All Blog
รักประกาศิต ตอนที่ 9 (ต่อ)




มัลลิกามานั่งรับประทานอาหารกับเพื่อนๆ ที่ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง
“ไอว่าพี่วัสเขาคงสงสัยยูแน่ๆ ถึงได้มาถามอย่างนั้น” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
“I know” มัลลิกาตอบ
“แล้วตกลงเขามีลูกมีเมียแน่แล้วใช่ไหม” เพื่อนอีกคนถาม
“50 50” มัลลิกาตอบ
“จะมา ห้าสิบอะไรล่ะ ก็ไปเจอกับผู้หญิงกับเด็กคนนั้นแล้วนี่ ทำไมไม่ถาม”
“ไอไม่กล้า” มัลลิกาบอก
เพื่อนคนหนึ่งตกใจ “อะไรนะ สาวมั่นอย่างมอลลี่น่ะเหรอไม่กล้า”
มัลลิกานั่งเงียบ
“มอลลี่ ชีวิตมอลลี่ต้องเดินต่อไปนะ จะคิดจะทำอะไรก็ทำซะเถอะ การอยู่เฉยๆ เขาถือว่าเป็นการถอยหลังนะ” เพื่อนคนนั้นกล่าว
มัลลิกานิ่งอึ้งไม่ตอบอะไร เธอวางช้อนลงแล้วครุ่นคิดด้วยความหนักใจ

เจ้าทิพย์ดารายืนเลือกสี เลือกกระดาษ และอุปกรณ์เพ้นท์ผ้าอยู่ในร้านเครื่องเขียนขนาดใหญ่ในเมืองเชียงใหม่ เธอถือของหลายอย่างพะรุงพะรังจนของหลุดมือ ไม่นานนักก็มือใครคนหนึ่งเข้ามาช่วยเก็บ
“ขอบคุณค่ะ” เจ้าทิพย์ดาราเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าเนพิสุทธิ์ “อ้าว คุณโป๊ะ”
“สวัสดีครับเจ้า มาซื้อของไปเพ้นท์เสื้อแน่ๆเลย” พิสุทธิ์ทัก
“ค่ะ แล้วคุณโป๊ะมาซื้ออะไรเหรอคะ”
“ผมก็มาซื้อของไปเพ้นท์เสื้อเหมือนกันครับ” พิสุทธิ์ถือของให้เจ้าทิพย์ดารา แล้วทั้งคู่ก็เดินดูของกันต่อ “แต่ซื้อให้นิดเขานะครับ เห็นเขาไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอก ไม่รู้ว่าพวกกระดาษพวกสีของเขาจะหมดหรือยัง ขืนทำไร่อย่างเดียวคงเบื่อแย่”
“โห คุณโป๊ะนี่เอาใจน่าดูเลย” เจ้าทิพย์ดาราชื่นชม
“แต่ก็ไม่รู้ว่านิดเขาจะรำคาญมั่งหรือเปล่า ผู้หญิงบางคนก็ไม่ชอบคนเอาใจมาก”
“แต่น้อยชอบ...น้อยอยากให้ภูเอาใจน้อยแบบนี้บ้าง”
“พ่อเลี้ยงคงงานยุ่งมากน่ะครับ”
“ยุ่งยังไงก็ยังมีเวลาเอาใจคุณเล็กมากกว่าใครๆเสมอ” เจ้าทิพย์ดาราตัดพ้อ
“มิน่า ยัยนั่นถึงได้เอาแต่ใจผิดมนุษย์ขนาดนั้น”
เจ้าทิพย์ดารายิ้มและขำกับมุกของพิสุทธิ์
-

ภูชิชย์สั่งงานนิพนธ์อยู่ภายในห้องทำงานของเขา
“เดี๋ยวทำจดหมายตอบทางจังหวัดเรื่องตอบรับงบสนับสนุนงานฤดูหนาวนะ”
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น สุพัฒนาเดินเข้ามา ภูชิชย์เห็นน้องสาวก็ยิ้ม
“อ้าว คุณเล็ก มีธุระอะไรกับพี่หรือเปล่า”
“คุณเล็กอยากกลับมาทำงานค่ะ” สุพัฒนาบอก
ภูชิชย์ดีใจ “จริงหรือเปล่า”
“จริงสิคะ คุณเล็กบอกนิพนธ์ไปแล้ว”
“ครับคุณเล็กบอกผมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” นิพนธ์ยืนยัน
สุพัฒนาพยักหน้า นิพนธ์พลอยยิ้มไปด้วย
“พี่ดีใจนะ ที่พี่จะมีคุณเล็กกลับมาช่วยงานเหมือนเดิม” ภูชิชย์บอก
“แต่คุณเล็กขอเริ่มงานเบาๆช่วยนิพนธ์ก่อนได้ไหมคะ”
นิพนธ์ยิ้มอย่างมีความสุข แต่สุพัฒนาแอบยิ้มเพราะมีแผน

นิพนธ์กุลีกุจอเก็บโต๊ะตัวเองให้สุพัฒนา แล้วก็หันไปพูดกับเธอ
“คุณเล็กนั่งโต๊ะผมไปก่อนนะครับ ไว้ผมจะจัดให้ใหม่”
“ขอบใจนะ เธอทำงานของเธอไปเถอะ” สุพัฒนาบอก
“ครับ” นิพนธ์นั่งลงที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ แล้วก็เปิดคอมพิวเตอร์ทำงาน
สุพัฒนาทำเป็นหยิบแฟ้มนิพนธ์ขึ้นมาดูงาน แล้วก็ทำเป็นนึกได้
“เอ้อ...นิพนธ์ ไปเอาแฟ้มที่พี่ภูเซ็นมาหรือยัง จะได้มาเคลียร์งาน”
นิพนธ์มองแฟ้ม แล้วยิ้มเจื่อนๆ “ยังเลยครับ ผมทำไม่ทันน่ะครับ”
“แหม...เธอนี่ พี่ภูไปประชุมตั้งนานแล้วยังไม่ไปเอาอีก เกิดตั้งเบิกค่าแรงคนงานได้ช้าละพี่ภูโกรธตาย”
“ผมจะไปเอาเดี๋ยวนี้ครับ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันทำให้นะ” สุพัฒนาอาสา

สุพัฒนาหอบแฟ้มออกมาจากห้องของภูชิชย์แล้วเปิดดู เธอเห็นลายเซ็นต์ภูชิชย์ในเอกสารเบิกเงินค่าล่วงเวลาของคนงาน สุพัฒนายิ้มร้าย แล้วเดินออกไป

สุพัฒนาเข้ามานั่งที่โต๊ะแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ ก่อนจะหยิบ Flash Drive ในลิ้นชักขึ้นมา สุพัฒนาเสียบ flash drive เข้าไปในเครื่องแล้วทำเป็นนั่งทำงานไป ครู่หนึ่งเธอก็ทำเป็นสงสัย
“เอ๊ะ นิพนธ์...เธอได้เช็คเรื่องการเบิกค่าล่วงเวลาคนงานหรือเปล่า”
“เปล่าครับ มีอะไรเหรอครับ” นิพนธ์ตอบแล้วก็รีบลุกขึ้นมาดู
“ก็นี่ไง วันที่ 25 มีการเบิกค่าล่วงเวลา ฉันจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่นายเจมส์นักศึกษาฝึกงานมาถึงไม่ใช่เหรอ”
นิพนธ์หยิบปฏิทินมาดู “ใช่ครับ”
“แล้ววันนั้นเราก็มีงานเลี้ยงต้อนรับ พี่ภูให้ทุกคนเลิกงานก่อนเวลา แล้วมันจะมีการเบิกค่าล่วงเวลาได้ยังไง นริศราเป็นคนทำใช่ไหม”
“เอ่อ..ครับ” นิพนธ์ตอบ
“นี่ถ้าปกติเธอไม่เช็ค พี่ภูก็เซ็นไม่ดู เท่ากับนริศราจะได้เงินไปหลายหมื่นเข้ากระเป๋าเลยนะ”
“คุณนิดเธอคงไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ”
“เดี๋ยวก็รู้ว่าทำหรือเปล่า เธอไปตามนริศรามาเดี๋ยวนี้ ฉันจะโทรเรียกพี่ภูเอง” สุพัฒนาสั่ง

นริศรากำลังใช้อุปกรณ์เช็คความหวานขององุ่นอยู่ที่ไร่องุ่น สักพักลุงปั๋นก็วิ่งมาตาม
“คุณนิดครับ คุณนิด เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
“มีเรื่องอะไรเหรอคะลุงปั๋น” นริศราตกใจ
“คุณเล็กให้ตามตัวคุณนิดไปที่สำนักงานด่วนครับ” ลุงปั๋นบอก
นริศรางง “คุณเล็กเหรอ? ลุงปั๋นรู้ไหมว่ามีเรื่องอะไร”
ลุงปั๋นหน้าเสีย “ที่จริงผมก็ไม่ทราบหรอกครับ แต่นังบัวเกี๋ยงมันไปโพนทะนาแล้วว่า คุณเล็กจับทุจริตคุณนิดได้ครับ”
นริศราตกใจ “ฉันทุจริตเหรอ”

