|
เรื่องสั้น "ธรรมะ"
Zen in the city ธรรมะที่แท้
. ..
. ธรรมะ ธรรมะ คือ ........ ธรรมะคืออะไร ??? ธรรมะ คือ ความว่าง
.
ธรรมะคือ ความว่าง ....แล้ว ความว่างคืออะไรล่ะ แล้ว ธรรมมะคือการว่างจากอะไรล่ะ
อืม.............ธรรมมะ....ว่ากันว่าคือความว่าง ความว่างน่าจะมาจากการว่างจาก กิเลส ความโลภ ลาภยศสรรเสริญ...
ตกลง ธรรมะคือความว่างใช่ไหม ว่างจากกิเลสใช่ไหม แล้วกิเลสมีกี่ประเภทล่ะจงบอกมาเป็นข้อๆสิ ความโลภมีกี่ประเภท เรา ว่าน่าจะมีอย่างน้อย 3 ประเภท โลภ ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งแย่มาก โลภ อยากได้ของเขาเป็นของเรา ซึ่งทุเรศมาก และ โลภ อยากให้คนอื่นเป็นอย่างที่เราคิด ซึ่ง บัดซบที่สุด......................
อ้าวนาย สอนธรรมะด้วยคำหยาบอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน ไหนลองบอกมาสิว่าคำสอนนี้มาจากพระไตรปิฎกหมวดไหน พระพุทธเจ้าว่าไว้จริงหรือเปล่า แล้วนายนี่ได้อ่านมาจริงหรือเปล่า เดี๋ยวนี้คนสอนธรรมมะมั่วๆเยอะนะ คุณมาพูดดูถูกว่าเรื่องศาสนาอย่างนี้ คุณมันก็คือพวกมารศาสนา ไอ้ชั่ว...ไอ้เลว ไปตายไป ตายไปแล้วขอให้ตกนรกหมกไหม้ ไอ้คน ระยำ................ เห้ย...ทำอะไรน่ะ ....................................................................ปัง!!!!!!!!!!!!!!!!....................................................... ปากอย่างนี้ ตาย ห่าไปเสียเถอะมึง........... แม่ พ่อฝากดูลูกด้วยนะ ตำรวจคงตามล่าพ่อแน่ๆ ถ้าลูกถามฝากบอกมันด้วยนะ ว่าพ่อทำเพื่อปกป้องศาสนา....... แม่ครับ พ่อไปไหนครับ พ่อคงไม่กลับมาแล้วล่ะลูก จำไว้นะเราต้องอดทน ถ้า ลูกมีทุกข์เมื่อไหร่จงคิดถึงธรรมะเข้าไว้ เราเป็นชาวพุทธนะลูก จงให้การบวชให้พ่อเป็นโอกาศในการศึกษาธรรมมะนะลูก ........................................................................................... .................................................................... ................................................. .............. .. .
พระคุณเจ้าครับ ธรรมะคืออะไรครับ??? (-_-) .............................. ........ ..
ทำไมท่านไม่ตอบแหะ??? ไปหาพระวัดอื่นเถอะพวกเรา ....
Create Date : 01 ตุลาคม 2552 | | |
Last Update : 1 ตุลาคม 2552 13:37:17 น. |
Counter : 558 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สอน โดย ไม่ สอน
สอน โดย ไม่สอน ช่วงแรกๆที่ผม สนใจเรื่องเกี่ยวกับเซน ดูจะหาตำราที่ แยกเป็นเอกเทศหมวดหมู่ได้ยากมาก คือ มักจะพบกล่าวถึงเกร็ด ต่างๆซะมากกว่า เช่นคำสอนของปรมจารย์ทางเซน ซึ่งผมรู้สึกว่าหลายๆท่านสอนได้ แหวกดี แต่พอเริ่มรวบรวมแนวคิดต่างๆมากขึ้นก็รู้แล้วว่า ไม่แปลก ผมรู้สึกว่าปรมาจารย์ทางเซน หลายๆท่านนั้นคล้ายผู้กำกับหนัง อินดี้ ซึ่งบางครั้งก็ทำหนังดูแล้วตัวเองก็เข้าใจอย่างหนึ่ง แต่คนดูไปตีความอีกอย่างหนึ่ง ตามจริตของแต่ละคน นักวิจารณ์บางท่านอาจซึมทราบกับ ภาพที่สั่นไหว โดยตีความว่าเกิดจากความพยายามแสดงอารมณ์ อันหวั่นไหวของตัวละคร ในขณะที่จริงๆแล้วภาพที่สั่นอาจเกิดจากตากล้อง ทะเลาะกับเมียเลยลืมขาตั้งกล้องมา โอ๊ตเพื่อนผมเคยบอกว่าเคยดูหนังอินดี้เรื่องหนึ่งแล้วตื่นตาตื่นใจกับการนำเสนอของผู้กำกับมาก ตัวละครดูไม่มีที่มาที่ไป ดำเนินเรื่องไปสิบห้านาทีพระเอกตายซะงั้น มันบอกว่ารู้สึกถึงความกล้าหาญของผู้กำกับมากที่ กล้า ฆ่าพระเอกภายในสิบห้านาทีแรกทำให้มันอยากรู้ว่าเรื่องที่เหลือจะดำเนินต่อยังไง แต่ดูไปอีกสองนาที...........