Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
3 กันยายน 2554
 
All Blogs
 

Judo kanto taikai at saitama การแข่งขันยูโดนักศึกษาเขตคันโต part1

柔道関東大会@埼玉県 การแข่งขันยูโดของนักศึกษามหาลัยเขตคันโต



ปกติงานนี้จะจัดทุกปีช่วงประมาณต้นเดือน9 สถานที่จัดการแข่งขันจะจัดที่บุโดกังจังหวัดไซตามะ ก็งงอยู่เหมือนกันว่าปกติถ้าเป็นศูนย์กลางของคันโตแล้วน่าจะจัดที่ โตเกียวซะมากกว่า

บุคคลที่จะลงแข่งได้ต้องศึกษาอยู่ในระดับมหาลัย และต้องเป็นสายดำเท่านั้น หรือโชดั้งขึ้นไป การแข่งขันจะจัดเป็นรุ่นๆแบ่งตามน้ำหนัก การแข่งขันจะจัดเป็น2วัน คือวันเสาร์สำหรับผู้แข่งขันที่น้ำหนักไม่มาก (ไม่แน่ใจว่าถึงกี่กิโล) ส่วนวันอาทิตย์จะเป็นรุ่นหนัก เรื่องน้ำหนักงานนี้เค้าเอาจริงนะครับ ถ้าใครสมัครรุ่นไหนแล้วถึงวันที่ชั่งน้ำหนักก่อนแข่งเกินไปก็ถูกคัดออกทันที ไม่มีเปลี่ยนข้ามรุ่น ดังนั้นควรจะทำน้ำหนักให้เบากว่ารุ่นที่ต้องการแข่งประมาณ2-3โลก่อนวันแข่งขันจะได้ไม่กรอบหรือต้องลุ้นจนเกินไปในวันแข่งจริง

เนื่องจากผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องชั่งน้ำหนักในช่วงเช้าของวันแข่งจริง เวลาเริ่มประมาณ8.30-9.30 มหาลัยผมอยู่ชิบะ การเดินทางช่วงเช้าเข้าโตเกียวเพื่อที่จะแยกไปไซตามะก็ไม่สะดวกเท่าไร เพราะรถไฟคนเยอะมากๆ หรือถ้าเกิดรถไฟดีเลย์ชึ้นมาก็หมดสิทธ์แข่งกันพอดี ทำให้ทั้งชมรมต้องมาปักหลักกันที่โอมิย่าตั้งแต่วันศุกร์ (ที่แน่ๆผมต้องหยุดการซ้อมยูโดที่โคโดกังไป2วันเต็มๆ ยังคิดอยู่ว่าคุ้มกันมั้ยกับการมาดูการแข่งขันที่นี่)

โอมิย่าเป็นเมืองใหญ่ดี แต่สิ่งที่ชอบที่สุดของผมกลับเป็นถนนในเมืองระหว่างศาลเจ้า ฮิกาว่า กับ สถานนีโอมิย่า เมื่อวันศุกร์ตอนกลางคืน ผมลองไปวิ่งจ๊อกกิ้งดู มันเป็นทางเรียบๆมีต้นไม้สองข้างทาง วิ่งแล้วไม่รู้สึกว่าเหนื่อย เมื่อเทียบกับแถวบ้านผมที่เส้นทางขึ้นๆลงๆตามแนวภูเขา
เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าไปในสนามที่ใช้สำหรับจัดการแข่งขันยูโด ข้างในกว้างมาก มีอยู่8สนาม เรียกได้ว่า ตอนแข่งจริงก็ใช้ทั้ง8สนาม หากใครมีเพื่อนหลายรุ่น ก็ต้องค่อยดูหนังสือคู่มือการแข่งขัน ว่าสนามไหนใครแข่งอยู่ บางครั้งอาจเกิดอาการอยากดู2สนามพร้อมกันก็มี

