น ก ก ร ะ จิ บ เ ล่ า เ รื่ อ ง
ธรรมะเป็นคำตอบของคนหนุ่มสาว
Group Blog
 
All Blogs
 
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้ "กาย" กับ "จิต" ....ทรงนิมิต ระลึกนำ "พุทธ-ธรรม-สงฆ์"

ที่พึ่งหนึ่ง พึ่งได้ "กาย" กับ "จิต"
ทรงนิมิต ระลึกนำ "พุทธ - ธรรม - สงฆ์"
สติตั้ง แนบกาย ไม่ไหว - งง
คิด พูด จง สติควบ ประจวบงาม


วันนี้ ขึ้นต้นมาเป็นกลอนเลยดีกว่า ....
เมื่อเช้า นั่งคิดอยู่ว่า จะบันทึกอะไรให้คุณอ่านดี
เมื่อวานหายไปหนึ่งวัน มีคนถามว่า
"เป็นไรหรือเปล่า ... ไม่เห็นมีเรื่องใหม่มาให้อ่านเลย"
วันนี้ ... ก็กลัวว่า จะมีคนรออ่านบันทึกเรื่องใหม่ๆ ของแดดเช้า

ถ้าแดดเช้าหายไปบ้าง ไม่มีเรื่องใหม่ๆ มาลงบ้าง
อย่าสงสัยเลยนะคะ เพราะบางทีแดดเช้าก็คิดไม่ออกว่า จะเขียนอะไรเหมือนกัน

เวลาเขียนแต่ละบทบันทึกเนี่ยนะ ไม่ใช่เขียนง่ายๆ
ต้องคิดแล้วคิดอีกว่า จะแสดงอะไรให้ผู้อ่านเข้าใจ
และเขียนออกมาอย่างตั้งใจ ใช้สมาธิและกระแสจิตที่จะแผ่ลงมาให้ผู้อ่านได้รับสิ่งดีๆ กันทุกคน
แดดเช้าใช้พลังจิตค่อนข้างมาก และใช้เมตตาฌานค่อนข้างสูง
นับว่าเป็นอานิสงส์ของการเขียนบันทึกของแดดเช้าที่ทำให้แดดเช้าได้เจริญสมาธิ และใช้สติตามดูตัวเองไปด้วย .... สาธุ ค่ะ

เขียนเรื่องความรักมาหลายวันแล้ว
วันนี้จะไม่เขียนเรื่องความรักสักวันหนึ่ง
นะคะ ... คงไม่เป็นไรเนาะ

ธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัว .... ไม่ใช่เรื่องในวัด ไม่ใช่เรื่องของพระ ไม่ใช่เรื่องของคนแก่เลย
มีคนเริ่มเห็นด้วยกับแดดเช้าแล้วว่า "ธรรมะ" เป็นเรื่องใกล้ตัว
ใครเห็นด้วยอีก ยกมือขึ้น!!!

น่ายินดีเหลือเกินที่มีคนหนุ่มคนสาวหลายคนเห็นคุณค่าของ "ธรรมะ"
จริงๆ แล้ว ธรรมะปฏิบัติได้ทุกที่ ทุกเวลา และเป็นธรรมชาติที่สุดด้วยนะคะ
ไม่ต้องรอให้หมดภารกิจของชีวิตอะไรเลย
คุณทำงานไป ชีวิตคุณก็หนีไม่พ้นธรรมะหรอก

วันก่อน แดดเช้าเรียนถามหลวงปู่ว่า
"ธรรมะ แปลว่า อะไรเจ้าคะ"
ท่านแจกแจงภาษาบาลีออกมา
สรุปใจความว่า ธรรมะ แปลว่า การทรงอยู่

"แล้วที่รุ่งไปบอกใครๆ ว่า ธรรมะ คือ ความจริง จะได้ไหมเจ้าคะ"
"นั่นก็ได้ ธรรมะแปลได้หลายอย่าง ธรรมะทรงไว้ทั้งความดีและความไม่ดี และทรงความดีด้วย ความไม่ดีด้วย ทุกอย่างเป็นธรรมะได้หมด ฉะนั้น ถ้าจะพูดว่า ธรรมะ คือ ความจริง ก็ไม่ผิดหรอก"
"อย่างนั้นเองหรือเจ้าคะ"

แดดเช้าแสดงความจากที่ท่านอธิบายให้ฟังได้ไม่ครบนะคะ แต่ว่า แดดเช้าก็สรุปย่อๆ ได้เพียงเท่านี้ อาจจะยังไม่ชัด ไว้โอกาสหน้า แดดเช้าจะมาขยายความเรื่อง ความหมายของธรรมะ ให้คุณฟังกันในอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง ..... อดใจรอนะคะ : ) (ติดเป็นการบ้านก่อนล่ะนะ)

