Ride to Raid
Group Blog
 
All Blogs
 

วิถีผู้กล้า ตอน "ยางโทนใหญ่ออฟโรดโหด"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์


หลังจากที่ผมได้ยางโทนใหญ่ 36 นิ้วมา ยังเห่ออยู่เลยครับ

ยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ขี่มัน วันนี้เลยอยากลองพามันไปปั่น

ออฟโรดโหดๆ ดูครับ เอาแบบที่เคยพายางโทน 29 หรือ 26 ไปนั่นแหละ

เป็นการปั่นยางโทนใหญ่ออฟโรดโหด ครั้งแรกในชีวิต

ตอนนี้ ต้องบอกเลยว่า เล็กๆ ผมไม่ ใหญ่ๆ ผมชอบครับ

ยังคงเลือกตัวซ้ายสุด ออกปฏิบัติการเช่นเคย ต้องมันส์แน่ๆ


ช่วงก่อนหน้านี้ อากาศร้อนมากเลยครับ ร้อนจนไม่อยากจะปั่น

แต่เมื่อวานฝนตกไป เลยอากาศไม่ร้อน ค่อยน่าปั่นหน่อย


ทางลูกรัง ถือว่าเบสิคมากๆ ครับ ปั่นง่าย ไม่ว่าจะมากับล้อขนาดไหนก็ตาม

แต่ข้างหน้ายังมีโหดกว่านี้รออยู่ครับ


ปกติ ท่าปั่นจักรยานล้อเดียว สำหรับมือเก่า ที่ปั่นมานานแล้ว

จะรู้ ว่าท่าที่เสถียรที่สุด เวลาปั่น คือใช้มือข้างหนึ่ง จับหูหิ้วหน้าอานเอาไว้

มันช่วยได้หลายอย่าง ช่วยให้ตัวเรา กับตัวรถ ไม่หลุดจากกันง่ายๆ

ช่วยถ่ายน้ำหนักลำตัวลงที่มือได้ด้วย เพื่อลดแรงกดที่เป้า

แต่ก็มีบางคน บอกว่าเขินๆ เหมือนกุมเป้าตัวเองตลอดเวลา

ยิ่งตอนนี้ ผมเอากระดิ่ง มาติดไว้ใต้อานด้วย มันดีมากเลยครับ

ไว้ให้สัญญาณ ให้คนอื่นเขาระวังเราได้

แต่ว่า เวลาดีดนี่สิ นอกจากมือจะกุมเป้าแ้ล้ว ยังมีล้วงๆ ลูบๆ ด้วย

ติดเรทสุดเลยครับ ก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยตามเลย


นี่เป็นวิดีโอที่ผมถ่ายขณะปั่น

ด่านนี้ คือด่าน "คันนามรณะ" ครับ ทางขรุขระมาก

ถ่ายไป ปั่นไป จนล้มไปเลย

ล้มเพราะ ร่องที่ลงไป มันมีหญ้าบังอยู่่ เลยคำนวณน้ำหนักไม่ได้

ว่าควรจะหน่วงล้อแค่ไหน อย่างไร ทำให้พลาด ไม่เห็นความลึกของร่อง

แต่ผมก็ได้เรียนรู้เพิ่มเติม จากการปั่นออฟโรดโหดครั้งแรกว่า

ยางโทนใหญ่ 36 นิ้วนั้น มันนุ่มนวลมากกว่าล้อเล็กๆ เวลาปั่นในที่ขรุขระ

แล้วมันไปได้เร็วกว่าล้อเล็กมาก เร็วกว่า ก็เหมือนว่าจะมันกว่านะครับ

ความใหญ่ และหนักของมัน จะมีข้อเสีย ในเรื่องของการควบคุมรถ ที่ความเร็วต่ำ

แต่ความใหญ่ และหนัก มีผลดี เมื่อความเร็วสูง

โมเมนตั้มที่เยอะกว่า บวกกับมุมปะทะที่น้อยกว่า

ทำให้ปั่นผ่านหลุมบ่อต่างๆ ได้ง่ายกว่าล้อเล็กซะอีกครับ


แต่พอมาเจอด่านร่องน้ำ มีไม้ มีหินแบบนี้ ไม่ไหวครับ

ไม่รู้อนาคตจะไหวหรือไม่ ถ้าผ่านมาอีก ก็จะลองดูเรื่อยๆ ครับ

