อยากให้บอลไทยไปบอลโลก
Group Blog
 
All Blogs
 
อากู๋ครับ ขอหนังสือพิมพ์ที่ผมอยากอ่านสักฉบับเถอะ......

ช่วง 3-4ปีที่ผ่านมานี้ ทุกวันศุกร์ผมจะไปที่ร้านขายของชำแถวบ้าน ....
เป็นร้านที่เจ้าของร้านชื่อเฮียฮง แกเป็นอัมพาตครึ่งตัว แต่กัยังเปิดร้านขายของชำอยู่เป็นเวลายี่สิบกว่าปีแล้วมั้ง
ลูกสาวของแกคนหนึ่งต้องลาออกมาช่วยแกคุมร้าน เป็นร้านขายของชำเพียงไม่กี่แห่งที่อยู่ได้ในยุคที่ไปทางไหนก็เจอแต่เซเว่น......กับการแผ่ขยายอาณาจักรของทุนนิยมไปทุกแห่ง
คือ ทุกวันศุกร์แกรู้ดีว่าผมจะต้องซื้อ มติชนสุดสัปดาห์ ....เป็นความสัมพันธ์เล็กๆระหว่างคนกับคน.....
พนักงานเชียร์ซาลาเปาคงไม่เก็บหนังสือไว้ให้ผมแน่ๆ เพราะเจ้านายของเขามองผมเป็นกลุ่มเป้าหมาย.....
ทุนนิยมไม่เคยมองคนเป็นคน......ทุนนิยมมองคนเป็นก้อน....
กลุ่มก้อน เซคเมน์ มาร์เก็ตแชร์......
หึๆๆ ก้อนคนอาจจะดีกว่าก้อนขี้ตรงไม่ส่งกลิ่นเท่านั้นเองมั้ง.......เค้าเลยต้องแย่งกัน
ทุกเช้าวันศุกร์หากไม่มีอะไรสำคัญจะเป็นวันที่ผมเริ่มทำงานช้าเป็นพิเศษ......
ผมชอบการอ่านหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ เพราะปัจจุบันข่าวสารมากมายเหลือเกิน
การได้ติดตามสรุปข่าวทุกๆสัปดาห์ เป็นประโยชน์คือเราค่อนข้างจะได้ข่าวสารในเชิงลึกกว่าเพราะไม่ได้เป็นเพียงการเกาะติดสถานการณ์ความเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียว มันทำให้เราได้ตามข่าวอย่างค่อนข้างจะได้ความรู้....
มหาศาลมาก ยิ่งถ้าผู้ประกอบวิชาชีพเป็นกลางและไม่มีวาระซ่อนเร้น.....
สำหรับมติชนสุดสัปดาห์ ได้ทำให้ผมได้รู้จักฮีโร่ของผมหลายคน
ดร.นิธิ เอียวศรีวงค์ คุณวินทร์เรียววารินทร์ คุณสรกลหรือหนุ่มเมืองจันทร์ คุณ ไมเคิลไรท์ฝรั่งที่รู้จักเมืองไทยดีกว่าผมมาก.....
ฮีโร่ของผมตอนนี้ดูจะต่างจากฮีโร่ตอนเด็กมาก พลัง พิเศษก็ไม่มี บางคนก็ผอมๆขาวๆ และทุกคนสายตาสั้น.....
แต่มีความคิดที่ยิ่งใหญ่
เมื่อวานหลังจากได้รู้ความเป็นมาของความเคลื่อนไหวของกลุ่มแกรมมี่......
ผมตามข่าวอย่างตั้งใจ เงินพันล้าน หรือ กำไรทางธุรกิจของเขา หรือ วาระซ่อนเร้นต่างๆ ไม่ได้ทำให้ผมต้องติดตามขนาดนั้น
แต่ที่ผมต้องติดตาม สนใจ อาจจะเรื่อยไปถึงร่วมต่อสู้ เพราะมันกระทบกับชีวิตประจำวันของผม.........
ชีวิตเงียบๆที่พอใจแค่ได้ติดตามข่าวสารความเป็นไปต่างๆ โดยขอมีทางเลือกบ้าง...
วันศุกร์เป็นวันที่ผมรอจะเติมอาหารสมองให้ตัวเอง มันคือความสุขเล็กๆในชีวิตของผม......
อากู๋ครับ ขอหนังสือพิมพ์ที่ผมอยากอ่านสักฉบับเถอะ......
ขอผมพักจากการเปิดวิทยุไปกี่ช่องกี่ช่องก็เจอแต่ บอดี้สแลม พีซเมคเกอร์ และ พี่เบิร์ดบ้าง....
เพื่อนผมก็น้อยเพราะผมไม่ชอบคุยโทรศัพท์ เพราะ หากผมต้องจ่ายเงิน หนึ่งในห้าของรายได้ให้ เอ ไอ เอสผมก็ไม่มีปัญญา
ขอแค่หนังสือดีๆให้ผมอ่านเถอะ แค่วันศุกร์ตอนเช้าของผมเท่านันเอง......
ผมไม่เคยคิดจะสู้กับใคร ผมนิสัยเหมือนคนไทยทั่วไปที่อาจจะทำลืมๆไปบ้างที่ภาษีพ่อ ภาษีแม่ของผม โดนงาบไป จ่ายค่าไวน์ขวดละสองแสน ผมลืมๆมันไปได้.......
แต่นี่ความสุขในวันศุกร์ของผมจะถูกเอาไป ......
คราวนี้ผมจะสู้.....
วันนี้ผมมีเงินเก็บอยู่กับตัวหลังจากลงทุนพิมพ์หนังสือของตัวเองประมาณแปดพัน
วันนี้ผมจะไปที่มติชน ไม่รู้ว่าเงินแค่นี้จะช่วยซื้อหุ้นคืนมาได้แค่ไหน แต่ผมก็ยอม......
ผมไม่ได้สู้เพื่อชาติ หรือ เพื่อคนอื่น หรือเพื่อวงการสื่อ หรือเพื่อสังคมอะไร ผมคงไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น
แต่วันนี้ผมจะสู้เพื่อตัวเอง
เพื่อ เอาวันศุกร์ของผมกลับคืนมา....

