แม่จะเข็มแข็งเพื่อหนู/ที่หนึ่งในหัวใจ
Group Blog
 
All blogs
 
ไม่รับค่ะ




ช่วงที่แฟนนอนอยู่ รพ นั้น

แฟนกับหมอแทบจะไม่ได้คุยกันเลย

ไม่รู้ว่าทำไม

หมอเข้ามาแค่ตรวจอาการตามปกติ

แล้วก็ออกไป พอหมอออกไปปุ๊บ

แฟนจะรีบโทรมาบอก

นี่ๆ หมอแล้วมา รีบโทรมาที่ รพ เร็วจะได้คุยกับหมอ

เราก็ต้องรีบ กด กด กด โทรด่วนเข้ามา

หมอก็พูดคุยดี (กว่าแต่ก่อนมากกกกกกกก)

ใช้โทรคุยกันทุกวัน จนวันก่อนออกจาก รพ

อยู่ดีดี หมอก็เข้ามาในห้อง

แล้วก็พูดๆๆๆๆๆๆๆ จนแฟนไม่ทันตั้งตัว

อืม...คุณต้องทำใจนะ ว่าโรคบางโรคมันรักษาไม่หาย

ที่จะผ่านี่ก็ไม่ใช่ว่าจะหายได้นะ โรคมันร้ายแรง

คุณรู้ไหม คุณเป็นโรคเดียวกับ เต๋อ เรวัติ

(บอกแล้วยัง งง อยู่ หรือแกจะใบ้เป็นนัยๆว่า ขนาดคนรวยๆ ก็ยังต้องเป็นไปตาม
กรรม)

ที่ทำได้ก็คือยืดเวลาออกไปเท่านั้น

โรคของคุณอย่างมากก็คือมีเวลาอีก 1 ปี

อืม....ทำใจเถอะนะคุณ

แฟนเรา อึ้ง ไปเลยหล่ะ

หลังออกจาก รพ มาอยู่บ้าน

เราก็นัดพบหมอเพื่อดูคิวผ่าตัดที่ รพ ศิริราช

พอเข้าไปพบ หมอจำหน้าได้แล้วว่า ตาคนนี้มาทำไม

ก็ดูคิวผ่าให้ แกคว้าเครื่อง PDA มาจิ้มๆๆๆๆๆๆ

แล้วบอกว่า ได้วันที่ 6 นะ

เราถาม วันที่ 6 ไหนค่ะ

เอ่อ.... 6 พย หน่ะ

หือออออออ 6 พย นี่เดือนอะไรนะค่ะ

(นับบบบบบบบบ ไล่เดือน กันยา ตุลา พฤศจิกา)