เข้าเรื่องดีกว่าว่า ธรรมะ เป็นเรื่องใกล้ตัวได้อย่างไร?
ไม่ว่าคุณกำลังทำอะไร สมาธิของคุณก็เกิดอยู่กับสิ่งนั้นๆ ตรงนั้นเรียกว่า ขณิกสมาธิ
เกิดขึ้นโดยที่คุณไม่ต้องนั่งขัดสมาธิ หลับตา เลย

หลวงปู่จึงแนะให้มีนิมิตไว้เป็นเรื่องยึดสมาธิให้ทรงอยู่ เป็น อารมณ์หลัก
แล้วทำอย่างอื่นๆ ไป เป็นอารมณ์รอง

เมื่อมีอารมณ์หลักเกิดขึ้น เราก็มีสติดูกายของเราว่า กำลังเคลื่อนไหวไปทางไหน
นึกคิดอะไร รู้สึกอย่างไร เป็นอย่างไรบ้าง นี่แหละ คือ สติปัฏฐาน 4

ไม่ต้องเดินจงกรมแล้วเพ่งจ้องกายเลย
เราทำอะไรตลอดเวลา แล้วใช้กสินลมเป็นเครื่องยึดสมาธิไว้ที่กาย ดูกายตลอดเวลา ดูทุกอวัยวะของกายไว้ สติของเราก็จะครบถ้วน อาการของเราก็จะงาม เพราะมี "สติ" เป็นเครื่องควบคุมการแสดงทั้งหมด

นิมิต ที่ทรงไว้ได้ตลอดเวลา คือ ท้องฟ้า
ท้องฟ้าขาวๆ สว่างๆ เราก็จะได้กสินอีก 2 อย่าง (กสินสีขาว กับ กสินแสงสว่าง) ในทุกขณะที่เราทำกิจกรรมต่างๆ

นิวรณ์ 5 ของเราก็จะเสื่อมไปๆ

ง่ายดีนะคะ .... ลองทำดูสิคะ?
แล้วจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งทางกาย และ ทางจิต

ที่พึ่งหนึ่ง พึ่งได้ "กาย" กับ "จิต"
ถามกันว่า เวลาทำสมาธิต้องนึก พุทโธ หรือเปล่า?
แดดเช้าคิดว่า ถ้าเราบริกรรมพุทโธ ก็ดีนะคะ
แต่ถ้าเรานึกท้องฟ้า เท่ากับว่า เป็นพุทโธ ภายในตัวอยู่แล้ว

เพราะ ท้องฟ้า สว่างๆ ขาวๆ ทำให้เราตื่น เราสบาย เราเบิกบาน นิวรณ์ 5 เสื่อมลงได้
ที่คิดฟุ้งๆ วุ่นวาย ก็หายไปได้
สติของเราก็สมบูรณ์ขึ้นได้
ความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็จางลงไปได้
สมาธิของเราก็ตั้งอยู่ที่อารมณ์หลัก คือ ท้องฟ้า นั้นได้

เวลาเราดูลม ก็ทำให้เราไม่เพ่งลมภายในมากเกินไปจนกายหาย ลมหาย
แต่เราจะมีสติรู้กายตามซึ่งกาย รู้ลมตามซึ่งลม
รู้ความรู้สึกของเรา และรู้ตามจิตของเราง่ายขึ้น
โดยไม่ต้องตั้งใจเพ่ง เราจะเพ่งได้เอง

พุทโธ ก็เกิดขึ้นง่ายๆ แล้วแหละค่ะ...

ของง่ายๆ เช่นนี้
ต้องลองทำดูนะคะ แล้วคุณจะเห็นความแตกต่าง

การทำความเพียรในทางพระกรรมฐานนี้ มี ๔ อย่าง
วันนี้ แดดเช้าลงเรื่องลึกสักหน่อย
แต่หวังว่า คนอ่านคงไม่เบื่อกันนะคะ

การทำความเพียรในทางพระกรรมฐานนี้ มี ๔ อย่าง
ทุกขา ปะฏิปะทา ทันธาภิญญา - ปฏิบัติเป็นทุกข์ ตรัสรู้ได้ช้า ๑
ทุกขา ปะฏิปะทา ขิปปาภิญญา - ปฏิบัติเป็นทุกข์ ตรัสรู้ได้เร็ว ๑
สุขา ปะฏิปะทา ทันธาภิญญา - ปฏิบัติเป็นทุกข์ ตรัสรู้ได้ช้า ๑
สุขา ปะฏิปะทา ขิปปาภิญญา - ปฏิบัติเป็นสุข ตรัสรู้ได้เร็ว ๑