ขึ้นชื่อว่าสายดำแล้ว มันก็ยังมีหลายเกรด แบ่งตามดั้ง ตั้งแต่โชดั้ง ไปจนถึง 5-6ดั้ง (ผมว่าเด็กมหาลัยเต็มที่ก็คงไม่เกิน4-5ดั้งละครับ) แต่ที่สังเกตุง่ายๆคือเรื่องหู ถ้าใครเจอคู่ต่อสู้หูบวมๆผิดปกติกว่าคนอื่นละก็ถือว่าเจอกระดูกชิ้นใหญ่แล้วละครับ เพราะการที่หูเป็นอย่างนั้นได้ต้องใช้เวลาในการฝึกซ้อมยูโดมาแทบจะมากกว่า6-7ปีขึ้นไป

อีกอย่างคือเรื่องสายดำ บางคนสายดำดูขลังมากๆ คือสายมันจะถลอกๆออกเป็นสีขาวหน่อยๆ หรือบางคนก็เป็นสีเทาไปแล้วก็มี ถ้าใครที่เจอกับสายดำแบบไม่ใหม่แล้วละก็(ประสบการณ์เกิน5ปีแน่นอน) ถือว่าเจอกระดูกชิ้นโตอีกเหมือนกัน

พอดีวันนี้มีรุ่นพี่ที่ชมรมแข่งในรุ่น 66 กิโลกรัม ทุกคนก็เลยมาปักหลักช่วงเช้า ช่วงที่มาถึงคนยังไม่เยอะเท่าไร แต่พอประมาณ9โมง สนามที่ดูกว้าง กลายเป็นแคบมากๆ เพราะว่าเค้าให้นักยูโดลงไปวอร์พอัพกันในสนามกันได้ถึง 9.20 คนที่ลงแข่งงานนี้คงมีทั้งตัวจริงกับพวกที่พึ่งได้สายดำมาไม่นาน อย่างละครึ่งๆ แต่ว่าส่วนใหญ่ที่ผมเห็นแต่ละคนร่างกายพร้อมมากๆ เนื้อแน่นๆกล้ามเป็นมัดๆ การเข้าท่าต่างๆก็ทำได้สมบูรณ์รวดเร็ว บรรยากาศในงาน หากคนที่แค่สนใจยูโดมาดูแล้วละก็ผมว่า คนๆนั้นคงจะต้องเริ่มห้ดเล่นยูโดกันเลยทีเดียว ช่วงที่ผมดูถึงตอนยังไม่เริ่มแข่ง ยังรู้สึกว่าปีหน้าต้องมาร่วมแข่งขันให้ได้ (ไฟสู้ลุกโชนทีเดียว อาจจะเป็นจุดประสงค์ของอาจารย์ยูโดที่มหาลัยก็เป็นได้)

นอกเรื่องหน่อยนึง ตอนซ้อมที่โคโดกังก็เคยเจอกับพวกเด็กมหาลัยส่วนใหญ่จะมาซ้อมกันวันพุธ แรงผิดกับพวกยูโดรุ่นแก่เลย เรียกได้ว่าดีคนละอย่าง ถ้าเป็นยูโดรุ่นแก่จะไม่ต้องใช้แรงมากในการทุ่มคู่ต่อสู้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเทคนิคกับประสบการณ์ซะมากกว่า พวกนี้เล่นด้วยแล้วสบายใจไม่เจ็บตัวมาก เพราะว่ารุ่นแก่เค้าเชี่ยวชาญ แต่ถ้าเป็นรุ่นมหาลัยแล้วการเข้าทำต่างๆจะเร็วและรุนแรงมาก คือถ้าจะรันโดริกับเด็กมหาลัยสายดำแล้ว ต้องเอาเทปมาพันนิ้วเกือบจะทุกนิ้ว ไม่อย่างนั้นได้เลือดชัวร์ๆ เพราะแรงกระชากกับการสะบัดเยอะมากๆ ตะก่อนตอนแรกๆก่อนที่ผมจะเริ่มเรียนที่โคโดกัง ผมเคยไปซ้อมรันโดริก่อน อาจารย์ของโคโดกังต้องรีบออกมาเตือนว่า ถ้าจะดีไปเล่นกับคนแก่มากประสบการณ์จะดีกว่า เพราะว่ากับเด็กมหาลัยต้องระวังตัวเนื่องจากแรงของเด็กมหาลัยกับของผมมันไม่ต่างกันเท่าไร แต่ว่าประสบการณ์สายดำของพวกมหาลัย รวมทั้งความเร็วในการเข้าท่า สูงกว่าผมเยอะมากในตอนนั้น อาจารย์เลยอยากจะบอกให้ระวังตัวมากขึ้นตอนรันโดริกับเด็กมหาลัย

