แม่จะเข็มแข็งเพื่อหนู/ที่หนึ่งในหัวใจ
Group Blog
 
All blogs
 

ชาร์ต แบต ฯ





ช่วงนี้มีความรู้สึกว่าอากาศดีจัง

นอนตอนกลางคืนแทบจะไม่ได้เปิดแอร์เลย

ยิ่งตอนเช้ามืด อากาศเย็นจนต้องคว้าผ้าห่มมาคลุม

ส่วนปันปันอารมณ์เดิม มีอยู่อารมณ์เดียว

จะต้องนอนเปิดพุง วันดีคืนดีนอนแก้ผ้า

ให้แม่มานตากุ้งยิงเล่นซะนี่

ถามว่า ทำไมปันปันจะต้องนอนแก้ผ้า

ได้คำตอบแบบขำๆ

หนูอยากให้ทุกส่วนของหนูมันเย็นเหมือนๆ กัน

ฟังเสมือนๆ จะเป็นเด็กรักความยุติธรรมดีเนอะ

เมื่อเช้าตื่นมาแต่เจ็ดโมงกว่า เพราะโทรศัพท์ที่โทรมา

เซ็งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง วันอาทิตย์นะ วันอาทิตย์

ขอนอนตื่นสักเก้าโมงไม่ได้เหรอไงกัน

ใครไม่รู้โทรมาโทรผิด ง่ะ ง่ะ ...............................

เลยต้องตื่นแต่งตัวไปซื้อกับข้าวเจให้แฟนกินดีกว่า

เห็นบ่นว่า ปวดหัว อาจจะเป็นเพราะลดยาที่กินอยู่ประจำ

ตอนนี้บอกให้กินเหมือนเดิมไปก่อนจนกว่าจะผ่า

ไม่งั้นเด๋วอาการทรุดไปก็แย่เลย

ขับรถไปร้านเจ

แต่มันปิดอ่ะ

ต้องวนรถกลับมาซื้อแถวบ้านแทน

เสียฟามรู้สึกหมด อุตส่าห์จะเอาใจแฟนเสียหน่อย

จัดการเรื่องข้าวปลาอาหารเสร็จสรรพ

เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะออกไปเรียนโยคะ

นั่งอ่านหนังสือเล่น ก่อนดีกว่า

ปันปันกับสาลี่นั่งเล่นของเล่นกันอยู่ข้างๆ

แฟนกินข้าวเสร็จก็นอนพัก

สุขดีเหมือนกัน

แต่แล้วคุณยามเดินมาถามว่า

มีสายชาร์ตแบตฯ ไหมครับ

หา อะไรนะ

สายชาร์ตแบตฯ หน่ะ มีไหมครับ พอดีมีรถจะขอชาร์ต

อ๋อ...โอเค มีค่ะ เด๋วหยิบให้

แต่ก็นึกขึ้นได้ ถ้าหยิบแต่สายไปให้ แล้วเค้าจะไปพ่วงไฟกับใครฟ่ะ

มันก็ต้องอิชั้นขับไปให้เค้าพ่วงด้วยดิ

ขับไปหน้าปากซอย เป็นคุณลุงกับคุณป้าสองคนยืนอยู่

แต่บอกไว้ก่อนอุปกรณ์พร้อม ใจพร้อม แต่พ่วงไม่เป็นนะค่ะ

คุณลุงต้องพ่วงเอง เด๋วจะคอยสตาร์ทรถไว้ให้

สตาร์ทรถ สอง สาม ครั้งรถก็ติด

แค่นี้เรียบร้อย

คุณลุงกับคุณป้า ไหว้ขอบคุณเสียยกใหญ่

จนอิชั้นรู้สึกเกรงใจ แบบเรื่องแค่นี้เอง

แต่ก็เข้าใจฟามรู้สึกของคุณลุงกับคุณป้านะ

เพราะอิชั้นก็เคยรถเสียแล้วต้องอาศัยพ่วงแบตฯ จากรถคนอื่น

คนอยากจะช่วยอ่ะมีเยอะ แต่ไม่มีที่พ่วงอ่ะดิ ลำบาก

แต่นั้นมาอิชั้นก็เลยไปซื้อสายพ่วงทิ้งไว้ที่รถซะเลย

กะลังยิ้มๆ ที่คุณลุงคุณป้า ขอบคุณอิชั้นอยู่

ก็ต้องมาหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อแก พูดว่า

ขอบคุณมากเลยนะค่ะ คุณพี่ - -“

อิชั้นรีบกลับเข้าไปนั่งที่รถแล้ว ขับออกมาจากเสียงสยองๆ นั้นโดยเร็ว

แหม แหม คุณลุงคุณป้าค่ะ หน้าอิชั้นมันไปขนาดนั้นเลยหรือค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วันนี้ไปเรียนโยคะ

