|
ส ว น ลุ ม
ได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่อง อินเดียน่าโจนส์ ภาค 4
ส่วนภาค 1-3 ไม่เคยชมมาก่อน
หนังบางเรื่องถ้าไม่ได้ดูภาคต่อมาก่อน ดูก็คงไม่สนุก
แต่บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องเคยดูภาคแรก
สำหรับแฮริสัน ฟอร์ด เรามักจะจำบทบาทเมื่อสัก 10 ปี ที่แล้ว
ที่แสดงอย่างในหนังเรื่อง The Fugitive หรือหนังตลกอย่าง 6 days 7 nights
มาคราวนี้ได้ดูการแสดงในเรื่อง อินเดียน่าโจนส์
ไม่เชิงว่าไม่สนุก แต่ก็ไม่ได้ความมันส์อย่างเต็มที่
จะขำก็คงเป็นคนที่ดูอยู่ข้างๆ ช่างขำได้แม้กระทั่งท่าทางหรือคำพูดเล็กน้อย
คงไม่สามารถวิเคราะห์ วิจารณ์อะไรได้มากนักสำหรับหนังแนวนี้
ขากลับสี่ทุ่มกว่าขับมาถึงแถวสวนลุม
น้องที่นั่งมาด้วย พี่ๆ เหมือนควันมันลอยขึ้นมาจากกระโปรงรถอ่ะ
สัญชาติญาณบอก รีบมองไปที่เครื่องวัดความร้อน
อุอุ มันขึ้นปรี๊ดแบบเกินลิมิต
เรารีบขับจากเลนขวาสุด ปาดไปซ้ายสุด เปิดไฟกระพริบ จอดอยู่ฝั่งสวนลุ ม
เปิดฝากระโปรงรถ ก็ไม่ถึงกับขนาดควันออกโขมง แต่ก็เครื่องร้อนมาก
เรากดโทรๆๆๆ คนแรกน้องชาย มันนอนไปแล้ว แถมอยู่ไกลจากที่นี่อีก
คนที่สองเด็กที่ บอ ที่เพิ่งเอารถเราไปซ่อมให้
คนที่สามเพื่อนที่สนิทกัน โทรไปสามตลบมันไม่รับโทรศัพท์
เอาไงดีวุ้ยเดินวนไปวนมารอบรถกับน้องสองคน
ซักพัก มีพระเอกขี่ม้าขาวมาแล้วคร๊าบบ
จอดรถแล้วลงมาถามว่า รถเป็นอะไรเหรอครับ
เราก็เล่าอาการต่างๆให้ฟัง
เค้าก็แนะนำว่าต้องรอให้เครื่องเย็นลงสักพักแล้วค่อยเต็มน้ำหม้อน้ำลงไป ใหม่
แล้วก็ขับกลับบ้าน เพื่อเอาเข้าอู่ประจำพรุ่งนี้
จากนั้นก็บอกให้ขับรถไปจอดในสวนลุมไนท์ฯ
เพราะตอนแรกเราจอดฝั่งตรงข้าม เขาว่ามันอันตราย
เราก็ยังทำหน้า งง งง
เขาก็ย้ำว่า คุณครับนี่มันสวนลุมนะ กลางคืนมันเปลี่ยวไม่ค่อยจะดี
เราก็เลยคิดถึงตอนหลายเดือนก่อนที่ขับรถผ่านสวนลุมตอนดึก
มีสาวๆ สวยๆ ยืนอยู่ริมถนน แล้วสักพักก็มีรถมาจอดเทียบแล้วเค้าก็คุยกัน หนุงหนิง
ก็เลยพอจะเก็ทว่า เขาคิดว่ามันจะอันตรายยังไง
เราขอบคุณชายหนุ่มกับเพื่อนพ้องอีก 5-6 ชีวิตของเขาเสร็จ
ก็ขับประคองรถไปในสวนลุมไนท์
เดินเล่น นั่งเล่นที่ร้านดอยตุง จนเกือบเที่ยงคืนก็กลับไปที่รถใหม่
จัดแจงเต็มน้ำให้เต็ม ขับไปส่งน้องแล้วกลับบ้านนอน
รถเสียคราวนี้ทำให้รู้ว่าเราต้องเตรียมอะไรไว้ในรถเราบ้าง
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ควรมีติดรถ
เครื่องมือต่างๆ เช่น ไขควง ประแจ
สายแบตเตอรี่
ถุงมือ
น้ำ
ไฟฉาย
ร่ม
ผ้าไว้จับหรือเช็ดเครื่อง