หนังจบแล้ว..... โอ้โห เป็นงานที่กระชากใจผู้ชมยิ่งนักที่ให้บทสรุปอัน ห้วนสั้น ที่ทิ้งปมสงสัยไว้กองพะเนินให้กับจิตใจผู้ชม มันยอมรับว่าไม่เคย ติดใจ หนังเรื่องใดเท่าเรื่องนี้มาก่อน นี่อาจเป็นความ สุดยอดของผู้กำกับ ที่กล้า เล่น กับความรู้สึกคนดูขนาดนี้..... หนังจบเอาแผ่น (วีซีดี) ออกจากเครื่อง ถึงกับทำให้มันพิจารณาที่แผ่นอย่างละเอียดมิได้........... แล้วความกระจ่าง ก็ เกิดขึ้นกับมันเหมือน ฟ้าผ่ากลางหน้าแล้ง.............. บางครั้งความรู้แจ้งอาจเกิดขึ้นเอง..........
......................................................แผ่นที่สอง..B..............................................................................
..(-_-)............. ......นี่ตูหยิบแผ่นผิดนี่หว่า.............. อืม นี่อาจเป็นความตั้งใจของผู้กำกับก็ได้(มั้ง) ถ้าดูแผ่น A ก่อน ความรู้สึกมันอาจต่างจากนี้ก็ได้....... แต่ ปรมาจารย์ทางเซนคงเข้าใจในจุดนี้ ถึง เป็นตำราคัมภีร์ หรือ เป็นแบบแผน อย่างไร สิ่งใดๆในโลกก็ล้วนแต่ต้องผ่านการตีความ เฉพาะ บุคคล อยู่ดี ซึ่งประสบการณ์แต่ละคนย่อมต่างกัน การรู้แจ้ง เป็นแนวทางเฉพาะบุคคล แต่ละคนต้องแสวงหาหนทางของตนเอง ดังนั้น หลายๆท่านจึงเลือกที่จะ สอน โดย ไม่สอน สอน โดย ไม่ต้องพูด สอน โดยสัญลักษณ์ สอน ด้วยคำพูดแปลกๆ บาง ท่านสอนด้วยงานศิลปะ ( ศิลปะ หลาย แขนง ในจีน หรือ ญี่ปุ่น ล้วนได้รับ อิทธิพลจากแนวทางเซนค่อนข้างมาก) เชื่อกันว่า คำสอนแนวทาง เซน ครั้งแรกเกิดขึ้น เมื่อ พระพุทธเจ้า ประชุม สงฆ์ ที่ ภูเขา คิชกูฎ อยู่ๆ พระองค์ก็ หยิบ ดอกไม้ ช่อหนึ่ง ที่ พุทธศาสนิกชนนำมาถวาย ขึ้นมาโดยไม่ได้พูดอะไร..... พระสงฆ์ ที่ มาร่วมประชุม ก็ นั่งนิ่ง....... ไม่แปลก...... เป็นคุณ หรือ ผมก็คงจะทำอย่างนั้น..... แต่ มี พระ รูปหนึ่ง ที่ต่างออกไป........ พระมหากัสปะ เถระ ท่านยิ้ม พระพุทธเจ้า จึง ทรง มอบช่อดอกไม้ให้ แล้วตรัสว่า ดูกร มหากัสสปะ.....เราขอมอบทรัพย์อันประเสริฐ คือ โลกุตตรธรรมนี้ให้แก่เธอ ณ บัดนี้ (ที่มา ที่เดิม จากหนังสือ นิกายเซน เขียนโดย มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช) และ พระมหากัสปะ ท่านคือ พระสังฆปริณายก องค์ที่ 1......... เป็น ตำนาน ที่ ART มาก.....ใช่ไหมครับ ตำนานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า................ นั่นสิครับสอนให้รู้ว่าอะไร จริงๆมีคนแปลความหมายตำนานเรื่องนี้ไว้หลายท่าน และ พยายาม บอกว่า สื่อถึงหลักธรรมข้อไหน เหมือนกัน แต่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า....... เป็นการตีความภายหลัง ซึ่งอาจไม่จำเป็นเลยก็ได้เพราะ ผมเชื่อว่า คนที่ เข้าใจ.....ไม่ใช่สิ ผมอยากใช้คำว่าเข้าถึง คำสอน จากดอกไม้ช่อนั้นจริงๆ อาจ มีเพียงท่าน มหากัสปะ เพียง ท่านเดียวก็ได้.............. เพราะ การบรรลุธรรม เป็น หนทางเฉพาะตน มีคน ชี้ทางได้..... แต่ ต้องเดินไปเอง..... ส่วนจะไปถึง หรือ ไม่........ไม่ รู้..... เพราะจะรู้ ก็ต่อเมื่อถึงเวลา................... ขอจบห้วนๆด่วนๆแต่เพียงเท่านี้ บทความเรื่องนี้ไม่มีแผ่นที่สองครับ ถ้างงก็ช่วยไม่ได้ แล้วกัน แต่ผมเขียนแล้วผมรู้สึกว่า ตัวเองเข้าใจ......(มั้ง)นะ..... บทหน้าจะกล่าวถึง ท่านตั๊กม้อ...พระสังฆปริณายก องค์ที่ 27 ที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อ ต้นกำเนิดของนิกายเซน คอนิยายกำลังภายในคงคุ้นชื่อกันดี........โปรดตามต่อด้วยใจระทึก...นะตัวเอง...