ขาก็โดนตัดกำลังมาตั้งแต่ด่าน "คันนามรณะ" แล้วด้วย


ถัดจากนี้ ก็เป็นทางลูกรังอีกเล็กน้อย

จะเห็นว่ามีน้ำขังบ้าง เพราะช่วงที่ผ่านมา ฝนตก ทำให้คลายร้อนไปได้เยอะ


แล้วก็จะเข้าสู่ด่าน "Double track มรณะ" ครับ

ด่านนี้ไม่ยาก เพราะทางมันค่อนข้างเรียบ เลือกลายได้ด้วย

แต่จะไปยากช่วงท้ายๆ คลิป มีเอาหินมาโรยไว้

กลัวสะดุดหิน เลยต้องลดความเร็ว แ้ล้วค่อยๆ ปั่นผ่าเอาครับ


ด่านต่อไปที่ต้องผ่าน คือ "ดงทรางมรณะ" ครับ

ง่ายๆ ต้องเลือกลายที่ทรายตื้นที่สุด ถ้าเลือกได้

แต่สุดท้ายก็ไม่รอดครับ เพราะจำเป็นต้องเลี้ยวตัดร่องทรายท้ายคลิป

ขอบร่อง ทรายมันหนา ล้อโดนดูดครับ


ปฏิบัติการครั้งนี้ ผมมาด้วยจักรยานล้อเดียวขนาด 36 นิ้ว

ขาจานยาว 125mm

เบรกผมถอดออกไปแล้วครับ เนื่องจากว่าไม่ค่อยได้ใช้

ใช้ขาตัวเองหยุดรถเอา ใส่กระดิ่งแทน

บล็อกนี้ขอพักตรงนี้ก่อนนะครับ บล็อกหนามาลุยกันต่อ







 

Create Date : 25 มีนาคม 2555    
Last Update : 25 มีนาคม 2555 22:42:49 น.
Counter : 1985 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ยางโทนเกียร์ คือโปรเจ็คท์ต่อไป"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์

หลังจากที่ผมได้ลองขี่ยางโทนมาทุกขนาดแล้ว พบว่า

ความเร็วที่ทำได้ ยังไม่เพียงพอ ถ้าต้องการปั่นแจมกับสองล้อ

ผมอยากได้เร็วเฉลี่ยสัก 21-22 kph เพื่อให้ปั่นทันตัวเอง

ที่เคยปัน 26er MTB แล้วเก็บข้อมูลไว้


สำหรับยางโทนใหญ่ 36er ตัวซ้ายสุด ทำความเร็วเฉลี่ย ได้ประมาณ 18 kph

จริงๆ แล้ว มันก็พอจะร่วมแจมกับสองล้อได้ คือปั่นท่องเที่ยว ไม่เน้นทำเวลา

แต่ถ้าทำได้เร็วกว่านี้ ก็จะดีมาก เพื่อชดเชยความเสียเปรียบของล้อเดียว

ที่ไม่สามารถปล่อยฟรี หรือไหลลงเนินได้อย่างสองล้อ ต้องปั่นตลอดเวลา ทำให้เหนื่อยกว่า


เกียร์ที่จะนำมาติด เป็นเกียร์ดุม คือมันจะอยู่ที่ดุมล้อ

สามารถเปลี่ยนได้สองเกียร์ คืออัตราทด 1:1 กับ 1:1.55

โจทย์ต่อไปที่ต้องแก้ คือ ควรจะติดให้ยางโทนขนาดไหนดี

ก่อนหน้าที่ผมยังสะสมยางโทนไม่ครบทุกขนาด ก็ยังไม่กล้าวิเคราะห์ในเรื่องนี้

แต่ตอนนี้ ได้ลองขี่ทุกขนาดล้อแล้ว ก็สามารถจะวิเคราะห์ให้ฟังได้อย่างเต็มปากเต็มคำ


ใช้ตารางความเร็วของยางโทนขนาดต่างๆ ที่ได้จากการคำนวณประกอบการตัดสินใจด้วย

เมื่อเรารู้เส้นรอบวงของยาง เราก็จะรู้ว่า 1 รอบเท้าที่เราปั่นไป เก็บระยะทางได้เท่าไหร่