วันนี้รุ่นพี่ที่ชมรมมีแข่งหนึ่งคน ในรุ่น66กิโลกรัม ปีที่แล้วรุ่นพี่คนนี้ก็ลงแข่งแต่ไปพลาดท่าตอนชั่งน้ำหนักทำให้ถูกตัดสิทธิ์ออก ปีนี้ก่อนแข่งวันนึงรุ่นพี่คนนี้ควบคุมน้ำหนักเป็นพิเศษ มื้อเย็นกินได้แค่ผักนิดหน่อย หลังจากนั้นมื้อเช้าก็งดจนกว่าจะชั่งน้ำหนักผ่านไป เกือบเหมือนกัน ชั่งได้ 65.นิดหน่อย
สิ่งที่รุ่นพี่คนนี้ทำอยู่ ทำให้ผมคิดได้ว่า ถ้าผมจะลงแข่งปีหน้า ผมจะไม่ยอมเป็นแบบนี้เด็ดขาด ถ้าผมคิดจะลงในรุ่น66กิโลกรัม ก่อนหน้านั้น2อาทิตย์น้ำหนักผมต้องกดลงให้เหลือประมาณ62-63กิโลกรัม แต่ตอนนี้ผมหนัก 74กิโลกรัม ผมคิดว่าถ้าลงก็คงลงรุ่น 73กิโลกรัม มีเวลาเตรียมตัวตั้งปี ยังไงก็ค่อยๆลดให้เหลือประมาณ70 ก็กำลังดี เพราะถ้าลดจนถึงนาทีสุดท้าย มันไม่กินก็ไม่มีแรง พอกินเข้าไปแล้วต้องแข่งร่างกายมันก็เหนี่อย

9.45 ประธานกล่าวเปิดงานในพิธี มีการพูดอยู่3-4 คนก่อนที่จะเริ่มแข่งขัน หลังจากนั้นแล้ว ใครที่แข่งรุ่นไหนก็จะแยกกันไปสนามที่ระบุไว้ ระยะเวลาการแข่งขันในแต่ละคู่คือ 5 นาที (ผมว่าโหดมากสำหรับการแข่งแบบ5นาที) ดูไปหลายคู่ บางคู่ก็จบเร็วด้วยอิปป้ง หรือว่า ท่าล๊อคต่างๆ แต่บางคู่ทำคะแนนกับไม่ได้หรือว่าได้ยูโกเท่ากัน ก็ต้องแข่งต่อเวลาอีก2นาที ใครแพ้ก็คัดออก เรียกได้ว่าแพ้ก็กลับบ้านได้เลย ส่วนคนที่ชนะก็จะมีเวลาพักหน่อยนึงก่อนที่การแข่งรอบถัดๆไปจะมาถึง

