|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความหมายในสิ่งที่เรียกว่า柔道(judo-ยูโด)ของคนญี่ปุ่น
ตั้งแต่รู้จักกับยูโดมาจนบัดนี้ มีบางสิ่งบางอย่างได้ซึมซับเข้ามาเรื่อยๆกับความหมายในสิ่งที่เรียกว่ายูโดของคนญี่ปุ่น
โดโจ หรือ สนามยูโด โดโจถือว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ 2สิ่งที่สำคัญของโดโจคือ 1.รูปภาพของปรมาจารย์คาโน่ จิโกโร่ ผู้ศึกษาก่อตั้งและคิดค้นศาสตร์ทางด้านยูโด 2.เสื่อตาตามิ (ข้อห้ามที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครการเข้าโดโจนั้น ห้ามใส่รองเท้าเหยียบขึ้นไปบนเสื่อตาตามิโดยเด็ดขาด)
การจะเดินเข้าหรือเดินออกสนามยูโดนั้นต้องทำการโค้งเคารพทุกครั้ง ว่าแต่การโค้งคำนับเป็นการโค้งคำนับอะไรกันแน่ คำตอบก็คือการโค้งคำนับ2สิ่งสำคัญที่กล่าวมาข้างต้นนั้นแหละ ทุกวิชาต้องมีครูบาอาจารย์เป็นเรื่องปกติ และการทำความเคารพครูบาอาจารย์ก็เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ ส่วนการโค้งให้กับเสื่อตาตามินี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะว่าถ้าหากปราศจากเสื่อตาตามิแล้ว การทุ่ม การล้ม คงจะเจ็บพิลึก จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังต้องสำนึกและขอบคุณเสื่อตาตามิอยู่ทุกครั้งไป เพราะช่วยรองรับแรงกระแทกจากการล้ม การทุ่มจากการฝึกซ้อม และ การผิดคิวต่างๆ การล้มทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ เสื่อตาตามิก็ช่วยผมไว้ทุกครั้งโดยไม่เกี่ยงงอน
เวลาอยู่ในโดโจนั้น ถ้าคุณไม่พร้อมคุณก็อย่าเข้ามา แล้วอะไรที่เรียกว่าไม่พร้อม ไม่พร้อมทางด้านเครื่องแต่งกาย การแต่งกายไม่สุภาพ เช่นการถอดชุดยูโด เอาสายรัดมาพาดคอ หรือว่าเอาผ้าเช็ดตัวมาพาดคอ ใส่แหวนหรือเครื่องประดับ สนามยูโดไม่ใช่ที่บ้านหรือลานแฟชั่นโชว์ หากไม่พร้อมเรื่องเครื่องแต่งกายแล้วก็ไม่สมควรเข้ามาในสนามให้แปดเปื้อน ปกติถ้าไม่มีงานอื่นที่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าร่วมแล้ว ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในสนามยูโดต้องแต่งกายด้วยชุดยูโดเท่านั้น สำหรับโคโดกังชุดยูโดที่ถูกต้องสำหรับผู้ชายก็คือ สีขาวไม่สวมเสื้อทับ ซ้ายทับขวา รัดสายคาดเอวหรือเข็มขัดให้เรียบร้อย ส่วนสำหรับผู้หญิงก็คือ สีขาวมีเสื้อทับ(สีขาวเช่นกัน) ซ้ายทับขวา รัดสายคาดเอวหรือเข็มขัดให้เรียบร้อย ผมเคยครั้งนึงที่ใส่เสื้อยึดกางเกงขาสั้นแล้วโผล่เข้าไปในสนาม ก้าวแรกที่โผล่เข้าไปในสนาม สายตาทุกสายตาจดจ้องมองมาที่ผม แล้วผมก็รู้ได้ในทันทีว่าผมพลาดไปแล้ว ควรจะต้องถอยห่างออกมาก่อนที่ใครจะทนไม่ไหวเข้ามาจัดการ (ด้วยคำพูด หรือไม่แน่อาจจะด้วยกำลังแบบพี่สั่งสอนน้อง)