ประมาณเกือบ 3 เดือนหน่ะ

หมอรีบบอก คุณมาดู ดูนี่

หมอยื่นเครื่อง PDA ให้ดู แล้วก็จิ้มๆๆๆๆๆ

ไล่ดูตารางนัดของหมอ มันเต็มพรึ้ดดดดดไปหมด

อารมณ์ของหมอประมาณ พยายามแล้วน้า แต่มันหาที่ลงไม่ได้จริงๆ

บอกว่า คนมันเป็นกันเยอะจริงๆ มากันจากทั่วทุกสารทิศ

หมอพยายามเต็มที่แล้วนะ จองไว้ก่อนเถอะ วันที่ 6

จะให้ทำไงได้ ก็ต้องจองไว้ก่อน เพราะคนก่อนหน้านี้

ได้คิวเดือนมกราปีหน้าโน่น

เราถามหมอว่าแล้ว หมอคิดว่าดูจากอาการแล้วคนไข้จะไหวถึงพฤศจิหรือป่าวหล่ะ
ค่ะ

หมอว่า ก็คงอาจจะมีทรงๆ ทรุดๆ เป็นช่วงๆ นะ ถ้ามีอะไรก็รีบมาหาหมอแล้วกัน

แต่นี่หมอก็ให้ยากันสมองบวมทานช่วยไปก่อน

แล้วก็บอกให้แฟนออกไปรอข้างนอก หมอขอคุยกับเราหน่อย

เบื่อมาก ไม่ชอบเลย เพราะถ้าบอกว่าคุยกันเราหน่อย

มันไม่เคยหน่อยเลย มีแต่เรื่องหนักๆและคาดไม่ถึงทุกที

หมอบอกว่า คุณยังไม่รู้ใช่ไหม ว่าโรคนี้มียากินด้วย

ไม่ใช่รักษาให้หายนะ แต่กินประทังไปเรื่อยๆ กินทุกวัน

กินจนจบคอร์ส ก็หนึ่งล้านบาท แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็กินไปเรื่อยๆ

เม็ดหนึ่งก็ประมาณ 7 พันบาท หมออยากถามว่า คุณจะรับไหม

ถามง่ายๆ แต่ตอบไม่ได้

ไม่ใช่การตอบ รับค่ะ ฉันยินดีรับเค้าเป็นสามีตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย

หรือ ไม่รับค่ะ ดิฉันยังไม่พร้อมจะรับเค้าเป็นสามี

แต่นี่เป็นการตอบ รับค่ะ เพื่อให้เค้ามีชีวิตอยู่

หรือ ไม่รับค่ะ เพราะฉันไม่มีเงินขนาดนั้น

เงินซื้อชีวิตไม่ได้ แต่ยื้อชีวิตคนคนหนึ่งได้

ในกรณีนี้ ตราบใดที่คุณมีเงิน คุณก็อยู่ได้

เพราะมีเจ้านายรุ่นน้องเป็นอย่างแฟน

ผ่านมา 4-5 ปี เค้ายังอยู่ได้ด้วยยาเม็ดที่หมอบอก

และก็ปฏิบัติตัวเสียใหม่ ไม่เครียด ไม่ทำงานหนัก

ได้ทันอยู่ใช้เงินของตัวเองที่หามาได้

เมื่อก่อนเกลียดคนที่นับถือแต่เงินคือพระเจ้า

และตอนนี้ก็รู้สึกเกลียดตัวเอง ที่ต้องการเงินอย่างที่สุด

หมอถามอีกว่า ตกลงจะรับหรือไม่รับ

เราตอบ ยังไม่รับค่ะ

(แค่พูดก็ยากแล้ว และที่ยากกว่าคือคงไม่มีทางลืมว่าเคยพูดประโยคนี้ออกไป)

หมอก็ขีดๆเขียนๆ ลงไปในใบนัดผ่าตัด

ยังไม่จบแค่นั้น หมอบอกว่า

ตอนนี้คุณและคนไข้คงยังไม่รู้

ตาข้างซ้ายของคนไข้มองไม่เห็นแล้วบางส่วนเพราะก้อนเนื้อไปบังการรับภาพ

แต่นี้เค้ายังมองเห็นได้ตามปกติ เพราะถ้าเค้ากรอกตาขวาและซ้ายไปมา

จะทำให้เห็นภาพโดยรวมชัดเจนขึ้น

(ตอนนี้แฟน งดขับรถโดยเด็ดขาด เค้าคงรู้สึกได้เอง)

หมอจะผ่าให้เค้าครั้งนี้อีกแค่ครั้งเดียวนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก หมอไม่เอาด้วยแล้ว

หมอพูดอย่างจริงใจที่สุดอย่างที่คนคนหนึ่งจะพูดได้ เราไม่โกรธหมอเลย

หมอว่าครั้งนี้หมอจะผ่าแบบขุดรากถอนโคน(ฟังดูน่ากลัวเนอะ)

เพราะไม่งั้นมันก็จะมาอีก แต่ว่า..................