วันออกเจ ประหนึ่งเหมือนวันฉลองโลกใหม่

นักเรียนในคลาสเกือบทุกคนพร้อมใจกันหยุดเรียน

เหลือกันอยู่ 2 คน กับ 1 ครู

มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา

เรียนสิค่ะ ก็คราวที่แล้วอิชั้นหยุดไป

คราวนี้มาแล้วก็ต้องเรียนหล่ะค่ะ

ยังได้เหงื่อเหมือนเดิม แต่ไม่ปวดเมื่อยเท่าไหร่

เรียนไปเรียนมา ครูก้อยก็พูดเรื่อง รักสามเส้าที่ขึ้นหน้าหนึ่ง นสพ มา

เลยกลายเป็นวงสนทนาเม้าท์อยู่ 15 นาที อิอิ

แต่ก็เพลิดเพลินเจริญใจดี

เลิกเรียนตอนเที่ยง รีบบึ่งรถพา ปันปันไปหาครูนักจิตวิทยาที่พระราม 2

ครูบอกเทสต์ปันปัน ครึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นก็เอาเอกสารมาให้อิชั้นกรอก

ประมาณเกือบ 10 หน้า คิดดูขนาด ปันปัน เทสตท์เสร็จแล้วอิชั้นยังกรอกไม่เสร็จ
เลยหล่ะค่ะ

กรอกจนมึนไปหมด มีให้กากแค่ มีอาการ หรือไม่มีอาการ และช่องหมายเหตุ

อิชั้นกากว่าส่วนใหญ่ไม่มีอาการ(ช่วยลูกสุดฤทธิ์)

แต่พอครูประเมินปันปันมากลายเป็นมีอาการซะงั้น

5 หัวข้อใหญ่ โดนไปเต็มๆ 3 หัวข้อ

พาลทำให้อีก 2 หัวข้อที่เหลือปันปันทำได้ไม่ดีนัก

ไม่เครียด อิชั้นไม่เครียด

เพียงแค่ควรจะต้องฝึกอะไรเพิ่มเติมนิดหน่อย

เด๋วอาศัยพูดคุย และดูจากครูเอาแล้วกัน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความจริงวันนี้มีเรื่องอีกเยอะเชียว

แต่เหนื่อยหล่ะ

เพลียและง่วงนอนมั่กๆ

ไม่มีอารมณ์จะเขียน

ไว้หากพรุ่งนี้ดีขึ้น

จะกลับมาเขียนใหม่หล่ะกัน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ถ้าคนเรามีสายชาร์ตใจประจำตัวก็ดีสิเนอะ

จะได้เอาไว้ชาร์ตเวลา ใจ มันอ่อนล้า

"เขาจะเดินเข้ามา

เติมใจที่ท้อแม้ให้มีเรี่ยวแรงขึ้นใหม่

ทำให้ฉันเรียนรู้ ความสุขเกิดขึ้นได้ในใจ

ตราบใดที่ความหวังยังมี

ฉันจะรอวันนั้น"




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2550    
Last Update : 23 ตุลาคม 2550 13:04:58 น.
Counter : 344 Pageviews.  

หนึ่งวันทำงาน






ในรอบวันทำงาน 285 วัน คงมีสัก 30 วันที่งานเยอะ

หยุ่งเหยิงกับชีวิต แบบแทบลืมหายใจ ลืมหิวกันเลยหล่ะ

วันนี้ก็เป็นหนึ่งในสามสิบวันนั้น

ก่อนหน้าวันนี้หนึ่งวัน

นายเพิ่งบอกให้อิชั้นกับหัวหน้าฝ่ายขาย

ช่วยเชิญพนักงานขายออกหนึ่งคน(ไล่ออกนั่นหล่ะ)

ถ้าจะถามว่ารู้สึกว่าลำบากใจไหม

ตอบว่า ไม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยคุยกับพนักงานคนนี้แล้ว