สุพัฒนา ภูชิชย์ และนิพนธ์มองนริศราที่มายืนอยู่ในห้องทำงานภูชิชย์เป็นตาเดียว แฟ้มใบหนึ่งกางอยู่บนโต๊ะ ภูชิชย์และนิพนธ์มีสีหน้ากังวล
“นี่หมายความว่ายังไง” สุพัฒนาถาม
นริศรางง “ฉันจำได้ว่าไม่มีการเบิกโอทีให้คนงานของวันที่ 25 แน่ๆค่ะ ขนาดของฉันเองที่พ่อเลี้ยงบอกจะให้เพราะเป็นวันหยุดของฉัน ฉันยังไม่ได้ทำให้ตัวเองเลย”
“จริงสิ พี่ยังไม่เห็นใบเบิกโอทีของนริศราเลย” ภูชิชย์นึกขึ้นได้
สุพัฒนาหน้าเสียไปเล็กน้อยแต่ก็รีบพูดกลบเกลื่อน
“อาจจะทำให้ตายใจก็ได้นี่ ของเธอมันจะกี่ร้อยบาท แต่ของคนงานรวมๆกันเป็นหมื่นๆ แล้วเงินโอทีมันมีการทำเบิกแทบทุกวัน เธอก็คงฉวยโอกาสที่พี่ภูกับนิพนธ์ไม่ค่อยตรวจละเอียดมั่วนิ่ม”
“ไม่จริงค่ะ ฉันยืนยันว่าไม่ได้ทำ” นริศรายืนกราน
“ดูดีๆสิว่านี่มันลายเซ็นเธอหรือเปล่า” สุพัฒนาถาม
นริศราหยิบแฟ้มมาเปิดดู พอเห็นเป็นลายเซ็นตัวเองเธอก็อึ้งและพูดอะไรไม่ออก

เป็งซึ่งกำลังถือลังใส่องุ่นอยู่ฟังเรื่องจากปากลุงปั๋นแล้วก็ตกใจ
“หา! คุณนิดโกงเงินเหรอ”
เป็งมืออ่อนจนทำลังองุ่นร่วง แต่ลุงปั๋นรับไว้ได้ทัน
“เฮ้ยๆ แหม มือไม้อ่อนเลยเหรอวะไอ้เป็ง” ลุงปั๋นทัก
“คุณนิด นางฟ้าของเป็ง ไม่น่าทำอย่างนี้เลย เงินทองของคนอื่นไปอยากได้ของเขาทำไม โธ่ๆๆ”
บรรดาคนงานตั้งวงวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่
ทันใดนั้นเจมส์กับคนงานอีกชุดหนึ่งก็เดินมา
“ลุงปั๋น พี่นิดล่ะครับ ผมจะเบิกไม้ไปทำค้างองุ่นหน่อย” เจมส์บอก
ลุงปั๋นกับคนงานมองหน้ากันเพราะพูดอะไรไม่ออก
“มีอะไรกันเหรอครับ” เจมส์ถาม

แม่อุ้ยและพรที่กำลังทำกับข้าวอยู่ที่โรงครัวรู้เรื่องจากบัวเกี๋ยงก็ถึงกับตกใจ แม่อุ้ยทำทัพพีหล่นทันที เหล่าคนงานที่ทำครัวกันอยู่ทั้ง 5 คนก็พลอยตกใจไปด้วย
“ไม่จริง ข้าไม่เชื่อเด็ดขาดว่าคุณนิดจะโกงเงิน คุณนิดเธอเป็นลูกคนใหญ่คนโต เรียนหนังสือหนังหามาจากเมืองนอกเธอไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด” แม่อุ้ยไม่เชื่อคำของบัวเกี๋ยง
“แหม...แม่อุ้ย ถึงจะสูงส่งมาจากไหน แต่อย่าลืมสิว่าต้องมาทำงานที่เพราะตกอับ คนจนตรอกน่ะมันทำได้ทุกอย่างแหล่ะ” บัวเกี๋ยงบอก
“พวกเราต้องหนักแน่นไว้นะ พี่บัวเกี๋ยงมันกุข่าวมากี่รอบแล้ว ใครจะไปเชื่อจอมโกหกตอแหลอย่างมันใช่ไหม” พรเตือนสติทุกคน
พวกคนงานต่างเห็นด้วยกับแม่อุ้ยและพร
“อีพร...เอ็งด่าข้าก็เท่ากับด่าคุณเล็กนะ เพราะคุณเล็กเป็นคนตรวจงานนังนิดเจอ” บัวเกี๋ยงบอก
แม่อุ้ยกับพรหน้าจ๋อย
“ตอนนี้คุณนิดอยู่ทีไหน” แม่อุ้ยถาม
“คงรอคำสั่งไล่ออกอยู่ที่สำนักงานมั้ง”
“นังพร ฝากดูทางนี้ด้วย ข้าจะไปให้กำลังใจคุณนิด” แม่อุ้ยพูดแล้วก็เดินไป
“ฉันไปด้วยสิ” พรรีบตามแม่อุ้ยไป
พวกคนงานต่างพูดกันว่าจะไปด้วย
“นี่ จะทิ้งงานได้ไง เดี๋ยวถึงเวลาฉันหิวต้องมีข้าวกินนะ” บัวเกี๋ยงรีบทักขึ้น
“ถ้าเอ็งหิวมาก ก็เอาเศษกระดูกที่เหลือในครัวไปแทะเล่นก่อนไป” แม่อุ้ยแขวะ
“แม่อุ้ย นี่หาว่าฉันเป็นหมาเหรอ” บัวเกี๋ยงโกรธ
“ข้าไม่ได้หาเว้ย แค่ดูจากรูปทรงปากเอ็งแล้วมันเหมือนนี่”
แม่อุ้ยพูดแล้วเดินชนไหล่บัวเกี๋ยงก่อนจะเชิดใส่เดินออกไป พรเดินตามและชนบ้าง เหล่าคนงานเดินตามไป บัวเกี๋ยงมองตามอย่างไม่พอใจ
“โอ๊ย...อีพวกนี้ คอยดูนะพอกำจัดนังนิดเสร็จแล้วจะถึงตาพวกแก ไอ้พวกลูกจ้าง”

นริศรายืนดูใบเบิกค่าล่วงเวลาอย่างอึ้งๆ ภูชิชย์และนิพนธ์รอฟังคำอธิบายอย่างใจจดใจจ่อ
“ว่ายังไงนริศรา ใช่ลายเซ็นเธอหรือเปล่า” ภูชิชย์ถามย้ำ
นริศรามองภูชิชย์ และนิพนธ์ “ใช่ค่ะ”
ภูชิชย์อึ้งที่ได้ยินเช่นนั้น สุพัฒนายิ้มด้วยความสะใจ
ภูชิชย์พูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “เธอทำจริงๆเหรอ”
นริศราทั้งอึ้งทั้งงง “ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้เป็นคนเซ็น”
“เมื่อกี๊เธอยอมรับเองว่าลายเซ็นเธอ แต่ตอนนี้มาบอกว่าไม่ได้เป็นคนเซ็น ตกลงยังไงกันแน่”
“นั่นสิครับคุณนิด ผมก็ไม่เข้าใจ” นิพนธ์บอก
“ก็ไม่ยังไงหรอก คนร้ายที่กำลังจนมุม ก็หาทางโกหกไปน้ำขุ่นๆอย่างนี้แหละ” สุพัฒนารีบพูด
“คุณนิดครับ ตกลงมันมีอะไรผิดพลาดเหรอครับ เพราะผมเองก็รู้สึกเหมือนจะยังไม่เห็นรายการนี้ผ่านตามาเลย” นิพนธ์ถาม
สุพัฒนาหันขวับไปหานิพนธืทันที “ก็โง่อย่างนี้ไงล่ะ ถึงปล่อยให้ใครเขามาโกงเอาได้”
นิพนธ์หน้าเสีย
“ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อย..นริศรา” ภูชิชย์ขอ
นริศราไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเพราะขณะนี้ตัวเธอก็งงไปหมดแล้ว

