เก็บมะพร้าวมาทั้งสวน แล้วมาทำเค้กมะพร้าวอ่อนกันดีกว่า ถ้าคุณมีมะพร้าวอยู่หลายลูก คุณจะ... 1.เอามาเดาะเล่น 2.แข่งทุ่มน้ำหนัก 3.เลี้ยงแล้วชู๊ต สแลมดั๊งค์เข้าห่วง หรือ จะเอามาทำเค้กมะพร้าวอ่อน ดีเอ่ย? เพ้อเจ้อไปซะโน่นนน เรื่องของเรื่องคือ อยากลองทำเค้กมะพร้าวอ่อนดู เพราะคุณผู้ชายรีเควส ก็แค่นั้นเองค่ะ 555 search หาสูตรในก้นครัวเยอะแยะ สุดท้ายก็มาแจ๊คพอตที่สูตรเค้กมะพร้าวอ่อน ของพี่ลูกปลาคนสวยเจ้าค่ะ แต่แอบปรับสูตรนิดหน่อย สูตรของพี่ี่ ลูกปลา ตัวเนื้อเค้ก จะเป็นสปันจ์ แต่ปุ้ยลองปรับมาใช้ชิฟฟ่อนสูตรของแม่สลิ่มค่ะ (เห็นเค้าว่ากันว่านุ่มนิ่มาเหลือใจ) มามะ มาทำเค้กมะพร้าวอ่อนกันค่ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ก่อนอื่น ก็ต้องมีมะพร้าวอ่อนๆ พร้อมทั้งเนื้อและน้ำหอมๆหวานๆกันก่อน ปุ้ยโชคดี เมื่อวันก่อนไปลัลล้าทานข้าวแถวกระทุ่มแบนมา แล้วมีแผงขายมะพร้าวเรียงเป็นตับเลย ก็เลยลงไป จิ้มๆๆๆ ให้พี่แม่ค้าเลือกลูกอ่อนๆ พร้อมทั้ง เฉาะ ขูด คั้น น้ำและเนื้อออกมาให้เรียบโร้ย สบายละเรา แกะหนังยางอย่างเดียว อิอิ ก่อนหน้านั้นไปเดินเล่นซูปเปอร์ก็เจอนี่มาค่ะ ready to drink coconut juice !! แพคเกจน่ารักมากกก ไอเดียเจ๋งจริงๆเลย น่าซื้อฝากชาวต่างชาติเหมือนกันนะคะ แต่เห็นกระปุกเล็กๆแบบนี้ สนนราคา 49 บาทแน่ะ อี๊ !!! แถมยังไม่อร่อยอีกตะหากค่ะ สู้มะพร้าวสดๆไม่ได้ร้อก มาเริ่มลงมือกันเลยดีกว่าเนาะ ชิฟฟอนเค้กมะพร้าวอ่อน (สำหรับเค้ก 3 ปอนด์ 1 ก้อน) แป้งเค้ก 100 g ผงฟู 3 g เกลือ 1/4 ชช น้ำตาล (1) 30 g น้ำมะพร้าว 40 g น้ำมันพืช 100 g นมข้นจืด 70 g ไข่แดง 3 ไข่ขาว 3 Cream of tartar 1/4 ชช น้ำตาล (2) 40g เริ่มจากผสมไข่แดง น้ำมะพร้าว นม น้ำมัน ไข่แดง เข้าด้วยกันเลยค่ะ  จากนั้นก็ร่อนของแห้ง รวมทั้งน้ำตาล (1) เข้าด้วยกัน แล้วก็เทลงในส่วนไข่แดงเลย ผสมเข้ากันแล้วพักไว้ จากนั้นก็หันไปตีไข่ขาว กับน้ำตาล(2) และครีมออฟทาร์ทาร์ จนตั้งยอดอ่อนๆค่ะ แล้วก็แบ่งเป็น 3 ส่วนแล้ว fold เข้ากันกับส่วนไ่ข่แดงทีละส่วนเลยค่า ได้แบทเทอร์แบบนี้ปั๊ป ก็เทลงพิมพ์ แล้วเอาเข้าอบที่ 180C ประมาณ 20-25 นา่ทีค่ะ อันนี้ต้องแล้วแต่เตาใครเตามันด้วยนะคะ ลองเฝ้าหน้าเตากันดีๆล่ะ เพราะอย่างของปุ้ย มันสุกที่ 20 นาทีนิดๆเอง ดีนะ ไม่มีอะไรทำ มานั่งเฝ้าหน้าเตาพอดี๊ พอดี ฮ่าๆๆๆ สุกออกมาเป็นแบบนิ ! อย่าอบนานเกินไปนะคะ ไม่งั้นเนื้อเค้กมันจะแห้งนะ พักจนเย็นสนิท แล้วก็สไลด์เป็นสองชั้น แล้วพักไว้เลยฮ่ะ มาทำไส้มะพร้าวกันต่อเลย ไส้มะพร้าวอ่อน เนื้อมะพร้าวอ่อน 3 ลูก (ปุ้ยใส่ไป 6 ลูก กะกินอิ่มเลย ฮ่าๆ ) กะทิ 100g วิปครีม 100g นมข้นจืด 100g แป้งข้าวโพด 20g น้ำตาล 50g ผงวุ้น 1 ชช เกลือ 1/4 ชช เนยเค็ม 25g เททุกอย่าง ยกเว้นเนย กับมะพร้าวอ่อน รวมกันในหม้อ แล้วตั้งไฟอ่อนๆ แล้วคนไปเรื่อยๆค่ะ พอมันข้นขึ้น ก็ปิดไฟ ยกลง แล้วโยนเนย กับเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปเลย ได้แบบนี้ แล้วก็พักจนเย็นสนิทเลยค่ะ ถึงขั้นตอนนี้ละ จิ้มกินสะใจเลย อร่อยมากกกก ชอบสุดๆค่ะ วิปครีมมะพร้าวอ่อน วิปครีม 4 ถ้วยตวง ไอซิ่ง 3 ชต น้ำมะพร้าว 1/4 ถ้วยตวง ตีเข้ากันโลด ! มาประกอบร่างกันค่ะ ก็เอาวิปครีมปาดลงไปบนเค้กชั้นแรก แล้วตามด้วยไส้มะพร้าว แล้วก็ปิดด้วยวิปครีมอีกทีค่ะ แต่ข้าพเจ้านั้นง่าวเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ลืมปาดวิปครีม ดันปาดแต่ไส้ ง่าว ง่าว ง่าว เอาน่ะ exoticๆ ฮ่าๆ ปาดวิปครีมปิดทับกลบเกลื่อนซะเลย หุหุ แล้วก็บีบครีมแต่งขอบซะหน่อย เพราะเดี๋ยวเราต้องใส่ไส้ลงไปตรงกลางค่ะ มันจะได้ไม่ไหลออกมา วิธีบีบครีมแบบนี้ มีคนถามในกระทู้ค่ะ แต่ตอนนั้นไม่ได้ถ่ายรูปไว้ วันนี้ทำอีกก้อน เลยถ่ายมาให้ดูค่ะ ทำง่ายมาก มาดูกันๆ เริ่มจากหาถุงบีบพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง แล้วก็เอามาตัดปลายเฉียงๆแบบนี้เลย แล้วใส่ครีมลงไป มันก็จะเป็นประมาณนี้ จริงๆมันมีหัวบีบแบบนี้ด้วยล่ะค่ะ ปุ้ยซื้อมาจากตอนไปงานแฟร์เบเกอรี่ที่ญี่ปุ่น แต่ถึงเวลาจริงๆก็ขี้เกียจล้างหัวบีบ แถมยังรู้สึกว่าครีมมันออกมาไม่กลมเท่าที่ต้องการด้วย 555 เพราะงั้นใช้วิํธีนี้ล่ะ ง่ายดี เวลาบีบก็ทำมุมกับเค้ก แล้วก็บีบปู้ด..ด ลงไปเลยค่ะ เห็นมะ หมูมาก ! เอ่อ....แต่ด้วยฝีมือเดคอเรตแบบข้าพเจ้า ครีมมันก็บูดๆเบี้ยวๆงี้แหล่ะค่ะ แหะๆ แล้วก็ใส่ไส้มะพร้าวลงไปเล้ย ! แช่เย็นให้เซ็ทตัวซัก 2-3 ชั่วโมง แล้วก็ตัดโซ้ยเลยค่ะ กินตอนเย็นๆ หอม หวาน ชื่นใจที่ซู๊ดดดดดดดดด Bon appetit นะค้า xoxo Free TextEditor   Create Date : 07 กันยายน 2552     14 comment Last Update : 7 กันยายน 2552 21:39:03 น.     Counter : 2968 Pageviews.   Share Tweet