เค้าก็มีหนทางที่คิดไว้อยู่แล้ว

ถึงแม้หนทางนั้นหลายๆ คน จะบอกว่า มันจะดีเหรอ

มันลำบาก มันไม่แน่นอน มันไม่จีรังยั่งยืน

สู้อดทนก้มหน้าทำงานที่นี่ต่อไปเถอะ

แต่อิชั้นกลับคิดว่า คุณไปเถอะ ไปทำอย่างนี่คุณคิดไว้

หากคุณทำแล้ว รู้สึกสบายใจกว่าอยู่ที่นี่

ถึงแม้วันข้างหน้าสิ่งที่คุณเลือกในวันนี้

จะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในชีวิต

แต่อย่างน้อยคุณก็ได้เริ่มออกเดินทางค้นหาจุดหมายของตัวคุณเองแล้ว

เหตุที่ทำให้งานเยอะคงไม่ใช่ที่พนักงานขายออกไปหนึ่งคน

แต่เป็นหลายๆ เรื่องที่บังเอิญมาบรรจบกันที่เดือนนี้พอดี

เริ่มตั้งแต่หาสถานที่เที่ยวประจำปีของบริษัทฯ

อิชั้นหามาตั้งแต่เดือนกันยา

ได้สถานที่เรียบร้อย แต่ไม่ได้วันที่จะไป

หรือได้วันที่จะไป แต่สถานที่ไม่โอเค

หรือได้ทั้งสถานที่ ทั้งวันที่จะไป แต่ไม่มีกิจกรรมที่น่าสนใจ

อืม.....จนถอดใจไปหนึ่งรอบคิดว่าถ้าหาไม่ได้ ก็ไปหลังปีใหม่แล้วกัน

แต่มีหลายคนมากระซิบ เจ๊ถ้าไปหลังปีใหม่ งบก็เป็นของปีหน้าดิ

แล้วอย่างนี้ปีหน้าจะได้ไปอีกไหม อิชั้นก็ตอบได้เลยว่า คงได้แค่ปีละครั้ง

พวกน้องๆ ก็ไม่ยอมกันอีก พากันมากดดันอิชั้น(แล้วทำมัยพวกมันไม่หากันบ้างฟ่ะ)

แต่สุดท้ายด้วยฟามดิ้นรน กระเสือกกระสนของอิชั้นก็อุตส่าห์ไปหามาจนได้

เย้ เย้ จบไปหนึ่งเรื่อง

ต่อมาเรื่อง Audit ทำ ISO ภายใน เสาร์นี้

เฮ้อ งานเอกสารทั้งน้าน

ยังทำไม่เสร็จเลย 55555 แต่ไม่เป็นไร

อิชั้นมีผ้าอยู่หลายชิ้น คงพอเอาไปขายให้รอดวิกฤตนี้ไปได้บ้าง

ต่อมาเรื่องทำตัวเลขบัญชีแบ่งเงินปันผลให้หุ้นส่วนและพนักงาน

อันนี้เรื่องยาก ทำแล้วทำอีก แก้แล้วแก้อีก ยังลงตัวสักที

พอคิดตัวเลขได้เสร็จสรรพ เชื่อมะว่าบางคนต้องเสียภาษีเกือบสองแสน

หุหุ อยากจะบ้าตาย มิน่าใครๆ ถึงได้พยายามหลบเลี่ยงกัน

เอาเถอะเรื่องของคนรวยๆ เค้าทำกัน อย่างอิชั้นคนจนๆ ยินดีเสียให้อยู่แล้น

เรื่องเกือบท้ายสุด การตามล่าพนักงานใหม่สุดขอบฟ้า

หามาสามเดือนหล่ะ พนักงานประชาสัมพันธ์กับพนักงานวิ่งเอกสารเนี้ย

ทำมัยมันถึงได้หายากหาเย็นขนาดนี้

บางคนโทรนัดกันเสียดิบดี ขนาดโทรมาว่าอยู่หน้าบริษัทแล้ว

แต่ก็ไม่เห็นมา ไม่ทราบว่าหลงไปไหน หรือว่ามีใครแปะยันต์ไว้หน้าบริษัท

ครั้งหน้าว่าจะไปดักอุ้มตั้งแต่ป้ายรถเมล์มาเลยดีกว่า

สุดท้ายก่อนกลับบ้าน

เพื่อนสุดเลิฟโทรมา บอกว่า แฟนบอกเลิก(หรือป่าว)???

