วิถีผู้กล้า ตอน "ความแตกต่างระหว่างออนโรด กับออฟโรด"
สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์
บล็อคนี้ ก็ยังคงใช้บริการยางโทนเกียร์ 29 อยู่ครับ สนุกมาก
วันนี้ไปปั่นออฟโรดอีกดีกว่า
สำหรับเส้นทางออนโรดนั้น มันสามารถหาปั่นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
มันจึงไม่น่าตื่นเต้นเท่าเส้นทางออฟโรด
แวะชมรถไฟ
ช่วงหน้าฝน ถ้าฟ้าเปิด ฟ้าก็จะใสมาก แดด 5 โมงเย็น ยังแสบหน้าอยู่เลยครับ
นี่แหละครับ เส้นทางสายโปรด
พูดถึงการเล่นจักรยานล้อเดียว มันก็มีหลายสายนะครับ แต่คนส่วนใหญ่จะฝังใจว่าเป็นกายกรรมเท่่านั้น
ของผมเป็นสายผจญภัย ใช้รถที่มีขนาดใหญ่หน่อย แล้วเพิ่มเกียร์ เพื่อช่วยให้เดินทางได้เร็วยิ่งขึ้น
ถ้าจะผจญภัย มันก็ต้องไปในเส้นทางแบบนี้หละครับ มันมาก
เส้นทางออฟโรด มันได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่า มีอะไรให้แวะดูได้เรื่อยๆ
แวะดูไข่หอยก็ได้
หมวกแบบ hard hat มันใส่ดีนะผมว่า กระชับ มั่นใจมากในเรื่องของการป้องกันการกระแทก
แต่ว่ามันร้อนมาก รูระบายอากาศมันน้อยไปหน่อย เหมาะใส่หน้าหนาว
ช๊อตนี้ถ่ายไว้ เพราะขึ้นเีกียร์สูง ปั่นมาเร็ว แต่ทางมันไม่เรียบนัก
เลยต้องอ่านลายใกล้ตลอด เงิยหน้ามา เจอร่องล้อเก่า เลยเอาไม่อยู่
ถัดจากนี้ไป ทางขรุขระมาก ก็ใช้อัตราทด 1:1 ตลอด ค่อยๆ ปั่นผ่านความขรุขระไป
ด่านคันนามรณะ ช่วงหน้าฝนนี่ ยากเป็นพิเศษครับ หญ้ารกมาก
มันรกจนมองพื้นไม่เห็น ปกติแล้ว ทางขรุขระ เราจะต้องอ่านลายใกล้ตลอด
คือมองระยะทางที่ไกลจากล้อไป ประมาณ 1-3 เมตร เพื่อจะได้รับมือกับความขรุขระได้
แต่ถ้ามองไม่เห็น ก็ไม่รู้จะตกหลุมตอนไหน ไม่รู้ต้องเกร็งขารับตอนไหน
ก็เลยเหมือนต้องเกร็งขาตลอด แล้วก็ใช้ความเร็วต่ำเท่านั้น ปวดขาสุดๆ ครับ
ร่องน้ำตอนนี้ มีน้ำไหลผ่านแล้ว
ต้องจูงข้ามเอาครับ ปั่นไม่ได้แน่นอน ดินมันเละ
เส้นทางออฟโรด ถ้าเป็นช่วงที่ผ่านป่าไม้ มันก็จะร่มรื่น ซึ่งถ้าเป็นทางออนโรด จะหาความร่มรื่นยากกว่า
เส้นทางออฟโรดนั้น มันก็มีหลายระดับ ไม่จำเป็นจะต้องยากเสมอไป
มีทั้งทางลูกรัง ทาง double track หรือทาง single track
ไปจนถึงการบุกป่าฝ่าดง แบบไม่มีช่องทางอะไรเลย
ตอนนี้ สำหรับยางโทนเกียร์ 29 ผมไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว
โดยเฉพาะเรื่องการใช้เกียร์
เชื่อป้าย เขาบอกให้หยุด ก็เลยหยุด แล้วแวะถ่ายรูป
พลาดท่า
กับดัก เห็นเรียบๆ แต่มันเละนะครับ ถ้าไม่ดู ปั่นผ่านไปเลย เสร็จแน่
พักกินน้ำก่อน จุดที่ทางเละ เล่นยากจริงๆ ครับ
ถ้าทางแห้ง ล้อ 29 ก็ยังเหมาะที่จะปั่นฝ่าด่านแบบนี้
แต่ถ้ามีน้ำมีโคลนด้วย มันต้องมีจังหวะหยุดรถ จังหวะกระโดด จังหวะใช้ความเร็วต่ำตัดสินใจ
แบบนี้ล้อเล็กลง จะช่วยให้เล่นง่ายขึ้น ถ้าเป็น 26 หรือ 24 นิ้ว จะช่วยได้ดีกว่า
มีรถไฟผ่านมาให้ชมเรื่อยๆ
พื้นผิวที่ค่อนข้างเรียบอย่างนี้ จะใช้เกียร์สูงได้ สนุกด้วย
ทางยิ่งเรียบ การอ่านลายใกล้ ก็ไม่มีความจำเป็น ปั่นเงยหน้า มองไปไกลๆ ได้เลย
เสน่ห์ของยางโทน อยู่ที่ความ simple นี่แหละครับ
ไม่ต้องมีอะไรมาก สำหรับชิ้นส่วนกลไก ต้องอาศัยตัวเราเอง ที่จะต้องพามันไปให้ได้
ด่านโปรด single track มรณะ ชีวิตถูกขีดเส้นไว้แล้ว ไม่ต้องคิดมาก ลุยไปตามเส้นนี้เท่านั้น
รอดก็คือรอด ไม่รอดก็คือล้ม
จริงๆ แล้ว ตรงนี้มันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอกครับ พอดีฝ่าด่านโหดมาต่อเนื่อง ขาล้ามาก
อีกนิดเดียว จะจบเส้นทางออฟโรดแล้วครับ
ออนโรดแล้ว
ปั่นมาออกถนนใหญ่ เพื่อที่จะตียาวกลับบ้าน
เส้นทางออนโรด มันค่อนข้างจะห่างเหินธรรมชาติ
แล้วมักจะมีรถต่างๆ ทำให้เราเสียสมาธิ ดีไม่ดี ปล่อยควันใส่เราอีกต่างหาก
ผมเลยชอบออฟโรดมากกว่า
พักก้นตรงนี้แป๊บ มันกดทับมาตลอดทาง
แย่นิดหน่อย ครั้งนี้ออกจากบ้านเย็น แล้วไปไกลมาก คงจะกลับถึงบ้านมืดแน่ๆ ระยะทางยังเหลืออีกประมาณ 4 km ได้
เสียเวลาเป็นไทยมุงอีกแป๊บ คันนี้ฝ่าไฟแดงมา หักหลบรถจากไฟเขียว
ตัวเองเลยเสียหลักชนเข้ากับเสาไฟส่องถนน หน้ายุบไปเลย
เสานี้ เห็นเพรียวบาง มันก็แข็งแรงเหมือนกันนะ ไม่หัก แค่กรอบไฟหลุด แล้วยังใช้งานได้ต่อไป
นินทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "จงอย่าวางใจ แม้ว่าเราจะได้ไฟเีขียวก็ตาม"
แล้วพบกันใหม่บล็อกหน้าครับ
Create Date : 12 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2555 13:10:29 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2271 Pageviews. |
|
|