ไม่เก็บค่าบัตรผ่านประตู แต่คนที่เข้าชมต้องไปดูที่ชั้น2 มองลงมา แต่ชั้น2ก็เห็นชัดนะ เพียงแต่มันมี8สนาม ถ้าอยากเห็นใกล้ๆ ก็ต้องหามุมเอาเอง ส่วนของผม ชมรมทำบัตรเผื่อเอาไว้ให้หลายใบ มีทั้งบัตรผู้ติดตาม บัตรกัปตัน บัตรอาจารย์ผู้ฝึกสอน ดังนั้นผมจึงสามารถลงไปเชียร์ติดขอบสนามที่ชั้น1ได้ บรรยากาศคล้ายๆกัน แต่ว่าตอนลงมาชั้น1 ยิ่งใกล้เวลารุ่นพี่แข่งเท่าไร มันก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น ขนาดผมไม่ได้เป็นคนแข่งเองนะครับ ยังรู้สึกถึงความเย็นๆชาๆของสนามได้เลย เพราะว่าการแข่งยูโดมันมีลูกเล่นอยู่พอสมควร ทั้งการทุ่ม การสู้ในท่านอน และการหักล็อคต่างๆ เรียกได้ว่า ผู้เข้าแข่งขันทุกคน คงจะมีการเตรียมท่าที่จะใช้เอาไว้กันก่อนแล้ว เพราะถ้าไม่เตรียมลงสนามไปคงจะใช้ไม่ออก ผมเคยมาแล้ว ขนาดแค่รันโดริ ถ้าไม่มีการคิดแผนคิดท่าที่จะใช้ พอถึงเวลารันโดริ มันจะสะเปสะปะออกท่าไม่ถูกหรือคิดไม่ออกว่าจะใช้ท่าไหนดี แต่ช่วงนี้คอร์ส2ของโคโดกังมีการรันโดริทุกวันที่ซ้อม ดังนั้นต่อๆไปคงจะทำให้ผมวางแผนการแข่งได้ดีขึ้น
วันนี้รุ่นพี่แพ้ตั้งแต่รอบแรก เลยได้กลับมาโรงแรมเร็วกว่าที่คาดไว้คือประมาณบ่าย2ก็ถึงโรงแรมแล้ว ต่อจากนี้ก็นอนจนถึง18.00 เพื่อที่จะออกไปหาอาหารทานแถวๆบริเวณสถานนีโอมิย่า

การแข่งขันของรุ่นพี่ ผมก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าผลจะเป็นอย่างนี้ เพราะว่ารุ่นพี่คนนี้ตอนอยู่ที่ชมรมซ้อมด้วยกัน 5-6ครั้งหลังสุดยังไม่เคยทุ่มผมลงได้ซักครั้งเลย คงเป็นเพราะไม่มีการวางแผนในเกมที่ดี ท่าถนัดของรุ่นพี่คนนี้มีอยู่สามท่า คือ seoi otoshi, tai otoshi กับท่า uchimata แต่ว่าตอนที่รันโดริกับผม seoi otoshi กับ tai otoshi นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะว่าเข้าท่าใส่ผมไม่ได้ติดอยู่ที่มือ ส่วนอุจิมาตะนั้น รุ่นพี่จะใช้วิธีเกี่ยวขาเข้ามาก่อนแล้วค่อยหมุนตัวใช้มือดึง การเกี่ยวขาเข้ามานั้นส่วนใหญ่จะเข้ามาได้แค่นิดเดียว หรือไม่ก็โดนผมเอาเข่ากันเอาไว้ ส่วนจุดอ่อนหลักๆของรุ่นพี่คนนี้คือ บางครั้งจะก้มตัวเยอะเกินไป ทำให้ฐานไม่มั่นคงเท่าไร กับการเอาขาเข้าเกี่ยวถ้าหากคู่ต่อสู้ยืนขาเดียวได้มั่นคงกว่า ผลมันจะกลับกลายเป็นว่าคนเอาขาเข้ามาเกี่ยวเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ทุ่ม

ก่อนการแข่งขันจะเริ่มผมไม่อยากรบกวนสมาธิ โดยการตั้งคำถามต่างๆเกี่ยวกับแผนที่วางไว้ในการแข่งขันรอบนี้ แต่พอเริ่มการแข่งขันแล้ว ผมรู้เลยว่ารุ่นพี่เตรียมมาแค่ท่าเดียว คือท่าอุจิมาตะ แบบเริ่มต้นด้วยการเกี่ยวขาก่อนตามด้วยมือ คู่ต่อสู้ก็ถือว่าใจดีนะ(หรือไม่ก็โชคดี) ที่เค้ายอมให้เกี่ยวเข้าไปเพียงแต่ลำพังแค่การเกี่ยวขานิดหน่อยแล้วถูกดึงล้ม ผมว่ามันคงไม่สมกับโชดั้งหรอก สุดท้ายคู่ต่อสู้ก็แก้กลับด้วยท่า sumi otoshi เป็นอิปป้งทันที

