|
 |
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
 |
25 พฤษภาคม 2566
|
|
|
|
การแบ่งประเภทเจตสิก52
เจตสิก 52 ประเภท
อย่างที่เราทราบกันไปแล้วนะครับ ว่าเจตสิก นั้นคือสภาพนามธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิต ขณะที่จิตเกิดขึ้น จะต้องมีเจตสิกเกิดขึ้นร่วมด้วยเสมอ จิตจะเกิดโดยไม่มีเจตสิกเกิดร่วมไม่ได้เลย หรือถ้ามองในมุมของขันธ์5 จิต คือ วิญญาณขันธ์ ส่วน เจตสิกก็คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และ สังขารขันธ์ นั้นเองครับ ในคัมภีร์อภิธัมมตถสังคหะ แสดงเจตสิกไว้ทั้งหมด 52 ประเภท ก่อนที่เราจะลงรายละเอียดในแต่ละประเภท เรามาดูมุมกว้างให้เห็นโครงสร้างกันก่อน เจตสิก 52 ประเภทนี้ สามารถแบ่งกลุ่มกว้างๆ ได้ 4 ประเภทดังนี้ครับ
1. สัพพจิตตสาธารณเจตสิก (เจตสิกที่เกิดร่วมกับจิตทุกประเภทเสมอ) มี 7 ประเภท 2. ปกิณณกเจตสิก (เจตสิกที่เกิดร่วมกับจิตได้ทั่วไป แต่ไม่เกิดร่วมกับจิตทุกประเภท) มี 6 ประเภท 3. โสภณเจตสิก (เจตสิกที่เกิดร่วมกับจิตที่สวยงามเท่านั้น) มี 25 ประเภท 4. อกุศลเจตสิก (เจตสิกที่เกิดร่วมกับอกุศลจิตเท่านั้น) มี 14 ประเภท
เจตสิก กลุ่มสัพพจิตตสาธารณเจตสิก 7 นี้คือ ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา เอกคัตตา ชีวิตินทรีย์ มนสิการ เกิดร่วมกับจิตทุกประเภททั้งหมด 121 ประเภทเสมอ เพราะฉะนั้นเมื่อจิตเกิดขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเจตสิกกลุ่มนี้ ประกอบอยู่ด้วยเสมอนั้นเองครับ จะเห็นได้ว่าในเจตสิก 7 ตัวนี้ มี 2 ตัวที่สามารถแยกออกโดยขันธ์ได้เป็น เวทนาขันธ์ และ สัญญาขันธ์ ส่วน 5 ตัวที่เหลือนั้น เป็นสังขารขันธ์ทั้งหมด เพราะฉะนั้น ขณะที่จิต หรือวิญญาณขันธ์เกิดขึ้นนั้น เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และ สังขารขันธ์ ก็ต้องเกิดร่วมด้วยเสมอ จะแยกกันเกิดไม่ได้เลย หรือขณะที่จิต หรือวิญญาณขันธ์นั้นดับ เจตสิก หรือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และ สังขารขันธ์ ก็ต้องดับพร้อมกับจิตเสมอนั้นเองครับ
เจตสิกกลุ่มปกิณณกเจตสิก 6 คือ วิตก วิจาร อธิโมกข์ วิริยะ ปิติ ฉันทะ เจตสิกกลุ่มนี้สามารถเกิดได้กับจิตหลากหลายประเภท ทั้งจิตที่สวยงาม และไม่สวยงาม แต่ไม่ได้เกิดร่วมกับจิตทุกประเภทเหมือนกลุ่มสัพพจิตตสาธารณเจตสิก ยกตัวอย่าง วิตกเจตสิก หรือความตรึกนึก นั้นเกิดร่วมได้กับทั้งจิตที่เป็นกุศล และ จิตที่เป็นอกุศล (กามวิตก พยาบาทวิตก) จิตบางประเภทไม่มีวิตก เข้าประกอบก็มี เช่นการเข้าฌานสมาบัติระดับสูงๆ นั้นมีการละ วิตก ออกไปเพื่อเข้าถึงความสงบที่แนบแน่นยิ่งกว่านั้นเองครับ