จากใจผู้เขียน
เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งกับผมเมื่อรายการของสรยุทธ์กับกนกโดนแบน จากใครก็ไม่รู้...
สมัยยังทำอยู่ที่ยูบีซี8
มีคนขโมยเวลาเช้าของผมไป ครั้งนั้นผมไม่มีตังค์ ไม่มีอะไรจะสู้ ทำได้แค่เขียนจดหมายไปให้กำลังใจพวกพี่ๆที่เนชั่นเท่านั้นเอง....



Create Date : 16 กันยายน 2548
Last Update : 16 กันยายน 2548 9:50:48 น. 20 comments
Counter : 473 Pageviews.

 
อืมม อ่านแล้วให้ความรู้สึกค่ะคุณปอนด์ ดูเหมือนจะเป็นวิถีชีวิตที่สงบๆ ดีจัง (แอบอิจฉา)

บางทีเสียงเล็กๆ ของเราหนึ่งเสียง เงินก้อนเล็กๆ ของเราหนึ่งก้อน ...มันก็อาจส่งผลที่ยิ่งใหญ่ได้นะคะ...ถ้าส่วนเล็กๆ หลายๆ ส่วนมารวมตัวกัน...

เอาใจช่วย...ทวงเช้าวันศุกร์ที่สงบสุขของคุณปอนด์กลับคืนมาค่ะ


โดย: Hachimitsu วันที่: 16 กันยายน 2548 เวลา:10:14:46 น.  

 
ขอบคุณครับคุณผึ้งคือที่ผมเป็นห่วงเมืองไทยของเราจริงๆก็คือ
คือประเด็นที่ผมเป็นห่วงไม่มีอะไรมากกว่าการที่นับวันสังคมของเราขาดทางเลือกลงทุกทีครับ...
ที่น่ากลัวคือบางที่เราอาจไม่รู้สึก.....
การผูกขาดสื่อน่ากลัวมากเพราะจะเหลือคนกำหนดวาระของสังคมเพียงไม่กี่คนยกตัวอย่างเช่นเรื่องเพลงก็ได้ครับ
เราอาจจะรู้สึกว่าเราเลือกฟังเพลงหลายแนวๆอะไรก็ได้
ฮิพฮอพ ป็อบ ร็อค บอยแบนด์ เกริลกรุ๊บมากมายหลายวง เดือนหนึ่งมีศิลปินออกมาเป็นร้อยๆเพลง
เรามีความสุขกับการเลือกจริงๆ แต่ มันผ่านการเลือกให้เราชอบจากคนเพียงไม่กี่คน
เพลงเป็นพันๆเพลงในแต่ละปี 990 เพลงจะพูดแต่เรื่องความรัก.... เท่านั้นเอง เมืองไทยยังมีอีกหลายเรื่องให้ต้องห่วงใหญ่ไม่ใช่เหรอครับ



โดย: ช่างประชันพันธุ์ประชด (ช่างประชันพันธุ์ประชด ) วันที่: 16 กันยายน 2548 เวลา:11:25:44 น.  

 
ไปโพสกระทู้ไว้ในห้องสินธรด้วยครับมีคนตอบประเด็นต่างๆได้ชัดเจนมากอย่างคุณคนนี้ครับเลยนำมาให้อ่านกัน




...คำถามฮอตฮิต "ไม่อยากโดนซื้อ แล้วเอามาขายทำไม?"