ให้มาเป็นพี่เป็นน้องกันเถอะ

เหตุผลคนบอกเลิกอันดับหนึ่ง

เพราะคุณดีเกินไป น่าจะบอกก่อนหน้านี้

จะได้ทำตัวเลวๆ เจอหน้าเป็นตบ พูดผิดเป็นเตะ

เอ่ะ อันนี้มันเป็นคนเลวหรือซาดิสต์ฟ่ะเนี้ย

อันดับสอง เป็นพี่น้องหรือเป็นเพื่อนกันเถอะ (ตรงกับของเพื่อนเลยเฟ้ย)

อันนี้ก็ไม่ทราบว่าพี่น้องที่บ้านขาดแคลนหรือมีเพื่อนน้อยไม่ทราบได้

รักกันอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนให้มาเป็นพี่น้อง(กันชาติที่แล้ว)

หรือเป็นเพื่อนแบบสนิ๊ท สนิท แต่ห้ามกิ๊กคนอื่น

อันดับสาม เราเข้ากันไม่ได้

อืม อันนี้น่าคิดเหตุผลเข้าท่ามั่กๆ

ทำไมเราเข้ากับเค้าได้ แค่เค้าเข้ากับเราไม่ได้

อันนี้ใครตอบได้ช่วยมาบอกหน่อยนะ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ลืมไปหล่ะความรู้สึกที่ถูกคนมาบอกเลิก ว่ามันรู้สึกยังไง

มันต้องร้องไห้ มันต้องเสียใจ รู้สึกเจ็บ จุกในอก ชาที่ใจ

และมันจะต้องมีภาพของเรากับเค้าวนเวียนอยู่ในหัวใช่ไหม

หยิบนั่น จับโน่น มองไป ก็เห็นนึกถึงแต่เค้า

เพลงจากวิทยุที่เปิด เหมือนจะรู้ว่าเรากำลังเสียใจ ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกเข้าไปอีก

แต่สิ่งเดียวที่ทำได้ ก็ร้องไห้ไง ร้องให้มันเหนื่อย

ให้กำลังทั้งหมดที่มี สูญสลายไปกับน้ำตาที่หยดลงมา

ตอนนี้ฉันกับแกอยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง

ถ้าแกยังรู้สึกได้ ฉันก็กำลังยืนอยู่ข้างๆ แกนั่นหล่ะ

กำลังร้องไห้เป็นเพื่อนอย่างเงียบๆ

ฉันอาจจะปลอบใจใครไม่ค่อยเก่ง เพราะถนัดแต่ด่าให้สำนึก

ฉันอาจจะไม่เคยขออะไรจากแกเลย

แต่วันนี้ฉันขอ

ขอให้แกเชื่อว่า

ฉันก็รักแกไม่น้อยไปกว่าคนคนนั้น

ฉันจะรักแกไปเรื่อยๆ จนกว่า แกจะมาบอกฉันว่า เลิกรักแก เถอะ

ฉันจะรอวันนั้น


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


Let me fill your heart with joy and laughter


Togetherness is all I'm after Whenever you need me


I'll be there


I'll be there to protect you With an unselfish love


I'll respect you Just call my name


And I'll be there




 

Create Date : 11 ตุลาคม 2550    
Last Update : 12 ตุลาคม 2550 21:32:08 น.
Counter : 324 Pageviews.  