แล้วก็เอาค่าความถี่ในการควงเท้าของเรามาคิด ซึ่งโดยทั่วไป ถ้าจะปั่นได้นานๆ

รอบเท้าจะอยู่ที่ 100-110 rpm เท่่าที่ผมนับจากที่ตัวเองปั่น

ตารางชุดบน เป็นแบบยางโทนธรรมดา ไม่มีเกียร์ ส่วนตารางชุดล่าง

ค่าทุกอย่าง นำมาคูณด้วย 1.55 เพราะเป็นยางโทนเกียร์ สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้

แล้วเชื่อมโยงข้อมูลกับตารางชุดบน ด้วยแถบสี


ในภาพนี้มียางโทนเกียร์ 29 กับยางโทนเกียร์ 36 ซึ่งเป็นขนาดที่นิยม ในการปั่น on road

ส่วนศัพย์ที่ฝรั่งเขาเรียกจักรยานล้อเดียวมีเกียร์ คือ GUni (กูนิ)

ย่อมาจาก Geared Unicycle

ก็คล้ายๆ กับ MUni (มูนิ) ที่ย่อมาจาก Mountain unicycle

ส่วนผมก็ให้ชื่อเล่นไปว่า ยางโทนเกียร์ กับยางโทนภูเขา ก็แล้วกัน


วิเคราะห์ดูตามตารางความเร็วข้างต้น

ถ้าต้องการความเร็วสูงสุด แน่นอน ต้องเลือกติดเกียร์ให้กับยางโทน 36

ติดไปแล้ว ขนาดล้อก็จะเทียบเท่า 56 นิ้วทันที ใหญ่มากๆ

และทำความเร็วได้เฉลี่ยได้ถึง 29 kph ถ้าอัดเต็มๆ ก็เลย 30 kph ได้เลย เร็วมาก

แต่ปัญหาคือ ยางโทนใหญ่ มันเล่นยาก เหมาะกับทางเรียบ เหมาะกับออกนอกเมือง

ถ้าโจทย์คือปั่นเดินทางไกล ปั่นแบบ touring แน่นอนว่า

ยางโทนเกียร์ 36 คือคำตอบสุดท้ายจริงๆ เพราะมันเร็วที่สุดแล้ว ในหมู่ยางโทนด้วยกัน


ตัวเลือกต่อมา คือยางโทนเกียร์ 29 ซึ่งจะได้ขนาดล้อเทียบเท่า 45 นิ้ว

และทำความเร็วเฉลี่ยได้ประมาณ 23 kph ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่

พอร่วมแจมกับ MTB ที่ปั่นทางเรียบได้ แล้วยังได้ความคล่องตัวที่ดีกว่า

เพราะล้อ 29 มันเล็กว่าล้อ 36 เยอะเลย เหมาะมากกับการปั่นแนว XC

คือเรียบก็ดี วิบากก็ได้ จะออกนอกเมือง หรือจะเข้าเมือง ก็มั่นใจกว่า


ตัวต่อมา คือยางโทนเกียร์ 26 ล้อเล็กลงมาอีก เล่นง่าย เหมาะกับปั่น off road

เมื่อเปลี่ยนเกียร์ ก็จะมีขนาดยางเทียบเท่า 40 นิ้ว และทำความเร็วได้ประมาณ 21 kph

ก็ยังไวใช้ได้ ตัวเลือกนี้ จะเหมาะกับคนที่เน้น off road มากกว่า on road

เพราะล้อ 29 กับ 36 นิ้ว จะเล่น off road ได้ยากกว่าล้อ 26 มาก

แล้วล้อ 26 ถ้าจะเน้น on road มันก็เร็วได้ไม่เท่าล้อ 29 กับ 36 นั่นเองครับ

เรียกว่าก้ำกึ่งมากๆ


ตัวต่อมาคือยางโทนเกียร์ 24 ตัวนี้เป็นทางเลือกของคนที่เน้น off road เช่นกัน

โดยเฉพาะ off road ยากๆ ทางมีแต่หิน ยางโทน 24 จะไปได้ดีกว่า ควบคุมง่าย

แล้วพอเปลี่ยนเกียร์ ล้อก็จะใหญ่ขึ้น เป็นขนาด 37 นิ้ว

ทำความเร็วเทีบบเท่าล้อ 36 นิ้วอีกต่างหาก เร็วกว่านิดๆ ด้วย มันน่าตื่นเต้นจริงๆ


ส่วนตัวเลือกสุดท้าย คือยางโทนเกียร์ 20 อันนี้ไม่มีใครเล่นนะครับ

เพราะไม่มีประโยชน์ในการติดเกียร์ ติดแล้วก็ไม่เร็วมาก ทำได้แค่ 16 kph

แล้วล้อเล็กๆ ปั่นเดินทาง มันไม่นุ่มนวลเหมือนล้อใหญ่ สะดุดขอบร่องหลุมต่างๆ ได้ง่ายกว่า


ตัวเกียร์มีราคาแพงมากครับ เลยต้องตัดสินใจเอา ว่าจะเลือกติดให้ขนาดล้อไหนดี

ถ้ามีตังเยอะๆ ก็ติดให้มันทุกขนาดล้อเลย ดีแน่นอน

สำหรับผมตอนนี้ ที่คิดไว้ คืออยากจะได้ยางโทนเกียร์ 29 ครับ

แม้มันจะช้ากว่าติดให้ 36 นิ้ว แต่มันก็ยังเร็วใช้ได้ แล้วยังเล่นง่ายกว่า

พกพาได้สะดวกกว่า ปั่น off road ปั่นเข้าเมือง เข้าไปในที่แออัด ก็ยังมันใจดี

แต่ตอนนี้ ก็ขอดูๆ ไปเรื่อยๆ ก่อน ยังไม่เอาตอนนี้หรอกครับ


โดยสรุปตอนนี้ สำหรับการติดเกียร์

ยางโทน 20 ติดไปก็ไร้ประโยชน์ ยังคงช้า ไม่คุ้มค่า
ยางโทน 24 ของผมเป็นแบบทางเรียบ ติดมาก็เร็วไม่่ต่างจากยางโทนใหญ่ ที่มีอยู่แล้ว
ยางโทน 26 ผมแต่งขาจานยาวพิเศษ ไว้ปีนทางชัน ซึ่งไม่เข้ากับตัวเกียร์ดุมที่จะติด
ยางโทน 29 เหมาะมาก แต่ผมต้องเปลี่ยนชุดล้อออกทั้งชุด เพราะที่ผมใช้อยู่เป็นดุม 48 รู แต่ เจ้าตัวเกียร์ดุม จะเป็นแบบ 36 รู

และยางโทนใหญ่ เหมาะเหมือนกัน ถ้าต้องการความเร็วจัด แต่ผมว่า ขนาดที่ใหญ่ มันขนไปไหนมาไหนลำบาก เผื่ออยากไปเที่ยวไกลๆ น้ำหนักมันก็มากอยู่แล้ว ต้องมีเกียร์อีก ยิ่งหนักเข้าไปอีก แล้วบ้านเรา หายาง 36 นิ้วก็ไม่มีขายซะด้วย เลยยังไม่คิดจะจริงจังกับมันเท่าไหร่




 

Create Date : 22 มีนาคม 2555    
Last Update : 23 มีนาคม 2555 9:34:11 น.
Counter : 4999 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ยางโทนใหญ่ ชนิดที่พบในประเทศไทย"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ วันนี้จะพาไปหา ไปตรวจสอบกันดูว่า

ในประเทศไทยของเรานั้น มีคนที่ขี่ยางโทนกันสักกี่คน

แต่ถ้าไม่กำหนดขนาดของยาง ก็คงจะเยอะมาก จนนับไม่ไหว

จึงกำหนดเฉพาะยางโทนใหญ่ 36 นิ้วเท่านั้น มาดูกันครับ ว่าจะมีสักกี่คน


ผู้ที่ขี่ยางโทนใหญ่ คนแรกของประเทศไทย ก็คือ ป้อล้อเดียว นั่นเองครับ


ได้ยินว่า ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากล้อเล็กๆ อย่างมาก แต่ละสโตรคที่ปั่นไปนั้น