ได้แต่บอกไปแบบนี้....แน่นอนมันไม่ถูกต้องเสียทีเดียว อาจคลาดเคลื่อนเพราะความไม่เข้าใจลึกซึ้ง ยินดีแลกเปลี่ยนมุมมองค่ะ

อย่างแรกที่มติชนเอาเข้าตลาด ใครที่ว่าเพราะเค้าต้องการเงินเห็นแก่เงิน มันไม่ใช่ประเด็นนะคะ เราคิดว่ามติชนไม่ได้เสวยสุขจากเงิน อันเป็นผลจากการเอาเข้าตลาดหรอก การที่มติฯเอาเข้าตลาดเพราะต้องการระดมทุน (ทำคนเดียวไม่ไหวเงินไม่พอค่ะ) ทางมติฯเองก้บอกว่า เอาเข้าเพื่อให้หลายๆคนที่รักทางด้านนี้ได้ร่วมกันเป็นเจ้าของ บางคนอาจไม่เข้าใจว่าแล้วไมต้องระดมทุนทำเท่าที่มีไปซิ แบบนี้ต้องคุยกันต่อในเรื่องประโยชน์ที่ได้จากการระดมทุน ทุนเยอะๆมันช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น เครื่องไม้เครื่องมือพร้อม ตึก แท่นพิมพืรถส่งต้องใช้เงินซื้อนะคะ ขืนมีน้อยๆก้ทำได้ไม่ดี ดีไม่ดีราคาหนังสือพิมพ์จะแพงกว่านี้อีก เห็นง่ายๆดูซิค่ะห้างใหญ่ๆอย่างแมคโคร โลตัส เค้าถึงขายของได้ถูกกว่าอาเฮียร้ายโชว์ห่วย เห็นมั๊ยค่ะ เราต้องปกป้องอันตรายจากกลุ่มทุนขนาดไหน ไม่ใช่มีเงินมากต้องเลวนะคะ เพียงแต่การผูกขาด การที่คนไม่กี่กลุ่มสามารถผูกขาดมีอำนาจมากเกินไปมันน่าระแวงว่าจะเป็นการไม่ดี (ประวัติศาสตร์สอนมาแบบนี้เหมือนกัน) วิชาการหน่อยเค้าเรียกว่าจะเกิดการประหยัดจากขนาดค่ะไม่

แต่เอาเข้าตลาดเเล้ว ต้องยอมรับซิว่าคนอื่นมาซื้อได้ !!! ...ก็ใช่ค่ะ นี่ล่ะค่ะ ที่เราออกมาต่อต้านทุนนิยม ไม่ใช่แค่หุ้นมติชนนะคะ กิจกรรมอื่นๆ คนที่มีทุนมากเค้าครอบงำได้ ทำตามกฎก้ได้มาถูกต้องเชียวค่ะ ถูกตามกฎกติกานะคะ แต่อาจไม่ถูกทางศีลธรรม ในเมื่อเค้ามีทุน ทำอะไรก้ได้(แถมมาถูกกติกาได้ด้วย) เราจะเอาอะไรไปสู้ล่ะคะ มองเห็นตอนนี้ก็พลังมวลชนไงคะ จะบอกว่าเอาเข้าตลาดใครจะซื้อก้ชื้อได้ น่ากลัวนะคะ กติกาบางที่คนบางกลุ่มตั้ง บางที่มันมีปัจจัยอื่นๆเป็นเงื่อนไข ไม่ใช่เป็นกติกาที่จะก่อให้เกิดความยุติธรรมเสมอไปนี่คะ เราต้องช่วยกันดูค่ะ มีอะไรไม่ชอบมาพากลบ้าง เคยได้ยินแบบนี้มั๊ย อาศัยช่องโว่บ้างล่ะ เลี่ยงบาลีมั่งล่ะ สร้างกฏที่เอื้อต่อตัวเองบ้างล่ะ

คุณมาดูตรงนี้ก่อน ใครก็ตามที่ถือสื่อในมือมากมายมหาศาล คุณคิดว่าอันตรายมั๊ยค่ะ.....ใช่ค่ะ เค้ามีเงินมาตามกฏที่เผอิญเราตั้งกติกาให้ทำได้ แต่เราอย่าลืมคิดด้วย มันมีผลอย่างไร ถ้าดูไม่ชอบมาพากล มันก็น่าให้บางคนเค้าออกมาต่อต้านอยู่นะคะ