บัวเกี๋ยงปากยื่นปากยาวพูดอยู่ข้างหลังพวกคนงานที่กำลังยืนชะเง้ออยู่หน้าสำนักงาน
“เห็นหรือยังล่ะ คุณผู้จัดการที่ทุกคนชื่นชมน่ะ ออกลายจนได้”
แม่อุ้ยหันขวับ แล้วเดินมาชี้หน้าบัวเกี๋ยง “หุบปากไปเลยนังบัวเกี๋ยง ยังไม่รู้อะไรเป็นอะไรเลย”
“ไม่น่าเลยคุณนิด ทำไมคิดตื้นๆอย่างนี้ ถ้าโดนไล่ออก หนานจะอยู่ดูหน้าใคร” หนานหันไปมองบัวเกี๋ยง พร และแม่อุ้ย “มีแต่หน้าเหี่ยวๆ ดำๆให้ดู”
บัวเกี๋ยงเข้ามาเขกหัวหนาน “นี่แน่ะ ยังจะมาปากมอมอีกไอ้หมาหนาน”
“แต่ฉันว่าอาจจะมีคนแกล้งคุณนิดก็ได้” พรแสดงความคิดเห็น
“What? ที่นี่มีคนไม่ชอบคนดีๆอย่างที่พี่นิดด้วยเหรอครับ” เจมส์ตั้งคำถาม
พวกคนงานเริ่มส่งเสียงฮือฮาคล้อยตามพร
“ใช่ครับคุณเจมส์...คุณนิดโดนใส่ร้ายมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ก็คงอีหรอบเดิม”
ลุงปั๋นพูดจบก็มองไปทางบัวเกี๋ยง บัวเกี๋ยงเชิดหน้าทำใจดีสู้เสือ
“อุ๊ย อย่าหลับหูหลับตาเข้าข้างกันนักเลย คราวนี้น่ะของจริงแน่นอน” บัวเกี๋ยงพูด
“พูดเหมือนรู้เรื่องอยู่ก่อนเลยนะพี่บัวเกี๋ยง” พรพูดดักแล้วมองหน้าบัวเกี๋ยงอย่างไม่พอใจ บัวเกี๋ยงจ้องหน้าพรด้วยความโกรธ

สุพัฒนาฟังนริศราแล้วก็หัวเราะเยาะและต่อว่าผู้จัดการสาว
“ตายแล้ว คิดได้ยังไงเนี่ย มีคนปลอมลายเซ็นเธอ..โอ๊ย คุณนริศรา มันไม่โบ้ยกันหน้าด้านๆไปหน่อยเหรอ ใครมันจะปลอมลายเซ็นเธอจ๊ะ คนงานก็แทบจะเขียนหนังสือกันไม่เป็น หรือว่าจะเป็นนิพนธ์ พี่ภู หรือฉัน”
นริศราหันไปเห็นสายตาผิดหวังของภูชิชย์ก็พยายามอธิบาย “ลายเซ็นต์ของฉันมันกึ่งตัวเขียน อาจจะมีการปลอมได้ง่าย”
“เธอกำลังจะบอกว่ามีคนแกล้งเธองั้นเหรอ” ภูชิชย์ถาม
สุพัฒนาหัวเราะ “น้ำเน่าน่ะ เธออาจจะตั้งใจเซ็นให้ง่าย เพื่อที่เวลาจะโกง จะได้มาตีหน้าซื่อบอกว่าลายเซ็นของเธอมันปลอมได้ง่ายอย่างนี้ไงล่ะ”
“ฉันก็เซ็นของฉันอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่ได้จะมาเปลี่ยนให้มันง่ายเอาตอนนี้ ฉันแน่ใจว่าฉันต้องโดนแกล้งแน่ๆ” นริศรายืนยัน
“ผมว่าดูลายเซ็นต์ไม่ชัวร์ เราก็พิสูจน์ด้วยวิธีอื่นเถอะครับ” นิพนธ์เสนอ
“จริงด้วย ดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์สิคะ ยังไงความจริงก็ต้องอยู่ในนั้น” นริศราบอก
นริศรากับสุพัฒนามองหน้ากันอย่างท้าทาย

นริศรารีบลงนั่งที่โต๊ะของนิพนธ์แล้วเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทันที สุพัฒนายิ้มอย่างร้ายกาจ นริศราใส่รหัสของตัวเองเพื่อเปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็กด enter
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์มีหลายไฟล์ นริศราเลือกคลิ๊กไฟล์ค่าแรงล่วงเวลา

บัวเกี๋ยงที่ยืนอยู่หน้าอาคารสำนักงานมีท่าทีโกรธจัด
“พูดให้มันดีๆนะนังพร ข้าว่าเอ็งนั่นแหล่ะ แหม...ออกรับแทนนังนั่นดีนัก นอนก็นอนห้องเดียวกัน เผลอๆร่วมมือกันทุจริตกับนังนิดหรือเปล่า”
“อีบัวเกี๋ยง มากไปแล้วนะ” พรโมโห
“มากยังไง เอ็งนอนกับโจรมันก็โจรทั้งคู่นั่นแหล่ะ”
“หืม...ทนไม่ไหวแล้ว วันนี้ของตบคนที่เรียกว่าพี่หน่อยเถอะวะ”
พรพุ่งเข้าไปผลักบัวเกี๋ยงจนล้มแล้วทั้งสองก็ตบกันอุตลุต เจมส์มองเหตุการณ์ด้วยความตกใจ
“Oh my god!”
“โจรเหรอ นี่แน่ะ คุณนิดไม่ใช่โจรเว้ย” พรเสียงดัง
“อีพร ปล่อยกูนะ กูจะด่า อีโจร อีนิดขี้โกง ขี้ขโมย” บัวเกี๋ยงดิ้นสู้
แม่อุ้ย ลุงปั๋น และคนงานเข้ามาช่วยกันห้าม
“เอ้า เฮ้ย หยุดๆ” ลุงปั๋นดึงพรออกมาได้ “อยู่ๆก็ตบกัน ผีบ้าเข้าสิงหรือไง”
“นังพร ฝากไว้ก่อนเถอะ เสร็จเรื่องนังนิดแล้วข้าจะบอกคุณเล็กให้ไล่เอ็งออก” บัวเกี๋ยงแค้น
“กลัวตายแล้ว....ระวังจะเหมือนทุกครั้ง สุดท้ายกลายเป็นเอ็งแหล่ะพี่บัวเกี๋ยงที่เป็นคนผิด รับรองถ้าคุณนิดพิสูจน์ความจริงได้อีก คราวนี้พ่อเลี้ยงไม่เลี้ยงเอ็งแน่”
บัวเกี๋ยงชะงักแล้วมองไปในสำนักงานด้วยความกังวล

หน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงผลว่ามีการทำรายการเบิกค่าล่วงเวลาให้คนงานเมื่อวันที่ 25 เดือนที่แล้ว นริศรา นิพนธ์ และภูชิชย์เห็นดังนั้นก็ตกใจ
“เห็นมั้ยคะพี่ภู หลักฐานเต็มสองตา นี่คงกะว่าพี่ภูกับนิพนธ์จำไม่ได้น่ะสิว่าวันนั้นเราจัดเลี้ยงให้เจมส์กระทันหัน คนงานเลิกเร็วไม่มีการทำล่วงเวลา ฉลาดมากนี่นริศรา” สุพัฒนาพูด
ในขณะที่นริศรากำลังอึ้ง สุพัฒนาก็เข้ามาฉวยเม้าส์เลื่อนเคอร์เซอร์สำรวจไปทั่วทั้งหน้าจอ
“ไหนดูซิ มีอะไรหมกเม็ดอีกหรือเปล่า”
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์มีรายการเตรียมทำค่าล่วงเวลาวันที่ 5 แสดงขึ้นมา
สุพัฒนาทำเป็นตกใจ “โอ้โห นี่เธอรู้ได้ไงว่าวันไหนจะมีการใช้คนงานล่วงเวลา แล้วต้องใช้กี่คน ถึงต้องเตรียมเบิกซะล่วงหน้าขนาดนี้”
“ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้ทำ” นริศราปฏิเสธ
“พาสเวิร์ดก็เป็นของเธอ เธอไม่ทำแล้วใครจะเข้ามาทำได้” สุพัฒนาถาม
“คุณนิดครับ เคยบอกรหัสส่วนตัวกับใครหรือเปล่า” นิพนธ์ถาม
นริศราส่ายหน้า “ไม่เคยค่ะ”
“พี่ภูต้องจัดการเรื่องนี้นะคะ” สุพัฒนาโวยวายแล้วหันมาพูดกับนริศรา “เพราะที่ไร่แห่งนี้ไม่สนับสนุนการทุจริตทุกรูปแบบ”
ภูชิชย์กับนริศราอึ้งเพราะพูดอะไรไม่ออก
“ฉันขอเวลาสามวัน รับรองว่าฉันต้องหาคนที่ทำผิดมาให้ได้” นริศราเสนอ
“ตกลง” ภูชิชย์ตอบรับ
สุพัฒนาพูดสวนทันที “ไม่ตกลง! ฉันไม่ไว้ใจเธอ เวลาตั้งสามวัน เธออาจจะหาแพะมารับบาปแทนเธอก็ได้”
“คุณเล็ก แต่พี่ว่าเราควรจะให้โอกาสนริศราหาหลักฐานมาสู้นะ” ภูชิชย์บอก
“ผมก็จะช่วยคุณนิดพิสูจน์ความจริงครับ อาจจะเร็วกว่าสามวันก็ได้” นิพนธ์อาสา
“กรี๊ด” สุพัฒนาตวาดลั่น “ตกลงนี่อยากจะช่วยโจรกันนักใช่ไหม”
สุพัฒนาเริ่มหอบและทำท่าหมดแรง ภูชิชย์กับนิพนธ์ตกใจรีบประคองเข้ามาประคอง สุพัฒนาพยายามสะบัดออก
“พี่ภูเป็นอะไรไป ที่ไอ้ผลกินเหล้าพี่ภูไล่มันออก แต่กับผู้หญิงคนนี้ตั้งใจทุจริตพี่ภูกลับจะให้โอกาสมันสู้ พี่ภูเห็นมันดีกว่าคุณเล็กใช่ไหม” สุพัฒนาโวย
สุพัฒนาโมโหกวาดข้าวของบนโต๊ะลงพื้น
“นังนิด สะใจแกแล้วสิ ขนาดแกเป็นโจรพี่ภูเขายังไม่ทำอะไรแกเลย ฉันเกลียดแก ฉันจะฆ่าแก”
สุพัฒนาจะเข้าไปทำร้ายนริศรา ภูชิชย์กับนิพนธ์พยายามดึงเอาไว้ สุพัฒนากรี๊ดลั่น
“นริศรา” ภูชิชย์หันไปหานริศรา
นริศราพูดสวนขึ้น “ฉันอยากจะพิสูจน์ตัวเองนะคะ แต่มันคงจะไม่ยุติธรรมกับนายผลอย่างที่คุณเล็กว่า”
“มีหัวคิดเหมือนกันเหรอ แล้วตกลงแกจะทำยังไง” สุพัฒนาถาม
“ฉันจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดค่ะ” นริศราบอก
ภูชิชย์กับนิพนธ์อึ้งกับคำประกาศของนริศรา สุพัฒนายิ้มแล้วซบอกภูชิชย์ ก่อนจะมองนริศราด้วยความสะใจ

