แม่จะเข็มแข็งเพื่อหนู/ที่หนึ่งในหัวใจ
Group Blog
 
All blogs
 
@-@ หากมีเวลาไปเที่ยวอัมพวากันเถอะ @-@

เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เราพาครอบครัวพ่อกับแม่(เรา) ปันปัน และเพื่อนๆ ที่ทำงานไปเที่ยวกันที่อัมพวา รวมทั้งหมด 9 ชีวิต ด้วยอ่อนประสบการณ์รวมกับเอาสะดวกสบายง่ายเข้าไว้ เลยไปกันแบบแพ็คเก็จแล้วกัน 2 วัน 1 คืน อาหาร 3 มื้อ พร้อมที่พักและนำเที่ยว ราคาคนละ 900 บาท

แรกเริ่มทีเดียวบังเอิญเราไปอ่านหนังสือพิมพ์เจอเวบไซต์ชวนเที่ยวเมืองสมุทรสงคราม //www.maeklongtoday.com เลยลองเข้าไปดูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ปรากฎก็มีรายละเอียดแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ที่พักต่างๆ แถมอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เลยชักชวนเพื่อนที่ทำงานขับรถไปกัน หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จองที่พัก ดูไว้หลายที่เหมือนกัน ถ้าเป็นที่พักใหญ่ๆ ราคาค่อนข้างแพงไปหน่อย จนสุดท้ายมาเลือกเอาบ้านเก่า 2 ชั้นติดคลองอัมพวา แต่เอามาทำใหม่ สวยปิ๊งเชียว มีทั้งหมด 8 ห้อง เป็นแบบห้องมีห้องน้ำในตัว 3 ห้อง ห้องน้ำรวม 5 ห้อง มีโทรทัศน์และแอร์ทุกห้อง (ตอนแรกคิดว่าบ้านติดคลองน่าจะเย็น แต่ป่าวค่ะ กลางวันร้อนมั่กๆ) ด้านล่างทำเป็นห้องรับแขก 2 ห้อง มีพื้นที่ด้านข้างทำเป็นที่นั่งเล่นได้อีก 2 โต๊ะ หน้าบ้านอยู่ติดคลอง จะมีเรือผ่านไปมาตลอด แถมยังได้เห็น ตัวเงินตัวทอง ยาวเกือบฟุตว่ายน้ำข้ามคลองเล่นซะงั้น จากที่ตั้งใจจะลงเล่นน้ำ ทุกคนเลยขอนั่งชมวิวอยู่ด้านบนดีกว่า

เช้าวันเสาร์ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เส้นพระราม 2 แวะทานข้าวกันที่ ปั๊ม TPI ที่อยู่ติดกับโฮมโปรส์และอยู่ตรงข้ามเซ็นทรัลพระราม 2 เป็นร้านขายขนมจีนและสเต็ก ชื่อร้าน ขนมจีนเทวดา เป็นบุฟเฟ่ต์ขนมจีน คือ จะมีน้ำยามาให้ 3 ชนิด เป็นน้ำยาป่า น้ำยากะทิ น้ำพริก เราสามารถตักกินอันไหนก็ได้ เขาจะคิดเงินจากจานที่ใส่เส้น ถ้าเราสั่งเส้นมาจานเดียว และหัวหมอหน่อยกินแต่ผักราดน้ำยาก็อิ่มตื้อในราคา จานละ 25 บาท นอกจากนี้ยังมีอาหารพวกสเต็กหมู ไก่ เนื้อให้เลือกทานได้อีก ราคา 40 บาทขึ้นไป หลังจากอิ่มกันเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่เมืองสมุทรสงคราม

จากเส้นพระราม 2 ขับตรงไปเรื่อยๆ จากผ่านมหาชัย เมืองสมุทรสาคร และเมืองสมุทรสงคราม ระยะทางก็ประมาณ 60 กว่ากิโล จะมีป้ายบอกทางว่าเมืองสมุทรสงครา,ให้เลี้ยวซ้าย เราก็ขับไปตามทาง และให้สังเกตุป้ายบอกทางไปเรื่อยว่าไปทางตลาดน้ำอัมพวา หรืออำเภออัมพวา พอเข้าสู่อำเภออัมพวาแล้ว จะมีจุดจอดรถอยู่ 2 จุด เราจะจอดจุดไหนก็ได้ แล้วก็ลงเดินเที่ยวที่ตลาดได้เลย ส่วนของเราขับเลยตลาดน้ำไปหน่อยก็ถึงที่พัก