Create Date : 08 สิงหาคม 2552 | | |
Last Update : 8 สิงหาคม 2552 12:09:30 น. |
Counter : 343 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Zen เป็นไงอ่ะ...
Zen เป็นยังไง...... เซน คืออะไร หากจะตอบแบบมุขควายพ่ายรักก็คงจะต้องบอกว่า Zen เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ ชนชั้นกลางอย่างพวกเรามักจะพากันไปต่อคิว กินกัน วันเสาร์ อาทิตย์ แต่.....ผมจะมาเขียน รีวิวร้านอาหารญี่ปุ่นทำไมล่ะเนี่ย... แน่นอนครับ ด้วยความเป็นนักเขียนที่มีความลุ่มลึกเป็นจุดขาย คง จะไม่เขียนอะไรให้ผู้อ่าน และ ตัวเองเข้าใจง่ายๆแน่ๆ.... ผมจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับนิกายเซนครับ ดังที่ทราบกันดี นิกายเซน เป็น นิกายที่เป็น คู่แข่งกับ นิกาย ยาโยอิ และ นิกายฟูจิ แต่ ชุดไก่อย่างซีอิ้วอร่อยกว่า อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ แล้ว ผู้อ่านคง จะอ่านออกเสียงในใจว่า เห้อ....พอ...เถ๊อะ(เสียงสูง จนต้องใส่ไม้ตรีแม้จะผิดไวยกรณ์ก็ตาม) นิกายเซน เป็นแขนงหนึ่งในพุทธศาสนาที่ แตกสายออกไปจากนิกาย อาจาริยวาท หรือ ที่มีชื่อเรียกที่อาจจะ ขัดใจสุภาพสตรี คัพดีขึ้นไปว่า....นิกาย มหายาน (เขียนมาจนถึงบรรทัดนี้รู้สึกว่า อานิสงค์ที่ได้จากการเขียนเกี่ยวกับการส่งเสิรมศาสนาเรื่องนี้ จะส่งผลให้ นรกกินกบาลผู้เขียนยังไงก็ไม่รู้แหะ) แต่รายละเอียดปลีกย่อยทั่วไป จะต่างกับ นิกายหินยานที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น Topic เรื่องพระรัตนตรัย และ ข้อ ปฏิบัติปลีกย่อยต่างๆ แต่แก่น หรือ จุดมุ่งหมาย ง่ายๆ แค่ ต้องการ เข้าถึงปัญญา เซน มาจาก อะเซนในภาษาญี่ปุ่น ทรานสะเหลท(แปล) เป็นภาษา บาลี ตรงกับคำว่า ฌาน (ที่มา จากหนังสือ นิกายเซนของ ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช) หากเราเคยได้ยิน เรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งมีหลักคิดคล้ายๆกับ ข้อห้ามต่างๆของศีล จะทำให้ชีวิตเราเป็นปกติสุข ซึ่ง ความปกติสุขในชีวิต จะทำให้มีสมาธิ ในการทำเรื่องต่างๆ ยิ่งทำอะไรที่เป็นประโยชน์มากๆเข้า เราก็เหมือนเป็นการฝึกฝนให้เกิดปัญญา...และ เมื่อ ฉลาดได้ที่แล้วอยู่ๆวันหนึ่งก็...........