นริศราเดินหน้าเครียดออกมาจากสำนักงาน พรกับบัวเกี๋ยงยังคงมองหน้าเหมือนจะเอาเรื่องกัน ลุงปั๋นเห็นนริศราก็รีบร้องบอกทุกคน
“คุณนิดออกมาแล้ว”
พวกคนงานรีบเข้าไปหานริศรา ยกเว้นบัวเกี๋ยงที่ยืนหน้าหงิกหัวฟูอยู่คนเดียว
“เรื่องมันเป็นยังไงกันคะคุณนิด” แม่อุ้ยถามด้วยความเป็นห่วง
“มีคนแกล้งคุณนิดใช่ไหมคะ” พรซัก
บัวเกี๋ยงได้ยินก็พูดแขวะมาจากนอกวง
“แทนที่จะเสียเวลาถาม ไปช่วยมันเก็บกระเป๋าดีกว่า”
คนงานพูดพร้อมกัน “บัวเกี๋ยง!”
“ช่างเถอะ” นริศรามองหน้าคนงาน “ฉันจะไปเก็บของ” พูดจบนริศราก็เดินไปทันที
คนงานเรียกพร้อมกัน “คุณนิด!”
คนงานทั้งหมดยืนอึ้ง ต่างมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
บัวเกี๋ยงหัวเราะลั่น “เห็นไหมล่ะ คราวนี้น่ะของจริง ฮ่าๆๆ”
“ขอโทษนะครับ พี่บัวเกี๋ยงมีความสุขมากที่พี่นิดจะไปใช่ไหมครับ” เจมส์ถาม
“ใช่น่ะสิ มีอะไรเหรอคะคุณเจมส์”
“เปล่าครับ ตอนแรกผมแค่สงสัยว่าใครกันที่นิสัยเลวมากอยากให้คนดีๆอย่างพี่นิดไป ตอนนี้ผมรู้แล้ว” เจมส์พูด
บัวเกี๋ยงโกรธ “ไอ้ฝรั่งบ้า ด่าเก่งกว่าคนไทยอีก”

นริศรานั่งเก็บของอยู่เงียบๆ ภายในห้องพัก พรกับแม่อุ้ยเข้ามาช่วยเก็บด้วย ทั้งสามต่างก็ร้องไห้เพราะกลั้นไม่อยู่
“คุณเล็กนี่ร้ายจริงๆเลย เล่นเอาเรื่องพี่ผลมาอ้างเพื่อบีบคุณนิด” พรสะอื้น
“ใช่...เธอปิดประตูทุกทางที่ฉันจะได้พิสูจน์ตัวเอง” นริศราบอก
“แล้วนี่คุณนิดจะทำยังไงต่อคะ จะไปอยู่ไหน” แม่อุ้ยถาม
“ฉันก็ยังไม่รู้เลย”
พรยกมือไหว้ท่วมหัว “สาธุ ขอให้คนที่มันใส่ร้ายคุณนิดได้รับกรรมเร็วๆ”
“ไม่เอาน่าพร เก็บของต่อเถอะ” นริศราบอก
นริศราเก็บของต่อจนเสร็จ แล้วก็ลุกไปหยิบกล่องเล็กๆ ที่ใส่สมุดจดงาน กุญแจห้องเก็บของ และกุญแจรถขึ้นมาดู
“งานสุดท้ายแล้วสินะ” นริศราเศร้า

บัวเกี๋ยงยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้สุพัฒนาอย่างชื่นชม ส่วนสุพัฒนาก้มลงดมดอกไม้อย่างมีความสุข
“คุณเล็กเก่งมากเลยค่ะที่ทำให้พ่อเลี้ยงกับคุณนิพนธ์จับไม่ได้”
“เรื่องแฮ็คพาสเวิร์ดของนริศราไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย เพราะว่าฉันมีผู้ช่วยดี”
บัวเกี๋ยงงง “แฮ็คอะไรนะคะ มันใช้ยังไง”
สุพัฒนารำคาญ “โอ๊ย แกนี่ forever โง่ โง่ตลอดการตลอดชาติสิน่า”
บัวเกี๋ยงพึมพำ “แหม ก็อยากรู้มั่งนี่คะ”
“ถ้าฉันเล่าไปแกจะเข้าใจไหมเนี่ย”
“แหม...บัวเกี๋ยงออกจะฉลาด บางทีอาจจะเข้าใจก็ได้นะคะ”
สุพัฒนาเหลือบมองบ่าวอย่างเอือมๆ แล้วเธอก็นึกถึงเรื่องเมื่อวาน

ภาพเหตุการณ์ที่สุพัฒนาแอบเข้าห้องทำงานของนิพนธ์ย้อนกลับมา ตอนนั้นสุพัฒนายืนครุ่นคิดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง แล้วก็ตัดสินใจโทรหามัลลิกา
“มอลลี่ เธอรู้วิธีแฮ็คพาสเวิร์ดเปิดคอมพ์ไหม”
“ก็พอได้อ่ะ แล้วคุณเล็กจะไปแฮ็คข้อมูลใครล่ะ” มัลลิกาถาม
“อย่าถามมากน่า บอกวิธีมาก็พอ”
“ได้โปรแกรมที่คุณเล็กจะแฮ็คคืออะไร” มัลลิกาถาม
สุพัฒนานิ่งฟังแล้วก็ยิ้มร้าย
เวลาผ่านไป สุพัฒนาเหลือบดูโพยแล้วยิ้มอย่างดีใจ เธอวางโพยหน้าคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ลงมือพิมพ์ตามแล้วกดenter พอเครื่องเปิด สุพัฒนาก็ยิ้มดีใจที่แฮ็คสำเร็จ เธอรีบหาไฟล์ค่าแรงล่วงเวลาคนงาน แล้วคลิกทันที
“คราวนี้ ต่อให้เทวดาก็ช่วยแกไม่ได้” สุพัฒนาลงมือพิมพ์
เวลาผ่านไป สุพัฒนามายืนรอที่เครื่องปริ๊นท์ เธอเอากระดาษเปล่ามาลองเซ็นต์ลายเซ็น 3-4ครั้งก็เห็นว่าเลียนแบบได้ สุพัฒนาหยิบใบเบิกที่เครื่องปริ๊นท์มาเซ็นแล้วใส่ในแฟ้ม เธอยิ้มอย่างพอใจแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานเพื่อเก็บแฟ้ม

ทันใดนั้นเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น สุพัฒนารีบเขยิบไปอีกตู้แล้วคว้าแฟ้มขึ้นมาอ่านก่อนจะรู้ว่านิพนธ์เดินเข้ามา