และอุปกรณ์อะไรก็ได้ที่คิดว่าสามารถป้องกันตัวได้
Create Date : 03 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 8 มิถุนายน 2551 21:57:36 น. |
Counter : 368 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ดึงไว้ หรือ ปล่อย ไป
เสียงของปลายสายที่ไม่คุ้นเคย จนต้องถามย้ำอีกครั้งว่า
จากไหนนะค่ะ
จำ...ได้ไหมค่ะที่เคยโทรมาคุยเรื่องอาการป่วยของคุณแม่
อ๋อ จำได้แล้วค่ะ ตอนนี้คุณแม่เป็นอย่างไรบ้างแล้วค่ะ
ตอนนี้อาการคุณแม่ไม่ค่อยจะดีนัก นอนอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่ทราบว่าก่อน ที่เฮียจะเสีย
แกอยู่ โรงพยาบาลนานไหมค่ะ
ทำให้เรานึกย้อนกลับไปว่าตอนนั้นฮียแกอยู่ รพ นานเท่าไหร่
อาการเป็นอย่างไร
เฮียไม่ได้ร้องคร่ำครวญหรือโอดโอยใดๆ
ตาแกจะเหม่อลอย ส่วนใหญ่แกจะหลับเป็นพักๆ
พอรู้สึกตัวว่าถูกมัดอยู่ก็จะดิ้นและเรียกให้ช่วยแก้มัด
อาหารเริ่มไม่ยอมทาน หรือทานแล้วอาเจียนออกมา
การอาเจียนก็เป็นความทรมานอย่างหนึ่ง
การที่เฮียไม่พูด ไม่บอก ก็ยากที่จะคาดเดาว่าคิดอย่างไร
สำหรับกรณีของคุณแม่ที่โทรมาปรึกษา
คุณแม่พูดถึงความทรมานที่ได้รับ
พูดว่าเจ็บปวดจนทนไม่ไหวแล้ว อยากตายไปเสียให้พ้นๆ
คนที่คอยเฝ้า คอยดูแล ก็พลอยใจเสียไปด้วย
การได้เห็นคนที่เรารักต้องเป็นแบบนี้
ความตั้งใจ ความหวัง และความคิดในแง่บวก
ที่ว่าพรุ่งนี้เมื่อเราตื่นมา เค้าจะยังคงอยู่กับอีก
หากความต้องการของเรา อยู่บนความทุกข์ทนของอีกฝ่าย
ก็อาจกลายเป็นความรู้สึกผิดที่นอกจากเราไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว
ยังอยากดึงให้เค้าอยู่กับเรานานๆ
ความจริงแล้วความรู้สึกเหล่านี้ไม่ว่าใครที่อยู่ ณ จุดนั้นจะเข้าใจได้ดี
อารมณ์ของคนที่อยู่กับคนไม่สบายมาเป็นระยะเวลานานๆ
จิตใจย่อมหมองเศร้าด้วยเป็นธรรมดา
แต่หากเรามองว่าเป็นซึ่งวัฎจักรของชีวิต
ถึงแม้จะอดโกรธไม่ได้ว่า ทำไมวัฏจักรของบางคนถึงสั้นยาวไม่เท่ากันก็ตาม
บางทีการได้มองออกไปข้างนอก
ได้ออกไปสู่สิ่งใหม่ๆ เปิดรับบางอย่างเข้ามา
ให้พ้นเสียการย้ำคิดย้ำทำในสิ่งที่เผชิญอยู่
ก็ยังพอจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาบาง
อย่างเรื่องราวที่ได้ยินมา
คนที่เราได้พูดคุยเมื่อวานนี้หรือเมื่อครู่นี้
ในวินาทีต่อไปเค้าก็ไม่ได้อยู่กับเราเสียแล้ว
มีอยู่ครอบครัวหนึ่งเพิ่งเสียคุณพ่อไปด้วยวัยชรา
ต่อมาเพียงแค่ 2 อาทิตย์คุณแม่ก็มาเสียตามไป
อีก 1 เดือนต่อมาคุณพ่อสามีก็เสียชีวิตอีก
และเมื่อเร็วๆ นี้ ตัวเค้าเอง สามี พี่สาวและลูกชาย