มะรุมมะตุ้ม กินเค้กมะตูมกันดีกว่าเนอะ วันนี้มาชวนกันทำเค้กจากผลไม้ อย่าง "มะตูม" กันดีกว่าค่ะ  ก่อนอื่น ขอสารภาพ ว่าุปุ้ยไม่เคยทานผลิตผลใดๆจากมะตูมมาก่อนเลย นอกจากน้ำมะตูมร้อนๆ หลังจากนวดสปาเสร็จ แหะ แหะ พอดีวันนี้มีรีเควสจากคุณผู้ชายข้างๆ ให้ช่วยทำเค้กมะตูมให้หน่อยดิ จะเอาไปเซ่นคุณหมอฟัน เวลาไปทำฟัน คุณหมอจะได้เบามือ เอ๊า...มีงี้ด้วยวุ้ย ปุ้ยว่ามีหวังจะโดนหมอเลาะฟันหมดปากมากกว่า ข้อหาเอาเค้กมะตูมรสแปลกๆมาให้ชั้นกิน ฮ่า ฮ่า ฮ่า เมื่อรีเควสมะตูม มาดามปั๊ปป้าก็จัดเค้กมะตูมให้ตามสั่งค่ะ ดูซิ น่ารักขนาดไหน ฮึ เมื่อจะทำเค้กมะตูม ก็ต้องออกปฎิบัติการตามล่าหามะตุมเชื่อมชั้นดีกัน่ก่อนค่ะ ไอ้เราก็ไม่สันทัดเรื่องมะตูม รู้แต่ว่าเคยเห็นตามสะพานหันมีขายอยู่ แต่จำไ้ด้่ว่าดูสภาพไม่ค่อยน่าง่ำเท่าไหร่ ก็เลยกริ๊งกร๊างไปปรึกษาคุณน้า คุณน้าบอกว่ามะตูมเชื่อมคุณภาพดี ต้องไปซื้อที่ตรอกมะตูม อยู่แถวฝั่งธนฯ ตรงข้าม กรมอู่ทหารเรือย่ะ เพราะชาวบ้านในนั้นเค้าจะแปรรูปมะตูมขายกัน อะ ว่าไงว่าตามกันค่ะ มาดูมะตูมเชื่อมนุ่มนิ่ม สดใหม่ จากตรอกมะตูมกันดีกว่าเนาะ จัดการบดมะตูมกันก่อนค่ะ อันนี้แล้วแต่ความชอบเลยนะคะ ใครชอบให้มีเนื้อมะตูมเป็นชิ้นๆในเนื้อเค้กก็สับเป็นชิ้นเล็กๆ แต่ปุ้ยอยากให้มัน blend ไปกับเนื้อเค้กเลย ก็เลยเอาเข้า Food Blender ปั่นละเอียดเลยค่ะ ทีนี้ล่ะ งับตรงไหน ก็เจอมะตูมแน่ ฮิๆ ก็เอามะตูมออกมาซักสอง-สามแว่น หั่นเป็นชิ้นเล็กๆใส่ในโถปั่น ใส่น้ำลงไปนิดนึง แล้วก็ปั่นเลยค่ะ จากนั้นก็หันมาร่อน แป้งบัวแดง 1 1/2 ถ้วย ผงฟู 1 ชช โซดา 1 ชช เกลือ 1/4 ชช ร่อนรวมกันเลยค่ะ จากนั้นก็เอาเอา ไข่ 2 ฟอง มาแยกไข่แดงและไข่ขาวไว้เลย แล้วก็หันไปตี เนย 110g น้ำตาล 1 ถ้วย ใส่ไข่แดงตามลงไป ตวง นม 1/2 ถต วานิลลา 2 ชช พอเนยเข้ากันกับน้ำตาลแล้วก็ทยอยใส่แป้ง และนม สลับกันไปค่ะ แป้ง-นม-แป้ง เริ่มต้นที่แป้ง ก็จบด้วยแป้งนะจ๊ะ จากนั้นก็ใส่มะตูมที่เราปั่นไว้แล้วตามลงไปผสมกันค่ะ แล้วก็ตีไข่ขาวจนตั้งยอดอ่อนๆ แล้วก็แบ่งเป็น 3 ครั้ง แล้ว fold เข้ากันแบบเบามือจนเนียนเข้ากันค่ะ เรียบโร้ยแล้วก็เทใส่พิมพ์เลย วันนี้ปุ้ยอบแบบโลฟนะคะ สูตรนี้จะได้ 2 โลฟพอดีโป๊ะเชะ อบที่ 180C ประมาณ 35-40 นาทีเจ้าค่ะ กริ๊งๆๆ สุกแว้ววว ทีนี้ใครชอบแบบ simple simple ก็สามารถงาบได้เลยค่ะ เสร็จแว้ว แต่ดิฉันซะอย่าง ต้องหาเรื่องใส่ตัวเองเข้าไว้ ฮ่าๆๆๆ มาทำหน้า Butterscotch Topping กันค่ะ  อันนี้ำทำแบบลูกทุ่งๆเลยนะคะ ไม่ได้ชั่ง ตวง ใดๆทั้งสิ้น แหะๆ ก็เอาอัลมอนด์กับมะตูมมาสับๆๆ ก่อนเล้ย จากนั้นก็เอาน้ำตาลทรายแดง วิปครีม