เจตสิกกลุ่มโสภนเจตสิก 25 เป็นเจตสิกกลุ่มที่เข้าประกอบกับจิตที่สวยงามเท่านั้น ไม่เข้าประกอบกับจิตที่เป็นอกุศลจิต ถ้าลองสังเกตุดูดีๆ ในคัมภีร์จะไม่ใช้คำว่ากุศลเจตสิก เหมือน ที่ใช้ในกลุ่มอกุศลเจตสิก นั้นเป็นเพราะเจตสิกกลุ่มนี้ ไม่ได้เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศลเท่านั้น แต่เกิดร่วมกับจิตที่เป็น วิปากจิต และ กริยาจิต ที่สวยงามได้ด้วยนั้นเองครับ ในกลุ่มนี้สามารถแบ่งกลุ่มย่อยได้อีกเป็น 4 กลุ่มย่อยด้วยกันคือ
1.โสภนสาธารณเจตสิก (เจตสิกกลุ่มที่เข้าประกอบกับจิตที่สวยงามเสมอ) 19 ประเภท 2.วีรตีเจตสิก (เจตสิกที่เข้าประกอบกับจิตที่สวยงาม เมื่อเกิดเจตนาในการงดเว้น) 3 ประเภท 3.อัปปมัญญาเจตสิก (เจตสิกที่เข้าประกอบกับจิตที่สวยงาม เมื่อเกิดจิตที่ปรารถนาดีต่อสัตว์ หรือบุคคลอื่น ) 2 ประเภท 4.ปัญญินทรีย์เจตสิก (เจตสิกที่เข้าประกอบกับจิตที่สวยงาม และมีปัญญา) 1 ประเภท
โสภนสาธารณเจตสิก19 นี้คือ สัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ อโลภะ อโทสะ ตัตรมัชฌัตตตา กายปัสสทิ จิตตปัสสทิ กายลหุตา จิตลหุตา กายมุทุตา จิตตมุทุตา กายกัมมัญญตา จิตตกัมมัญญตา กายปาคุญญตา จิตตปาคุญญตา กายุชุกตา จิตตุชุกตา ทั้งหมดนี้ จะเข้าประกอบกับจิตที่สวยงามเสมอ จิตที่สวยงามในที่นี้คือ กุศลจิตทิ้งหมด รวมถึง วิปากจิต และ กิริยาจิต บางส่วน ซึ่งเราจะมาลงรายละเอียดกันในโอกาศหน้าครับ
วีรตีเจกสิก 3 คือ สัมมาวาจา (เจรจาขอบ) สัมมากัมมันตะ (การกระทำชอบ) สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ) ทั้งหมดนี้เป็นกลุ่มของศีล รวมถึงเป็นองค์มรรค จะเกิดกับจิตที่สวยงาม และมีเจตนางดเว้นในการกระทำอกุศล เช่นขณะที่เห็นยุงกัด แล้วจิตเกิดเจตนางดเว้นที่จะไม่ตบ ขณะนั้นจิตมีสัมมากัมมันตะเจตสิกเข้าประกอบ โดยปกติแล้ววีรตีเจตสิกกลุ่มนี้ ถ้าเข้าประกอบกับจิตที่เป็นโลกียะ ก็จะเข้าประกอบทีละอันเท่านั้น ไม่เข้าประกอบพร้อมกันทั้ง 3 ยกเว้นในกรณีของ มรรคจิต ผลจิต ที่เป็นโลกุตระ เกิดขึ้นในขณะบรรลุธรรมที่องค์มรรคสมังคีครบทั้ง 8 วีรตีเจตสิก 3 ที่เป็นองค์มรรคในกลุ่มศีลนี้ถึงจะเข้าประกอบกับ มรรคจิต และ ผลจิต พร้อมกันท้งหมดครับ
อัปปมัญญาเจตสิก 2 คือ กรุณา(ความสงสาร สัตว์หรือบุคคลที่กำลังมีความทุกข์) และ มุทิตา (ความยินดี ในสัตว์ หรือบุคคลที่กำลังมีความสุข) ทั้งคู่จะเกิดกับจิตที่สวยงาม ที่มีสัตว์ หรือบุคคลเป็นอารมณ์เท่านั้น และจะไม่เกิดพร้อมกัน เพราะอารมณ์ต่อสัตว์ในขณะหนึ่งนั้นต้องเป็นอย่างใด อย่างหนึ่ง เจตสิกกลุ่มนี้ เข้าประกอบกับจิตที่สวยงาม ที่เป็นโลกียะเท่านั้น ไม่เข้าประกอบกับโลกุตระจิต เพราะโลกุตระจิต นั้นไม่ได้มีสัตว์ หรือบุคคลเป็นอารมณ์ แต่มีนิพพานเป็นอารมณ์นั้นเองครับ
ปัญญินทรีย์เจตสิก หรือ ปัญญาเจตสิก เป็นองค์มรรคในกลุ่มปัญญา ประกอบกับจิตที่สวยงามได้ทั้งที่เป็น โลกียะ และ โลกุตระ (มรรคจิต ผลจิต) ในกรณีที่เป็นโลกุตระจิต ปัญญาเจตสิก จะเข้าประกอบเสมอ เพราะเป็นองค์มรรค แต่ในกรณีของ โลกียจิต (มหากุศลจิต มหาวิปากจิต มหากริยาจิต) ปัญญาเจตสิกอาจจะไม่เข้าประกอบก็ได้ครับ
เจตสิกกลุ่มสุดท้าย อกุศลเจตสิก14 เป็นเจตสิกกลุ่มที่ประกอบกับอกุศลจิตเท่านั้น แบ่งกลุ่มย่อยได้ 4 กลุ่มด้วยกันคือ
1.โมจตุกเจตสิก (เจตสิกกลุ่มโมหะ หรือความหลง) 4 ประเภท 2.โลติกเจตสิก (เจตสิกกลุ่มโลภะ หรือความโลภ) 3 ประเภท 3.โทจตุกเจตสิก (เจตสิกกลุ่มโทสะ หรือความโกรธ) 4 ประเภท 4.ถีนทุกเจตสิก 2 ประเภท 5.วิจิกิจฉาเจตสิก 1 ประเภท
เจตสิกกลุ่มโมจตุกเจกสิก 4 คือ โมหะ (ความหลง) อหิริกะ (ความไม่ละอายต่อทุจริต) อโนตตัปปะ (ความไม่กลัวต่อทุจริต) อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ้าน) เป็นเจตสิกกลุ่มโมหะ ที่ประกอบกับอกุศลจิตทุกประเภท เนื่องจากกลุ่มโมหะนี้ถือเป็นพื้น หรือรากของจิตที่เป็นอกุศลทั้งหมด เพราะฉะนั้นไ่ม่ว่าจะเป็น จิตที่มีความโลภ (โลภมูลจิต) จิตที่มีความโกรธ (โทสมูลจิต) หรือ จิตที่มีความหลง (โมหะมูลจิต) เจตสิกกลุ่มนี้ก็จะเข้าประกอบทั้งหมดครับ
เจตสิกกลุ่มโลติกเจตสิก 3 คือ โลภะ (ความโลภ) ทิฏฐิ (ความเห็นผิด) มานะ (ความเย่อหยิ่ง ถือตัว) เป็นเจตสิกกลุ่มโลภะ ที่ประกอบกับจิตที่มีความโลภ (โลภมูลจิต8) เท่านั้น โดย โลภะเจตสิก จะประกอบกับจิตที่มีความโลภทุกประเภท เพราะ โลภะเจตสิกนี้เปรียบเสมือนเป็นหัวหน้าของกลุ่ม ส่วนทิฏฐิเจตสิก จะประกอบกับจิตที่มีความโลภที่มีความเห็นผิดด้วยเท่านั้นเช่น จิตที่มีความโลภในทรัพย์ของผู้อื่นที่เป็นไปในการทำทุจริตต่างๆ หรือ จิตที่มีตัณหาในภรรยาของผู้อื่นที่เป็นไปในการผิดศีลข้อกาเมสุมิจฉา เป็นต้นครับ ส่วนมานะเจตสิก จะประกอบกับจิตที่มีความโลภที่ไม่มีความเห็นผิด แต่จะไม่เข้าประกอบเสมอ จะเข้าประกอบกับจิตที่มีตัณหา ที่มีการเปรียบเทียบกับผู้อื่น เช่นเห็นว่าเรา สวย หล่อ กว่าเขา เห็นว่าเรามีทรัพย์มากกว่าเขา เห็นว่าเรามีศีล มีสมาธิ มีปัญญา มากกว่าเขา เป็นต้นครับ
