|
ความอยากหายไป .... เพราะอะไร?!?
ทำสมาธินิ่งๆ รู้สึกว่า ไม่อยากอะไรเลย เคยทำสมาธินิ่ง เบา จนรู้สึกว่า ไม่อยากอะไรเลย โลกนี้ไม่มีอะไรต้องเอา ไม่มีอะไรต้องอยากได้ เป็นความสงบสุขอย่างยิ่ง
แต่สอบอารมณ์กับครูบาอาจารย์ ท่านบอกว่า เป็น วิขัมปนปหาน คือ กิเลสดับโดยการถูกข่มไว้
โอ๊ะ โอ้ววว ... พอสติส่าย สมาธิไม่คงที่ มาอีกแล้ว แรงกว่าเก่าอีกด้วยซ้ำ อยากโน่นอยากที่ สารพัดสารพัน
ความอยากทั้งหลายจะหายไปอย่างถอนรากถอนโคน เมื่อถึงมรรคผล ฉันก็รู้อยู่โทนโท่ว่า จะต้องรู้จักการกำหนดทุกข์ และเห็นเหตุแห่งทุกข์ คือ อุปาทาน ได้เสียก่อน อุปาทานดับ กิเลสก็จะดับไปด้วย
มันก็แค่รู้แหละนะ ..... ดับไม่ได้สักที ตัวยึด ยึดเบญจขันธ์ ยึดไว้อย่างนั้น มันทุกข์นะ ฉันก็เห็น ท่านว่า ฉันเห็นทุกขสัจ ไม่ใช่ทุกขอริยสัจ
ก็ความอยากถึงมรรคผลมันรุนแรงเกินไป กิเลสตัวนี้มันคุกรุ่น เลยทำให้ฉันไม่คงที่เต็มๆ สักที สมาธิถึงที่ แต่สติไม่คงที่ ก็ถึงยาก
แค่กิเลสตัวละเอียดๆ คือ ความทะยานอยากตัวนี้แหละที่ขัดขวางการปฏิบัติของฉัน
"คงที่" คำเดียว ที่ทำให้ทุกอย่างลงตัว สรรพสิ่งในโลกไม่เที่ยง สิ่งไม่เที่ยงเป็นทุกข์ จิตเราต้องคงที่ เพื่อที่จะได้ "เห็น" สิ่งไม่เที่ยง และเป็นทุกข์นั้นได้ชัด และเห็นว่า สรรพสิ่งไม่ใช่จิตของเราได้ชัด
ท่านบอกว่า อย่าไปคิด อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อยู่เลย .... ให้เข้าใจตามความเป็นจริงเสียว่า กายเราเป็นตน จิตเราเป็นตน พอเข้าใจเช่นนี้ อีกไม่นาน เราก็จะเห็นความไม่เป็นตนชัด
นั่นสิ .... เพราะฉันรู้มากไป เลยรู้ไปซะก่อนแล้วว่า วันหนึ่งฉันจะเห็นความไม่ใช่ตนชัด ฉันก็เลยกระโดดข้ามขั้นไปเสียแล้วนี่เนาะ
เอาใหม่ๆ คงที่เข้าไว้ ท่านว่า ทำสมาธิไม่จำเป็นต้องนั่งเฉยๆ หลับตา ทำอย่างอื่นก็ทำสมาธิไปด้วยตลอดเวลา ถ้าเรานั่งเฉยๆ เท่ากับเราข่มไว้ เหมือนน้ำใสๆ ที่ตะกอนนอนก้น
ฉะนั้น ถ้าจะทำงานอะไร จะทำโน่นทำนี่ ก็ทำสมาธิไปด้วย ทำความคงที่ไว้ด้วย เพื่อที่เราจะได้เห็นตัวเราเองอย่างชัดๆ กว่านั่งหลับตาเสียอีก
ขอให้ทุกท่านปฏิบัติสมาธิอย่างได้ผลนะคะ
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2548 |
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2548 12:14:35 น. |
|
0 comments
|
Counter : 379 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
พัทลุง Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
|
[จะเป็นสะพานพาคนให้พ้นทุกข์] ........................................................... หวังเกื้อกูลพระศาสนา จึงตั้งค่าการหยั่งรู้ สู่มรรคผล เพื่อรู้แจ้ง แห่งสัจธรรม นำใจคน พาหลุดพ้น เป็นคันฉ่อง ครรลองธรรม : )
เกิดตายมาหลายหนจนนับไม่ถ้วน ชาติหน้า หน่ายแล้ว ไม่อยากเกิดอีกแล้ว )
.............................................................. นาม ฉันนั้นแดดเช้า ........... ทอทอง รูป แจ่มสดใสมอง ................ สุขล้ำ จุดหมาย ดั่งครรลอง ............. หวังวาด คติ แน่นในเนื้อน้ำ .......... ดิ่งซึ้งรสธรรม
หวัง นำชนสู่เป้า ................... แดนฝัน กิจ ที่อธิษฐานพลัน ............... หยั่งรู้ ใน ชีวิตคิดสรรค์ .................... สร้างโลก ธรรม สถิตมั่นสู้ ........... ปราบสิ้นกิเลสมาร
สานชีวิตแดดเช้า .................... หยาดอรุณ มองโลกเพื่อเจือจุน ................. แหล่งหล้า อาบอุ่นประกายคุณ .............. ไตรรัตน์ เพียงนบสนองแกล้วกล้า ..... แจ่มแจ้งปัญญา
ค่าแห่งอุดมคติเน้น .............. ตรงธรรม ประกาศศาสน์น้อมนำ ........ อริยะแจ้ง ฉุดผองเหล่าชนถลำ ............ จมทุกข์ ชี้ฝั่งให้เห็นแห้ง ......... แห่งห้วงทะเลกรรม
จึงบำเพ็ญตบะกล้า ......... ทางใจ เพื่อมรรคผลอำไพ ........... จิตแจ้ง เห็นอริยสัจจ์สว่างใส...... ทุกข์ปลด แล้วจึ่งล้างขัดแย้ง .......... เบิกฟ้าสันติธรรม
หวังนำคุณพระแพร้ว......... ชี้ทาง สถิตจิตในสิ่งวาง ............. มั่นเข้า แผ่คุณเมตตาถาง .............. อุปสรรค สู่ทุกจิตค่ำเช้า ........... พบแผ้วผ่องใส.
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|