ไม่พร้อมทางด้านร่างกาย จริงอยู่คุณใส่ชุดเรียบร้อย เข้ามาในสนาม ว่าแต่เข้ามาเพื่ออะไร ที่แน่ๆไม่ใช่เข้ามานั่งเฉยๆ ตั้งวงเหล้า เล่นละครลิง หรือแสดงโชว์ตลก หัวเราะ สังสรรค์ ปาร์ตี้ เวลาที่คุณเข้ามาในสนามแล้ว นั้นคือร่างกายคุณต้องพร้อมสำหรับการฝึกซ้อม ถ้าร่างกายคุณไม่พร้อมที่จะฝึกซ้อมก็กลับบ้านไปซะ ไว้พร้อมก็ค่อยมาใหม่ ประโยคนี้ผมได้ยินบ่อยมากจากอาจารย์ที่สอนอยู่คอร์สข้างๆ คอร์สสำหรับเด็กญี่ปุ่นชั้นประถมและมัธยมต้น (ท่าทางคอร์สเด็กญี่ปุ่นจะเข็มงวดกว่าคอร์สที่เปิดสำหรับบุคคลทั่วไป) ถัดมาเรื่องน้ำขนม สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เรื่องอาหารเป็นที่ห้ามแน่นอนอยู่แล้วแต่บางคนอาจจะคิดว่าเรื่องน้ำพอที่จะผ่อนผันกันได้ คำตอบก็คือไม่ ห้ามนำน้ำเข้ามาดื่มในสนามยูโด เครื่องอำนวยความสะดวกเช่นวิทยุ มือถือ กล้องถ่ายรูป คำถามคือคุณแต่งชุดยูโดมาสนามยูโดเพื่ออะไร เพื่อมาฟังวิทยุ เพื่อมาโทรศัพท์ หรือว่า เพื่อมาถ่ายรูปใครหรืออะไรบ้างอย่างกันหรือ ถ้าคุณมีธุระหรือจะมาชาจ์ตมือถือ คุณก็ทำของคุณที่บ้านที่ห้องคุณก็ไม่มีใครว่า แต่ว่าถ้าคุณมาสนามเพื่อมาทำของพวกนี้ สุดท้ายก็คงต้องถูกด่าถูกเตือนกันไป(เรื่องพวกนี้คนญี่ปุ่นเค้าถือ) โดโจบางแห่งตามโรงเรียนอาจจะไม่ได้เข้มงวดเรื่องน้ำดื่มกับสิ่งอำนวยความสะดวกแต่ว่าก็ไม่นักยูโดทุกคนก็น่าจะรู้ดีแก่ใจว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ
ไม่พร้อมทางด้านจิตใจ เครื่องแต่งกายและร่างกายคุณพร้อมที่จะฝึกซ้อม แต่ว่าจิตใจคุณหมกมุ่นกับสิ่งอื่น ก็ไม่สมควรที่จะยืนอยู่บนสนามยูโด เช่น การทำตัวรุ่มรามตามใจฉันจะฝึกแบบพักเหนื่อย การคุยไร้สาระระหว่างการฝึกซ้อม อาจารย์ให้ทำ10ก็ทำแค่8แบบคิดว่าอาจารย์ไม่ได้นับและไม่มีใครรู้ ถ้าหากใครที่คิดอย่างนี้แล้วก็สมควรกลับบ้านรอให้พร้อมกว่านี้ถึงจะมาลงสนามซ้อมต่อ สำหรับพวกที่ใจเกินร้อยเกินไปก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน เช่น รู้ตัวว่าทุ่มไม่ได้แต่ก็ทุ่มในแบบเกินตัวผลที่ตามมาคือไม่ตัวเองบาดเจ็บก็ทำให้คู่ซ้อมบาดเจ็บ หรือว่า เมื่อถูกใส่ท่าล๊อค เจ็บแต่เป็นศรีทนได้ ไม่ยอมส่งสัญญาณบอก สุดท้ายคู่ซ้อมไม่รู้ทำแขนหัก หรือว่าล๊อคจนสลบ อันนี้ก็จะเดือดร้อนกันเป็นวงกว้าง สำหรับคู่ซ้อมก็ควรจะยั้งมือมีจิตสังวรเผื่อแรงไว้เผื่อขาดเผื่อเกินบ้างเล็กน้อยเพราะว่าเป็นแค่กีฬา แถมเป็นกีฬาแห่งความสุภาพอีกต่างหากไม่ใช่การรบในสงครามที่ว่าต้องเอากันให้ตายไปข้าง อีกจำพวกหนึ่งคือรู้ตัวว่าไม่ไหวทำไม่ได้แต่ก็ไม่ยอมหยุด ฝืนทำต่อไปสุดท้ายผิดคิว เจ็บตัว หมดสติ หรือหนักๆก็เหนื่อยตาย อันนี้ก็เดือดร้อนชาวบ้านอีกเหมือนกันที่ต้องเรียกรถพยาบาล หรือต้องมาเก็บศพ(เคสนี้ยังไม่เคยเจอ)
ท่าทางร่างกายทัศนคติคุณสมบัติของนักกีฬายูโด - การฝึกซ้อมและการแข่งขัน
