐาน



แต่พอไปถึงแล้วก็คุ้มนะ สวยมาก น้ำตกหลีผี ธรรมชาติที่อยู่ภายในความกันดาร เสียดาย ฝนตก ทำให้น้ำขุ่นคลัก ๆ ความสวยลดลงไป 30% หลังจากนั้นเดินทางกลับด้วยตัวเปียกปอน กล้องเปียกปอน นึกว่าจะพังซะแล้ว แต่ก็รอดมาได้ โน่นนน เจ้าของบล๊อคนั่งทางด้านขวามือของเรือ ใส่หมวกนั่งลุ้นยิ้มเหงือกแห้งอยู่โน่น




เย็นนั้นทานข้าวเย็นที่โรงแรม “สายลมเย็น” แล้วพักที่นั่น 1 คืน ((((นักศึกษาเจอผีด้วย))))



พอตื่นตอนเช้าเสร็จธุระแล้ว ก็เดินทางไปดูงานที่เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ เค้าเรียกว่า เขื่อนเซเส็ด 1 และเขื่อนเซเส็ด 2 น้ำตกที่นี่รวมทั้งเขื่อนก็สวยมาก ๆๆๆๆ แต่ที่ประทับใจคือตอกล้วยไม้




พอวิทยากร ผอ.ของการไฟฟ้าเมืองลาว บรรยายเสร็จ



ก็นำคณะดูงานไปเที่ยวที่น้ำตกตาดเลาะ แล้วทานข้าวเที่ยงที่นั่น ((((จำชื่อจังหวัดไม่ได้)))) ที่น้ำตกตาดเลาะ สวยมาก ถ้าให้เปรียบเทียบก็เทียบกับ ทีลอซู บ้านเราได้สบายๆๆ เลย แล้วที่นี่มีรีสอร์ทที่อยู่บนหน้าผาสูงด้วย ใกล้ชิดกับน้ำตกมาก สวยที่สุดอีกที่นึง แต่ว่าน้ำก็ขุ่นสีแดงเลย น้ำแรงมาก ๆ ที่นี่ยังได้เห็นกล้วยไม้ ต้นไม้ และแมลงต่าง ๆ ตามธรรมชาติที่สมบูรณ์ ทุกชนิดที่เห็นใหญ่โตอย่างรุนแรง





หลังจากทานข้าวเที่ยงที่น้ำตกตาดเลาะแล้ว คณะก็เดินทางไปที่ อุทยานบาเจียง ที่นี่มีน้ำตกชื่อ ผาส้วม ที่นี่ก็สวยมาก ๆ เหมือนกัน คืนนี้ก็พักที่รีสอร์ทที่นี่ เจ้าของรีสอร์ทเป็นคนนครปฐม เข้ามาสัมมปทาน แล้วก็สร้างรีสอร์ทได้หลายปีแล้ว ที่นี่บรรยากาศดีมากที่สุดที่นึงเท่าที่เคยพักมา ต้นไม้ยังอุดมสมบุรณ์อยู่มาก บ้านพักแต่ละหลังออกแบบอย่างสวยงาม และที่ประทับใจก็คือห้องน้ำที่ไม่มีหลังคา สวยงาม ตกแต่งแบบ open air ประทับใจสุด ๆๆๆ มีการดึงเอาน้ำตกขึ้นมาใช้ แล้วก็มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ผู้เข้าพักได้ใช้อำนวยความสะดวกด้วย




ห้องนอนก็มีมุ้งกลม ๆ น่ารัก ๆๆ นอนแล้วรู้สึกว่าอบอุ่น (((ทั้งที่อากาศที่นี่ชื้นมาก ๆ ด้วย เพราะละอองน้ำตก กระจายอยู่ทั่วบริเวณและความกดอากาศที่ต่ำเนื่องจากอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากโขอยู่ แต่ว่าจำไม่ได้ว่าสูงกว่าเท่าไร)))



ที่นี่นอกจากมีจุดชมน้ำตกหลาย จุดแล้ว ยังมีสะพานแขวน สะพานเดินศึกษาธรรมชาติ แล้วก็สะพานดอกไม้สวยมาก อีกอย่างนึงที่รู้สึกว่าพักที่นี่แล้วปลอดภัยก็มีอีกหลายอย่าง ที่อบอุ่นมาก ๆ เป็นต้นว่าเรื่องอาหาร และบริการ บรรยากาศที่อบอุ่น เหมือนกับตามรอยเสด็จของพระเทพฯ ซึ่งท่านได้เสด็จมาพักที่นี่ด้วย