พากับขับรถลงไปเยี่ยมน้องชายที่ต่างจังหวัด
อาจด้วยความไม่คุ้นเคยทางทำให้รถเสียหลักตกข้างทาง
เหลือเพียงลูกชายวัย 7 ขวบเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต
ได้ฟังอย่างนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าทุกข์ของเราช่างน้อยกว่าทุกข์ของเด็กคนนั้นนัก
บางครั้งบางที เราต้องลองเปลี่ยนที่นั่งดูบ้าง
เพื่อที่จะได้มองเห็นบางมุมที่ซ่อนอยู่
สำหรับเรื่องราวของเพื่อนที่โทรมาปรึกษาเรื่องคุณแม่
สิ่งที่เราทำได้ ก็เพียงแนะนำสิ่งที่คิดว่าจะทำให้ใจสงบ
ทั้งผู้ป่วยและคนที่ดูแล
บางเรื่องราวการใช้ธรรมะเข้าข่มก็เห็นจะเป็นทางที่ดีจริงจริง
Create Date : 28 พฤษภาคม 2551 | | |
Last Update : 3 มิถุนายน 2551 14:47:13 น. |
Counter : 1195 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ร ว ย
มีเงินเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ารวย
และถ้าไม่มีเงินถึงจะเรียกว่าจนหรือ
เมื่อก่อนที่ความอยากมีเยอะกว่าเงินในกระเป๋า
จะคิดว่าเมื่อไหร่จะรวยกว่านี้
ตอนนี้เงินในกระเป๋าที่มีอยู่เท่าเดิม
แต่ความอยากที่ลดลง เลยรู้สึกมีเงินมากขึ้น
และก็คิดว่าเป็นภาระด้วย
มีเงินมากๆ ก็เป็นห่วงเป็นกังวล
คิดหาทางทำให้มันได้ประโยชน์กว่านอนนิ่งๆในกระเป๋า
แถมตอนนี้มีคนอยากมาช่วยใช้เงินอีก
ถ้าคำว่าเป็น คนดี วัดกันเพียงแค่
ฉันให้เงินเธอ
หรือฉันเลว
เพราะไม่ให้เงินเธอ
ก็คงต้องปล่อยให้คิดกันไป
เพราะเงินแต่ละบาทกว่าจะได้มา
ก็ไม่ใช่ว่าหล่นมาจากฟากฟ้า
เรารู้และเข้าใจถึงคำว่า
การมีโอกาสและความรู้ความสามารถ
ของแต่ละคนที่มีมาไม่เท่ากัน
แต่สิ่งที่เราเชื่อและยึดถือมาเสมอ
คือการมีความพยายาม ไม่ท้อถอย
ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางอดตาย
เหตุผลและความจำเป็นในชีวิตของแต่ละคนก็คงไม่เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นบางเรื่องบางอย่างที่คิดไม่ตรงกัน
ก็คงไม่ต้องมานั่งอธิบายว่าทำไม อย่างไร
และไม่เคยมานั่งคิดว่าจะต้องให้ใครมาเข้าใจ
ในสิ่งที่ทำลงไปด้วย
มั่นใจว่าทุกคำพูดที่บอกไป
ถึงจะทำให้คนรอคำตอบต้องผิดหวังหรือเสียใจ
แต่มันก็ต้องเป็นไปตามกรรมที่ทำกันมา
รวมถึงตัวเราด้วย ถ้าสิ่งที่ทำไม่ถูกไม่ควร
สักวันอะไรๆ ที่ทำไว้ก็ต้องย้อนกลับมาหาตัวเรา
และการมานั่งคิดถึงหรืออ้างถึงใครบางคน
คงไม่ใช่เฉพาะเวลาที่เราทุกข์หรือเดือดร้อน
สำหรับเราทุกช่วงเวลามันก็มีแต่ความทรงจำ
ไม่จำเป็นต้องพูด
ไม่จำเป็นต้องร้องไห้