ด้วยความที่เป็นรุ่นพี่ หลังจากจบการแข่งแล้วผมไม่อยากจะวิจารณ์การแข่งต่อหน้า แต่ถ้าจับหลังหน่อยๆ ผลคงจะไม่เป็นเช่นนี้ คือต่อที่ใส่ขาเข้าไปเพื่อใช้อุจิมาตะ หากดึงไม่ลง น่าจะเปลี่ยนเป็น ko-uchigari แต่ว่าผมมีวิธีจากอาจารย์ที่โคโดกังในการเพิ่มพลัง2-3เท่าให้กับ ko-uchigari คือการเพิ่มการเอาขาเข้าไปเกี่ยวให้ลึกๆแล้วใช้สะโพกกับการทิ้งน้ำหนักตัวไปที่คู่ต่อสู้ ถ้าอยู่ในจังหวะอย่างวันนี้โดนเข้าไปล้มแน่ครับ เพียงแต่จะได้เป็นอิปป้ง วาซะอาริ หรือว่ายูโก นั้นต้องขึ้นอยู่กับจังหวะล้มสุดท้าย ว่าคนทุ่มทรงตัวอยู่ได้เท่าไหน

มื้อเย็น ตั้งใจจะทาน ยากินิกุ บุฟเฟ่ต์แถวบริเวณสถานนี โอมิย่า แต่ว่าเดินวนหาอยู่2-3รอบก็ไม่เจอ (ปีที่แล้วอาจารย์พามาทาน แต่ว่าผมไม่ได้มา) ส่วนปีนี้พอหาจนรู้สึกว่ามันน่าจะอยู่บริเวณตรงนี้ ถึงได้เข้าใจว่า ร้านนี้ได้ย้ายไปแล้ว สรุปก็เลยต้องหาอย่างอื่นทานแทน มาลงตัวที่ร้านเล็กๆร้านนึง เป็นร้านเครื่องดื่มบุฟเฟต์+อาหารคนละ3อย่าง รอดตัวไปที่ผมออกตัวไปตั้งแต่เย็นวันศุกร์แล้วว่า ผมเลิกเหล้าแล้วไม่คิดจะดื่มเครื่องดื่มที่มีแองกอฮอล์อีกเพราะมันจะปวดหัวตุบๆในวันรุ่งขึ้น ไม่อย่างนั้นผมคงโดนรุ่นพี่หลายๆคนบังคับให้ดื่ม แองกอฮอล์ตั้งแต่ เหล้าญี่ปุ่น ไล่ไปจนถึงวิสกี้แน่ๆ

กลับถึงโรงแรมประมาณ2ทุ่ม ผมรอให้ท้องย่อยก่อนจะออกไปวิ่งประมาณ8กิโลตอน 3ทุ่มครึ่ง




 

Create Date : 03 กันยายน 2554
1 comments
Last Update : 3 กันยายน 2554 19:56:42 น.
Counter : 2308 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายพร้อมกับเอาีรูปมาให้นะคะ

ไม่แน่ใจว่าที่เมืองไทยมีขายหรือป่าวค่ะ เดี๋ยวจะลงเวปช๊อปปิ้งทั่วไปให้ดูนะคะ จริงๆ โอซีครีมมันมีหลายแบบ แต่จะลงแบบที่ซื้อมาใช้ให้ดูนะคะ

//hanaroyes.com/index.html?var=Good&Good_no=682&large_number=26&middle_number=283&pchsFlag=040901

 

โดย: nampalo76 4 กันยายน 2554 10:08:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ablaze357
Location :
Chiba Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




「精力善用」「自他共栄」
Maximum efficient use of energy and mutual prosperity for self and others
New Comments
Friends' blogs
[Add ablaze357's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.