น ก ก ร ะ จิ บ เ ล่ า เ รื่ อ ง
ธรรมะเป็นคำตอบของคนหนุ่มสาว
Group Blog
 
All Blogs
 
สวยยั่วกาม กับ งามตามธรรม - อย่างใดจึงจีรัง

จริตทำให้งาม หรือ ศีลทำให้งาม
หลวงปู่ดุแดดเช้าซะเรื่อยว่า ชอบทำตัวเองให้ดูดี แต่กลับดูน่าเกลียด
พูดให้ฟังดูดี กลับทำให้น่ารำคาญ
เพราะมันทำให้ "กิเลสกาม" กำเริบ
คนที่เห็น คนที่ได้ยิน พลอยหวั่นไหวในใจไปด้วย

ลูกศิษย์หลวงปู่ท่านที่ปฏิบัติจนได้ผลแล้ว มักจะมีจริยางาม
ไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวอะไรเลย แต่ก็ดูงาม
หน้าตาผ่องใส การนั่ง การยืน ดูงามไปหมด
ทั้งที่หน้าตาก็ไม่ได้ยิ้มแย้มยวนใจแต่อย่างไร

นิ่ง สงบ
แต่ทำไมดูงาม ....

บางท่านปฏิบัติจนถึงขั้นรักษาศีล 8 แล้ว
ไม่ยินดีในกามแล้ว ....
เมื่อท่านทำอะไรก็ตาม ท่านก็จะนิ่งแต่เป็นธรรมชาติที่สุดเลย
ไม่มีการแต่งจริตให้นิ่งแต่อย่างไร

ศีลแปดทานข้าวมื้อเดียว แต่ก็อ้วนได้
ท่านหนึ่งเคยมาคุยกับหลวงปู่ เล่าให้หลวงปู่ฟังว่า
"เมื่อก่อน ผมก็ยังสงสัยว่า คนที่ปฏิบัติจนเป็นพระอนาคามีแล้ว รักษาศีล 8 ได้อย่างไร ไม่ทานข้าวเย็น ไม่หิวหรือ ....

ตอนนี้ ผมรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหารเย็นเท่าไหร่แล้ว ไม่กินก็สบายดี พอกินข้าวหลังเที่ยงก็รู้สึกอึดอัด ทุกวันนี้ผมอ้วนขึ้นด้วยซ้ำ นี่ผมกินข้าวแค่มื้อเดียวนะครับ

จริงๆ แล้ว ... เรื่องของอาหาร เมื่อก่อนผมจะชอบกินมาก รู้ว่าอะไรอร่อย จะต้องไปกินๆ เดี๋ยวนี้กลับเฉยๆ ไม่รู้สึกอยากกินด้วยซ้ำ จึงรู้ว่า อาหารเย็นเป็นเรื่องของความอยาก ไม่ใช่ความหิว"

อีกท่านหนึ่ง ก็รักษาศีลแปด แดดเช้าก็เห็นว่า ท่านก็ยังสุขภาพแข็งแรงดีกว่าผู้อื่นอีกด้วยซ้ำ เป็นที่น่าแปลกใจ
วันหนึ่ง แดดเช้าหิวอาหารมื้อเย็นแล้วแดดเช้าก็กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับท่านนี้
"แปลกใจจัง กินข้าวได้เรื่อยๆ ไม่รู้จักอิ่ม"
"คงหิวมั้ง" ท่านบอกเช่นนี้
"ไม่นะ .... ไม่ค่อยอยากจะกินเท่าไหร่"
ท่านจึงบอกว่า ปุถุชนยังต้องการอาหารมื้อเย็น พระโสดาบัน พระสกิทาคามี ก็ยังมีความต้องการอาหารมื้อเย็น เพราะร่างกายยังต้องการอยู่ พระอนาคามี ร่างกายไม่จำเป็นต้องการอาหารมื้อเย็นแล้ว ท่านเล่าให้ฟังว่า วันที่ท่านปฏิบัติจนถึงขั้นนี้ เย็นนั้นท่านก็กินข้าวกับไข่พะโล้เพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่กลับอาเจียนออกมาจนหมด หลังจากนั้นเป็นต้นมา ท่านก็กินอาหารหลังเที่ยงไม่ได้อีกเลย

แต่พระอนาคามีบางท่าน ก็ลดหย่อนศีลแปดได้เหมือนกัน บางท่านก็กินข้าวเย็นได้ เพียงศีลท่านจะหม่นหมอง อานุภาพท่านจะไม่มากเท่าไหร่ หรือบางท่านจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่เป็นสามีภรรยา เพื่อรักษาความสงบสุขในครอบครัว พอเสร็จกิจแล้วท่านก็จบกันไป เพราะทำตามหน้าที่ .....