รู้มั๊ยค่ะ เค้ามีกฏหมายไม่ให้ผูกขาดสินค้า กฏอื่นๆอีก ที่คอยปกป้องเราเพราะว่าเค้ารู้ค่ะ ว่าคนที่มีทุนมากเค้าจะได้เปรียบ ยิ่งมีมากก็สร้างอาณาจักรไปเรื่อยๆ น่ากลัวนะคะ เราหาเงินได้เดืนอละ 10000แต่จำเป็นใช้เงิน 9000 เหลือไว้ต่อยอดรึเก็บแค่ 1000 แต่คนรวยหาได้ 100000เค้าจำเป็นใช้แค่50000 ก็พอ เห็นมั๊ยค่ะ การหาได้ต่อการจำเป้นต้องใช้เงิน คนจนจะเหลือเงินน้อย ดีไม่ดีไม่พอใช้ นี่ล่ะคะคนรวยหาได้มากแต่ใช้ไม่มากเท่าที่หาได้เหลือเงินเยอะเชียว ก้จะมีทุนมาก ถึงขยายธุรกิจได้มากกว่าเรา มากไปเรื่อยๆเลย การเก็บภาษีก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ช่องว่างเรื่องรายได้ไม่มากเกินไป คือทำได้มากก็เก็บมาก

ให้ต่างชาติถือหุ้นไม่อันตรายกว่าหรือ? ..ตามกฏหมาย ต่างชาติถือได้ไม่เกิน 49% ค่ะ บางส่วนซื้อแบบNVDR ที่ออกเสียงไม่ได้ ตอนนั้นไม่ใช่แค่มติชนกิจการอื่นก้เหมือนกันเจอภาวะเศรษฐกิจแย่ๆ จำต้องให้ต่างชาติมาถือหุ้นด้วยทั้งนั้น ลำพังทุนในประเทสไม่พอเพียงค่ะ ...เกือบลืมถามว่าไม่น่ากลัวกว่าให้คนไทยถือรึ(อากู๋ถือกว่าไม่ดีกว่ารึ) ก้ต่างชาติส่วนใหญ่เค้าเป็นกองทุน พวกกองทุนนี่ไม่ใช่เงินใครคนหนึ่งนะ เป็นคนที่ดูแลเงินกลุ่มก้อนหนึ่งของคนอื่นๆเอามาลงทุนให้เค้า พวกนี้เห็นมติชนทำงานได้ดีผลตอบแทนน่าพอใจเค้าก้เห็นด้วยให้ทำงานกันเองไม่มาแทรกแทรงการทำงานอยู่แล้ว (ข้อนี้เราอธิบายไม่ได้ดีมีอะไรก้มาแลกเปลี่ยนกันได้ค่ะ) ส่วนคนไทย ในกรณี้นี้น่ากลัวกว่าค่ะ เพราะเป็นคนกลุ่มเดียวจะมาถือส่วนมากและมีแนวโน้มจะครอบงำการทำงาน แถมยังน่าระแวงอีกว่าเป้นตัวแทนกลุ่มการเมือง

แล้วทำไมไม่ถือไว้เองให้เกินครึ่ง? ...ไม่รู้ดิค่ะ แฮะๆ คงเพราะเงินไม่พอ รึไม่ อาจคิดว่าหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในที่ๆปลอดภับ เพื่อนฝูงที่สนิท(คิดแนวเดียวกัน) ก็ถืออยู่รวมกันก้มากอยู่ ก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเค้าไม่กลัวรึไม่คิดว่าจะมีคนมาเทคฯรึ

ความไม่รอบคอบ?...เราก้คิดนะ สงสัยไม่รอบคอบ ไม่ดุแลดีๆ ปล่อยราคาหุ้นก้ถูกเกินไป บางคนงงถูกเกินไปหมายความว่าไง ...(เราไม่เชี่ยวชาญเท่าไหร่นะ)คือหุ้นมติชนช่วงปกติราคาอยู่ที่ 7-8 บาทใช่ป่ะ แต่จริงๆจะด้วยมูลค่าความเป็นแบรนมติชนที่น่าเชื่อถือ(แบรนมีค่านะ ดูที่เค้าขอซื้อชื่อบางชื่อเอาไปทำธุรกิจดิ ) ตัวตึก ตัวแท่นพิมพื รถสายส่งไรแบบนี้ ถ้าเอามารมๆกัน แล้วหารออกมา เทียบกะราคาหุ้น ดีไม่ดี ค่าของหุ้นมติชนจริงๆน่าจะแพงกว่า 8 บาท เห็นมั๊ยของดีราคาถูกกว่าความเป้นจริง ใครก้อยากได้