โอ๊ย โอ๊ย...กาเป๋าแฟ้บ

มีรถก็เหมือนมีลูก

แรกๆ เสียตังค์(ผ่อน)จ่าย มันทุกเดือน

สี่ปีแรก ยังไงยังงั้นเลย จ่ายจิปาถะ หาแต่ของดีดี น่ารักมาแต่ง

นานวันเข้าก็เริ่ม อืม ชีวิต อยากจะขายทิ้ง แล้วผูกขาดแท็กซี่

เมื่อวันเสาร์ขับๆ อยู่ ทำไมแอร์ไม่เย็น โอเค น้ำยาแอร์คงหมด

ให้พ่อช่วยขับไปร้านแอร์ ปรากฏคอมแอร์รั่ว

ราคาหกพันค่ะ แบงค์พันหกใบกำลังบินออกจากกาเป๋า

บอกพ่อ หกพันเลยเหรอ ขอผ่อนได้ม่ะ

พ่อเห็นหน้าหงิกๆ งอๆ ของอิชั้นแล้วก็สงสาร

เลยบอกช่วยจ่ายให้สามพันแล้วกัน

รู้งี้ทำเป็นลมบ้าหมูกะทันหันดีกว่า เผื่อพ่อจะจ่ายให้หมด

พอได้รถมา โห เย็นเจี๊ยบจับใจ

เลยขับรถพาครอบครัวหรรษาอันประกอบไปด้วย

แฟน อิชั้น ปันปัน น้องเล็ก มูน และสาลี่ ไปกินสุกี้ MK กัน

เน้นผักและบรรดาลูกชิ้นทั้งหลาย เด็กบ้านนี้ไม่ค่อยกินหมูกับไก่

ก็จะดูผอม แบบขี้ก้างๆ แลดูไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่(ยกเว้นปันปันเด็กบ้าพลัง)

กินจนจะเสร็จ ก็มีเสียง ตึง ตึง ประมาณ 2 รอบ

แล้วพนักงานก็จัดแถว เตรียมตัวเต้นกัน

เพลงใหม่ไม่เห็นสนุก เพลงเก่าที่ร้องด้วยเต้นด้วยสนุกกว่า

คนนั่งดูสนุก แต่คนเต้นก็คงรู้สึกตอนแรกที่รับตรูเข้ามา

ไม่ได้บอกว่าต้องมาเต้นด้วยนี่หว่า

ไหนต้องรับออเดอร์ เสิร์ฟน้ำ เก็บจานชาม

แถมเต้นโชว์ แต่ให้ตังค์เท่าเดิม ตรูเซ็ง

นั่งดูก็เพลินดี แต่ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ว่าให้เต้นทำไม

เต้นแล้วก็ไม่ได้อยากทำให้อิชั้นสั่งอะไรมากินมากขึ้น

แถม 3 นาที ที่เต้นไปก็ทำให้คนกินช้าลงอีก เท่ากับเสียโอกาสทางการค้าไปนะเนี้ย

เช้าวันอาทิตย์พาเฮียกะปันปันไปไหว้ช้างสามเศียร

ขับๆ อยู่ ไฟสีส้มรูปคล้ายก๊อกน้ำขึ้น มันคือไรหว่า???

เริ่มตะหงิดๆ เสียตังค์อีกหล่ะ

ทนขับไปจนเสร็จธุระ ส่งเฮียกลับบ้าน ก็วนไปเข้าศูนย์

ช่างบอก อ๋อ มันเป็นเกี่ยวกับเครื่องยนต์ครับ หึหึ(เริ่มสมเพชตัวเองง่ะ)

แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไว้เช็คเสร็จจะโทรมาแจ้ง

แล้วเค้าก็โทรมา T T ตะรุปตัวเซ็นเซอร์ออกซิเจนของรถเสีย

ราคาหกพันบาทค่ะ ^-^ ^-^ ^-^ ^-^ ^-^ ^-^

ต้องเปลี่ยนซีลยางอีก 4-5 จุด ก็ สี่ ห้า ร้อย บาท

มีอีกอย่างจานจ่ายน้ำมันก็เริ่มซึม อันนี้ราคา หนึ่งหมื่นแปดร้อย - -“

แต่ไม่เป็นไรไม่สำคัญรอได้ ไว้คราวหน้าค่อยมาเปลี่ยนก็ได้ครับ

เอาค่ะ ถึงตอนนี้มันก็ต้องรอได้อ่ะนะ เพราะอิชั้นไม่มีตังค์เปลี่ยนแล้วหล่ะ

เบ็ดเสร็จรวมถ่ายน้ำมันเครื่องด้วยก็เกือบหมื่น

ถ้าไม่ให้อิชั้นร้องเพลง โอ๊ย โอ๊ย คิดถึงตังค์ในกาเป๋าจัง

แล้วจะให้อิชั้นร้องเพลงอะไร หือออออออออออ









 

Create Date : 05 ตุลาคม 2550    
Last Update : 6 ตุลาคม 2550 8:34:50 น.
Counter : 433 Pageviews.  