ที่นี่มีชนเผ่าอยู่หลายชนเผ่ามาก อีกอย่างก็จำชื่อไม่ได้ทั้งหมด ก็ขอเล่าข้าม ๆ ไปเลยก็แล้วกัน มีประเพณีอย่างนึง ชื่อว่า ยืนครก จกสาว ที่นี่ ครอบครัวไหนที่มีลูกสาว อายุเตรียมจะมีผัวได้ พอก็จะหาครกมาวางไว้ที่ใต้ถุนบ้าน แล้วก็เจาะช่องพอให้มือคนสอดเข้าไปได้ อยู่ใกล้ที่นอนของลูกสาว ถ้ามีผู้ชายคนไหนที่สนใจลูกสาวบ้านนี้ ก็จะมาขออนุญาติพ่อ แล้วก็ยกครก ไปวางในตำแหน่งที่พ่อเจาะรูไว้ แล้วก็ยืนบนครก เอามือล้วงเข้าไปในช่องที่ว่านี่ แล้วก็ลูบ ลูบ คลำ คลำ ลูกสาวบ้านนั้น ตรงไหนก็ได้ (((ขอย้ำว่าตรงไหนก็ได้))) ลูกสาวก็จะนอนให้ จก อยู่ตรงช่องนั้นแหล่ะ พอเสร็จแล้ว พ่อก็จะถามลูกสาวว่า คนนี้เอาไหม เกณฑ์ในการตัดสินก็คือ ถ้าผู้ชายคนไหน มือด้าน ๆ เหมือนคนกรำงานหนัก พ่อก็จะให้ลูกสาวเลือกแต่งงานกับคนนั้น




พูดถึงเรื่องเล่าก็มีอยู่หลายเรื่องอยู่ ส่วนใหญ่เรื่องเมืองลาว ก็จะเป็นเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงผู้ชาย ขนบธรรมเนียม ต่าง ๆ ที่แปลกออกไป ส่วนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวก็เท่าที่เล่ามาก็หลายที่แล้ว ยังอยู่ก็อีกหลายที่ ส่วนใหญ่ก็นั่งรถชมทัศนีย์ภาพวิถี สองข้างทาง เค้าว่ากันว่า เมืองลาวตอนนี้ก็คือเมืองไทย เมื่อสามสิบปีก่อนนี้ ถนนหนทางก็ยังแคบ ที่นั่นรถที่ใช้ส่วนมากใช้พวงมาลัยซ้าย นั่ง ๆ ไปก็เหมือนกับคนขับรถขับแซง แล้วไม่ยอมชิดซ้าย เหมือนจะแซงตลอดเวลา แห๋ม กว่าจะปรับตัวได้ก็วันกลับเมืองไทยนั้นแหล่ะ พอกลับเมืองไทย ยังชินอยู่กับพวงมาลัยซ้าย เลนซ้าย เหวอ ๆ อยู่พักนึง ออกแนว งง งง แต่ก็ปรับตัวได้ไม่ยาก

ย้อนกลับมาที่สถานที่ท่องเที่ยวที่ไปพัก อุทยานบาเจียง ซึ่งในอุทยานก็มีน้ำตกผาส้วม และที่พักรีสอร์ท ร้านอาหาร และจุดชมวิวอีกเยอะ บริเวณรอบ ๆ อุทยานบาเจียงก็มีชนเผ่า ดังที่เล่ามา คุณวิมล เจ้าของรีสอร์ทที่นี่ให้ความเป็นกันเองกับชนเผ่าเหล่านี้มากมาย ให้อาชีพ ให้อาหาร ช่วยเหลือในทุก ๆ อย่าง ทุกเช้า เที่ยง เย็น จะเห็นเด็ก ๆ ชนเผ่าถือภาชนะเข้ามาที่ห้องอาหารของทางรีสอร์ท ที่จะมีแม่ครัวคอยจัดอาหารให้เด็ก ๆ ชนเผ่าเหล่านั้นได้ถือกลับไปทานที่บ้าน ด้วยความที่มีชนเผ่ากว่า 14 เผ่าพันธุ์ อยู่ภายในอุทยานบาเจียงทำให้เราซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวก็ได้เห็นหลายอย่างที่แปลกตามาก ๆ เช่น เสื้อผ้าชุดชนเผ่า ภาษา ศาสนา และวัฒนธรรม ที่แตกต่างกันไปถึง 14 รูปแบบอีกทั้งยังมีการแสดงพื้นเมืองที่สุดยอดอีก เพียงแต่น่าเสียดาย วันที่ไปพัก บรรดาชนเผ่าที่ว่า ต้องไปออกรอบแสดงที่อื่น ไม่ได้อยู่แสดงให้ชมเวลาทานอาหารเย็น แต่ก็ไม่เป็นไร ยังจะได้ไปอีกหลายที