ไม่จำเป็นต้องตีโพยตีพาย
แค่รู้อยู่ในใจว่าไม่เคยลืมเป็นพอ
Create Date : 24 เมษายน 2551 | | |
Last Update : 28 พฤษภาคม 2551 22:24:03 น. |
Counter : 330 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ร้อนรุ่ม
ห่างหายจากเรื่องรักๆ ไม่นานเท่าไหร่
เพื่อนสนิทโทรมาโอดครวญกับรักครั้งใหม่
ทำยังไงดีอยากเจอ อยากพูด อยากคุย
แล้วมาบอกว่าใจมันร้อนรุ่มทนไม่ไหว
โทรมาให้เราช่วยด่า เผื่อจะได้จิตใจสงบลงบ้าง
ก็เกือบจะดีใจที่เห็นความสำคัญ
แต่อีกนัยหนึ่งจะบอกว่าเราปากจัดหรือป่าวฟ่ะ
ครั้งนี้ไม่ได้ด่าแต่ช่วยสนับสนุน
เพราะคิดว่าการมีความรักเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจชุ่มชื้น
และช่วยให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น
ซึ่งต่างจากคราวก่อนที่ต้องด่าเพื่อให้ตัดใจ
คนไม่รัก จะพยายามยังไง ก็คือไม่รัก
อย่าไปลดค่าของตัวเองเพื่อทำให้คนที่ไม่เห็นค่ากลับมาเลย
บอกไปว่า อยากทำก็ทำสิ
อยากพูดอยากคุยก็โทรไป อยากเจอก็ไปหา
แต่เพื่อนก็กลัวว่าทำไปแล้ว รักไปแล้ว
สนิทกันมากๆแล้ว จะต้องผิดหวัง
เพราะมองเห็นอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้า
อุปสรรคที่เกิดจากคนรอบข้าง
โดยที่ยังไม่รู้เลยว่า ถ้าคบกันไปแล้วจะไปกันรอดไหม
แค่เริ่มต้นก็กลัวที่จะต้องผิดหวังเสียแล้ว
แบบนี้เรียกว่าไม่ได้เอาบทเรียนที่ผ่านมาช่วยทำให้มุมมองความรักดีขึ้นเลย หรือไร
หากคิดจะรักก็ต้องเตรียมใจไว้ด้วย
ไม่ว่าจะรักแล้วอยู่กันตลอดรอดฝั่ง
หรือว่าอาจจะต้องเลิกรากันไป
แต่ในระหว่างที่คบกัน ก็คงไม่ได้มีแต่ความสุขเพียงอย่างเดียว
มันก็ต้องทั้งทุกข์ ทั้งสุข มีปัญหาก็ต้องช่วยกันแก้ไข
อุปสรรคมีไว้ให้ฝ่าฟัน
ดีซะอีกที่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ารักนี้ไม่ใช่ง่ายๆ นะ
แล้วคนที่เราเลือก คนที่เราบอกว่า ใช่เลย
เค้าพร้อมไหม พร้อมที่จะก้าวไปด้วยกันไหม
ทั้งๆ ที่รู้ว่าทางข้างหน้าไม่ได้ปูด้วยพรมแดง
หากเค้าพร้อม แล้วตัวเราเองจะกลัวทำไม
อย่าไปคิดถึงเรื่องที่ยังไม่เกิด
การที่เราเลือกรักคนคนนี้
ณ ตอนนี้เรามีความสุข
ไม่ได้ทำให้ใครต้องเดือดร้อน
คิดว่าคุ้มไหมที่จะแลก
ถ้าคิดได้ก็อย่ารีรอ
ส่วนตัวคิดว่า ความรักสามารถให้และรับคืนหลายสิ่งในชีวิต
หากเราเรียนรู้วิธีการให้ที่ถูกต้อง
เราก็ไม่ต้องเจ็บปวดเมื่อถึงเวลาที่ความรักจะเอาคืน
Create Date : 09 เมษายน 2551 | | |
Last Update : 24 เมษายน 2551 11:26:36 น. |
Counter : 358 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ดรีมทีม หนังอ่อน ที่ไม่ ปัญญาอ่อน