คนใจบุญให้บัตรบัลลังค์เมฆมา





วันที่ 3 ตุลา วันดีได้บัตรดูละครเวที บัลลังค์เมฆ มาสองใบ

ใบแรกเพื่อนสาวสวย อภินันทนาการมาให้

ใบที่สองจ่ายเอง 5555555555555555555

แต่มันก็ยังดีกว่าจ่ายทั้งหมดหล่ะว้า

ไปดูแล้ว มันนนนนนนนนนนน รู้สึกว่า

ตรูน่าจะจองข้างหน้าหว่ะ

คนอื่นที่ดูคิดไงไม่รู้ แต่อิชั้นว่าหนุกอ่ะ

อารมณ์คนละแบบกับอีกเรื่องที่เพิ่งไปดูมา

(เหมือนคนรวยเลยโว้ย ดูละครเวทีเดือนละเรื่อง)

ที่เค้าชมๆ กัน ก็คิดในใจ มันจะสักเท่าไหร่กันน้า

แต่พอดูจบ รู้สึกแบบ อืม อยากลุกขึ้นมาปรบมือให้ทุกคนเลย

ตั้งแต่ตัวประกอบจนถึงนางเอก

ยิ่งเด็กๆ นะ น่ารัก เล่นเก่ง ต้องอยู่รอจนถึงละครจบอ่ะ เกือบห้าทุ่ม

เดินเรื่องสั้น กระชับ เข้าใจ น่าติดตาม ไม่อยากให้หยุดพักเลย

แค่ 15 นาทีก็มีค่า 55555555

ดูจบแล้วก็คิดถึงแม่และปันปัน

คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ ต่อให้ลูกทำผิด ทำพลาด หรือไม่ดีแค่ไหน

ก็สามารถให้อภัย โดยที่ลูกไม่ต้องมาขอร้องอ้อนวอนอะไรเลย

ใจของคนเป็นแม่มันมีแต่ให้กับให้เท่านั้น

ส่วนคนที่เป็นลูก เมื่อโตขึ้นก็อยากจะมีชีวิตมีทางเดินของตัวเอง

บางครั้งหากแม่ไม่ได้เอาใจใส่หรือบางทีเข้มงวดแบบไม่ถูกวิธี

ความหวังดีก็กลายเป็นหวังร้ายในสายตาลูก

เราปกป้องลูกมากเกินไป โดยไม่ปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ชีวิตเองบ้างเลย

ความผิดเรื่องเล็กๆ ก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้

สิ่งที่ทำให้ปานรุ้งต้องสูญเสียทุกอย่าง คงเพราะยึดเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง

อยากให้ตัวเองและลูกๆ สบาย ก็ไปแย่งสามีคนอื่นมา

(ถึงแม้จะบอกว่าทำเพราะรักก็ตาม)

บางทีกรรมของปานรุ้งที่เหมือนไม่จบสิ้น

อาจจะไม่ใช่ที่ต้องเสียปกรณ์ลูกชายสุดที่รักไป

อาจจะไม่ใช่ที่ปานวาดรักกับโดมลูกคนละแม่ ต้องลงเอยที่ติดยาและเกือบจะเป็นบ้า

อาจจะไม่ใช่ที่ปานเทพหนีออกจากบ้านไปเร่ร่อนกับพ่อ สุดท้ายต้องหนีหนี้ไปอยู่ต่างประเทศ

แต่มันอยู่ในตัวปานรุ้งเอง ที่ไม่ย่อมปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลงบ้าง

รักลูกก็รักอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีเหตุและผล ใช้แต่สมอง ไม่เคยใช้หัวใจ

เมื่อวันนึงที่ปานรุ้งได้รับความรัก จากคนที่เธอไม่เคยให้ความรักเลย(ปรก)

เธอถึงได้เข้าใจ ถึงแม้มันจะสายไป

แต่อย่างน้อยก่อนเธอจะสิ้นใจ ยังมอบความรักที่บริสุทธิ์

ความรักที่ไม่มีทางทำร้ายคนที่เรารัก(เหมือนอย่างที่ผ่านๆมา)

ให้แก่ ปานชนก(ลูกของปกรณ์)



++++++++++++++++++++++++++++++++



ปล..........ตอนที่เค้าบอกกันว่า ดูแล้วซึ้งกันเป็นแถว เช็ดน้ำตากันปอยๆ

หรือแม้แต่เพื่อนอิชั้นทักท้วงมา ให้เตรียมกระดาษทิชชู่ไปด้วย

ระดับอิชั้นรึ จะต้องใช้

นั่งดูๆ กลางเรื่อง เริ่มมาหล่ะ เสียงฟืดฟาด เช็ดน้ำมูก น้ำตา

ไม่เว้นแม้แต่คนข้างกายอิชั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยยยยยยยยย

ส่วนอิชั้นหรือก็แค่เสื้อเปียกเท่านั้นเอง อิอิ




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2550    
Last Update : 4 ตุลาคม 2550 1:00:42 น.
Counter : 293 Pageviews.  