อากู๋ซื้อตามตลาดมาแบบสง่าผ่าเผยผิดอะไร? ...ตามกติกาตลาดมาถูกต้องค่ะ คุยมุมนี้เพิ่มนะคะ อากู๋กะผุ้ใหญ่ทางมติชน สนิทสนมเป็นเพื่อนกัน คุณยากมาทำงานกับมติชนมาหุ้นกัน ทำไมไม่บอกกันดีๆ แอบมาแบบนี้มาเอาของเพื่อนแบบนี้ มองแบบเพื่อนฝูงสง่างามมั๊ยค่ะ แถมการมาซื้อนี้ไม่ใช่การไปซื้อขายปกติในตลาดนะคะ เป็นบิกล็อท แบบที่อากู๋แอบไปคุยกะต่างชาติที่ถือหุ้นรายใหญ่อยู่ แอบไปทำแบบนี้เพื่อเอาของเพื่อนที่เจอหน้ากินข้าวด้วยกัน เหมือนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดเนอะ

แถมกวาดซื้อเรียบสอง สื่อเลย ดุไม่ชอบมาพากลไปใหญ่ แต่เราจะคุยเรื่องแค่ เอามาเข้าตลาดทำไม เรื่องความไม่ชอบมาพากลจึงควรคุยในโอกาสต่อไป

คนที่ต่อต้านในครั้งนี้เค้าไม่ได้มองว่าอากู๋เข้ามาซื้อถูกตามกฏเกณร์หรือไม่สักเท่าไหร่ แต่เค้าระแวงว่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งถือครองสื่อมากเกินไป แถมหากมีการเมืองด้วยจะยิ่งอันตราย เค้ากลัวคนมีเงินมีทุนมากๆจะครอบงำน่ะคะ

ยาวมาก ไม่ต้องอ่านจบก้ได้แค่อยากระบายค่ะ

จากคุณ : บัวอื่น (lotus_etc) - [ 16 ก.ย. 48 11:06:12 ]


โดย: ช่างประชันพันธุ์ประชด (ช่างประชันพันธุ์ประชด ) วันที่: 16 กันยายน 2548 เวลา:11:28:04 น.  

 
คิดว่าช่วงแรกๆ เรายังได้สัมผัสกับ มติชนของเราอยู่ค่ะ..

แต่...ไม่นานหรอกค่ะ จะกลายเป็น มติชนของเขา..


โดย: ธูปหอมเทียนสว่าง วันที่: 16 กันยายน 2548 เวลา:11:52:03 น.  

 
เข้ามาเยี่ยมเยียนครับ บังเอิญกระผมไม่ใช่แฟนหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ครับ....ไม่คอมเม้นท์แล้วกันครับผม


โดย: POL_US วันที่: 16 กันยายน 2548 เวลา:14:01:25 น.  

 
เป็นอีกคนที่กำลังมีความรู้สึกสูญเสียเหมือนกันค่ะ...

ซื้อทุกศุกร์...อ่านกันทั้งครอบครัว

หน้าแรกที่ต้องอ่านคือ บท บกบห

เรื่องราวของ "หญิงไทย สามีฝรั่ง" เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ นานหลายฉบับแล้ว

หนังสือมีแนวทางของตนเองชัดเจน

ถ้าวันนึงมันต้องเปลี่ยนไป...ก็ยังไม่รู้ว่าจะอยากอ่านเหมือนก่อนอีกมั้ย

เหมือนที่ก่อนหน้านี้ หนังสือ POP กลายพันธุ์เป็น POPTEEN มันทำเราเจ็บปวดมากและเลิกซื้อไปเลย

บางสิ่งต้องเปลี่ยนตามกาลเวลา แต่ว่าถ้าเรายังไม่พร้อมจะรับความเปลี่ยนแปลงนั้น...

เอ้อ บ่นมากจัง

เอาเป็นว่าคิดเหมือนคุณเจ้าของบล็อกล่ะค่ะ


โดย: เมื่อไหร่จะมีชื่อที่ใครพอใจ IP: 61.90.139.83 วันที่: 16 กันยายน 2548 เวลา:14:23:12 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ ........... และมาให้กำลังใจค่ะ ............
เป็นบทความที่น่าอ่านมาก ๆ ค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ เข้าใจ และรับรู้ได้เลยค่ะ ........

.......... ไม่ค่อยได้อ่านหรอกค่ะ นสพ.ของมติชน ส่วนมากจะอ่านแต่พ๊อตเก็ตบุ๊คค่ะ.... น่าเสียดายนะคะ ......... ถ้าสิ่งดี ๆ ที่อยู่คู่กับคนไทยมาเป็นร่วมกรือกว่าเวลา 30 ปี (รึป่าวคะ) .... จะต้องสูญสลายไป (หมายถึงสลายในทางเนือ้หาน่ะค่ะ)

........ ในฐานะสื่อมวลชนคนนึง ก็รู้สึกไม่ดีค่ะ ใจหาย....... สมัยไปฝึกงานที่นั่น แอบชื่นชมและปลื้ม คุณขรรค์ชัย ตลอดเลยค่ะ

.......... ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนค่ะ....