ทีนี้เล่าเรื่องจุดชมวิวแต่ละที่ จุดเล่นน้ำตก หรือแม้กระทั่งบ้านพักแต่ละหลัง ก็ออกแบบมาเพื่อรองรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง เก็บภาพมาได้ไม่หมด แต่ละที่สวยมากเหลือเกิน เห็นแล้วอยากล่องแก่ง แต่ที่นี่ไม่นิยมให้นักท่องเที่ยวทำกิจกรรมอื่น ๆ นอกจากชมธรรมชาติเท่าไหร่ จึงไม่เห็นทริปที่มีกิจกรรมทางน้ำอย่างบ้านเรา พวกล่องแก่ง ไต่หน้าผา หรืออื่น ๆ บ้านเค้ายังคงอนุรักษ์ทุกสิ่งทุกอย่างไว้อย่างเป็นรูปธรรม เสียดายว่ามันธรรมชาติเกินไปหน่อย คืนนั้นเลยนอนไม่หลับทั้งคืนยันสว่างคาตาทีเดียว เพราะว่า เสียงน้ำตกดังมาก ซู่ ๆๆ ตลอดทั้งคืน คิดหาวิธีว่าทำยังไงเสียงมันจะค่อยลงบ้าง จะหาที่ลดเสียง ก็หาไม่เจอ แหะ ๆ



ยังไม่ได้เล่าถึงตอนอาบน้ำ โหยยย เย็นชะมัดยาด น้ำตกที่เจ้าของอุทยานดึงมาให้นักท่องเที่ยวได้อาบ ถึงมีน้ำอุ่น แต่ก็ไม่อยากใช้ ที่นี่ได้สัมผัสกับความโล่งอย่างมากเวลาเข้าห้องน้ำ ก็ดี เวลาอาบน้ำ ก็ดี เพราะอย่างที่บอกไม่มีหลังคา พื้นห้องน้ำโรยไว้ด้วยหินน้ำตกหลากหลายขนาด สุขภัณฑ์ที่ใช้ก็เป็นชักโครกยี่ห้อดังที่คุณวิมล จัดสรรหามาให้ผู้เข้าพักได้รับความสะดวกสบาย นั่งอึ๊ไปก็นั่งฟังน้ำตก อาบน้ำไปก็เสียว ๆ ไป ว่าจามีใครมาแอบมองหรือป่าว นั่งเล่นอยู่ในห้องน้ำแสนสวย ก็มองดอกกล้วยไม้ตากกกไม้ไป มองเฟิร์น มองไลเคน มองมอร์ส นับก้อนหินที่ใช้ปูพื้นไปพลาง แต่รูปนี้เป็นห้องน้ำรวม ห้องน้ำในห้องพัก ลืมถ่ายรูปมา



บ้านพักบนต้นไม้ก็สวยงาม สูงใหญ่ แต่ด้วยความที่อากาศชื้นมาก ๆ เลยย้ายจากบ้านต้นไม้ มานอนที่บ้านริมน้ำตก นั่งอ่านหนังสือตรงระเบียง ก็นึกถึงว่า บ้านพักที่นี่เหมือนบ้านพักที่ทุ่งแสลงหลวง โซนที่ติดกับลำน้ำเข๊ก สวยชะมัดเลย เสียอย่างเดียว พักที่นี่นอนไม่หลับ อากาศก็ชื้นมากด้วย ผ้าห่มก็ชื้น ที่นอนก็ชื้น ดีหน่อยที่พกผ้าห่ม กับหมอนไปเอง ไม่งั้นคงแย่แต่โดยรวมมีแต่ความประทับใจ




ยังอีกสองวันในลาว แต่ตอนนี้เหนื่อยแล้ว ไว้หายเหนื่อยมาเล่าต่อ





ก่อนไปทิ้งท้ายไว้กับเพลงที่เมื่อไปเมืองลาวเมื่อไหร่ ก็จะนึกถึงทุกที เพราะ งดงามทั้งเมโลดี้ และเนื้อร้อง