โครงสร้างร่างกายโดยส่วนตัวผมเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน ช่วงอก ช่วงไหล่ แขน ขา (รวมถึงพุง) มีการขยายเพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวก็เพิ่มมาด้วย เพื่อนผมที่เรียนที่โคโดกังมา3เดือนไม่ว่าจะอายุเยอะหรือน้อย ก็มีโครงสร้างร่างกายที่ขยายใหญ่ขึ้นเหมือนกันทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าจะขยายมากขยายน้อยเท่านั้นเอง แต่ก่อนที่จะขยาย ก็ต้องเจ็บตัวจากการฟกช้ำ ปวดข้อปวดเข่า รวมถึงปวดกล้ามเนื้อด้วย แต่ทุกคนก็ผ่านมาได้ด้วยดี ผมว่าผมเป็นแจ็คพ๊อตคนเดียวที่ปวดหนักสุด จากการเอ็นฉีก กระดูกข้อศอกเคลื่อน (เพื่อนนะเพื่อนทำกันได้) แต่ก็ดีถ้าไม่มีการบาดเจ็บในวันนั้น กล้ามเนื้อร่างกายผมก็คงไม่ได้พัฒนาและขยายมาจนถึงที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ (เสียอย่างเดียวเรื่องลงพุง ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน วาระแห่งชาติเลยที่จะต้องรีบแก้ไข)
ยูโดถือเป็นกีฬาที่เป็นหน้าเป็นตาเรื่องความสุภาพ ถ่อมตัว อ่อนน้อม แต่ไม่อ่อนแอ นักกีฬายูโดส่วนใหญ่เดินหลังตรง กล้าเผชิญหน้าไม่อายฟ้าดิน บางครั้งก็เน้นเรื่องศักดิ์ศรีมากๆ สำหรับการรันโดริ เทคนิคต่างๆที่นำมาใช้ ท่าทางการเคลื่อนไหวของร่างกายจะคล้ายๆกับสิงโต หลังตรง ทุ่มได้เท่าที่ทุ่ม ไม่ใช่การเคลื่อนไหวแบบหมาวัดจนตรอกเช่นการโค้งงอตัวเพื่อต้านการทุ่มของอีกฝ่าย การเล่นลูกตุกติกเพื่อเป็นการพักเหนื่อย(เช่นการค่อยๆประดิษฐ์ประดอยกับการใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเพื่อเป็นการฆ่าเวลาไปในตัว) การไม่ออกท่าเพื่อรอสวนกลับอย่างเดียว การไม่เชฟตัวคู่ต่อสู้เพียงเพื่อต้องการให้ได้เปรียบในการรันโดริ การรันโดริอาจารย์จะบอกเสมอๆว่าไม่ได้เป็นการแข่งขัน เป็นแค่การฝึกซ้อมเพื่อให้คุ้นเคยกับการแข่งจริง (ในบางครั้งผมก็มีหลุดคิวไปบ้าง แต่ก็จะพยายามให้หลุดน้อยที่สุด เพราะไม่อยากเป็นหมาวัด) ส่วนการแข่งขันยูโดที่แท้จริง บางแมตช์ก็พอจะเห็นจิตวิญญาณของยูโดที่แท้จริง แต่บางครั้งนักกีฬาบางคนอาจจะให้ความสำคัญของคำว่าชัยชนะจนเกินไปก็มี แต่ก็ควรจะระลึกไว้เสมอว่าจะชนะหรือแพ้ก็ควรที่จะอยู่อย่างสิงห์ ไม่ใช่เป็นชัยชนะที่มาจากลักษณะหมาวัดจนตรอก
การซ้อมในสนามนั้น จะไม่มีการแบ่งแยกว่าสีไหนอายุเท่าไร ทุกคนเท่าเทียมกันหมด แต่ก็มีกฏเล็กๆน้อยๆในการทำความเคารพ ว่าใครจะต้องอยู่ทางซ้ายหรือใครจะต้องอยู่ทางขวา โดยเอารูปของปรมาจารย์คาโน่ จิโกโร่ เป็นที่ตั้ง คนที่อยู่ทางขวามือของรูปตอนทำความเคารพ คือเป็นรุ่นพี่หรือว่ามีฝีมือสูงกว่าคนที่อยู่ทางซ้ายนั้นเอง ส่วนใหญ่จะเห็นการแย่งกันอยู่ทางซ้ายและเชื้อเชิญให้อีกฝั่งไปอยู่ทางขวา (คงเป็นเรื่องของการถ่อมตัวซะมากกว่า)
ก่อนซ้อมและหลังซ้อมจะต้องมีการเคารพซึ่งกันและกัน ถือเป็นธรรมเนียมอีกอย่างหนึ่ง เพราะยูโดเป็นกีฬาที่เล่นคนเดียวไม่ได้ และบางครั้งอาจจะมีการผิดพลาดทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ หรือบางครั้งการดึงการล๊อคการรัด อาจจะดูไม่สุภาพเลยต้องมีการขอความกรุณาและขออภัยกันก่อน พอจบการซ้อมก็ถือว่าจบ ทุกอย่างก็กลับเป็นเหมือนเดิมเหมือนพี่เหมือนน้อง ไม่มีการผูกใจเจ็บมาคิดให้เปลืองสมอง หลังจากออกจากสนามถอดชุดยูโดออกแล้ว ทุกอย่างจบไม่มีการนำทักษะยูโดมาใช้นอกสนาม หรือการวิวาทโดยเด็ดขาด
