Judo kanto taikai at saitama การแข่งขันยูโดนักศึกษาเขตคันโต part2
柔道関東大会@埼玉県 การแข่งขันยูโดของนักศึกษามหาลัยเขตคันโต
วันนี้เป็นวันที่2ของการแข่งขัน หรือเรียกว่าเป็นการแข่งต่อจากเมื่อวาน ในรุ่นที่เมื่อวานไม่ได้แข่ง ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นใหญ่ คือรุ่นตั้งแต่เกิน 73โลขึ้นไป จะแข่งในวันนี้ ส่วนนักกีฬาหญิงก็เป็นรุ่นใหญ่กว่าเมื่อวานเล็กน้อย วันนี้นักกีฬาที่มาแข่งขันจึงมีลักษณะตัวโตกว่าเมื่อวาน แต่กล้ามเนื้อไม่ค่อยเห็นเด่นชัดเท่าเมื่อวาน นักกีฬารุ่นน้ำหนัก90 หรือว่ารุ่นเกิน100 จะเป็นลักษณะคล้ายๆกับซูโม่ซะมากกว่า
วันนี้ไม่มีพิธีเปิด การแข่งขันเลยเลื่อนออกไปเป็นเวลา10.30 แต่ว่าเวลาชั่งน้ำหนักยังเหมือนกับวันแรก วันนี้รุ่นพี่ที่ลงแข่งในรุ่นไม่เกิน100โล ก็สบายๆ ไม่ต้องคุมอาหารอะไรมากมาย ถึงเวลาไปชั่งน้ำหนักก็ชั่งตามปกติ ผ่านฉลุย หลังจากนี้จะเป็นการเปิดสนามให้นักกีฬาลงไปวอร์มหรือฝึกซ้อมในสนามได้ถึงเวลา 10.20 ก่อนการแข่งจริง สิ่งที่รุ่นพี่ทำนั้นทำให้ผมงงมากๆ ว่าจะมาแข่งจริงๆรึเนี่ย คือ รุ่นพี่นอน(หลับจริงๆ) จนถึงเวลาเกือบ11.00 ถึงจะเริ่มมาสวมชุดยูโด พันผ้าเทป เพื่อลงแข่ง ในคู่เวลาใกล้ๆที่จะมาถึง
รุ่นพี่ปี4คนนี้มีฝีมือยังไงผมไม่รู้ เพราะไม่เคยซ้อมด้วยเลยซักครั้ง รู้แต่ว่าปีที่แล้วรุ่นพี่คนนี้เป็นประธานชมรมมา2ปีติด คิดว่าก็น่าจะมีฝีมืออยู่พอตัว ส่วนที่ไม่ฝึกซ้อมตั้งแต่ตอนอยู่มหาลัย จนถึงก่อนแข่งในวันนี้ยังมานอนนั้น เป็นเพราะว่าเจนสนามจัด มีการซ้อมที่อื่น หรือว่าเป็นการประมาทกันแน่ เดี๋ยวจะได้รู้กัน
เริ่มต้นการแข่งขัน การเคลื่อนไหวในการเข้าทำเป็นไปอย่างช้าๆ ตามสไตล์รุ่นน้ำหนักเยอะ เพราะว่าน้ำหนักตัวเยอะการเข้าทำเลยต้องระวังเป็นพิเศษถ้าพลาดก็คือแพ้ได้ทันที จุดแรกคือการเอามือเข้าจับคอเสื้อ1มือ ก่อนที่จะหาเหลี่ยมหามุม ในการเข้าจับแขนอีกฝั่ง ปกติรุ่นน้ำหนักเยอะๆเค้าก็จะสู้กันตามสเต็ปที่วางไว้อย่างนี้ จากเรื่องการเข้าจับ ทำให้ผมรู้ว่ารุ่นพี่คนนี้ถนัดจับทางด้านขวาส่วนคู่ต่อสู้ถนัดจับซ้าย จึงเป็นการจับในด้านเดียวกัน การเข้าจับทำได้ดีตามทฤษฏีพื้นฐานทั่วไปคือมือที่จับคอจะต้องอยู่ด้านในของมือคู่ต่อสู้ จุดนี้ผมให้รุ่นพี่ได้เปรียบ1ส่วน แต่ว่าผมสังเกตุเห็นจุดอ่อนในช่วงขา อาจเป็นเพราะไม่ค่อยได้ฝึกซ้อม พอลงสนามจริง ทำให้การเคลื่อนไหวมันผิดกับที่นักกีฬายูโดสมควรจะเป็น คือว่าฐานไม่ค่อยมั่นคงเท่าไร โดนนิดหน่อยก็ล้ม เพียงแต่ไม่เป็นคะแนนเท่านั้นเอง แต่ว่าต่อจากการล้ม บางครั้งมันมีเนวาซะตามมาด้วย รุ่นพี่ที่ขาดการฝึกซ้อมพอเจอเนวาซะ ก็ได้แต่ตั้งรับ ด้วยน้ำหนักตัวที่เยอะ การจะยกตัวมาใส่ทางเนวาซะ มันก็ทำได้ยาก จึงรอดตัวมาได้หลายครั้ง