ขับรถ

คร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย ขับรถไม่เป็น

โปรดขับไม่เป็นต่อไปหล่ะดีแล้ว

สบายดี ชีวิตไม่เครียด นั่งกินแรงไปเรื่อย

เป็นเรื่องแปลกดีนะ คนส่วนใหญ่ที่ขับรถไม่เป็น

ก็มักจะดูทาง บอกทางไม่เป็นด้วย

คือพอลงนั่งแหมะแล้ว จะไม่สามารถช่วยเหลือใดๆ

กับคนขับได้เลย ก็ดีไปอย่าง นั่งไม่รู้ไม่ชี้

รถจะทิ่มตูดกันอยู่แล้ว ยังนั่งกินลูกชิ้นปิ้งได้เฉย

แต่ถ้าใครที่ขับรถเป็น ก็มักจะบอกทางและช่วยดูทาง

ดูรวมไปถึงรถข้างๆ ให้ด้วย แบบนี้คนขับก็อึดอัด

เด๋วตะโกนบอก เฮ้ย เบรค

เฮ้อ ซ้ายว่าง แซงโลด

หรือ ขับรถเป็นป่ะเนี้ย ลงเลยลงไปเลย ตรูขับเอง

อันนี้ก็บรรยากาศมาคุ ซึ่งก็เคยเจอมาแล้ว

ไปคิดเอาเองว่า อิชั้นเป็นคนขับ หรือเป็นคนไล่คนขับ

อยู่ดีดีทำไมถึงพูดเรื่องขับรถ บังเอิญด้วยช่วงนี้ส่งน้องเล็กไปเรียนขับรถ

10 ชั่วโมง ต้องเป็นให้ได้ ไม่มีช้อยส์หรือตัวเลือกอื่น

แต่น้องเล็กพอมีพื้นฐานมาบ้างแล้วก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่

พาลนึกถึงตอนขับรถเป็นใหม่ๆ

ที่เค้าว่าๆ กัน เป็นผัวเมียกันห้ามสอนขับรถ

ถ้าเป็นแฟนก็ยังพอถูไถ(แต่คงต้องดูระดับความสัมพันธ์ด้วยมั้งว่าถึงขั้นเทพหรือป่าว)

เพราะสอนแล้วมีตีกันชัวร์

โชคช่วยรถที่มีเป็นเกียร์ออโต้ ขับง่าย สบายใจ

ฝึกขับอยู่ที่ลานจอดรถข้างๆ บริษัทฯ

แล้วไปฝึกจอดรถที่คอนโดแถวๆ นั้น

ชำนาญได้ที่แล้ว พ่อพาไปสอบใบขับขี่

สอบทฤษฏีก่อน ชิล ชิล แบบนี้ก็ผ่านฉลุย

คราวนี้ไปสอบปฎิบัติ ทั้งมอ’ไซต์ ทั้งรถ

สอบมันสนามเดียวกันนี่หล่ะ

นั่งดูมอ’ไซต์ โบกมือโบกไม้ ซ้าย ขวา ช่างน่ารัก

แต่ชีวิตจริงๆ ไม่เห็นมีเงี้ย นึกจะขวาก็ปาดซ้า

คราวอิชั้นสอบบ้าง โอ๊ยยยยยย มันก็ตื่นเต้นอ่ะนะ

แต่อิชั้นก็บ่ยั่น ทำตามที่เขาบอกเป๊ะ เป๊ะ

เปิดไฟเลี้ยวนะค่ะ หยุดกลางสะพาน

จอดริมฟุตบาทในเส้นที่ขีดไว้ หยุดตามสัญญาณไฟ

กลับมาจอดที่เดิม

หู๊ยยยยยยยย ดีใจสุดสุด ตรูผ่านแน่ไม่ผิดจั๊กกะนิด

แต่เขาเดินมาบอกว่า ตกค่ะ ไว้มาสอบซ่อมใหม่พรุ่งนี้นะ

ทำไมค่ะ ทำไมอิชั้นถึงตก บอกมาค่ะ บอกมาบัดเด๋วนี้

อ๋อ ง่ายๆ คุณไม่คาดเข็มขัดนิรภัย คุณตกค่ะ

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อยากตาย อิชั้นอุตส่าห์เกร็งทุกจุด