สายคาดเอวของผู้ใหญ่ที่มีการแบ่งแยกเพียงสีขาวกับดำนั้น จุดประสงค์ก็เพื่อความปลอดภัยของคู่ซ้อมนั้นเอง จะได้รู้ว่าควรจะใช้กำลังเท่าไหน ส่วนสายสีแดง หรือสายสีแดงสลับขาวนั้น ปกติไม่ใส่ในการซ้อม แต่จะใช้ใส่เพื่องานสำคัญๆเท่านั้น ส่วนเด็กๆที่มีการใช้สายหลายสี คือ ขาว เหลือง ส้ม เขียว ม่วง น้ำตาล ดำ นั้นคงจะเพื่อเป็นการจูงใจให้เด็กๆขยันฝึกซ้อมต่อๆไปในระดับที่สูงขึ้น
สำหรับผู้เล่นยูโดอาจจะมีทั้งเริ่มเล่นกับพวกที่ชำนาญแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การไม่ดูถูกคู่ต่อสู้ไม่ว่าจะด้อยกว่าเพียงใดก็ตาม แต่เปลี่ยนเป็นการให้คำแนะนำ ไม่รู้อะไรก็จงเอยปากถามซะ ถ้าหากใครรู้ก็จงเอยปากตอบกลับมา ก็เท่านั้น หลายๆท่าทั้งเทคนิคท่าทุ่มหรือท่านอน ท่าล๊อคต่างๆผมก็ได้มาจากเพื่อนร่วมสนามแหละครับ
ที่สำคัญต้องขอขอบคุณรุ่นพี่สายดำมหาลัย2คน ที่เป็นคนเริ่มต้นสอนท่าพื้นฐานต่างๆของยูโดให้ผม จนทำให้ผมสามารถที่จะก้าวมาถึงจุดนี้ (จุดที่ผมมีฝีมือและก้าวข้ามรุ่นพี่สายดำ2คนนี้ไปแล้ว) ฝีมือไม่เกี่ยวแต่ความเคารพก็ยังเป็นเหมือนเดิมเช่นวันแรกที่เจอ คิดว่ารุ่นพี่ก็คงสนุกไปด้วยที่มีคู่ซ้อมอย่างผมโผล่ขึ้นมา แต่ตัวละครเก่งๆก็ยังมีโผล่ออกมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้รุ่นพี่ก็ยังคงสอนสิ่งต่างๆให้เสมอๆทั้งในเรื่องธรรมเนียมต่างๆของยูโด การวางตัว และสิ่งอื่นๆที่นอกเหนือจากยูโด (โดยเฉพาะภาษาญี่ปุ่น)
ส่วนที่โคโดกังใครรู้เทคนิคอะไรเป็นพิเศษบางครั้งถ้ามีโอกาสก็จะมาแชร์กันเพื่อที่จะก้าวขึ้นไปพร้อมๆกัน โดยไม่คิดว่าการแข่งขันในแต่ละเดือนอาจจะต้องมาเจอกัน(ตูละกลัวจริๆงถ้าต้องเจอกับพวกเทพๆ) คงเรียกว่าเป็นความท้าทายในการแข่งขันอีกอย่างนึง ที่ต่างคนก็ต่างรู้เทคนิคซึ่งกันและกัน (จำไว้ว่ายูโดต้องอยู่อย่าสิงห์ ดีกว่าหมาจนตรอกหวงก้าง) สุดท้ายที่เอาออกมางัดกันก็คงเป็นเรื่องจังหวะฝีมือและการฝึกซ้อม
Create Date : 09 กันยายน 2554 |
|
21 comments |
Last Update : 9 กันยายน 2554 23:27:10 น. |
Counter : 4412 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: นกลอนดอน 11 กันยายน 2554 5:13:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปันฝัน 11 กันยายน 2554 20:04:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: majoyka 12 กันยายน 2554 10:52:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: เบบูญ่า 12 กันยายน 2554 21:27:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: catbabuu 13 กันยายน 2554 23:05:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: minajaja 14 กันยายน 2554 11:21:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: ใบไม้ดำ 14 กันยายน 2554 19:05:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: Puiifai IP: 171.4.241.61 7 สิงหาคม 2555 21:10:40 น. |
|
|
|
| |
|
|