คุณต้องไปปรึกษากับคนไข้ว่าจะรับได้ไหม

หากหมอผ่าแบบเต็มที่ คนไข้ก็อาจจะเป็นอัมพาตไปครึ่งซีกทางด้านซ้าย

แต่ถ้าผ่าแบบคราวที่แล้ว คนไข้ปกติดี โรคมันก็มาเร็วเหมือนครั้งนี้

ลองไปคุยกันดู คนไข้บางคนรับไม่ได้หากมีชีวิตอยู่แบบต้องพึ่งพาคนอื่น

บางคนขอให้ตายไปเสียดีกว่าอยู่

หมอออกใบทำเรื่องจองห้องพักที่ รพ ไว้ให้ และนัดมาตรวจอีกวันที่ 10 ตค

เรารับคำและขอบคุณ

กำลังจะเดินออกจากห้อง

หมอพูดขึ้นว่า คนไข้มีลูกไหม

เราหันกลับมาบอก มีค่ะ หนึ่งคน สี่ขวบ

แล้วถ้าเค้าไม่อยู่ใครจะเป็นคนดูลูก

เราเป็นคนดูแลเองค่ะ

คนไข้มีกิจการอะไรไหม

ไม่มีค่ะ

อืม...งั้นเก็บเงินไว้ให้ลูกเถอะนะ

ไม่ต้องกินยาหรอก หมอยิ้มจางจาง

เราพยักหน้า

หมอพูดเป็นนัยเหมือนเข้าใจความรู้สึกเรา

วันนั้นกลับบ้านไป ถึงจะยังมีเรื่องหนักๆ อยู่ในใจ

แต่ก็ยังยิ้มได้ คงเพราะสิ่งที่หมอพูดก่อนกลับ

แฟนแซวว่า สงสัยหมอชอบคุยกับเรา

เห็นคุยกันนานทุกที เราหัวเราะ

ถ้ารู้ว่าทำไมหมอต้องคุยกับเรานาน จะยังแซวอยู่ไหมค่ะ

ถ้านี่คือโชคชะตาฟ้ากำหนดให้เราต้องเดินทางนี้

ทางที่มองออกไปมีแต่ความมืดมน

เราก็จะบอกโชคชะตาว่า

ใจของผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมืดมิด

ยังมีแสงสว่างอยู่กลางใจดวงนี้

และมันจะต้องนำทางไปสู่สิ่งที่ดีกว่า

ไม่ใช่แค่เชื่อ แต่มันจะต้องเป็นแบบนั้น

+++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่หมอบอกกับแฟนว่า ระยะเวลาของโรคนี้อย่างมากก็อยู่ได้หนึ่งปี

แฟนคิดในใจ แล้วจะให้ตรูเริ่มนับตั้งแต่เมื่อไหร่หว่ะเนี้ย

แกสับสนว่า จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่หมอบอก หรือนับย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่า
เป็น

เราบอกว่า ไม่ต้องสนใจหรอก เพราะมันเป็นแค่สถิติที่กำหนดขึ้น

เค้าอาจอยู่ได้มากกว่าที่หมอบอกก็ได้ใครจะรู้



Create Date : 02 ตุลาคม 2550
Last Update : 2 ตุลาคม 2550 8:21:36 น. 2 comments
Counter : 349 Pageviews.

 
อยู่กะปัจจุบัน ดีที่สุดคะ
ไม่ทราบหาสถานที่ฝึกสมาธิ ปฏิบัติได้หรือยังคะ...
คุณแม่น้องปัน เข้มแข้งจริงๆ คะ


โดย: null (มรรคณิชา ) วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:11:42:16 น.  

 
คุณแม่น้องปัน สู้ๆค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

แต่ ว่าจะบอกคุณ แม่ว่า

คิวที่รพ ศิริราช ยาวจริงๆค่ะ เพราะว่า คนไข้เยอะมากๆ

ยังไงก็รับไว้ก่อนหล่ะค่ะ

อาจารย์ที่รักษาหนะค่ะ ก็เป็นอาจารย์ที่เก่งมากๆแล้วค่ะ

สู้ๆนะคะ เพื่อตัวแม่น้องปัน แล้วก็น้องปันค่ะ


โดย: เชอรี่ (JAN_CHERRY ) วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:23:24:03 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่เจ้าปัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ขอรหัสผ่านหลังไมค์นะค่ะ
Free Counters
Friends' blogs
[Add แม่เจ้าปัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.