ทำถูกหมด แต่มา ตก รถตายเพราะไม่คาดเข็มขัด เอานะเอา

โกรธฟามซื่อบื้อและไม่รอบคอบของตัวเอง เลยเดินไปบอกพ่อ

ช่วยจัดการให้ด้วยนะ หมดอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้นหล่ะ

พ่อก็ช่วยเดินเรื่องจนอิชั้นได้ใบขับขี่มาครอบครอง

ถึงคราวขับออกสนามจริงๆ

จำไม่ได้ว่ามีใครยอมเสี่ยงชีวิตนั่งไปด้วยหรือป่าว

แต่ใครก็ตามที่นั่งไปด้วยตอนนั้น บอกได้อย่างเดียวว่าต้องเป็นใบ้

เพราะขึ้นรถปั๊บ อิชั้นบอกเลยห้ามพูด ห้ามชวนคุย

ห้ามร้องเพลงปลอบขวัญไม่ว่าร้องให้ตัวเองหรือเพื่ออิชั้น

วิทยุก็ห้ามเปิด มันหนวกหู รำคาญ ไม่มีสมาธิ เปิดแอร์ได้ไม่งั้นเด๋วตาย

พออยู่บนถนน สิ่งที่อิชั้นมองคือ เส้นถนน กะตูดรถคันข้างหน้า

ขับอย่างเกร็ง รถมันอยู่ในเลนหรือป่าวว่ะ เบี้ยวไปไหม

กระจกมองหลัง มองข้างไม่สน ออกมาแล้วอยู่เลนไหนก็เลนนั่นหล่ะ

โชคดีที่เมื่อสิบกว่าปีก่อน รถน้อยมั่กๆ ขับรถจากบ้านไปที่ทำงานก็ไม่เกิน 5 โล

จะยูเทิร์นหรือข้ามแยก ใช้วิธีจี้ตูดคันหน้าเข้าไว้ ไปไหนไปด้วยเป็นแพ็คคู่

จากงกๆงิ่นๆ วันนั้นถึงวันนี้ อิชั้นก็ภูมิใจที่ไม่เคยขับรถชนแบบหนักหนาสาหัสเลย

จะทำผิดกฎจราจรบ้างก็เป็นครั้งคราว ด้วยฟามไม่รู้ แบบอยู่เลนเลี้ยวแต่ตรูจะตรง

มีซิ่งบ้างอ่ะนะ ก็คนมันเคยเป็นวัยรุ่นมาก่อนนิ

ตอนนี้ปลงหล่ะ เห็นข่าวปาดซ้ายป่ายขวา มันก็ออกมายิงกัน

อิชั้นกลัว ใครมันขับช้ายิ่งกว่าลูกเต่าเพิ่งเกิดแล้วอยู่เลนขวา

อิชั้นก็ปล่อยมันไป ให้มันตาย(ใจ)ว่ามันขับเลิศ ขับเก่ง ขับแบบนี้แล้วไม่มีใครสรรเสริญ

ตอนนี้ก็กะลังคิดๆ อยู่ หลังจาก 10 ชั่วโมงเรียนของน้องเล็กแล้ว

อิชั้นคงต้องถึงคราวเสียสละนั่งเป็นเพื่อนน้องเล็ก ขับออกถนนจริงๆ

แต่ดูแล้ว ลีลา ท่าทางน้องเล็กจะดีกว่าตอนที่อิชั้นฝึกขับอยู่หลายขุม

อ้าวน่า อย่างมากอิชั้นก็รีบไปทำประกันเพิ่มก็แค่นั้นเอง






 

Create Date : 03 ตุลาคม 2550    
Last Update : 3 ตุลาคม 2550 0:00:31 น.
Counter : 391 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

แม่เจ้าปัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ขอรหัสผ่านหลังไมค์นะค่ะ
Free Counters
Friends' blogs
[Add แม่เจ้าปัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.