เพลงดวงจำปา
คาราวาน


โอ้ ดวงจำปา เวลาชมน้อง นึกเห็นพันซ่อง มองเห็นหัวใจ
เฮานึกขึ้นได้ ในกลิ่นเจ้าหอม เห็นสวนดอกไม้ บิดาปลูกไว้ ตั้งแต่ใดมา
เวลาฮ่วมเหงา เจ้าช่วยบรรเทา เฮาหายโสกา
เจ้าดวงจำปา คู่เคียงเฮามา แต่ยามน้อยเอย
กลิ่นเจ้าสำคัญ ติดพันธ์หัวใจ เป็นน่าฮักใคร่ แพงไว้เชยชม
ยามเหงาเฮาดม โอ้ จำปาหอม
เมื่อดมกลิ่นเจ้า ปานพบชู้เก่า ที่พรากจากไป
เจ้าเป็นดอกไม้ ที่งามวิลัยตั้งแต่ใดมา
เจ้าดวงจำปา มาลาขวัญฮัก ของเฮียมนี้เอย
โอ้ ดวงจำปา บุปผาเมืองลาว งามดั่งดวงดาว ชาวลาวเพิ่ง (ภูมิ) ใจ
เกิดอยู่ภายใน แดนดินล้านช้าง คราได้พัดพราก เนระเทศจาก บ้านเกิดเมืองนอน
เฮาจะเอาเจ้า เป็นเพื่อนฮ่วมเหงาเท้าสิ้นชีวา
เจ้าดวงจำปา มาลางามยิ่ง มิ่งเมืองลาวเอย...

อุตมะ จุลมณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลาว ได้แต่งเพลงนี้ไว้ในช่วงที่เข้าร่วมชบวนการต่อสู้กู้เอกราชคืนจากฝรั่งเศสเมื่อเกือบห้าสิบปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวให้กับฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมในสมัยนั้นได้เห็น โดยอุตมะ ได้ใช้ “ดอกจำปา” หรือดอกลั่นทม ที่ชาวลาวนิยมปลูกแต่ในอดีต เป็นสื่อบอกถึงความรักแผ่นดินถิ่นเกิดของชาวเมืองลาว

----------------------------------------------------------

ตามตำนานบอกว่า เมื่อครั้งเจ้าฟ้างุ่มไปพักอยู่ที่ราชสำนักเขมร และได้ราชธิดาเขมรมาเป็นชายานั้น
ทั้งคู่ได้พลอดรักกันที่ใต้ต้นลั่นทมนี้เอง ทำให้เมื่อเจ้าฟ้างุ่มสถาปนาอาณาจักรล้านช้างได้แล้ว ก็มีพระบัญชาให้ปลูกต้นจำปาทั่วแดนล้านช้าง เผื่อว่าเมื่อยามเห็นดอกจำปาก็จะได้หวนนึกถึงความรักความหลังครั้งกระนั้น



แต่ว่าเรื่องเล่าของดวงจำปานี้เกิดขึ้นทางภาคเหนือของประเทศ คือเมืองหลวงพระบาง ที่นี่พลาดโอกาสไปเมื่อเทอมที่แล้ว แต่ว่าที่ไปที่นี่ก็มีเรื่องเล่า และเพลงของทางภาคใต้ หรือจังหวัดปากเซ เหมือนกัน ไว้เดี๋ยวมาเล่าใหม่











Create Date : 14 สิงหาคม 2550
Last Update : 15 สิงหาคม 2550 8:33:02 น. 5 comments
Counter : 783 Pageviews.

 
เพลงเพราะดีครับ

ว่าแต่ไปเมืองลาวเห็นน้ำแตกยังครับ
ไกด์ทัวร์ลาวนี่ฮามากขอบอก


โดย: <- RYUKENDEN -> วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:14:03:40 น.  

 
ค่าใช้จ่ายในลาวทริปนี้ประมาณเท่าไหร่คะ


โดย: thamakorn วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:15:45:54 น.  

 
เคยไปลาวมาแล้ว แต่ไม่ยักกะรู้ว่ามีที่ที่น่าเที่ยวสวยงามขนาดนี้ ไม่เห็นเพื่อนที่เป็นสาวลาวเล่าให้ฟังเลย ต้องหาโอกาสไปดูด้วยตัวเองให้ได้ สวยมักมั่ก


โดย: อมฤตาลัย วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:19:45:24 น.  

 
อืมมม เจ๋งฟ่ะน้องแอร์
ไปมาเมื่อไหร่ไม่เห็นบอกกันมั่งเลย
วันหลังถ้าเค้าจัดทริปอีก บอกพี่มั่งนะ


ไม่ค่อยได้เข้ามาทักทาย
สบายดีนะน้อง อ.แอร์


โดย: สะเทื้อน วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:19:02:21 น.  

 
พี่สบายดีครับน้อง ...
ไว้มีโปรแกรมแบบนี้อีกเมื่อไหร่ บอกพี่ด้วยเด้ออออ


โดย: สะเทื้อน วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:19:51:00 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

airthecorr
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add airthecorr's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.