และเนย มาใส่ถ้วยรวมกัน แล้วเอาเข้าเวฟไปเล้ย เรียบร้อยโรงเรียนปั๊ปป้า โยนอัลมอนด์กับมะตูมลงไปคลุก แล้วก็ตักมาราดหน้าเค้กมะตูมตอนร้อนๆเลยค่ะ เสร็จแว้ววววว คุณหมอฟันชมใหญ่เลยว่าอร่อยมาก ยะฮู้ คุณผู้ชายก็พลอยยิ้มไปด้วย ฟันไม่หมดปากแล้วเรา แต่พอถามว่าคุณหมอเบามือลงปะ? ก็หันมาทำหน้าเบ้ใส่ 5555 โสนะหน้า สะใจ Have bon appetit day นะคะทุกคน xoxo Free TextEditor   Create Date : 04 กันยายน 2552     13 comment Last Update : 4 กันยายน 2552 23:26:13 น.     Counter : 2871 Pageviews.   Share Tweet

Blueberry and Strawberry Filling คราวนี้ล่ะ Wilderness จ๋อยแน่ วันนี้ปุ้ยมีปฎิบัติการแก้จนมาฝากกันค่ะ  อยากรู้กันแล้วล่ะิสิ อิอิ เรื่องของเรื่องก็คือ เนื่องด้วยเศรษฐกิจทุกวันนี้มันก็แย๊แย่ จะหยิบจะจับอะไรก็คิดแล้วคิดอีก อู๊ยยย ปวดหมองๆ จริงมั๊ยคะ? เงินทองมันหายากกก พอต้องมาหาเองแล้วรู้ซึ้งถึงขั้วกระดูกซี่โครงเชียว โม้ไปนู่น มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ! ใครเคยใช้บริการฟิลลิ่งบลูเบอรี่ และสตรอเบอรี่แบบกระป๋องของ Wilderness บ้าง ขอให้ยกมือขึ้น ! คุณ...เป็นอีกคนใช่มั๊ย ที่ทำขนมที่ต้องใช้ฟิลลิ่งดังกล่าวบ่อยๆ? คุณ...เป็นอีกคุณใช่มั๊ย ที่เวลาหยิบ Filling ของ Wilderness แล้วน้ำตาไหลกับราคาแสนถูก(ปล้น) แล้วถ้าคุณมีโอกาสได้ลงมือทำเองนิดๆหน่อยๆ แต่ได้ฟิลลิ่งรสชาติเหมือนต้นตำรับโป๊ะเชะเป๊ะ เป๊ะ เป๊ะ ในราคาที่ถูกกว่าเกินครึ่ง และได้ปริมาณที่มากกว่าเกินคาด คุณจะทำมั๊ย ?? ไม่ต้องคิดเลยค่ะ ปุ้ยตอบแทนให้เอง มามะ มาทำกันดีกว่า ง่ายนิดเดียว ใช้อุปกรณ์ไม่กี่อย่าง ให้แมวที่บ้านมาทำยังได้เลยค่ะ เพราะมันง๊าย ง่าย ้ ก่อนอื่น ขอคารวะแม่เดียร์ anadiar ล้านครั้งค่ะ ขอบคุณแม่เดียร์มากๆ าสำหรับสูตรฟิลลิ่งแสนอร่อย และสุดคุ้มสูตรนี้ แม่พระมาโปรดจริงๆเลย อิอิ Blueberry Filling บลูเบอรี่แช่แข็ง 1 กิโล น้ำตาล 1200g น้ำเปล่า (1) 700g แป้งกวนไส้ 150g น้ำเปล่า (2) 300g บลูเบอรี่แช่แข็งซื้อมาจากแมคโครค่ะ ส่วนราคา รู้สึกจะประมาณ 200 ต้นๆอะค่ะ (ปุ้ยเป็นพวกซื้อของไม่ดูราคา...บ้าไปแล้ว) จากนั้นก็หันมาทำน้ำเชื่อมกัน เอาน้ำตาลกับน้ำเปล่า (1) มาเทรวมกัน แล้วตั้งไฟจนน้ำตาลละลายหมดค่ะ พอเดือด แล้วน้ำตาลละลายหมด ก็จัดการโยนบลูเบอรี่ลงไปเลย ตูมม..ม....