หลวงปู่บอกว่า กรรมฐานวิธีที่ท่านฝึกให้นั้น เวลาฌานเสื่อมแล้วจะกลับคืนได้เร็ว
ไม่เหมือนฌานของฤๅษีที่ถ้าฌานเสื่อมแล้วจะเสื่อมไปเลย

ฤๅษีฝึกฌานแบบมิจฉาฌาน บางคนไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของกาม ฌานก็เป็นอันเสื่อมหาย เริ่มต้นใหม่ก็ยาก
ส่วนสัมมาฌาน ฌานของพระพุทธเจ้า ถ้ามีความจำเป็นต้องเกี่ยวข้องในเรื่องของกาม พอเสร็จกิจแล้ว มาทำสมาธิก็จะคืนสมาธิได้เร็ว

นิ่ง, เบา, กว้าง - สัมมาฌาน
ฌานที่ดี ต้องไม่กด ไม่เก็ก ไม่เกร็ง
ต้องนิ่ง เบา กว้าง และสว่างไสว

จึงเป็นจุดประสงค์ที่หลวงปู่จะสอนให้ทำสมาธิแบบนึกท้องฟ้ากว้างๆ เพราะท้องฟ้ากว้างๆ จะเหมือนมีหลักยึดเพื่อไม่ให้สมาธิล่ม เวลาทำลมทั่วกาย หรือดูกายภายใน ท้องฟ้าจะทำให้เราไม่เพ่งภายในจนเกินไป

สมาธิแบบนี้ ทำให้เกิดความเบา สบาย และก็ทำให้สมาธิคงที่ได้นาน ....
นิวรณ์ 5 ก็จะเสื่อมไปๆ แล้วสมาธิก็จะทรงกำลัง กิเลสถูกขัดเกลาให้เบาลง
นี่แหละที่ทำให้ท่วงท่าของเรามีความงดงาม และผ่องใส โดยไม่ต้องเติมแต่งจงใจ

แดดเช้าสังเกตเห็นคนที่มาหาหลวงปู่แล้วเพิ่งฝึกสมาธิ ครั้งแรกๆ มาก็ยังดูมัวหมอง พอเขาทำสมาธิได้แล้ว หน้าตาของเขาจะผ่องใส เป็นอย่างนี้ทุกคน

พอวันต่อๆ มา เขามาอีก ดูเขาสวยขึ้น
วันต่อๆ มา เขาดูมีสิริสง่ามากขึ้น

งามอย่างสงบ พบเห็นแล้วเย็นตา
พักหลัง แดดเช้ากลับไปเยี่ยมบ้าน
ไปพบเพื่อนเก่าๆ ไปพบอาจารย์เก่าๆ พบญาติๆ
แปลกใจที่คำแรกใครๆ ก็ทักขึ้นมาว่า
"รุ่ง ... ทำไมดูสวยขึ้น"

และอีกประโยคหนึ่งที่ฟังดูแล้วแปลกๆ ก็คือ
"รุ่งมันหน้าตาไม่เปลี่ยนเลย แต่ทำไมมันดูสวยขึ้นจนจำไม่ได้"
แดดเช้าจึงพูดว่า
"ไม่สวยขึ้นหรอก เขาเรียกว่า 'งาม' ต่างหาก"
"อืม ... งามก็งาม"

"เป็นความงามจากข้างใน จิตใจเปล่งประกายความงามออกมาที่หน้าตา"
พี่คนหนึ่งออกความเห็น
"อย่างฉันเนี่ย ใครๆ ก็บอกว่า ฉันหน้าตาหมวยๆ เป็นคนจีน ดูยังไงก็ไม่น่าจะสวยได้ แต่ทำไมดูสวยจัง ฉันก็ต้องตอบเขาไปว่า สมาธิทำให้คนสวยขึ้นได้"

คงเป็นจริงเช่นนั้น ..... สติสำรวม กาย วาจา ใจ สะท้อนประกายออกมาให้งามจากภายใน
ไม่เหมือนการปรุงแต่งด้วยเครื่องสำอาง งามเพียงการแต่งเติม เท่านั้นเอง

จิตใจแท้ๆ ของแต่ละคน .... งามกันทั้งนั้น
ถ้าเราฝึกกรรมฐาน แล้วกรรมฐานที่เราสำรวมกาย วาจา ใจ ไว้ด้วยสติที่คงที่พอสมควร ก็จะขัดเกลากิเลสที่พอกพูน "จิตแท้ๆ" ให้ร่วงหลุดออก จนจิตแท้ๆ เปล่งประกายภายในออกมา

บางท่าน จิตเป็นเพชร งามเปล่งสดใส ..... เพราะท่านไม่เอากิเลสมาพอกในจิตของท่านให้มัวหมองอีกแล้ว เหมือนน้ำหยดลงในใบบัว ใบบัวก็ไม่ซึม ไม่เปื้อน ไม่เปียกน้ำแต่อย่างไร
จิตของพระอริยะก็เป็นเช่นนั้น ....