ประมาณ1นาทีครึ่งการแข่งขันดำเนินต่อไป จุดพลิกก็คือ คู่ต่อสู้ใช้ท่า uchimata makikomi ล้มแบบง่ายๆแต่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร ไม่น่าเชื่อว่ากรรมการยกมือให้เป็นอิปป้งทันที ทั้งๆที่การล้มเป็นแบบไม่ชัดเจนเท่าที่ควร แต่ไม่ว่ากรรมการจะให้อิปป้งหรือไม่ให้ในจังหวะนี้ ผมว่าผลก็คงไม่ต่างกันเท่าไร
หลังจากตกรอบแรก ก็กลับมานั่งที่สนามชั้น2เพื่อดูบรรยากาศทั่วไปก่อนกลับ การแข่งขันก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งเวลาประมาณ14.10 การแข่งในสนามสุดท้ายก็จบลง เป็นพิธีมอบรางวัลสำหรับผู้ชนะ แต่ผมไม่ได้อยู่ดูจนจบงานเพราะว่า เวลารถบัสที่ต้องขึ้นเพื่อกลับไปสถานนีนั้นเป็นเวลา14.30 แต่เท่าที่ดูผู้ชนะก็สมควรจะชนะแหละต้องแข่งขันประมาณ6-7 รอบกว่าจะได้เข้าเป็นที่1ใน3
มาถึงจุดนี้ทำให้ผมรู้ถึงข้อเท็จจริงของยูโดอีกข้อนึง ก็คือว่าในการแข่งขันยูโด ดวงดีมันก็มีส่วนช่วยแต่ว่าเป็นส่วนที่น้อยมาก ส่วนใหญ่จะต้องมาจากการฝึกซ้อมบ่อยๆ บวกกับการวางแผนในเกมให้ดีก่อนแข่ง ทั้งช่วงต้นเกม จนถึงท้ายเกม ที่สำคัญต้องอ่านให้ออกว่าคู่ต่อสู้ถนัดท่าไหน และ อ่อนในจุดไหน แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณการฝึกฝนรวมถึงการรันโดริกับคนอื่นๆที่หลากหลายเพื่อเพิ่มประสบการณ์ รอผมอีกปีนึง ให้ผมประสบการณ์เยอะกว่านี้อีกหน่อย ผมจะต้องทำให้เพื่อน รุ่นพี่ และ อาจารย์ ของชมรมที่มหาลัยงงให้ได้ เพราะว่าตอนนี้คู่ซ้อมรันโดริชั้นเยี่ยมของผมก็มีอยู่มากมายที่โคโดกัง
จบจากงานนี้ นั่งรถไฟกลับบ้าน หลับกันจนเกือบเลยสถานนีที่จะต้องลงเปลี่ยนรถไฟ แล้วพอกลับถึงบ้านความเหงาก็มาเยือน ปกติจะเป็นกับพี่น้องที่มาเที่ยวและเจอกันที่ญี่ปุ่นแล้วกลับไป เป็นครั้งแรกที่สาเหตุของความเหงามาจากเพื่อนที่ชมรม แค่ไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยแค่3วัน2คืนเอง ดันเอาความเหงามาเพิ่มให้ซะเนี่ย คงต้องใช้เวลาซักระยะกว่าจะเป็นปกติ
Create Date : 04 กันยายน 2554 |
|
9 comments |
Last Update : 4 กันยายน 2554 19:26:16 น. |
Counter : 1454 Pageviews. |
|
|
|