สุพัฒนาเล่าให้บัวเกี๋ยงฟังเสร็จแล้วก็ยิ้มอย่างสะใจ
“เป็นไงล่ะ ฉันเก่งไหม”
บัวเกี๋ยงหน้าแหย “เอ่อ...คุณเล็กคะ เล่าใหม่อีกรอบได้ไหมคะ บัวเกี๋ยงก็ไม่รู้อยู่ดีว่าไอ้แฮกไอ้ปาดเวิด โปแกมอะไรเนี่ยมันคืออะไร”
สุพัฒนาเอานิ้วจิ้มหัวบัวเกี๋ยง
“นึกแล้วว่าแกต้องโง่ ฉันไม่เล่าแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ ช่างมัน ถึงยังไงนังนิดก็โดนคุณเล็กเขี่ยกระเด็นอยู่ดี”
สุพัฒนายิ้มด้วยความสะใจ “อยากเห็นตอนนังนั่นหิ้วกระเป๋าออกจากไร่ฉันไปชะมัดเลย มันคงเป็นภาพที่ฉันจะจำไม่รู้ลืม”
บัวเกี๋ยงหัวเราะชอบใจ “บัวเกี๋ยงก็จะได้หมดเสี้ยนหนามซะที”
สุพัฒนาหันมามองบัวเกี๋ยง บัวเกี๋ยงรีบพูดกลบเกลื่อนทันที
“บัวเกี๋ยงหมายถึง มันไปให้พ้นหูพ้นตาซะทีก็ดี เห็นทีไรก็รำคาญ กลัวมันจะทำร้ายคุณเล็กค่ะ มันก็เลยเหมือนเสี้ยนตำ อยากจะสะกิดออกอะไรอย่างนี้น่ะค่ะ”
สุพัฒนางง “แกนี่มาเพ้อเจ้ออะไร”
สุพัฒนาไม่สนใจบัวเกี๋ยงต่อ เพราะเธอกลับมานึกสะใจนริศรา
นริศรานั่งวัดต้นกาแฟที่แปลงกาแฟท้ายไร่จนเสร็จ แล้วเธอก็จดบันทึกลงสมุด จากนั้นก็เดินดูต้นกล้ากาแฟที่ปลูกเสร็จแล้วด้วยความเศร้า
นริศราเดินกลับมายังจุดที่วางกล่อง เธอเอาสมุดใส่กล่องแล้วก็หันกลับ แต่ก็ต้องตกใจที่เห็นภูชิชย์ยืนรออยู่
นริศราสะดุ้ง “เอ่อ...ฉันมาบันทึกรายงานประจำวัน”
“ฉันเห็นแล้ว ขยันจดวันสุดท้ายเลยนะ” ภูชิชย์บอก
“ขอบคุณที่มองฉันในแง่ดีค่ะ”
“เปล่า...ฉันมองเธออย่างที่เธอเป็นต่างหาก”
นริศราแกล้งหัวเราะ “พ่อเลี้ยงมีอารมณ์ขันเหมือนกันนะคะ”
“ฉันพูดจริงนะ” ภูชิชย์บอก
นริศรายืนกล่องให้ภูชิชย์ “กุญแจห้องเก็บเครื่องมือ สมุดพวกค่าใช้จ่ายต่างๆ ส่วนในสมุดรายละเอียด ฉันลงตารางงานของแต่ละส่วนที่จะต้องทำเสร็จแล้วค่ะ”
ภูชิชย์มองกล่องแต่ยังไม่รับ “นริศรา เธออยากจะอธิบายอะไรกับฉันอีกไหม”
“อธิบายมันก็แค่คำพูด เอาเป็นฉันรู้ก็แล้วกันค่ะว่าฉันทำหรือไม่ได้ทำ ฉันต้องไปแล้ว ช่วยรับไปเถอะค่ะ”
“แล้วไร่กาแฟแปลงนี้ล่ะ เธอจะทิ้งมันไปเหรอ” ภูชิชย์ถาม
“ฝากพ่อเลี้ยงติดตามผลให้หน่อยแล้วกัน แต่ไม่ต้องประคบประหงมดูแลอะไรหรอกค่ะ” นริศรามองไปที่แปลงกาแฟ “ฉันเชื่อว่าพวกมันจะแกร่งและอดทนเหมือนฉัน ถ้าวันหนึ่งมันสำเร็จ พ่อเลี้ยงก็ถ่ายทอดความรู้นี้เป็นให้กับชาวบ้านด้วยนะคะ”
“กลับไปทำกับนายวัสที่กรุงเทพฯไหม” ภูชิชย์เสนอ
“ที่นั่นชื่อบริษัทสุพัฒนาการเกษตรนะคะ”
ภูชิชย์ชะงัก “งั้นฉันจะหา...”
นริศราจับมือภูชิชย์เพื่อให้รับกล่องเอาไว้
“ส่วนกุญแจรถฉันจะไปฝากไว้ที่คุณนิพนธ์นะคะ” นริศราบอก
“เราจะเจอกันอีกไหม” ภูชิชย์ถาม นริศรามองอย่างงงๆ ภูชิชย์รีบพูดต่อ “เอ่อ..ฉันหมายถึงเธอต้องมาเซ็นรับเงินเดือนส่วนที่เหลือกับพวกเงินเก็บสะสมน่ะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันออกไปแบบคนที่มีความผิด ฉันก็ไม่ควรได้อะไรไป” นริศรายิ้ม “ฉันลานะคะพ่อเลี้ยง”
ภูชิชย์ดึงแขนนริศราไว้ “เดี๋ยวสิ...ขอให้ฉันไปส่งได้ไหม ที่สนามบิน ท่ารถ หรือที่กรุงเทพฯก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ แต่อย่าดีกว่า”
นริศราเดินจากไป ภูชิชย์ไม่กล้าที่จะเหนี่ยวรั้งอะไรแล้ว เขาได้แต่ยืนมองแล้วถอนใจด้วยความเครียด

นิพนธ์นั่งดูใบเบิกที่นริศราเซ็นไว้อยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาพลิกดูแล้วดูอีก
“คุณนิดเนี่ยนะจะคิดโกงเงิน ทำไมรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ”
นิพนธืนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่เขาเปิดประตูสำนักงานมาเห็นสุพัฒนายืนอยู่หน้าตู้ใส่เอกสารและทำเหมือนยืนดูแฟ้มงาน พอสุพัฒนาเห็นนิพนธ์เปิดประตูเข้ามาก็ยิ้มนิ่งๆ
“อ้าว...นิพนธ์ นึกว่ากลับไปแล้ว” สุพัฒนาทัก
“ผมลืมกุญแจบ้านพักน่ะครับ”
“อ๋อ...เหรอ”
สุพัฒนาพยักหน้ารับรู้ แล้วเธอก็วางแฟ้มงานในมือใส่ตู้ จากนั้นจึงเลือกแฟ้มอันใหม่มาเปิดดูอีก

นิพนธ์นึกถึงเหตุการณ์ต่อจากนั้น ตอนที่เขาเดินมาไขกุญแจลิ้นชักหยิบกุญแจบ้านพัก แล้วปิดลิ้นชักไขกุญแจล็อค พอจะลุกขึ้นนิพนธ์ก็มองเห็นสิ่งผิดปกติที่พื้น
เขาเห็นเครื่องปริ๊นเตอร์เสียบปลั๊กอยู่
“เฮ้ย...วันนี้เราเสียบปลั๊กเหรอ ก็มันไม่มีอะไรต้องปริ๊นท์นี่นา” นิพนธ์ส่ายหน้า “เริ่มโก๊ะแล้วเว้ย”
นิพนธ์ดึงปลั๊กออกแล้วเดินออกจากห้องไป

นิพนธ์เหม่อคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตเหล่านั้น สักพักนริศราก็เดินเข้ามาแล้วเคาะโต๊ะ นิพนธ์สะดุ้ง
“อ้าว...คุณนิด”
“นิดเอากุญแจรถมาคืนค่ะ”
นริศราบอกแล้ววางกุญแจรถลงบนโต๊ะ แล้วเธอก็เห็นเอกสารในมือนิพนธ์
“ผมไม่เชื่อว่าคุณนิดทำ” นิพนธ์อธิบาย
นริศราแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน “นิดก็ไม่เชื่อค่ะ”
“โธ่...คุณนิด ยังทำตลกอีก ผมว่าเรามาช่วยกันหาความจริงดีกว่าไหมครับ ผมเชื่อว่าพ่อเลี้ยงก็คิดเหมือนผม แต่...เอ่อ...”
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะคุณนิพนธ์ ถ้านิดอยู่มันจะดูว่านิดเอาเปรียบนายผล คุณนิพนธ์ก็จะเสียไปด้วย นิดไม่อยากให้คนอื่นต้องมาลำบากเพราะนิดอีก ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานะคะ”
นิพนธ์ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือเพราะจะขอจับมือกับนริศรา นริศราจับมือนิพนธ์ตอบ
“ผมก็ยินดีมากที่ได้ร่วมงานกับคุณนิดครับ ขอให้คุณนิดโชคดีนะครับ” นิพนธ์อวยพร
ทั้งสองยิ้มให้กันแล้วนริศราก็เดินออกจากห้องไป นิพนธ์มองตามแล้วมองเอกสารในมือด้วยสีหน้าครุ่นคิด