เก็บระยะทางได้เยอะมาก


สำหรับยางโทนใหญ่ตัวแรก เป็นชนิดไหนนั้น มาดูกันครับ

ตัวถัง ชัดเจนว่า เป็นยี่ห้อ Nimbus
ชุดล้อ ได้ยินว่า เป็นยี่ห้อ Coker จาก USA เชียว
ระยะขาจาน ยาว 150mm


คนที่สอง ที่ขี่ยางโทนใหญ่ เป็นชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อ

ทราบแต่ว่า รักการพจญภัยด้วยยางโทนใหญ่ เคยไปปั่นในลาวมาแล้วด้วย


ยางโทนตัวที่สอง มีภาพชัดเจนมาก ทำให้วิเคราะห์ชนิดได้ง่าย

ดูตั้งแต่เบาะจรดยางเลยนะครับ

เบาะ เป็น Nimbus gel แบบเดียวกับของผมเลย แต่คนละสี
เบรค เป็น Magula hydrolic rim brake
ตัวถัง เป็น Kris Holm 36" ทำจากอลูมิเนียม รหัส 7005
ขาจาน เป็น Kris Holm double hole crank 125/150mm
ยาง เป็น Nimbus nightrider tire ขนาด 36 นิ้ว


และผู้ที่ขี่ยางโทนใหญ่เป็นคนที่ 3 ในประเทศไทย ได้แก่ผมเองครับ รุตไรเดอร์


ยางโทนใหญ่ตัวที่ 3 ก็แตกต่างจากสองตัวแรกอีกแล้วครับ เป็นคนละสายพันธุ์

เบาะ เป็น Nimbus gel
ตัวถัง เป็น QX-series สีขาว ทำจากอลูมิเนียม รหัส 6061
ขาจาน ในภาพไม่อัพเดทนะครับ ปัจจุบันใช้ Qu-ax aluminium crank ระยะ 125mm
ยาง เป็น TA tire ครับ ขนาด 36 นิ้ว เป็นยางทางเรียบ

จริงๆ แล้ว จักรยานล้อเดียวยี่ห้อดีๆ มีไม่กี่อันหรอกครับ หาดูไม่ยาก

ทำให้ผมรู้ ว่าใครขี่แบบไหน ยี่ห้อไหน


อยากจะสรุปตรงนี้ว่า ตั้งแต่ผมได้ยางโทนใหญ่มา เอวผมหายเลยครับ

แต่ก่อนขึ้นไปถึง 33 นิ้ว กินเยอะไปหน่อย แล้วยางโทนน้อยที่มีอยู่ มันไม่ช่วยดูดพลังเท่าไหร่

แต่พอมาเจอกับยางโทนใหญ่ มันดูดพลังได้ดีมาก แล้วก็สนุกตื่นเต้นทุกครั้งที่ขี่ด้วยครับ

ส่วนใคร ถ้ามียางโทนใหญ่ไว้ในครอบครองแล้ว แวะมารายงานตัวกับผมได้นะครับ

จะได้เก็บไว้เป็นฐานข้อมูลต่อไป เพราะตอนนี้ มีอยู่แค่ 3 ตัวเท่านั้น ใกล้สูญพันธุ์มาก

ต้องช่วยกันอนุรักษ์ไว้ครับ




 

Create Date : 18 มีนาคม 2555    
Last Update : 18 มีนาคม 2555 22:09:20 น.
Counter : 1867 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "36er marathon ตอนจบ"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ กลับมาอีกครั้ง กับตอนสุดท้าย

ของปฏิบัติการทดลองปั่นมาราธอน กับยางโทนใหญ่ 36 นิ้ว


พอมืดแล้ว ความเร็วตกลงไปเยอะมากครับ ล้อมันใหญ่ ขี่ยากกว่า

บวกกับวิสัยทัศน์ไม่ดี ทำให้ความมั่นใจลดลงไปมาก


พอผมปั่นมาถึงแยกทางไปยโสธรแล้ว ก็ได้ไฟแดงอีกเช่นเคย

ก็ถือโอกาสเดินพักก้นอีกสัก 200 เมตร เป็นการเดินพักครั้งที่ 4


แล้วก็ปั่นต่อไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าห้างวัสดุก่อสร้าง ตรงนี้ไฟสว่างดีมาก