ม แล้วแช่ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมงค่ะ ระหว่างนั้นไปนอนเล่นรอ พอครบสองชั่วโมง ก็ลงมาเอาแป้งกวนไส้กับน้ำ (2) ผสมให้เข้ากันจนแป้งละลาย จากนั้นก็ตักบลูเบอรี่ออกมาจากน้ำ แล้วแยกใส่ชามไว้ค่ะ แล้วเอาน้ำขึ้นตั้งไฟเล้ยยย คนไปเรื่อยๆ แล้วก็เทน้ำที่ผสมแป้งกวนไส้ไว้ลงไป คนไปเรื่อยๆๆๆๆๆ แล้วพอแป้งกวนไส้สุก มันก็จะใสและข้นขึ้นค่ะ พอมันข้นจนขึ้นรอยตะกร้อมือแล้ว ก็ปิดไฟ แล้วก็ ยกลงได้เลยฮ่ะ ถ้าอยากให้บลูเบอรี่มันยังเป็ดเม็ดแน่นๆปึ๋งๆหน่อย ก็รอจนซอสเย็น แล้วถึงจะผสมบลูเบอรี่ลงไปค่ะ แต่วัยรุ่นใจร้อนแบบเราอะหรอ เทพรวดลงไปเลย หุหุ มาดูสูตร Strawberry Filling กันบ้างค่ะ สตรอเบอรี่แช่แข็ง 1 กิโล น้ำตาล 500g น้ำ (1) 700g แป้งกวนไส้ 80g น้ำ (2) 200g วิธีทำก็เหมือนกันเลยค่ะ สตรอเบอรี่สีแดงแรงฤทธิ์ แต่ขั้นตอนการแช่น้ำเชื่อม ไม่ต้องแช่นานเท่าบลูเบอรี่ค่ะ เพราะบลูเบอรี่มันเปรี้ยวกว่าสตรอเบอรี่นะ อันนี้แช่แค่ชั่วโมงกว่าๆก็พอ พอกวนเสร็จเรียบร้อย ก็ทิ้งให้เย็นสนิท แล้วก็เก็บใส่ขวดแก้ว หรือทัปเปอร์แวร์ที่มีฝาปิดมิดชิดค่ะ กันอากาศเข้า จะได้ไม่ขึ้นราเร็ว แล้วก็เก็บได้นานๆ อ้อ ! ก่อนใส่อย่าลืมลวกขวดในน้ำร้อน ฆ่าเชื้อที่ขวดก่อนนะคะ บลูเบอรี่กันบ้างหน่อยซิ ! ปิ๊งๆๆ ส่วนเรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึงค่ะ สูสีกับ wilderness เลยล่ะ ! จัดกาิรปิดฝา ผูกโบว์สวยงาม Wilderness หนาวแน่ ฮ่าๆๆๆ สรุปต้นทุนแล้ว ไม่เกิน 250 บาทแน่นอนค่ะ ได้ฟิลลิ่งประมาณ 800 กรัม ถ้าเทียบกับ Wilderness แบบกระป๋อง ก็เท่ากับ 8 กระป๋อง (กระป๋องละร้อยกว่าๆ) ประหยัดไปได้หลายๆ !! สู้ตายยยยย Bon appetit นะคะ xoxo Free TextEditor   Create Date : 17 สิงหาคม 2552     27 comment Last Update : 17 สิงหาคม 2552 21:06:22 น.     Counter : 23667 Pageviews.   Share Tweet

Banana Mocha Mousse Cake with Coffee Crunchies อร่อยอย่างงี้ต้องมีเบิ้ล เฮลโล่ ยะโฮ่ ยะเฮ้ สวัสดีทุกๆคนค่า  วันนี้มาชวนกันเข้าครัวทำเค้กอร่อยๆ แบบถูกใจทุกวัยทานกันค่ะ กับ Banana Mocha Mousse Cake with Coffee Crunchies แฮ่ก แฮ่ก ชื่อยาวเป็นบ้า พิมพ์แล้วเหนื๊อย...เหนื่อย สูตรนี้เกิดจากว่าเมื่อวันก่อนว่างเกินไป ก็เลยแวะเวียนไปป่วนบล๊อคชาวบ้าน เล่นค่ะ ผลก็คือได้สูตรขนมอร่อยๆมาเพียบเลยล่ะ อิอิ จากนั้นก็นั่งน้ำลายไหล งืมๆๆ จะลองเล่นสูตรไหนก่อนดีน้อ? คิด คิด คิด เอาสูตรนี้ก็แล้วกัน ส่งการบ้านคุณโปแป้งกันดีกว่าค่ะ มามะ คว้าผ้ากันเ้ปื้อน แล้วลัลล้าเข้าครัวพร้อมกันเล้ย ! สูตรนี้ำไม่ยากเลยค่ะ ง่ายมากๆ ตัวเค้กประกอบด้วย 3 ส่วนนะคะ ได้แก่ เค้กกล้วยหอม มอคค่ามูส แอลม่อนด์พลารีน เรามาเริ่มทำกันทีละส่วน แล้วเดี๋ยวมาประกอบร่างกันค่ะ (ปล.