วิถีผู้กล้า ตอน "สมแล้ว กับฉายา ยางโทนใหญ่"
สวัสดีครับ ผมรุตเรเดอร์
การปั่นผจญภัยยามเย็นวันนี้ เป็นคิวของยางโทนใหญ่
คันขวาสุด ใหญ่ที่สุด ด้วยล้อขนาด 36 นิ้ว
ตามที่รับปากไว้ในบล็อกก่อน ว่าจะลองใส่ กกน นักปั่น โดยใส่แบบเอาข้างหลังไปไว้ข้างหน้า
เพราะเบาะของยางโทน ข้างหน้าไม่ได้เรียวเล็กเหมือนจักรยานทั่วไป
จำเป็นต้องเป็นทรงนี้ เพื่อให้บังคับควบคุมรถได้ง่าย เนื่องจากไม่ได้เลี้ยวด้วยแฮนด์
ผลคือ เกิดแรงกดทับที่เป้ามากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับการเดินทางไกล
ลมยาง ปกติแล้ว ผมเติมให้กับยางโทนใหญ่ไว้ที่ไม่เกิน 25 psi เพราะใช้เฉพาะเดินทางในชีวิตประจำวัน บนทางเรียบ
แต่คราวนี้จะต้องออฟโรดด้วย จึงปล่อยลมออกให้เหลือเพียงไม่เกิน 20 psi
ส่วนขาจาน ปกติปั่นในชีวิตประจำวัน ผมใช้ที่ระยะ 150mm เข้าเมืองควบคุมง่าย ไม่จำเป็นต้องเร็วมากก็ได้
คราวนี้จะออกปั่นเดินทาง จริงๆ แล้วใช้ที่ 127mm ก็ไวดี ก่อนไปถึงทางออฟโรด
แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็จะต้องไปเจอทางออฟโรด ซึ่งระยะ 150mm จะเหมาะกว่า
ผมเลยปั่นด้วยระยะ 150mm นี่แหละไปเลย จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนระยะขาจานบ่อย ลุยออฟโรดได้เลย ไม่เสียเวลา
วันนี้ก็จะไปในเส้นทางเดิม ที่พายางโทน 24 ยางโทนเกียร์ 29 และยางโทนเกียร์ 26 ไปในสามบล็อกก่อนหน้า
จะได้เปรียบเทียบกันด้วยเลย
วันนี้มีงานวิจัย 2 เรื่อง
คือเรืองทดสอบใส่ กกน นักปั่น กลับด้านหลังไปด้านหน้า ว่ามันจะช่วยลดแรงกดทับได้ดีขึ้นหรือไม่ อย่างไร
กับการเปรียบเที่ยบความรู้สึกในการปั่น ระหว่างยางโทนใหญ่ กับอีกสามขนาดล้อที่เล็กกว่า
สามขนาดล้อที่เล็กกว่านั้น มี 2 คันที่เป็นยางโทนเกียร์ ซึ่งปกติแล้วที่เกียร์สูง จะไวกว่ายางโทนใหญ่
แต่ในการใช้จริง บนทางวิบาก ยางโทนใหญ่จะสู้ได้หรือไม่อย่างไร ลองติดตามชมผลการทดลองกันครับ
เรื่อง กกน นักปั่น พอใส่ข้างหลังมาข้างหน้า นวมมันก็มาช่วยรองด้านหน้ามากขึ้น
แต่ปัญหาคือ มันขัดๆ ตุงๆ แต่ก็ปั่นได้ครับ
ถึงทางวิบากแล้วครับ
ความเร็วที่ทำมาได้บนทางเรียบ ก็ไม่ขี่เหร่ครับ แม้จะใช้ขาจานระยะ 150mm ก็ตาม
แล้วปั่นได้ต่อเนื่องดีด้วย ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเกียร์เหมือนยางโทนเกียร์
บรรยากาศเส้นทาง
พาเดินข้ามสะพาน
วันนี้ จะใช้ความใหญ่เข้าปะทะอย่างเดียว
ไม่ต้องถอนเกียร์ หรือเข้าเกียร์ใดๆ มีเกียร์เดียว single speed
ฝ่าด่านดงหญ้ามรณะมาได้ครึ่งทาง ไม่รอด ความเร็วตกเสียก่อน
เทคนิคสำคัญในการเล่นยางโทนใหญ่บนทางวิบาก ต้องรักษาความเร็วคงที่ไว้
ใช้ความใหญ่ของล้อเข้าปะทะกับอุปสรรคต่างๆ ไปเลย ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องชะลอ
แต่เมื่อไหร่ที่ความเร็วตกจนต่ำเกินไป จะเล่นยาก
เนื่องจากยางโทนใหญ่นั้น ความคล่องตัวจะน้อยมาก ถ้าต้องเล่นที่ความเร็วต่ำ แล้วทางขรุขระอีก จะยากมาก
ปวดขาเลยผม สำหรับด่านนี้
บุกป่าฝ่าดงต่อครับ มันมาก สำหรับยางโทนใหญ่
รู้สึกได้เลยว่า ยางโทนใหญ่ ต้องใช้กำลังขาเยอะกว่าอีกสามคันที่เหลือมาก
เพราะยางโทนเกียร์ ถ้าเจอทางวิบาก ก็ถอนเกียร์ได้ เลยเซฟแรงขาไปได้เยอะกว่า
แสงแยงตาตลอดทางเลยครับ