ความโกรธเข้ามากระทบจิต แต่จิตของท่านไม่เปียก ไม่เปื้อนกิเลส ไม่หม่นหมองไปตามกิเลส
จิตของท่านก็ยังคงผ่องใส เป็นผลึก เป็นเพชร อยู่เช่นนั้น

เพียรทำกายให้คงที่ จิตให้คงที่ - อาการของเราจะงาม
สติที่แนบกับกายเราจะรู้ทั่วกายว่า เรากำลังทำอะไร
แล้วเราจะเห็นกายของเราชัดเจน

เราก็จะงามจากภายใน งามจากความสงบ
ฤๅใช่จากการตกแต่งจริตแต่อย่างไร

งามจากจิตธรรมชาติเช่นนั้นนั่นแหละ .....

ขอให้ทุกท่านค้นพบจิตแท้ที่งดงามจากภายในโดยแท้กันถ้วนทั่วในเร็ววัน ขออนุโมทนาบุญของทุกท่านที่มีจิตใจปรุงแต่งในสิ่งที่ดีๆ และขอให้รู้เห็นการปรุงแต่งนั้นได้ในเร็ววัน เพื่อที่จะเข้าถึงความไม่เที่ยง และความผันแปรที่เกิดจากการปรุงแต่งจิต แม้สิ่งดีๆ ภายในจิตที่ทุกท่านมีอยู่นั้นด้วย

ขออานุภาพคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ บันดาลความสุขแท้ภายในจิตให้ทุกท่านได้ค้นพบในเร็ววันด้วยเทอญ สาธุๆๆ


Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2548 11:26:08 น. 1 comments
Counter : 580 Pageviews.

 
สาธุ


โดย: ตุ๊กตารอยทราย วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:22:23:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แดดเช้า
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[จะเป็นสะพานพาคนให้พ้นทุกข์]
...........................................................
หวังเกื้อกูลพระศาสนา
จึงตั้งค่าการหยั่งรู้ สู่มรรคผล
เพื่อรู้แจ้ง แห่งสัจธรรม นำใจคน
พาหลุดพ้น เป็นคันฉ่อง ครรลองธรรม : )

เกิดตายมาหลายหนจนนับไม่ถ้วน
ชาติหน้า หน่ายแล้ว ไม่อยากเกิดอีกแล้ว )

..............................................................
นาม ฉันนั้นแดดเช้า ........... ทอทอง
รูป แจ่มสดใสมอง ................ สุขล้ำ
จุดหมาย ดั่งครรลอง ............. หวังวาด
คติ แน่นในเนื้อน้ำ .......... ดิ่งซึ้งรสธรรม

หวัง นำชนสู่เป้า ................... แดนฝัน
กิจ ที่อธิษฐานพลัน ............... หยั่งรู้
ใน ชีวิตคิดสรรค์ .................... สร้างโลก
ธรรม สถิตมั่นสู้ ........... ปราบสิ้นกิเลสมาร

สานชีวิตแดดเช้า .................... หยาดอรุณ
มองโลกเพื่อเจือจุน ................. แหล่งหล้า
อาบอุ่นประกายคุณ .............. ไตรรัตน์
เพียงนบสนองแกล้วกล้า ..... แจ่มแจ้งปัญญา

ค่าแห่งอุดมคติเน้น .............. ตรงธรรม
ประกาศศาสน์น้อมนำ ........ อริยะแจ้ง
ฉุดผองเหล่าชนถลำ ............ จมทุกข์
ชี้ฝั่งให้เห็นแห้ง ......... แห่งห้วงทะเลกรรม

จึงบำเพ็ญตบะกล้า ......... ทางใจ
เพื่อมรรคผลอำไพ ........... จิตแจ้ง
เห็นอริยสัจจ์สว่างใส...... ทุกข์ปลด
แล้วจึ่งล้างขัดแย้ง .......... เบิกฟ้าสันติธรรม

หวังนำคุณพระแพร้ว......... ชี้ทาง
สถิตจิตในสิ่งวาง ............. มั่นเข้า
แผ่คุณเมตตาถาง .............. อุปสรรค
สู่ทุกจิตค่ำเช้า ........... พบแผ้วผ่องใส.

Friends' blogs
[Add แดดเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.