นริศราเดินมาเจอสุพัฒนาและบัวเกี๋ยงที่เดินเข้ามาขวาง ทั้งสองมองนริศราอย่างสะใจ
“นึกว่าไสหัวไปแล้วซะอีก” สุพัฒนาเอ่ย
“ฉันกำลังจะไปค่ะ” นริศราบอก
นริศราจะเดินเลี่ยงไปแต่บัวเกี๋ยงเดินมาขวางไว้อีก
“นี่น่ะเหรอนักเรียนนอก มาจากตระกูลทหารชั้นสูง ที่แท้ก็หัวขโมย ถามจริงๆเถอะกำมะลอกันทั้งตระกูลหรือเปล่าเนี่ย” บัวเกี๋ยงกระแหนะกระแหน
นริศราหันมาแล้วเดินเข้าไปตบบัวเกี๋ยงฉาดใหญ่ สุพัฒนามองอย่างอึ้งๆ
บัวเกี๋ยงร้องกรี๊ดด้วยความโกรธแล้วจะเข้าไปตบนริศรา “นังนิด”
นริศราตบบัวเกี๋ยงอีกทีแล้วผลักบัวเกี๋ยงจนกระเด็นไป
“ไหนๆก็จะไปแล้ว ฉันขอปิดบัญชีกับเธอเลยแล้วกันนะบัวเกี๋ยง”
บัวเกี๋ยงร้องกรี๊ดแล้ววิ่งเข้าไปหาสุพัฒนา “คุณเล็ก..คุณเล็กช่วยบัวเกี๋ยงด้วย คุณเล็กตบมันล้างแค้นให้บัวเกี๋ยงด้วยสิคะ”
“นังนิด แก...” สุพัฒนาไม่พอใจ
“คุณก็เหมือนกัน ฉันไม่ใช่พนักงานของที่นี่อีกแล้ว อย่ามาจิกหัวเรียก ไม่งั้นฉันไม่เกรงใจนะ” นริศราเตือน แล้วเธอก็เดินหน้าเข้มออกไป สุพัฒนาเห็นก็รีบถอยทันที
“อีบ้า อีอันธพาล อย่ามาทำตัวนักเลงที่นี่นะ ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจมาลากแกไป” สุพัฒนาตะโกน
นริศราจ้องหน้าแล้วเดินผ่ากลางพร้อมทั้งผลักสุพัฒนากับบัวเกี๋ยงกระเด็นไปคนละทาง
“อุ๊บส์...พอดีพวกคุณยืนขวางทางฉันค่ะ” นริศราว่าแล้วเธอก็เดินเชิดออกไป สุพัฒนากกับบัวเกี๋ยงได้แต่มองหน้ากันด้วยความอึ้งและเหวอ
“กรี๊ด...นังนิดฉันเกลียดแก” สุพัฒนาร้องลั่น

นริศราเดินอย่างอารมณ์เสียมาตามทางเดินในไร่ แล้วเธอก็หยุดมองไปทั่วบริเวณ
“ที่ไร่นี้จะไม่ให้ฉันจากไปอย่างที่ยังเหลือความรู้สึกดีๆบ้างเลยใช่ไหม”
สายลมเอื่อยๆ พัดมากระทบตัวนริศรา นริศราหันไปมองก็เห็นไร่องุ่นมีลมพัดผ่าน แสงแดดอ่อนๆส่องไปจับที่ผลองุ่นซึ่งออกผลจนเต็มไร่ แลดูชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ นริศราสูดกลิ่นหอมขององุ่น นริศรารู้สึกดีจึงเดินเข้าไปในไร่
นริศราเดินดูไร่องุ่นไปเรื่อยๆ เธอสัมผัสลำต้น ใบ และผลคล้ายจะเก็บเป็นความทรงจำเอาไว้ เธอเดินผ่านคนงานที่กำลังทำค้างองุ่น นริศราเดินเข้าไปช่วยทำเล็กน้อยก่อนจะเดินดูต่อไป สักพักก็มีรถกระบะคนงานแล่นมาจอด
“คุณนิด” เป็งซึ่งเป็นคนขับเรียก
“ฉันกำลังจะไปแล้วล่ะ แค่อยากมาลาต้นไม้พวกนี้เท่านั้น” นริศราบอก
“คุณนิดอยากไปให้ทั่วไร่ไหมล่ะครับ” เป็งที่นั่งมาด้วยถาม
นริศรายิ้ม แล้วนริศราก็ขึ้นไปนั่งท้ายรถกระบะ รถกระบะแล่นไปอย่างช้าๆ เธอมองบรรยากาศทั่วไร่
อย่างมีความสุข

ภูชิชย์นั่งอ่านสมุดที่นริศราจดอยู่ตรงหน้าผาที่แปลงกาแฟท้ายไร่อย่างหงอยเหงา
“ฮึ...จดซะละเอียดเลย” ภูชิชย์ยิ้ม
นิพนธ์เดินเข้ามาหยุดตรงหน้า
“อ้าว...นิพนธ์ รู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่” ภูชิชย์เงยหน้าขึ้นถาม
“ตอนนี้คนงานไม่ยอมทำงานกัน แต่พ่อเลี้ยงไม่รู้เรื่อง แสดงว่าต้องอยู่ในที่ๆไม่ต้องการคนงานครับ” นิพนธ์ตอบ
ภูชิชย์พูดด้วยเสียงเหนื่อยใจ “แล้วทำไมคนงานถึงสไตรค์ล่ะ บอกหรือเปล่าว่าอยากได้อะไร”
“พวกเขาอยากส่งคุณนิดครับ”
ภูชิชย์ชะงักไปแล้วนั่งนิ่ง
“พ่อเลี้ยงจะไปส่งเธอไหมครับ” นิพนธ์ถามขึ้น
ภูชิชย์ส่ายหน้า “ผมถามเขาแล้วแต่นริศราเขาปฎิเสธ”
“ถ้างั้นผมขออนุญาตเอารถไปส่งเธอนะครับ” นิพนธ์ขอ
ภูชิชย์แอบตื่นเต้น “นริศราบอกเหรอว่าจะไปไหน”
“แฮ่ะๆๆ ผมยังไม่ได้ถามเลยครับ”
“งั้นนายรีบไปส่งเลยนะแล้วมาบอกด้วยว่าเขาไปไหน” ภูชิชย์สั่ง
นิพนธ์พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ภูชิชย์แอบอมยิ้มอยู่คนเดียว

พรกับแม่อุ้ยขนของของนริศราซึ่งมีแค่กระเป๋าใบเดียวลงมาจากบ้านพัก โดยมีลุงปั๋น เจมส์ และคนงานทุกคนยืนรอส่ง
เจมส์เดินเข้ามาหานริศรา
“ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้นะครับ แต่ยังไงผมก็อยากจะบอกว่าพี่นิดเป็นคนดีสำหรับผม ขอบคุณที่เทรนงานผมนะครับ You’re the best. ครับ”
เจมส์กับนริศราจับมือกัน แล้วนริศราก็เดินมาหาคนงาน
“ขอบคุณทุกคนสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานะ” นริศราบอก
“คุณนิดไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ เพราะพวกเราเองก็เคยทำไม่ดีกับคุณนิด” หนานพูด
นริศรายิ้ม “ฉันขอจำแต่ความดีกับความน่ารักของทุกคนได้ไหม”
บรรดาคนงานหญิงได้ยินก็เริ่มร้องไห้ ฝ้ายเดินเข้ามายกมือไหว้
“ขอบคุณนะคะฉันจะไม่ลืมเลยว่าครั้งหนึ่งคุณนิดยอมเสี่ยงชีวิตช่วยลูกฉัน”
“ต่อไปก็ดูแลลูกดีๆนะ ไข้เลือดออกน่ะถึงหายแล้วก็กลับมาเป็นได้อีก”
ฝ้ายร้องไห้แล้วถอยออกมา นริศราเข้าไปไหว้แม่อุ้ยกับลุงปั๋น
“ฉันไปนะจ๊ะแม่อุ้ย ลุงปั๋น ขอบคุณที่ดูแลฉันอย่างดีนะ” นริศราเดินไปหาพรที่กำลังร้องไห้อยู่ “ขอบคุณนะพรที่ให้ฉันพักด้วย ฉันดีใจนะที่ได้เป็นเพื่อนกับเธอ”
พรร้องไห้โฮ แม่อุ้ยน้ำตาไหลตาม ทั้งสองเดินเข้ามากอดนริศรา
“รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะ ขอให้คุณนิดของพวกเราโชคดีนะคะ” แม่อุ้ยอวยพร
“ขอบคุณจ้ะ”
“แล้วคุณนิดจะไปยังไงครับ” ลุงปั๋นถาม
“ฉันจะเดินไปรอรถที่ถนนหน้าไร่จ้ะ”
“ห๊า...จากนี่ไปหน้าไร่ก็ไกลแล้ว แล้วเดินไปป้ายรถที่ถนนใหญ่อีกมันจะไหวเหรอครับ ผมว่าผมเอารถไปส่งคุณนิดที่ท่ารถเลยดีกว่า”
“อย่าเลยลุงปั๋น เดี๋ยวจะเป็นเรื่องอีก”
จู่ๆ นิพนธ์ก็เดินแทรกคนงานเข้ามา
“ไม่หรอกครับ ผมขอพ่อเลี้ยงแล้ว ให้ผมไปส่งนะครับ” นิพนธ์บอก
นริศรารู้สึกอึดอัดใจ แต่นิพนธ์เดินมาคว้ากระเป๋าไปใส่ที่รถ
“คุณนิพนธ์อย่า” นริศราพยายามห้าม
แต่นิพนธ์ไม่สนใจเดินไปเปิดประตูรอ นริศรามองอย่างละเหี่ยใจ