ปิ๊ง....... หลุดพ้นนิพพานกันไปง่ายแค่นี้เอง หากจะอธิบายยกเคสง่ายๆที่พระท่านคงสอนไม่ได้เช่น เวลาเราขับรถผ่านแยกเม่งจ่าย ก็จะเห็นร้านคาราโอเกะ ระหว่างทางกลับบ้าน พลันสายตาเหลือบไปเห็นกองทัพขาอ่อนสลอนหน้าร้าน ทำให้เราอาจจะนึกได้ว่าเราต้องบอกแฟนว่า พอดีมีธุระด่วนต้องรีบ สรุปงานกะทันหัน ศีลมุสาขาดตั้งแต่ยังไม่เลยสี่แยก หลังจากสรุปงานกับ มาม่าซังเสร็จสรรพ เช็คบิลออกมา ห้าพัน ศีลข้อห้าขาดตั้งแต่ เพลง วายเอ็มซีเอ วันรุ่งขึ้นตื่นสายเจ้า นายด่า และรู้ตัวว่าต้องกินมาม่าโปรตีนไข่ ไปอีกสิบห้าวัน สารอาหารไม่เลี้ยงสมองโง่ลงไปหนึ่งเดือนเซลสมองฝ่อไป สองล้านกว่าเซล เรียกว่าโง่ลงเห็นๆ เมื่อห่างปัญญา อาการหลุดพ้นเห็นธรรมก็ยิ่งยาก ก็จะเอาอะไรมากแค่ สีแยกเหม่งจ่ายยังฝ่าไฟแดง แห่งกิเลสไม่พ้นเลยจะเอาอะไรไปเห็นธรรม แต่หากเรารักษาศีลกลับบ้านเลยเราก็จะพบว่าเราต้องมาเจอเมียที่บ้านใช้ให้เราไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื่อผ้า หวีผมเรียบแปล้ กวาดบ้านถูพื้นล้างจานให้เรียบร้อยทำงานเสร็จแล้วจะหนึไปเล่นเน็ตก็ไม่ได้ ต้องให้มานอนดูทีวีข้างๆกัน รายการที่เราอยากดูก็ไม่ได้ดูต้องทนดูพระจันทร์สีรุ้ง เราก็จะค้นพบว่าชีวิตมนุษย์มันช่างเป็นทุกข์ จะทุกข์มากทุกข์น้อยก็ล้วนแต่เป็นทุกข์ ขณะที่นอนเฉยๆไม่รู้จะทำอะไรอยู่นั้นพลันสายตาเหลือบไปเห็นหนังสือธรรมมะซึ่งเป็นสื่อเพียงไม่กี่ประเภทที่เมียให้นำเข้าห้องนอน สิ่งเดียวที่เราทำได้ก็คือหยิบมันมาอ่าน ระหว่างที่ พี่บี้กระทืบพ่อที่เลี้ยงดูมาอยู่นั้น พลันก็ทำให้เราเห็นธรรมหลุดพ้นในทันใด............. แต่แนวทางเซนจะคล้ายๆกับเป็นทางลัด คือ ไม่ต้องผ่านกระบวนการดังกล่าวด้วยการลองทำด้วยตัวเอง แต่ แค่ คิดได้.................. ระหว่างทางติดไฟแดงที่แยกเม่งจ๋ายนั้นเท่านั้น อืม เที่ยวก็ทุกข์ กลับบ้าน แม่....งก็เซ็ง.. ชีวิตคือความทุกข์ ดังนั้น หน ทางที่เราจะดับทุกข์คือ.............ปิ๊ง........ ......หลุดพ้นระหว่างติดไฟแดงนั้นเอง....... เป็นการ บรรลุธรรมหลังจากการเห็นขาอ่อน...... อืม .....ช่างเป็นหนทางการบรรลุธรรมที่ช่างน่าหวาบหวามเสียนี่กะไร ดังนั้นในมุมมองของเซน การบรรลุธรรมอาจไม่เกี่ยวกับศีล แต่ศีลเป็นเพียงเงื่อนไขหนึ่งที่เอื้อให้เกิดสภาวะดังกล่าวเท่านั้น อ่านถึงบรรทัดนี้ ผู้อ่านอาจจะคิดว่า คนเรามันจะบรรลุธรรมแบบแปลกๆอย่างนี้ได้เหรอวะ..... ไม่ต้องแปลกใจครับ ในตำนาน ปรมาจารย์ทางเซนบรรลุธรรม(หรือ เรียกกว่า เข้าสู่สภาวะ ซาโตริ) แบบแปลกๆกว่านี้อีกเยอะแยะ ซึ่งจะเล่าให้ฟังต่อในบทต่อๆไป
หมายเหตุ บทความนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
Create Date : 05 สิงหาคม 2552 | | |
Last Update : 5 สิงหาคม 2552 12:26:23 น. |
Counter : 386 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|