เลยลงเดินพักอีกเป็นครั้งที่ 5 แล้วครับ

ในการทดลองเก่า ที่ผมเคยมากับยางโทน 29 มาถึงตรงนี้

เก็บระยะทางไปได้ประมาณ 40 กม.แล้ว

ยางโทน 29 ทำความเร็วเฉลี่ยแบบไม่รวมเวลาพัก ได้ 14.1 kph ตามลิงค์ด้านล่าง

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=routeraider&group=1


ส่วนยางโทนใหญ่ในครั้งนี้ ถ้าคำนวณออกมา ใช้เวลาไปแล้วประมาณ

2.5 ชม. เพราะออกเดินทาง 16.30 ตอนนี้ประมาณ 19.00

ก็ทำความเร็วเฉลี่ย รวมเดินพักด้วย ได้ประมาณ 16 kph

ถือว่าเร็วกว่ายางโทน 29 ชัดเจน (ขนาดรวมเวลาพักไปด้วยแล้ว)


ปั่นมานาน ขาล้ามาก ขึ้นรถครั้งเดียวไม่ติดแล้วครับตอนนี้

ปกติ จะขึ้นปุ๊บ ติดปั๊บ ไม่มีพลาดเลย

ตั้งแต่เดินพักครั้งที่ 4 ขาก็เริ่มอ่อน ขึ้นแล้วเสียการทรงตัว ต้องขึ้นซ้ำ

เลยหาตัวช่วย เอาล้อไปดุนกับขอบฟุตบาทเอา จะได้เหยียบขึ้นรถได้ง่ายๆ


ตอนนี้เหนื่อยสุดๆ แล้วครับ หนาตาอยากกลับบ้านมาก

ในภาพปั่นข้ามแม่น้ำมูลมาแล้ว แล้วก็จะไปถึงแยกไปศรีสะเกษ

ตรงแยกนี้ ก็ได้ไฟแดง แล้วลงเดินพักอีก เป็นครั้งที่ 6 และเป็นครั้งสุดท้าย

ถ้าไม่ลงเดินพัก ไม่ได้จริงๆ ครับ ก้นระบมมาก


แล้วก็กัดฟันปั่นมาเรื่อยๆ จนวนกลับมาถึงแยกสุดท้าย ก่อนเลี้ยวซ้ายกลับบ้าน

เห็นแยกนี้ ดีใจสุดๆ เลยครับ จะถึงบ้านแล้ว


ถึงบ้านแล้วครับ ตอนนี้เวลา 19.37 ใช้เวลาทั้งสิ้น 3 ชม. 7 นาที

หรือคิดเป็น 3.12 ชม. น้ำไปหารกับ 48 กม. จะได้ความเร็วเฉลี่ย 15.38 kph


กับเส้นทางเดียวกันนี้ ผมเคยไปมาหลายรอบ และทดลองมาหลายคันแล้วครับ


ตอนที่มีเครื่องมือวัด ไปหลายครั้ง ก็วัดได้ระยะทาง 47 ปลายๆ ก็เลยตีเสียว่า 48 km จะได้คิดง่ายๆ



ผู้ที่ทำความเร็วได้ดีที่สุด ตามลำดับมีดังนี้ครับ

1) เสือใหญ่ 29er MTB Hardtail ทำความเร็วเฉลี่ยได้ 24.5 kph ปั่นต่อเนื่องได้ไม่ต้องหยุดพัก ระยะ 48 km ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง

2) เสือภูเขา 26er MTB Full suspension ทำความเร็วเฉลี่ยได้ 21.3 kph ปั่นต่อเนื่องได้ไม่ต้องหยุด ระยะ 48 km ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า

3) ยางโทนใหญ่ 36er Unicycle ขาจานยาว 125mm ทำความเร็วเฉลี่ยได้ 15.4 kph ปั่นต่อเนื่องไม่ได้ เจ็บก้นมาก ใช้การลงเดินพัก 6 ครั้ง ระยะ 48 km ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมง

4) ยางโทน 29 29er Unicycle ขาจานยาว 125mm ทำความเร็วเฉลี่ยได้ 12.2 kph ปั่นต่อเนื่องไม่ได้ เสียเวลานั่งพักก้นรวมประมาณครึี่งชั่วโมง ตอนนั้นยังไม่ฉลาด ยังไม่รู้ว่าเดินพักดีกว่า จะได้ไม่เสียสถิติมาก ระยะ 48 km ใช้เวลาเดินทางไป 4 ชั่วโมง นานมาก

แต่ถ้าไม่เจ็บก้น และสามารถปั่นต่อเนื่องได้ จะทำความเร็วเฉลี่ยได้ 14.0 kph สำหรับยางโทน 29


วิเคราะห์ผลการทดลองดูกันครับ ผมนำตารางความเร็วของยางโทนขนาดต่างๆ ที่ได้จากการคำนวณ

มาใช้ในการวิเคราะห์ผลด้วย ให้ดูที่ประมาณ 100-110 rpm คือ ความถี่ในการควงเท้าปั่นของเรา

ผมเคยนับๆ ไว้แล้ว จะอยู่ประมาณนี้ครับ ถ้าไว้กว่านี้ ไปถึง 120 rpm หรือเกินไปอีก จะเหนื่อยมาก และปั่นได้ไม่นาน

ถ้าดูยางโทน 29 ความเร็วจากการทดลองปั่นจริง (ไม่รวมเวลาหยุดพัก)ได้ 14 kph ซึ่งตรงกับความเร็วจากการคำนวณ ส่วนถ้ารวมหยุดพักด้วยแล้ว ได้แค่ 12.2 kph

สำหรับการทดลองปั่นยางโทนใหญ่ครั้งนี้ ผมไม่มีเครื่องวัดความเร็วไปด้วย ใช้แต่วัดเวลา กับระยะทางเอา ผลที่ได้ จึงเป็นความเร็ว ที่รวมเวลาในการเดินพักด้วย จึงได้ความเร็วเพียง 15.4 kph

ปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ความเร็วเฉลี่ย ตกลงไปจากทฤษฎี ที่ควรจะได้ 18 kph คือ

1) ผมต้องลงเดินพักก้นที่เจ็บระบมถึง 6 ครั้ง ครั้งละประมาณ 200 เมตรได้
2) ช่วงท้ายของการปั่น เป็นเวลากลางคืน ยิ่งบางช่วงที่ถนนมืดๆ ไม่กล้าปั่นเร็ว กลัวพลาด ทำให้ความเร็วตกลงไปกว่าที่ควรจะเป็นอย่างมาก

ปัญหาที่ผมอยากจะแก้ หรือพัฒนาต่อไปสำหรับการเล่นยางโทนก็คือ

1) ทำอย่างไร ให้สามารถนั่งปั่นยางโทนได้นานกว่านี้ หรือนานที่สุด เท่าที่เป็นไปได้
2) ลองใส่ขาจาน 110mm ให้ยางโทนใหญ่ น่าจะได้ความเร็วเพิ่มขึ้นอีก แต่ก็ต้องแลกมากับความหนัก เวลาปั่น และการควบคุมรถที่ยากขึ้นไปอีก
3) ถ้าคิดอยากจะปั่นให้ทันสองล้อ MTB ไม่ว่า 26er หรือ 29er มีทางเดียว คือต้องเพิ่มเกียร์ครับ เป็นเกียร์ที่ดุมล้อ แต่นั่นก็เป็นโครงการในอนาคตของผม อีกนานเหมือนกัน เก็บตังก่อน

แล้วพบกันอีกบล็อกหน้าครับ




 

Create Date : 17 มีนาคม 2555    
Last Update : 17 มีนาคม 2555 18:28:49 น.
Counter : 1573 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "36er marathon ตอน 3"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ กลับมาต่อกับปฏิบัิติการทดลองปั่นมาราธอน