นิพนธ์ขับรถไปตามทาง โดยมีนริศรานั่งอยู่ข้างๆ
“คุณนิดจะไปที่ไหนครับ ผมไปส่งได้ทุกที่ ไม่ต้องเกรงใจนะครับ”
“นิดขอลงแค่ที่หน้าไร่ก็พอค่ะ เดี๋ยวนิดต่อรถประจำทางไปเอง” นริศราบอก
“อ้าว ทำไมล่ะครับ ผมไปส่งได้จริงๆนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณนิพนธ์ นิดรู้ดีว่าทุกคนเป็นห่วงนิด แต่นิดสบายใจที่จะไปเองค่ะ”
นิพนธ์แอบมองนริศราอย่างชั่งใจว่าจะเอาอย่างไรดี

นิพนธ์ยืนรอรถอยู่กับนริศราที่ป้ายรถเมล์หน้าไร่สุพัฒนา
“แล้ววันนึงผมจะช่วยพิสูจน์ความจริงให้คุณนิดนะครับ ผมหวังว่าถึงวันนั้นแล้วคุณนิดจะกลับมา” นิพนธ์บอก
นริศรายิ้ม “ขอบคุณค่ะ แต่นิดคงไม่กลับมาทำงานที่นี่แล้วล่ะค่ะ”
“คุณนิดอย่าเพิ่งยอมแพ้สิครับ”
“นิดว่าพอแล้วดีกว่าค่ะ นิดสู้มาหลายครั้งแล้ว มันก็ไม่เคยมีอะไรดีขึ้น ถึงคราวนี้จะชนะอีก มันก็จะมีเรื่องต่อๆไป นิดมองไม่เห็นทางที่จะทำให้ไร่นี้สงบสุข นอกจากนิดจะไปจากที่นี่” นริศราเห็นรถประจำทางแล่นมาแต่ไกล “นิดต้องไปแล้วล่ะค่ะ”
รถประจำทางแล่นเข้ามาจอดที่ป้าย นริศราก้มหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ที่พื้นแล้วจะเดินไปขึ้นรถ
นิพนธ์นึกขึ้นได้ก็รีบถาม “แล้วคุณนิดจะไปลงที่ไหนครับ”
นริศรายิ้มแต่ไม่ตอบคำถามนิพนธ์ “ลาก่อนนะคะ”
นริศราเดินไปขึ้นรถ เธอหันมายิ้มให้แล้วเดินขึ้นรถไป ประตูรถปิด แล้วรถประจำทางก็แล่นออกไป
นิพนธ์พูดเบาๆ “โชคดีนะครับคุณนิด”

สุพัฒนานั่งดูเอกสารแล้วเช็คงานกับคอมพิวเตอร์อยู่ที่โต๊ะนิพนธ์ สักพักนิพนธ์ก็เดินเข้ามา
“พ่อเลี้ยงยังไม่กลับเข้ามาเหรอครับ” นิพนธ์ถาม
“ยังนี่ เธอรู้ไหมว่าพี่ภูอยู่ไหน” สุพัฒนาถามกลับ
“ผมเอ่อ...ไม่ทราบครับ”
“หวังว่าคงไม่แอบหนีตามนังนิดไปนะ” สุพัฒนาพูดแล้วก็นึกได้ “นังนิดไปแล้วใช่ไหม”
“ครับ”
“ดี ต่อไปนี้ฉันจะกลับมาทำงานแทนเธอ ส่วนเธอก็กลับไปเป็นผู้จัดการไร่เหมือนเดิม”
“ครับ”
“ทีนี้ไร่เราก็จะสงบสุขอีกครั้ง” สุพัฒนาบอก
“ครับ”
“พูดอย่างอื่นบ้างก็ได้นะ ฉันไม่อยากฟังแต่ครับๆๆ”
“คุณเล็กคิดว่ามีคนแกล้งคุณนิดหรือเปล่าครับ” นิพนธ์เอ่ยถาม
สุพัฒนาตวาด “นิพนธ์!”
“ผมขอตัวไปดูงานในไร่เลยแล้วกันนะครับ”
สุพัฒนากับนิพนธ์จ้องหน้ากัน แล้วนิพนธ์ก็เดินออกไป สุพัฒนามองตามอย่างไม่พอใจ
“มันคงไม่ฉลาดจับฉันได้หรอกน่า” สุพัฒนาพึมพำ

ภูชิชย์นั่งอ่านสมุดบันทึกอยู่ที่หน้าผาจนจบเล่ม
“เขียนละเอียดยังกับสอนเด็กใหม่” ภูชิชย์พูดกับสมุด “ฉันน่ะมืออาชีพนะนริศรา”
ภูชิชย์นั่งขำอยู่คนเดียวแล้วหันไปก็เห็นนิพนธ์กำลังยืนมองอยู่ด้วยสายตางงๆ ภูชิชย์ตกใจแต่รีบวางฟอร์มกลบเกลื่อน
“ทำไมกลับมาเร็ว ไปส่งเขาที่ไหน”
“แค่ที่ป้ายรถหน้าไร่ครับ” นิพนธ์ตอบ
ภูชิชย์งง “แค่หน้าไร่เองเหรอ”
“คุณนิดเธอเกรงใจ ไม่อยากใช้รถของไร่เราครับ”
“แล้วเขาบอกหรือเปล่าจะไปไหน”
“ผมก็ไม่ทราบนะครับ แต่รถคันที่คุณนิดขึ้นมันไปเชียงใหม่ครับ”
“งั้นก็คงไปหาแฟนเขา”
“คุณโป๊ะน่ะเหรอครับ”
ภูชิชย์หงุดหงิดขึ้นมาทันที “ก็จะใครอีกล่ะ”
นิพนธ์มองภูชิชย์อย่างขำๆ เพราะเขารู้สึกว่าภูชิชย์น่าจะชอบนริศรา
“นายนี่มันไม่ได้เรื่อง” ภูชิชย์ว่าแล้วก็ลุกเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป นิพนธ์มองตาม
“แล้วไล่เขาไปทำไมล่ะครับพ่อเลี้ยง”

มัลลิกานั่งอยู่กับเพื่อนที่ร้านอาหาร เพื่อนกินข้าวกันแต่มัลลิกายังนั่งกอดอกมองอาหารเงียบๆ จนเพื่อนต้องหยุดกินแล้วหันมามอง
“มอลลี่ยูเป็นอะไรหรือเปล่า นัดไอมากินข้าว แต่ยูกลับมานั่งมองข้าว”
“ไม่มีอะไรหรอก ไอขอกลับบ้านก่อนนะ” มัลลิกาลุกขึ้น
เพื่อนคนหนึ่งรีบคว้ามือมัลลิกาไว้ “เฮ้ย เดี๋ยว นั่งก่อน ยูยังไม่ได้กินอะไรเลย แล้วไหนบอกจะไปช็อปปิ้งด้วยไง”
มัลลิกานั่งลงตามเดิม “ก็ไอไม่อยากกิน ไม่อยากช็อปแล้วนี่”
“ยูดูแปลกๆนะ มีเรื่องอะไรที่ทำงานหรือเปล่า” เพื่อนถามแล้วนึกได้ถึงกับตาโต “หรือว่า เรื่องพี่วัส”
เพื่อนทั้งสองมองหน้ากันตาโต มัลลิกายังนั่งนิ่ง
“ทำไม นักสืบของไอให้ข้อมูลเด็ดอะไรมาเหรอ หรือว่า...พี่วัสเป็นเกย์” เพื่อนถาม
“เฮ้ย จริงดิ” เพื่อนอีกคนรับมุก แล้วเพื่อนๆ ก็หัวเราะกัน “จริงๆเลยน้ามอลลี่ ตามแทบตาย ได้เก้งกวางมาซะงั้น”
“มันไม่ใช่ว่าได้เก้งกวางมา แต่มันจะได้สามีคนอื่นเขามาน่ะสิ” มัลลิกาพูด
เพื่อนๆ ตกใจ “หา!”
มัลลิกาถอนใจด้วยความเซ็ง