โดย: largeface วันที่: 16 กันยายน 2548 เวลา:18:32:37 น.  

 
shadow-of-art (shadow-of-art )


โดย: 16 กันยายน 2548 IP: วันที่: 18:56:43 เวลา:203.113.71.165 น.  

 
โทษที ข้างบนผิดพลาดไปหน่อย
ตอนนี้ได้ข่าวมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
แวะมาช่วยพูดกันให้มากๆ สะท้อนเยอะๆ
ดีแล้วนะ....ยังไงก็ขอให้สังคมไทย
ร่วมกันพิจารณาด้วย
บางอย่างแม้มีเจ้าของในรูปธรรม
แต่นามธรรมนั้นเป็นของมวลมนุษยชาติ

ก็สมองและสติปัญญาของคนเขียนคนทำหนังสือไงคะ


โดย: shadow-of-art (shadow-of-art ) วันที่: 16 กันยายน 2548 เวลา:19:02:00 น.  

 
ดีใจนะครับที่มีคนห่วงใยมติชนขนาดนี้ ได้เห็นน้ำใจของคนไทย
ถึง ณ ตอนนี้ สถานการณ์จะคลี่คลายแล้ว
ผมก็ขอฝากกำลังใจให้มติชนอีกแรงครับ

friend of matichon


โดย: แบ่งกันเซ็ง IP: 58.10.53.125 วันที่: 16 กันยายน 2548 เวลา:21:37:08 น.  

 
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าสถานการณ์คลี่คลายได้ไหม

เพราะวันนี้ มติชนตกลงซื้อหุ้นคืนจากแกรมมี่ 12 เปอร์เซนต์ ในราคาที่แกรมมี่ กำไรหุ้นละอย่างน้อย 3 บาท หรือประมาณ 40 เปอร์เซนต์ จากที่แกรมมี่ไปลงทุนซื้อไว้หุ้นละ 8 บาท - เข้าใจว่าแกรมมี่จะกำไรประมาณ 100 ล้านบาท น่ะ ( ฟ้งคร่าวๆจากวิทยุ นะครับ )

ไม่รู้ว่าทำงานกี่วัน ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่นะ กำไร เฉยๆ ร้อยล้าน มาจาก เนื้อล้วนๆที่มติชนต้องเฉือนตัวเองมารักษาชีวิตไว้



โดย: รถเล็ก IP: 61.91.247.24 วันที่: 16 กันยายน 2548 เวลา:23:39:59 น.  

 
ขอบคุณครับทุกๆคน
ขอบคุณน้ำผึ้งสำหรับกำลังใจและการเยี่ยมเยือนเสมอมาดีใจที่ช่วงนี้คงทำภาระกิจเสร็จสิ้นจึงมีเวลามาเยี่ยมเยือนเพื่อนๆอีกบ่อยๆนะครับ
ขอบคุณคุณธูปหอมที่เข้ามาตอบในสิ่งที่ผมก็กลัวเช่นเดียวกันครับ
ขอบคุณๆpol_us ครับถึงไม่เป็นแฟนมติชนก็ไม่เป็นไรครับยังไงก็ขอบคุณสำหรบการเยี่ยมเยียอนกันเสมอมา
ขอบคุณ คุณเมื่อไหร่จะมีชื่อที่ใครพอใจ....ที่มาแชร์ประสพการณ์ครับผมเองก็เข้าใจเลยล่ะครับเห้อและเห็นด้วยครับว่ามันทำใจยากจริงๆ
ขอบคุณๆlargeface ครับสำหรับการคนทำสื่อที่ห่วงใยคนไทย และกำลังใจดีๆครับ
ขอบคุณคุณshadows of art สำหรับแง่คิดดีๆครับ
ขอบคุณๆแบ่งกันเซ็งเช่นเดี่ยวกันครับผมเองก็ดีใจเหมือนกันครับที่เห็นน้ำใจคนไทยเช่นเดียวกัน
ขอบคุณๆรถเล็กสำหรับการเยี่ยมเยือนเสมอๆ และข้อสังเกตุที่ทำให้เราต้องจับตาดูต่อไปครับ
รวมๆกันว่าขอบคุณทุกคนนะครับ


โดย: ช่างประชันพันธุ์ประชด (ช่างประชันพันธุ์ประชด ) วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:0:15:00 น.  

 
ชอบอ่านเหมือนกันเลยนิ คอลัมน์เดียวกันด้วย
อ้อ ผมมีของอีตาเกจินู๊ด อีกคน ฮ่า

ทุกวันศุกร์เที่ยงผมก็ไปคอยที่แผงหนังสือเหมือนกัน (ทำไมแถวบ้านผมมันมาตอนเที่ยงฟะ?)