อากาศก็ไม่หนาวสะใจ ไม่สมกับเป็นเดือน ธ.ค. เลย
เวลาปั่นยางโทน น้ำหนักตัวส่วนหนึ่งจะลงที่ขา อีกส่วนหนึ่งจะลงที่มือ ที่จับหูหิ้วหน้าอานไว้
แต่น้ำหนักตัวส่วนใหญ่ยังคงลงที่เป้า การได้ กกน นักปั่น ก็ช่วยชะลออาการกดทับได้
แต่ยังไงก็รู้สึกเจ็บอยู่ดีครับ เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เพราะไม่มีทางย้ายน้ำหนักตัวหนีไปไหนได้
สิ่งที่ กกน นักปั่นทำได้ดี คือมันไม่มีตะเข็บ จึงใส่ปั่นได้สบายกว่า
ส่วน กกน ธรรมดา มักมีตะเข็บ พอปั่นนานๆ ก็มักจะบาด ทำให้เจ็บๆ ขัดๆ ปั่นไม่มีความสุข
ส่วนการใส่กลับด้านหลังมาด้านหน้า นวมก็ช่วยมารองที่ด้านหน้ามากขึ้น ก็ช่วยได้อีกหน่อย ไม่มากนัก
แต่ผมประเมินแล้ว ใส่ให้ถูกทางจะเหมาะกว่า เพราะใส่กลับด้าน ก็ช่วยได้ไม่มากขึ้นมาก
เทคนิคสำคัญที่สุด สำหรับเรื่องการนั่งปั่นอย่างสบาย คือต้องลงจอดพักเป็นระยะ
พักถ่ายรูปกับดงดอกหญ้าบ้างก็ดี ไม่จำเป็นต้องนั่งแช่
ไปๆ มาๆ ยางโทนใหญ่ทำความเร็วได้ดีมากครับ บนทางวิบาก
ทั้งสามบล็อกก่อนหน้า รวมทั้งบล็อกนี้ ผมก็ออกจากบ้านเย็นพอๆ กัน
แต่ยางโทนใหญ่มาได้ไกล แล้วพระอาทิตย์ยังสูงอยู่เลย
หน้าแล้ง บนทางวิบาก ทรายจะเป็นตัวปัญหาที่ต้องระวัง ถ้าเผลอลงไปในจุดที่ทรายลึก จะเล่นยาก
รอถ่ายรูปรถไฟแบบไกล้ชิด
ในที่สุดวันนี้ก็ผ่านด่านโคลแข็งมรณะได้แล้วครับ ปั่นมันตรงหญ้าตรงกลางเลยครับ ง่ายกว่า
บวกกับมาหลายครั้งแล้ว เริ่มรู้ทาง
มาไกลจนถึงด่านโคลนแข็งมรณะ พระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกเลยครับ ยังไปต่อได้อีกไกล
แต่บังเอิญวันนี้ผมมีธุระ เลยจำเป็นต้องกลับก่อน
ทำให้สรุปได้ชัดเจนเลยว่า ยางโทนใหญ่นั้น เร็วที่สุดบนทางวิบาก
เหตุเพราะว่า ยางโทนเกียร์ เวลาเจอด่านโหด ถ้าจะปั่นด้วยเกียร์สูง ก็ยากมาก
จะต้องถอนเกียร์ ทำให้ช้า กลายเป็นล้อ 29 และล้อ 26 ธรรมดา
แล้วจังหวะเปลี่ยนเกียร์ ก็ต้องชะลอรถด้วย ไม่ได้ปั่นอย่างต่อเนื่องเหมือนยางโทนใหญ่
ประกอบกับยางโทนใหญ่ ล้อมันใหญ๋มาก
ถึงแม้จะปั่นช้ายังไง มันก็ยังเร็วกว่าล้อเล็ก ที่ความเร็วรอบขาเดียวกัน
กระเจี๊ยบ
กำลังใช้สมาธิฝ่าด่านโหด โดนโทรตามเลยล้มไปเลย
จำเป็นต้องเร่งฝีเท้าแล้วครับตอนนี้ เลยตัดสินใจใช้ระยะขาจาน 127mm
เห็นถนนใหญ่อยู่ไกลๆ
ลมลุกคลุกคลานเลยผม ปรับระยะขาจานให้สั้นลง ดันมาปรับตรงทางวิบาก
ขามันล้ามาต่อเนื่องแล้ว เจอกับขาจานสั้นลง เลยปรับตัวไม่ทัน
ในที่สุดก็ออกถนนใหญ่มาได้แล้ว ขาจาน 127mm กับทางวิบากก็พอเล่นได้ครับ
แต่ต้องใช้สมาธิอย่างหนัก ตั้งใจสุดๆ
สมแล้ว กับฉายา ยางโทนใหญ่ ทำผลงานได้ดีมาก ทำความเร็วได้ดีที่สุดบนทางวิบาก
ด้วยล้อที่ใหญ่ เร็วได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
ด้วยล้อที่ใหญ่ ทำให้ไม่มีทางเลือกในการเล่นออฟโรด นอกจากใช้ความใหญ่เข้าปะทะไปเลย
ด้วยล้อที่ใหญ่ รอบเท้าจะช้ายังไง มันก็ยังไวกว่าล้อเล็กอยู่ดี ที่รอบเท้าเดียวกัน
แม้ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อย แต่ก็สนุก และได้อารมณ์ไปอีกแบบ สำหรับยางโทนใหญ่บนทางวิบาก
บล็อกหน้าคงไปปั่นบนเส้นทางอื่นบ้าง ไปทางเดิม 4 บล็อก เบื่อเลย
Create Date : 19 ธันวาคม 2555 | | |
Last Update : 19 ธันวาคม 2555 12:58:30 น. |
Counter : 3481 Pageviews. |
| |
|
|
|