หนังที่ดูได้ทุกเพศ ทุกวัย
แต่ส่วนใหญ่ที่เดินเข้าไปดูจะจูงลูกเด็กเล็กแดงเข้าไปด้วย
ตัวเดินเรื่องหลักๆ คงจะเป็น โค้ชเบิร์ด กับ ครูหนูเล็ก และพ่อแม่ของเด็ก
สำหรับเด็กแล้วแสดงได้น่ารักสมวัย
เพียงแต่อาจจะมีบางคำพูดที่ฟังแล้วสะดุดหู
เหมือนว่าบทที่เขียนขึ้นให้เด็กพูดเพื่อความสนุกสนานในการชม
แต่คนที่เป็นพ่อเป็นแม่คงจะเข้าใจดีว่า
คำพูดเหล่านั้นบางครั้งไม่ได้เกินจริงเลย
เด็กๆ สมัยนี้เสพสื่อต่างๆ ตั้งแต่ยังไม่เกิด
ตอนอยู่ในท้องก็ต้องฟังเพลงของโมสาร์ทหรือบีโธ่เฟ่นเสียแล้ว
เมื่อเกิดมาเด็กบางคนก็มีพี่เลี้ยงชื่อเหมือนกันว่า ทีวี
ดังนั้นการแสดงออกต่างๆ ของ เด็กย่อมลอกเลียนแบบมาจากสื่อที่ได้เห็น
เด็กต้องการเรียกร้องความสนใจไม่แพ้ผู้ใหญ่
เมื่อพฤติกรรมใดที่ทำแล้วเด็กเห็นว่า คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ
เด็กก็จะเลียนแบบพฤติกรรมนั้น โดยไม่รู้ถึงผลของการกระทำว่าเหมาะสมหรือไม่
ฉะนั้นต่อไปอีกไม่กี่ปี ดารา นักแสดง รุ่นใหม่ๆ ก็จะยิ่งอายุน้อยลงเรื่อยๆ
เพราะการเลียนแบบท่าทางและการพูดจามีให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อดูหนังจบแล้วยังมีหลายๆ ประเด็นที่ตัวหนังรวบรัดเกินไป
อย่างการไม่มีเวลาให้ของแม่เต้ จะมีผลกระทบกับเต้อย่างไร
หรือการผิดคำพูดที่ผู้ใหญ่สัญญาไว้กับเด็ก
บางครั้งก็สามารถทำให้เกิดเรื่องใหญ่ๆได้
ยิ่งโดยเฉพาะฉากจบของหนัง
การชนะโดยการฉวยโอกาส นั่นก็เท่ากับว่า
สิ่งที่หนังนำเสนอมาทั้งหมดเป็นศูนย์
เพราะตลอดเวลาที่เราดู
หนังพยายามจะแทรกเรื่องของการแพ้และชนะเข้ามาเป็นระยะๆ
เหมือนจะสอนทั้งเด็กและคนดูว่า การแพ้หรือชนะไม่สำคัญ
การที่เราได้ลงมือทำจนสุดความสามารถแล้วต่างหาก
คือจุดมุ่งหมายที่ต้องการ
เมื่อทีมจอมพลังชนะแล้ว กรรมการไม่เห็น
แต่กลับทันที่จะเห็นดรีมทีมชนะ และตัดสินให้ดรีมทีมชนะ
จบเหมือนจะสวยงามเมื่อเด็กๆ ที่เราเอาใจช่วย
สามารถไปจนถึงจุดสูงสุงของการแข่งขันได้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทีมของอีกฝ่ายคงไม่ยอมแน่นอน
อาจจะต้องมีการรีรันเทป หรืออ้างอิงพยานในสนามอีกมากมาย
เพื่อกลับคำตัดสินใจให้ทีมจอมพลังชนะ
หากหนังจบแบบนี้ เด็กๆ ก็จะได้เรียนรู้ทั้งการเป็นผู้ชนะ การเป็นผู้แพ้
และการมีน้ำใจนักกีฬา ไปพร้อมกัน
Create Date : 07 เมษายน 2551 | | |
Last Update : 16 เมษายน 2551 20:03:08 น. |
Counter : 338 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|