เจตสิกกลุ่มโทจตุกะ 4 คือ โทสะ (ความโกรธ) อิสสา (ความไม่พอใจในทรัพย์สมบัติ หรือคุณความดีของผู้อื่น) มัจฉริยะ (ความหวงแหนในทรัพย์สมบัติ หรือคุณความดีของตน) กุกกุจจะ (ความรำคาญใจ) ทั้งหมดเป็นเจตสิกที่ประกอบกับ จิตที่มีความโกรธ (โทสมูลจิต2) เท่านั้น โดย โทสะ จะประกอบกับจิตที่มีความโกรธเสมอ เพราะเหมือนเป็นหัวหน้าของกลุ่ม ส่วน อิสสาจะเข้าประกอบก็ต่อเมื่อ จิตขณะนั้นมีความไม่พอใจ เมื่อผู้อื่นได้ดีเท่านั้น มัจฉริยะ จะเข้าประกอบเมื่อเกิดความไม่พอใจ ที่เกิดจากการหวงแหนทรัพย์ของตนเท่านั้น กุกกุจจะ จะเข้าประกอบเมื่อเกิดความไม่พอใจ ในทุจริตที่ตนได้ทำไปแล้ว หรือในสุจริตที่ยังไม่มีโอกาศได้ทำ เท่านั้นครับ
เจตสิกกลุ่มถีทุก 2 คือ ถีนะ (ความเซื่องซึม ท้อถอยจากอารมณ์) และ มิทธะ ทั้งคู่เป็นเจตสิก ที่เข้าประกอบกับ จิตที่มีความโลภ และ จิตที่มีความโกรธ ประเภทที่มีกำลังอ่อนได้ (สสังขาริกจิต) โดยถ้าเข้าประกอบ ก็จะเข้าประกอบพร้อมกันทั้งคู่เสมอ ถ้าไม่เข้าประกอบก็จะไม่เข้าประกอบทั้งคู่ แยกกันไม่ได้ ในส่วนนี้จะขอลงรายละเอียดในโอกาศหน้านะครับ
เจตสิกกลุ่มวิจิกิจฉา 1 คือ วิจิกิจฉาเจตสิก (ความลังเล สงสัย) เป็นเจตสิกที่เข้าประกอบกับจิตที่มีความหลง (โมหะมูลจิต) บางประเภทเท่านั้น ความลังเลสงสัยที่จัดเป็นวิจิกิจฉานี้ต้องเป็นความลังเลสงสัยในคุณของพระรัตนไตรเท่านั้น ความลังเลสงสัยทั่วไป เช่น สงสัยว่าคนนี้เป็นใคร ชื่ออะไร หรือสถานที่นี้ ไปอย่างไร ความสงสัยทั่วไปแบบนี้ ไม่จัดเป็น วิจิกิจฉา
บางท่านอ่านมาถึงจุดนี้ อาจจะยัง งง สับสนกันอยู่ อีกทั้งจิต และ เจตสิก ทั้งคู่เป็นนามธรรม ไม่ได้มีรูปร่าง และสามารถเห็นได้ด้วยตาทำให้เราเข้าใจได้ยากขึ้นไปอีก ศาสตราจารย์ ดร.ระวี ภาวิไล ท่านจึงได้ออกแบบ แบบจำลองจิต เจตสิกไว้ ทำให้เรามีตัวช่วยได้เห็นภาพ และทำเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ

จากแบบจำลองจิต เจตสิก ของอาจารย์ ระวี ภาวิไล เราจะเห็นได้ว่า วงกลมเล็กใน วงกลมใหญ่นั้นคือเจตสิก แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ด้วยกันคือ กลุ่มสัพพจิตตสาธารณเจตสิก (สีเหลือง) กลุ่มปกิณณกเจตสิก (สีน้ำเงิน) กลุ่มโสภนเจตสิก (สีเขียว) และ กลุ่มอกุศลเจตสิก (สีแดง) กลุ่มสีเขียว แบ่งเป็นกลุ่มย่อยได้อีก 4 กลุ่ม คือกลุ่มโสภนสาธารณเจตสิก กลุ่มวีรตี กลุ่มอัปมัญญา และกลุ่มปัญญา ส่วนกลุ่มสีแดง แบ่งเป็นกลุ่มย่อยได้อีก 5 กลุ่มคือ กลุ่มโมหะ กลุ่มโลภะ กลุ่มโทสะ กลุ่มถีนทุกะ และ กลุ่มวิจิกิจฉา นั้นเองครับ การที่จิตแต่ละประเภท มีความแตกต่างกัน ส่วนหนึ่งก็มาจาก เจตสิกที่เข้าประกอบกับจิตนั้นมีความแตกต่างกัน ซึ่งในโอกาศหน้าเราจะมาลงรายละเอียดของจิตแต่ละประเภท โดยใช้แบบจำลองจิต เจตสิก ของอาจารย์ ระวี ภาวิไล กันครับ
Create Date : 25 พฤษภาคม 2566 |
|
0 comments |
Last Update : 25 พฤษภาคม 2566 16:50:29 น. |
Counter : 1708 Pageviews. |
 |
|
|
| |
|
 |
Mikas |
|
 |
|
|