ด้วยจักรยานล้อเดียวขนาด 36 นิ้ว ซึ่งผมให้ฉายามันว่า ยางโทนใหญ่


ยังอยู่บนถนนวงแหวน สาย 231 นะครับ หลังจากบล็อกก่อน ผมเดินพักก้นได้ที่แล้ว

ก็ออกเดินทางกันต่อ


หลังจากนี้โจทย์จะเริ่มยากแล้วหละครับ เพราะพระอาทิตย์จะตกแล้ว


ตอนนี้ทิศตะวันตก อยู่ทางซ้ายมือของผม


ทำให้ถ่ายรูปด้วยมือซ้าย ย้อนมาหาหน้าตัวเอง แสงจะพอเหมาะครับ


ก็ปั่นดูพระอาทิตย์ไปเรื่อยๆ ครับ เนื่องจากถนนมันเป็นวงแหวน

ตอนนี้พระอาทิตย์มาอยู่ตรงหน้าผมพอดีเลยครับ ปั่นไปก็มองมันไป

แปลกนะครับ หน้าร้อน เหมือนมันตกช้ามาก ทำท่าจะตก ก็ไม่ตกสักที

ไม่เหมือนหน้าหนาว แป๊บเดียวมืดทันที


ปั่นระยะไกล มือซ้ายต้องทำงานหนักมากครับ ต้องกดหูหิ้วหน้าอานไว้ตลอด

เพื่อลดแรงกดทับที่เป้า ขนาดกดแล้ว ยังเจ็บก้นเลยครับ รู้สึกว่า อยากติดไฟแดงอีกแล้ว

จะได้ลงเดินพัก


นอกจากพระอาทิตย์จะตกช้าแล้ว พอตกไปแล้ว ยังมีแสงเหลืออีกครับ

แบบว่า ไม่ยอมมืดง่ายๆ ก็ดีเหมือนกัน จะได้เห็นทาง ทำความเร็วได้ ไม่เสียสถิติ


ดีใจมากเลยครับ ได้ติดไฟแดงแล้ว แยกนี้ ผมก็ลงเดินพักก้นเป็นรอบที่สองครับ

หลังจากเจ็บก้นรอบแรกแล้ว เหมือนมันระบมไปแล้ว ปั่นได้ไม่ไกลก็ต้องลงอีกครับ

ก็เดินอีกสัก 100-200 เมตรเหมือนเดิมครับ ไม่หยุดนั่งพัก เพราะกลัวเสียสถิติ


เลยแยกมาก ก็จะเริ่มเข้าเมืองแล้วครับ รถจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ ต้องปั่นอย่างระมัดระวังมากขึ้น


ปั่นไปอีกไม่ไกล ก็จะไปถึงแยก กม.ที่ 0 ของถนนวงแหวนสาย 231

แยกนี้ผมก็ได้ไฟแดงอีกแล้วครับ ได้เดิินพักอีกเช่นเคย เป็นครั้งที่ 3

ตอนนี้ผมเก็บระยะทางมากว่า 30 กม. แล้วครับ เหลืออีกสิบกว่าโลจะถึงบ้าน

บล็อกหน้า ได้รู้ผลการทดลองปั่นแน่นอนครับ ว่าจะทำความเร็วได้ดีแค่ไหน

สำหรับยางโทนใหญ่ 36 นิ้ว แต่ว่าลงเดินพักไป 3 ครั้งแล้ว กังวลกับสถิติเหมือนกันครับ




 

Create Date : 16 มีนาคม 2555    
Last Update : 16 มีนาคม 2555 10:24:44 น.
Counter : 1383 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  

RouteRaideR
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




จักรยาน มีล้อเดียว มันเสียวล้ม
ต้องเพาะบ่ม หมั่นฝึกฝน จนคล่องแข็ง
จะได้ขี่ กระโดดเด้ง เร่งหลบแซง
แม้หลุมแอ่ง อุปสรรค กล้าเิผชิญ

ขี่เก่งแล้ว ก็ค่อยออก ไปเที่ยวเล่น
ปั่นแล้วเป็น เหมือนบินลิ่ว ปลิวลมเหิน
นั่งตัวตรง ไม่มีแฮนด์ เป็นส่วนเกิน
ชมวิวเพลิน ผจญภัย ไม่เบื่อเลย

by RouteRaideR
Friends' blogs
[Add RouteRaideR's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.