"มะติสุด" คือรหัสลับระหว่างผมกะน้องคนขาย(สวย)

โอเช


โดย: หมาร่าหมาหรอด วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:7:56:24 น.  

 


เราชอบอ่านงานของ คุณหนุ่ม เมืองจันทร์ มากๆ

ชอบมติชนสุดสัปดาห์ ชอบมติชนวันอาทิตย์

ชอบพ็อคเก็ตบุคหลายๆเล่ม ของเครือมติชน




ขอส่งอีกหนึ่งแรงใจ


โดย: มัชฌิมา วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:8:54:31 น.  

 


โดย: ninja IP: 203.151.140.120 วันที่: 17 กันยายน 2548 เวลา:13:33:18 น.  

 
เขียนดีเหมือนเคยนะคะ


เราเองค่อนข้างเชื่อมั่นว่าวัฒนธรรมและคนของ "มติชน" เองนั้นเข้มแข็งพอที่จะนำพามติชนให้รอดพ้นได้ในที่สุดอะนะ

อากู๋เองก็ไม่น่าจะอยากเสีย "ภาพ" มากขนาดนั้นล่ะมั้ง


ท้ายที่สุดก็น่าจะล่าถอยออกมาแหละ



ความเข้มแข็งของคนในองค์กรสำคัญในเวลาอย่างนี้แหละค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 18 กันยายน 2548 เวลา:22:01:43 น.  

 
ผมเป็นแฟนหนังสือ มติชนรายสัปดาห์ ครับ
ฟาสฟูตท์ธุรกิจ ของ หนุ่มเมืองจันทร์ เป็นคอลัมน์แรกๆ ที่ผมเปิดอ่าน
2 นาที ของป๋า 'รงษ์ นี่ก็แทบไม่พลาด ผมเป็นแฟนแก (HA-HA)
คอลัมน์อื่นๆ ก็ดีๆ ทั้งนั้น

ดีแล้วครับที่อากู๋ถอยออกมา
ว่าแต่ว่าใครไหวตัวไม่ทันตอนตลาดเปิดที่หุ้นตกลงมา
ได้หนาวดึ๋งกันแน่ๆ ขึ้นพรวด ลงพรวด .. อิอิ


โดย: กึ่งยิงกึ่งผ่าน วันที่: 19 กันยายน 2548 เวลา:0:34:17 น.  

 
อยากรู้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมลองอ่านดู
//www.pantip.com/~nation/200509/19/news8.html
//www.pantip.com/~nation/200509/19/news11.html


โดย: คนกลาง IP: 58.9.3.72 วันที่: 19 กันยายน 2548 เวลา:23:31:56 น.  