ภาพเซ็ทนี้ไม่รู้เกิดอาเพศอะไรขึ้นกับกล้องปุ้ยง่ะค่ะ มันเบลอ แล้วเลย พาลทำให้ภาพมันออกแนวชวนฝันเฉยเลยง่ะ ชิชะ ต้องขออำภัยมา ณ ที่นี้นะคะ ) เค้กกล้วยหอม แป้งอเนก 150g ผงฟู 1/2 ชช เบคกิ้งโซดา 1/2 ชช เกลือ 1/2 ชช น้ำตาล 160g เนยจืดที่ทิ้งไว้จนนิ่ม 90g กล้วยหอมสุกมากๆ บด 2 ลูก โยเกริ์ต 50g ไข่ 2 ฟอง เริ่มแรกก็ร่อนของแห้งรวมกันก่อนเลย ตามด้วยน้ำตาล แล้วก็คนเข้ากันในชามผสมค่ะ ตอกไข่ แล้วก็ใส่โยเกริ์ตตามลงไป แล้วก็คนๆๆเข้ากันอีกค่ะ กล้วยหอมงอมๆ หงึกๆหงักๆ บดๆๆๆๆ แล้วก็โยนตามลงไปอีกหนึ่งป้าปค่ะ ตามด้วยเนยที่ทิ้งไว้จนนิ๊ม....นิ่มค่ะ แล้วก็ออกแรงปั่นตีเข้ากันเลย โชะๆๆๆ สูตรนี้จะใส่พิมพ์เค้กได้ 3 ปอนด์พอดีเลยค่ะ ทาเนยทั่วพิมพ์ แล้วใส่แบทเทอร์ลงไป อบที่ 180C 30 นาทีค่ะ จริงๆแล้วสูตรนี้เราจะไม่อบให้หน้ามันปูดเหมือนเค้กกล้วยหอมทั่วไปนะคะ เพราะเดี๋ยวเราจะเอามาแต่งหน้ากันอีก เพราะงั้นจึงแนะนำให้อบไปก่อนครึ่งทาง แล้วค่อยผิดไฟบนเจ้าค่ะ มันจะได้ออกมาหน้าเรียบๆ ติ๊งง...ง เสร็จแว้ว หน้าไม่ปูด แต่แอบหน้าแหกแฮะ ชิชะ พักให้เย็น แล้ว slice ออกเป็นสองชั้นรอเลยค่า พักส่วนนี้ไว้ แล้วมาทำส่วนที่สองกัน บานาน่า คาราเมล มอคค่า มูส แป้ง 1 ช้อนโต๊ะ เนย 7 กรัม น้ำตาล 1/4 ถ้วยตวง กล้วยหอมสุกๆบด 1 ลูก ชอคโกแลต 200g กาแฟ 2 ชต เจลาติน 3 แผ่น วิปครีม 250g เริ่มจากเอาแป้ง เนย น้ำตาลเทใส่หม้อรวมกันก่อนโลด ส่วนเจลาตินเอาไปบลูมในน้ำเย็นรอก่อนเลยนะจ๊ะ ส่วนชอคโกแลต ปุ้ยแบ่งเป็น มิลค์ 50g ดาร์ก 150g เพราะอะฮั้นไม่ชอบขมๆน่ะฮ่ะ อิอิ แล้วก็สาดกาแฟตามลงไป จากนั้นก็เปิดไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนแป้งและน้ำตาลในหม้อกลายเป็นสีเข้มๆเลยค่ะ โยนชอคโกแลตตามลงไป คนๆๆๆให้เข้ากัน แล้วก็เอาเจลาตินที่เราบลูมทิ้งไว้จนนิ่มมาบีบน้ำออก แล้วใส่ตามลงไปเลยค่า เฮ้อ ... กล้องเน่าเหลือรับประทาน กะแง๊ จากนั้นมันจะออกมาดำปิ๊ดปี๋ หนืดๆ ดูไม่น่ากินแบบนี้ล่ะค่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง อันนี้เป็นเรื่องปกติน่อ ! ทิ้งไว้ให้เย็นสนิทค่ะ หรือจะเอาไปหล่อน้ำเย็นก็ได้ จะช่วยให้เย็นเร็วขึ้นนะคะ ระหว่างที่รอให้เย็น ก็หันไปตีวิปครีมจนตั้งยอดอ่อนๆค่ะ แล้วเอาชอคโกแลตดำปิ๊ดปี๋ที่เราพักจนเย็นแล้ว ลงไป fold เข้ากันกับวิปครีมเลย จากนั้นก็เอาไปพักในตู้เย็นเลยฮ่ะ มาทำส่วนสุดท้ายกัน แอลมอนด์ พราลีน แอลมอนด์ไม้ขีดอบ 150g เนย 25g น้ำตาล 50g น้ำผึ้ง 1 ชต โกโก้ 1 ชต กาแฟ 1/2 ชต น้ำมะนาว 2 หยด อบถั่วให้หอมๆก่อนค่ะ อูย น้ำลายไหยยย เอาน้ำผึ้ง กาแฟ น้ำตาล โกโก้ เนย ใส่หม้อรวมกัน แล้วหยดน้ำมะนาวลงไปนิด กันมันตกผลึกค่ะ จากนั้นเอาไปตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวให้เข้ากัน ตามด้วยแอลมอนด์ค่ะ แล้วก็เอาออกมาใช้ส้อมคลี่ๆให้มันกระจายตัวบนถาด จะได้เย็นเร็วๆ แล้วไม่จับกันเป็นก้อนค่า เรียบร้อยละ ! คราวนี้ก็มาประกอบร่างกันเล้ย ใส่เค้กชั้นแรกลงในพิมพ์สปริงฟอร์มเลยค่ะ ปาดมูสทับลงไปชั้นที่หนึ่ง แปะเค้กชั้นที่สองตามลงไป ปาดมูสชั้นที่สองทับให้เรียบเลยค่า ใกล้ได้กินละ หึย หึย แล้วก็โรยแอลมอนด์พราลีนทับลงไปให้หมด นี่แน่ะๆๆๆ จากนั้นก็เอาเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงค่ะ มูสมันจะได้เซ็ทตัว อย่าเพิ่งใจร้อนๆ เดี๋ยวมูสเละ แล้วจะงอแงกันได้นะเคอะ เวลาผ่านไปอย่างกะโกหก แกะพิมพ์ออกมาได้เล้ยย แฮ่ เจื๋อนๆๆๆ อร่อยม๊ากกกกกเลยล่ะค่ะ ขอบอก เค้กกล้วยหอม ปะทะมอคค่า แล้วกรุบๆกันด้วยครันชี่ข้างบน จะมีอะไรซู๊ดหยอดไปกว่านี้อีก จริงมั๊ยยย? Bon appetit นะคะ xoxo Free TextEditor   Create Date : 15 สิงหาคม 2552     22 comment Last Update : 15 สิงหาคม 2552 0:05:54 น.     Counter : 2658 Pageviews.   Share Tweet

Crepe Cake ทำง่ายๆ ไม่ง้อเตาอบ แล้วก็เครื่องตีด้วยล่ะ หวััดดีทู๊กคนค่า วันนี้เป็นวันสบายๆ ถือโอกาสอัพบล๊อคกันซะหน่อยดีกว่า ไม่พูดมากละ วันนี้ขอนำเหนอเค้กอร่อยๆ ไม่ง้อเตาอบ หรือ Stand Mixer ให้ยุ่งยากละเหี่ยใจกับ Crepe Cake อร่อยติดดาว เอาป้ายประกาศเกียรติคุณไป 3 ดวง อิอิ ก่อนอื่น ขอขอบคุณเจ้าของสูตรอร่อยๆ กับแม่เดียร์ anadiar ทั้งสูตรเครป และสูตร sauce อร่อยๆที่เอาไว้ทานคู่กัน ปุ้ย ขอคารวะแม่เดียร์มา ณ ที่นี้ค่ะ ขอบคุณนะค้า สูตรนี้ทอดแป้งเครป ขนาด 9 นิ้ว ได้ประมาณ 20-25 แผ่นนะคะ เครปเค้ก 1 ก้อน ของแม่เดียร์ ใช้แผ่นแป้ง 20 แผ่นคะ ขนาดเท่าเค้ก 3 ปอนด์ แต่ปุ้ยทอดเครปเก่งมาก เจ๊งไปนับไม่ถ้วน เครปเค้กปุ้ยเลยสูงแค่ 15 แผ่นเท่านั้นแหล่ะค่ะ โฮะๆ พร้่อมแล้วมายืนหลังขดหลังแข็งทอดแป้งเครปกันก่อนดีกว่าค่ะ ! Crepe ไข่เบอร์ 0 6 ใบ น้ำตาลทราย 80 กรัม นมสด 250 กรัม นมข้นจืด 200 กรัม น้ำเปล่า 300 กรัม แป้งเค้ก 250 กรัม เกลือ 1/4 ชช. น้ำมันพืช 100 กรัม กลิ่นวานิลลา 1 ชช. ผสมทุกอย่างเข้ากันในโถผสม แล้วแช่เย็นข้ามคืนไปเลยค่ะ เช้าวันต่อมา มันก็จะข้นประมาณนี้ฮ่ะ ต่อไปเตรียมกะทะเทฟล่อน ทาเนยบางๆ ใช้ไฟอ่อนๆ ค่อนไปถึงปานกลางค่ะ กะทะเยินมากถึงมากที่สุด ตอนแรกที่ทอดเครปเจ๊ง ก็โยน ใส่กะทะก่อนเลย ฮ่าฮ่าฮ่า ต่อจากนั้นก็เตรียมปอุปกรณ์ในการทอด อันได้แก่ ตะแกรงตากเครป และ ไม้คีบกลับเครปค่ะ แต่เอาจริงๆแล้ว ตัวช่วยที่ดีที่สุดคือสปาตูล่าแบบทนความร้อนค่ะ แหะๆ เอาละ กะทะร้อนแล้ว ก็หยอดแป้งเครปลงไปตรงกลางเลย ใช้ทัพพีกะเอา น่าจะประมาณ 1/4 ถ้วยตวงได้ค่ะ หยอดตรงกลาง แล้วร่อนให้แป้งเครปเคลือบกะทะฮ่ะ ทิ้งไว้ให้แป้งเครปฝั่งแรกสุก สังเกตดูตรงขอบๆมันจะร่นจากกะทะค่ะ แล้ัวก็จัดการสอดสปาตูล่าลงไปใต้แผ่นเครป โชะ ..... กลับแป้ง ....โพละ !! รอให้สุกเท่ากัน แล้วก็สำำมะเร็จ เสร็จสิ้น แล้วก็เอาไปตากบนตะแกรงจนเย็น แล้วก็ repeat ขั้นตอนเดิมต่อไปจนแป้งเครปหมดค่า เป็นแบบนี้ๆ ได้แป้งเครปแล้ว ก็มาทำครีมกันดีกว่า วิปครีม 3 ถ้วยตวง ไอซิ่ง 3 ชต มาสคาโปเน่ชีส 20 g ตีครีม วื้ดๆๆๆ แล้วก็ตักครีมใส่ถุงบีบรอ เรียบร้อยแล้ว ก็มาประกอบเค้กกัน บีบครีมหนึ่งปู้ดเล็กๆลงไปบนฐานก่อนนะคะ แล้วเอาเครปแผ่นแรกลงไปแปะติดให้มันไม่ขยับ จากนั้นก็เริ่มบีบครีมจากวงนอกเข้าวงใน ปาดให้เรียบๆ ทำต่อไปเรื่อยๆ ขั้นตอนต่อจากนี้ อยู่ดีๆข้าพเจ้าก็หากล้องไม่เจอค่ะ หายไปไหนๆๆๆๆๆ โอ๊ย หาไม่เจอ โมโหโกรธา !! เอาเป็นว่าพอประกอบเค้กเสร็จแล้ว ก็เอากรรไกรเล็มๆขอบเครปให้มันเท่ากันค่ะ แล้วก็เอาครีมที่เหลือปาดทับไปเลย ปื้ดๆๆๆ พอทำเสร็จปั๊ป อ๊ะ ไหงกระเป๋าผ้ากันเปื้อนหนักๆ ? โอ... อยู่ในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนนี่เอง ... คืนนี้กินหญ้าเป็นข้าวเย็น มู มู มู เรียบร้อยแล้วก็แช่เย็นซัก 3-4 ชั่วโมงให้มันเซ็ทตัวนะคะ ไม่งั้นตัดออกมาเละเทะนะจะบอกให้ ! มาชำแหละดูกัน ได้มาหนึ่งชิ้นนน ราดซอสจำพวกเบอรี่ลงไปค่ะ เปรี้ยวตัดหวาน = กินได้เรื่อยไๆม่เลี่ยน แปลตรงตัวแปลว่า "อ้วน" อู๊ด อู๊ด ฮ่าฮ่าฮ่า Bon appetit นะคะ xoxo Free TextEditor   Create Date : 10 สิงหาคม 2552     21 comment Last Update : 10 สิงหาคม 2552 15:51:58 น.     Counter : 4696 Pageviews.   Share Tweet