ถ้าเราปฏิบัติกรรมฐานให้ถูกอุบาย เราก็เกิดความสบายทั้งกายและจิต และก็ไปถึงจุดหมายไม่ยาก เรียกว่า ปฏิบัติเป็นสุข ตรัสรู้ได้เร็ว

หลวงปู่ท่านจึงคิดอุบายให้ปฏิบัติเป็นสุข ตรัสรู้ได้เร็วมาให้พวกเราได้ฝึกกัน ปฏิบัติกรรมฐานอย่างง่ายๆ เป็นสุข จะได้ไม่เกิดความระย่อท้อ

และท่านเคยบอกว่า การเจริญอานาปานสติกรรมฐาน เป็นของยาก เพราะว่า เราดูลมหายใจทั่วกาย อาจจะทำให้กระแสความรู้ของจิตหดแคบเข้ามา ลมหายใจจะไม่สะดวก ความอึดอัดทั้งกายและจิตจะเกิดขึ้น จึงต้องเจริญอานาปานสติกรรมฐาน พร้อมด้วยชาคริยะและอิทธิบาท ด้วยการใช้กสินเข้าช่วย

ท้องฟ้าสีขาว จึงเป็น "โอทาตกสิน" ความสว่างของกลางวัน เป็น "อาโลกกสิน"
โอทาตกสิน หมายถึง กสินสีขาว
อาโลกกสิน หมายถึง กสินแสงสว่าง
และเราต้องทำให้สมาธิของเราเป็น "มหัคคตสมาธิ" คือ สมาธิกว้างใหญ่ด้วย
ท้องฟ้ากว้างใหญ่ ทำให้เราไม่เหลียวกลับมาดูลมหายใจ เราก็จะปฏิบัติได้ง่ายขึ้น สบายขึ้น ไม่อึดอัด ไม่ง่วงซึม สติก็คลุมครบทั้งกายและจิต

สติสัมปชัญญะของเราก็ผ่องใส แจ่มใส สว่างไสว

เพราะพระพุทธเจ้าสอน "การแสดงอิทธิบาท" ว่า
"จงมีความสำคัญหมายเบื้องหน้าและเบื้องหลังอยู่ว่า เบื้องหน้าฉันใดเบื้องหลังก็ฉันนั้น เบื้องหลังฉันใดเบื้องหน้าก็ฉันนั้น เบื้องล่างฉันใดเบื้องบนก็ฉันนั้น เบื้องบนฉันใดเบื้องล่างก็ฉันนั้น กลางวันฉันใดกลางคืนก็ฉันนั้น กลางคืนฉันใดกลางวันก็ฉันนั้น ให้มีใจเปิดเผย ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรมจิตให้สว่างอยู่

อนุปาเยน โย อัตถัง อิจฉะติ โส วิหัญญะติ - มุ่งประโยชน์แต่ไร้อุบายย่อมลำบาก
ขอให้หยุดคิดกันได้แล้วว่า เราบารมีไม่พอ ปฏิบัติกรรมฐานไม่ได้
ถ้าเราปฏิบัติได้ถูกอุบาย อะไรๆ ก็ง่ายเข้า และก็ถึงที่หมายไม่ยากเลย
มรรคผล ยังมีอยู่ เป็น "อกาลิโก" ไม่จำกัดกาล ทำให้ถูกอุบาย ก็ไปถึงทั้งนั้นแหละค่ะ

พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"ดูก่อนสุภัททะ ถ้าภิกษุในธรรมวินัยนี้ จะเป็นผู้ประพฤติชอบตามธรรมตามวินัยอยู่แล้วไซร้ พระอรหันต์ทั้งหลายจักไม่ว่างไปจากโลก"

วันนี้ ขอบันทึกธรรมะในท่วงทำนองจริงๆ จังๆ สักวันนะคะ : )
หวังว่า คงอ่านกันเข้าใจ .... และไม่ใช่ของยากสำหรับทุกท่านที่จะปฏิบัติกรรมฐานเลย

"ทุกโขติณณา เราทั้งหลายจมอยู่ในห้วงทุกข์ใหญ่ มีห้วงทุกข์ใหญ่ท่วมทับอยู่ ทุกขปะเรตา เราทั้งหลายมีห้วงทุกข์ใหญ่ห้อมล้อมอยู่โดยรอบ เหตุนั้นจะบ่ายหน้าไปทางไหน ก็เห็นแต่ทุกข์อยู่เบื้องหน้า มีแต่ทุกข์อยู่เบื้องหน้า ต่างแต่เป็นทุกข์หยาบกับทุกข์ละเอียด เพราะในโลกทั้งปวงเต็มไปด้วยทุกข์ ในโลกทั้งปวง คือ ห้วงทุกข์ใหญ่ คือ มหาสมุทรแห่งทุกข์

"อปเปวนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา ปัญญาเยถาติ ไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ"


ใดใดในโลกล้วน ทุกขัง ... ทุกข์เปิดทุกข์ปิดบัง ซ่อนเร้น
อย่างที่เคยบอกว่า ในโลกไม่มีสุขเลย
สุขในโลก ก็คือ ทุกข์ปกปิด

ฉะนั้น ... ถ้าเราทำสมาธิให้ถึงที่ เราก็จะรู้จัก ทุกข์ปกปิด กันค่ะ
ถ้าเราเห็นทุกข์ปกปิดได้ เราก็จะรู้ว่า เพราะความไม่เที่ยง จึงเป็นทุกข์
ทุกข์มาก ค่าคงที่ของทุกข์ก็น้อย
ทุกข์น้อย ค่าคงที่ของทุกข์ก็มาก
แต่ทุกข์ทั้งหลาย ไม่มีค่าคงที่เลย

เราจึงต้องทำกายคงที่ จิตคงที่
เพราะทุกข์ไม่มีค่าคงที่ เมื่อกายเราคงที่ จิตเราคงที่ เราก็จะเห็นความไม่คงที่ของสรรพสิ่ง

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม

ด้วยอานุภาพคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ หากบันทึกของข้าพเจ้าพอเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรมของท่านผู้อ่านได้บ้าง ขอมอบคุณงามความดีเหล่านี้ให้แด่ท่านผู้อ่าน เพื่อเป็นสะพานไปสู่การปฏิบัติกรรมฐานและรู้แจ้งเห็นสภาวธรรมตามความเป็นจริงในเร็ววันด้วยเทอญ

ขอให้บุญกุศลทั้งหลายบันดาลให้ความปรารถนาของข้าพเจ้าเป็นจริงด้วยอานุภาพแห่งคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ที่ไม่หาประมาณมิได้นี้ด้วยเทอญ สาธุๆๆ"

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกันทั่วหน้าค่ะ : )


Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2548 14:10:39 น. 2 comments
Counter : 394 Pageviews.

 
สาธุครับ...


โดย: B.F.Pinkerton วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:14:23:47 น.  

 
สาธุคับ


โดย: notake วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:15:32:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แดดเช้า
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[จะเป็นสะพานพาคนให้พ้นทุกข์]
...........................................................
หวังเกื้อกูลพระศาสนา
จึงตั้งค่าการหยั่งรู้ สู่มรรคผล
เพื่อรู้แจ้ง แห่งสัจธรรม นำใจคน
พาหลุดพ้น เป็นคันฉ่อง ครรลองธรรม : )

เกิดตายมาหลายหนจนนับไม่ถ้วน
ชาติหน้า หน่ายแล้ว ไม่อยากเกิดอีกแล้ว )

..............................................................
นาม ฉันนั้นแดดเช้า ........... ทอทอง
รูป แจ่มสดใสมอง ................ สุขล้ำ
จุดหมาย ดั่งครรลอง ............. หวังวาด
คติ แน่นในเนื้อน้ำ .......... ดิ่งซึ้งรสธรรม

หวัง นำชนสู่เป้า ................... แดนฝัน
กิจ ที่อธิษฐานพลัน ............... หยั่งรู้
ใน ชีวิตคิดสรรค์ .................... สร้างโลก
ธรรม สถิตมั่นสู้ ........... ปราบสิ้นกิเลสมาร

สานชีวิตแดดเช้า .................... หยาดอรุณ
มองโลกเพื่อเจือจุน ................. แหล่งหล้า
อาบอุ่นประกายคุณ .............. ไตรรัตน์
เพียงนบสนองแกล้วกล้า ..... แจ่มแจ้งปัญญา

ค่าแห่งอุดมคติเน้น .............. ตรงธรรม
ประกาศศาสน์น้อมนำ ........ อริยะแจ้ง
ฉุดผองเหล่าชนถลำ ............ จมทุกข์
ชี้ฝั่งให้เห็นแห้ง ......... แห่งห้วงทะเลกรรม

จึงบำเพ็ญตบะกล้า ......... ทางใจ
เพื่อมรรคผลอำไพ ........... จิตแจ้ง
เห็นอริยสัจจ์สว่างใส...... ทุกข์ปลด
แล้วจึ่งล้างขัดแย้ง .......... เบิกฟ้าสันติธรรม

หวังนำคุณพระแพร้ว......... ชี้ทาง
สถิตจิตในสิ่งวาง ............. มั่นเข้า
แผ่คุณเมตตาถาง .............. อุปสรรค
สู่ทุกจิตค่ำเช้า ........... พบแผ้วผ่องใส.

Friends' blogs
[Add แดดเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.