 
อยากรู้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมลองอ่านดู

กลต.ชี้ซื้อหุ้นมติชนไม่ผิดกฏแต่ยังสอบอินไซเดอร์
นายชาลี จันทนยิ่งยง ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยการที่ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อหุ้นของ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ถึงร้อยละ 32.23 จะเข้าข่ายผิดกฎหมายคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือไม่ เพราะไม่ได้รายงานการถือครองหุ้นการซื้อขายหุ้นทุก ๆ ร้อยละ 5 โดยระบุว่าจากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่าไม่ผิดกฏหมาย เพราะการเข้าซื้อหุ้นไม่ใช่การไล่ซื้อหุ้นในกระดาน เป็นการตกลงซื้อจากนักลงทุนที่ตกลงกันนอกรอบ ซึ่งนักลงทุนบางคนก็ขายหุ้นไม่ถึงร้อยละ 5 และจีเอ็มเอ็ม มีเดีย ตกลงซื้อหุ้นล็อตใหญ่จำนวนร้อยละ 32.23 ภายในวันเดียว และรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันทำการถัดมา ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ของ ก.ล.ต.
ส่วนกรณีที่ตั้งข้อสังเกตว่าใช้ข้อมูลภายใน (อินไซเดอร์) เพื่อดันราคาหุ้นมติชนให้สูงขึ้นก่อนที่จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จะเข้ามาซื้อหุ้นนั้น นายชาลี กล่าวว่า ก.ล.ต.กำลังติดตามดูอยู่ว่ามีรายการใดที่ผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะรายการที่มีข่าวครึกโครม ก.ล.ต.ต้องตรวจสอบให้ละเอียดว่ามีใครสร้างข่าวหรือหาประโยชน์ที่ผิดปกติหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมี ตลท. ที่จะเป็นด่านแรกในการตรวจสอบ ซึ่งหากพบความผิดปกติก็จะส่งเรื่องให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต. กำลังรอข้อมูลจาก ตลท. อยู่
นายชาลี กล่าวว่า จนถึงขณะนี้แกรมมี่ยังไม่ได้ยื่นหนังสือเพื่อขอยกเลิกการจัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์คืนจากผู้ถือหุ้นรายย่อย (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) หลังจากมีข้อยุติในการขายหุ้นคืนให้แก่นายขรรค์ชัย บุนปาน จำนวนร้อยละ 12.23 ทำให้แกรมมี่ถือหุ้นอยู่ไม่เกินร้อยละ 20 และไม่ต้องจัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ เนื่องจากถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 25 แต่ก็ยังไม่ครบกำหนดเวลาที่แกรมมี่ต้องแจ้งภายใน 7 วัน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 22 กันยายน
ยอมรับว่าแกรมมี่ได้เข้ามาหารือกับ ก.ล.ต. ถึงกระบวนการและขั้นตอน หากแกรมมี่จะถอยด้วยการขายหุ้นคืนให้กับนายขรรค์ชัย บุนปาน โดยได้มาปรึกษาในการขอขยายเวลาและผ่อนผันการยกเลิกทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ซึ่งกำหนดไว้ภายใน 7 วัน เนื่องจากต้องรอความพร้อมและความชัดเจนทางการเงินของนายขรรค์ชัย ซึ่ง ก.ล.ต. ก็ให้คำตอบว่าสามารถทำได้ โดย ก.ล.ต. จะพิจารณาเหตุผลเป็นหลัก นายชาลี กล่าว
ทั้งนี้ หากนายขรรค์ชัย ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 25 ตามกฎ ก.ล.ต. จะต้องจัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์คืนทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ โดยราคาที่จะทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ จะต้องเป็นราคาสูงสุดที่นายขรรค์ชัย หรือบุคคลรอบข้างที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดได้หุ้นมา
นายชาลี ยืนยันว่าการเทคโอเวอร์แบบไม่เป็นมิตรในกรณีนี้ไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้าย แต่ไม่ได้เกิดบ่อยครั้งนักสำหรับวัฒนธรรมของไทย เพราะบริษัทที่เข้าเทคโอเวอร์จะพบอุปสรรคในการต่อสู้กับผู้บริหารชุดเก่า แต่องค์กรต่างประเทศเห็นว่าหากตลาดหลักทรัพย์ใดที่มีกฎเกณฑ์เป็นอุปสรรคต่อการเทคโอเวอร์แบบไม่เป็นมิตร ถือว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และนำกรณีนี้มาพิจารณาในการให้คะแนนบรรษัทภิบาลด้วย เพราะถือว่าการเทคโอเวอร์แบบไม่เป็นมิตรถือเป็นกลไกที่จะทำให้นักลงทุนรายย่อยเข้ามาตรวจสอบฝ่ายบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับนักลงทุนรายย่อย เพราะหากว่ามีกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคก็อาจจะทำให้ฝ่ายจัดการใช้กฎเกณฑ์นั้นปกป้องตัวเอง ในการกระทำที่อาจจะเป็นการเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อย


19 ก.ย. 2548 15:40 น.


โดย: ให้ข่าวเพิ่มเติม IP: 58.9.3.72 วันที่: 19 กันยายน 2548 เวลา:23:33:37 น.  

 
อยากรู้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมลองอ่านดู
ตลท.เผยผลสอบแกรมมี่ซื้อหุ้นมติชนไม่พบอินไซเดอร์
นายสุทธิชัย จิตรวณิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่าฝ่ายกฎหมายของ ตลท. ตรวจสอบการใช้ข้อมูลภายใน (อินไซเดอร์) กรณีการซื้อขายหุ้นบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) จากกรณีการซื้อหุ้นมติชนของบริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ GMMM ว่า จากการติดตามการซื้อขายพบว่า มีการซื้อขายแบบหักกลบหลักทรัพย์ตัวเดียวกันในวันเดียวกัน (เน็ตเซตเทิลเมนต์) รวมถึงมีการซื้อขายหลายรอบเป็นส่วนใหญ่ เท่าที่ดูไม่พบผิดปกติ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกฎหมาย ตลท. และไม่จำเป็นต้องดูแลนักลงทุน เพราะนักลงทุนสามารถดูแลตัวเองได้ อีกทั้งมีส่วนต่างทำให้ได้กำไรอยู่บ้างแล้ว



โดย: ให้ข่าวเพิ่มเติม IP: 58.9.3.72 วันที่: 19 กันยายน 2548 เวลา:23:34:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ช่างประชันพันธุ์ประชด
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นักเขียน / คอลัมนิสต์
Friends' blogs
[Add ช่างประชันพันธุ์ประชด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.