มัลลิกาขับรถออกมาจากร้านอาหารด้วยสีหน้าเครียดมาตลอดทางก่อนจะตัดสินใจจอดข้างทาง มัลลิกาถอนใจแล้วหลับตาพัก สักพักเธอก็หยิบซองสีน้ำตาลออกมา แล้วหยิบรูปวิทวัสกับครอบครัวที่อยู่ในซองออกมาดูอีกครั้ง
“พี่วัส...รัชนิดา...ลูกหนู”
มัลลิกาเอารูปใส่ซองแล้วปาไปท้ายรถด้วยความเจ็บใจ

นริศรานั่งรอพิสุทธิ์อยู่ในร้านกาแฟกลางเมืองเชียงใหม่ ครู่หนึ่งพิสุทธิ์ก็เดินยิ้มร่าเข้ามา
“ไงนิด มีข่าวดีอะไรเหรอ ถึงได้นัดเราออกมาที่นี่ ร้านกาแฟที่โรงแรมก็มี”
“เราไม่อยากเจอพี่นาน่ะ” นริศราบอก
“อือๆ เข้าใจ ไหนมีข่าวดีอะไร”
“เราออกจากไร่สุพัฒนาแล้วนะ”
พิสุทธิ์ตกใจ

หลังจากฟังเรื่องจากนริศรา พิสุทธิ์ก็เดินอย่างฉุนเฉียวออกมาจากร้าน แล้วมุ่งไปที่รถ
“โป๊ะ ไม่เอาน่า อย่าทำอย่างนี้” นริศราเดินตามมาปรามไว้
“แล้วพวกนั้นมาทำแบบนี้กับนิดก่อนทำไมล่ะ เราจะไปเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
“โป๊ะ...ฟังนะ สิ่งที่เราโดนมันหนักแล้วก็ร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเรายังอยู่ต่อก็ไม่รู้จะเจออะไรที่หนักกว่านี้ เราออกมาตอนนี้ดีที่สุดแล้ว”
พิสุทธิ์คิดตามแล้วสงบลง “เราขอโทษ เราโมโหไปหน่อย แล้วนี่นิดจะทำยังไงต่อ”
“เราคิดว่าจะหาเกสท์เฮาส์พักก่อนสักคืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยหางานทำที่นี่ เพราะถ้ากลับกรุงเทพฯพี่นาก็คงไม่ให้เราเข้าบ้านอยู่ดี”
“มาทำงานโรงแรมกับเรานะ”
“อย่าเลย เราไม่อยากให้พ่อแม่ของโป๊ะลำบากใจ โป๊ะเองก็จะพลอยแย่ไปด้วย” นริศราปฏิเสธ
พิสุทธิ์ถอนใจ “ถ้างั้นเราจะหางานให้ ลูกค้าวีไอพีที่นี่หลายคนก็สนิทกับเราๆจัดการเอง”
นริศราจะอ้าปากพูดแต่พิสุทธิ์แทรกขึ้นมาก่อน “ห้ามปฎิเสธ!”
นริศรายิ้ม “โอเค งั้นเราเปลี่ยนเป็นขอบคุณแล้วกัน....เพิ่งรู้ว่าโป๊ะดุนะเนี่ย”
พิสุทธิ์หัวเราะ “งั้นเดี๋ยววันนี้เราพานิดไปหาที่พักก่อนดีกว่า กระเป๋าอยู่ที่ไหนล่ะ”
“เราฝากไว้ที่ห้างน่ะ”
ทั้งสองขึ้นรถ แล้วพิสุทธิ์ก็ขับรถออกไป

พิสุทธิ์พานริศรามาที่บ้านพักสไตล์ล้านนา แล้วก็หันไปบอกเพื่อนสาว
“คืนนี้นิดพักที่นี่ก่อนก็แล้วกัน นี่ถ้าพี่สะใภ้นิดไม่ได้อยู่ที่โรงแรมนะ เราจะเปิดห้องสวีทให้เลย”
“แหม แค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว เราไปนะ” นริศราหันหลังจะเดินขึ้นบันไดบ้าน
จู่ๆ พิสุทธิ์ก็คิดอะไรขึ้นได้ “นิด”
นริศราหันมา “อะไรเหรอ”
“ยังไม่ดึกเลย ไปเที่ยวกันไหม”
“เราไม่มีกระจิตกระใจเที่ยวหรอก”
“แต่เราว่านิดอยู่ในห้องคนเดียวก็จะเครียดเปล่าๆ ไปเที่ยวเถอะวันนี้มีถนนคนเดิน เราอยากไป ตั้งแต่มานี่ยังไม่ได้ไปเลย”
“โห...ตอนแรกนึกว่าหวังดีกับเรา ที่แท้ก็ตัวเองอยากไปนี่เอง”
นริศราพูดแล้วยิ้มด้วยแววตาที่มีความสุขขึ้น พิสุทธิ์ก็ยิ้มอย่างมีความสุขที่เห็นนริศราหายซึม

บรรดาคนงานนั่งกินข้างกันอย่างหงอยๆ ในโรงอาหาร
“ไม่มีคุณนิด กินข้าวไม่อร่อยเลยเนอะ ป่านนี้จะไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้” พรเป็นห่วง
“นั่นสิพูดแล้วข้าก็อยากร้องไห้ คิดถึงแกเน๊อะ” แม่อุ้ยว่า
บัวเกี๋ยงเดินเข้ามาเห็นพวกคนงานเศร้าซึมก็หมั่นไส้
“อู๊ยยย..จะคร่ำครวญอะไรนักหนา พ่อแม่ตายก็ไม่ใช่ ยัยนั่นน่ะดีแล้วที่ไปๆได้ซะทีหน้าด้านหน้าทนอยู่ได้ตั้งนาน”
“นี่ นังบัวเกี๋ยง คุณนิดเขาไปแล้ว ยังจะมาด่าเขาอีกทำไม” ลุงปั๋นว่า
“อย่าให้รู้นะว่าพี่แกล้งคุณนิด งานนี้ฉันเอาตายแน่” พรขู่
“เออ ไอ้พวกหมาหมู่ สักวันถ้าฉันใหญ่ ฉันจะไล่ออกให้หมดเลยคอยดู”
คนงานทุกคนหัวเราะ แม่อุ้ยด่าบัวเกี๋ยงทันที
“ใหญ่อะไรของเอ็ง จะไปเป็นเมียพ่อเลี้ยงเหรอ นึกว่าข้าดูไม่ออกเหรอ อีคางคกยังไม่ทันได้ขึ้นวอ”
“แม่อุ้ย ถ้าฉันไปถามความเห็นคุณเล็กว่า รู้สึกยังไงถ้าพี่บัวเกี๋ยงจะขึ้นมาเป็นพี่สะใภ้คุณเล็ก คงสนุกดีพิลึกนะ” พรหัวเราะเยาะ
“นี่แม่อุ้ย นังพร อย่ามาพูดพล่อยๆนะ คิดเหรอว่าคุณเล็กจะเชื่อพวกแก”
“ลองดูไหมล่ะ” แม่อุ้ยท้า
“บ้า...ไม่ต้องเลยนะ ห้ามเอาเรื่องนี้ไปกวนใจคุณเล็ก”
บัวเกี๋ยงพูดอย่างเจ็บใจแล้วก็เดินกระทืบเท้าออกไป
“ไอ้พวกบ้า...คอยดูนะ ฉันจะทำให้พวกแกหัวเราะไม่ออกเลย” บัวเกี๋ยงโมโห

พิสุทธิ์พานริศราไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ทั้งสองยืนดูดนตรีเปิดหมวก ยืนดูการละเล่นต่างๆ และเดินซื้อขนมกินกัน
จากนั้นทั้งคู่ก็ไปเดินเล่นที่ริมปิง นริศราเดินถือขวดน้ำองุ่นพร้อมกับดูดมาเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดยืนที่ริมแม่น้ำ พิสุทธิ์แอบมองนริศราอย่างมีความสุข
“เราดีใจนะที่เห็นนิดหายเครียด หายเศร้าแล้ว ต่อไปนี้นิดก็ไม่ต้องไปคิดถึงคนพวกนั้นอีกแล้วนะ”
นริศรายิ้มโดยไม่ตอบอะไร เธอเหม่อมองไปข้างหน้า
นริศราถือขวดน้ำองุ่นแล้วใช้นิ้วลูบตรงฉลากตราไร่สุพัฒนาไปมา เธอยังเหม่อมองไปที่แม่น้ำพร้อมกับคิดถึงทุกคนที่ไร่และภูชิชย์







Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 23:16:17 น.
Counter : 290 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]