เมื่อเช็คอินเข้าที่พักเรียบร้อยก็เป็นเวลาเที่ยงกว่า เจ้าของที่พักก็ยกน้ำยกข้าวปลาอาหารและผลไม้สดๆ จากสวนมาเลี้ยงกันจนอิ่มเต็มที่ จากนั้นก็เป็นเวลาพักผ่อน เราจะไปเดินเล่นที่ตลาดเลยก็ได้ หรือขี่จักรยานเที่ยวก็ได้ แต่ทุกคนคิดว่าไปเดินตอนเย็นสัก 5 โมงจะดีกว่า แดดไม่แรงมาก เลยพากันแยกย้ายไปนอนเล่นบ้าง เล่นเกมส์บวกเลขกันบ้าง (เล่นไพ่) ดูโทรทัศน์บ้าง

พอ 5 โมงเย็น เจ้าของที่พักก็นำทีมพาพวกเราไปเดินตลาดน้ำอัมพวากัน ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักไปประมาณ 100 เมตร มีพิพิธภัณฑ์ที่สะสม ของใช้ ของเล่น สมัยโบราณให้ชม มีร้านขายยา ร้านกาแฟ เก่าแก่แต่ยังขายอยู่จนถึงปัจจุบันด้วย พอถึงตลาด ปรากฎคนล้านแปด เยอะมั่กๆ ทางเดินกว้างสักประมาณ 3 เมตรได้กระมั้ง ใครเดินไม่ดีมีหวังผลัดตกคลองเป็นแน่ เพราะริมคลองจะไม่มีตะแกรงหรือรั้วใดๆ กั้นทั้งสิ้น ของที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นของกิน ของใช้กิ๊บเก๋ จุดให้เช่าเรือชมสถานที่เที่ยว วัดต่างๆ หรือเรือชมหิ่งห้อยในตอนกลางคืน ตกค่านั่งเรือราคาคนละ 60 บาท หากเช่าเหมาลำก็ลำละ 400 บาท เดินกันอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็หมดแรง พากันเดินกลับที่พัก

ตอน 2 ทุ่มก็ถึงคิวของกลุ่มเราที่จะนั่งเรือไปชมหิ่งห้อยกันบ้างแล้ว เรือที่นั่งเป็นเรือหางยาว นั่งได้ประมาณ 12 คน ลงเรือปั๊บเขาจะแจกเสื้อชูชีพกันคนละ 1 ชุดทันที งานนี้ไม่เห็นมีใครไม่ยอมใส่ มีแต่คว้าหมับๆ สวมกันใหญ่ เริ่มเดินทาง แรกๆ จะยังเห็นหิ่งห้อยน้อยมาก แต่พอล่องไปได้สักพัก ก็เจออยู่ 2-3 จุดที่มีหิ่งห้อยอยู่เยอะ กระพริบเรืองแสง สวยเชียว ไกด์บอกว่าถ้าอยากจะดูให้เห็นหิ่งห้อยมาก ควรมาตอนหน้าหนาวจะมีเยอะ และยังบอกอีกว่า หิ่งห้อยจะอาศัยอยู่เฉพาะบริเวณที่มีน้ำสะอาด ไม่เน่าเสียเท่านั้น ดังนั้นไม่ใช่ว่าจะเห็นหิ่งห้อยกันได้ง่ายๆ นะ เรือพากลุ่มเรากลับถึงที่พักประมาณ 3 ทุ่ม จากนั้นก็เป็นเวลาแห่งความสนุกสนานในการปิ้ง ย่าง อาหารทะเลกันแล้ว เพราะที่นี่หากใครมาพักเกิน 15 คน เขาจะมีจัดรายการปิ้ง ย่างให้ฟรี แต่บังเอิญของเราไม่ถึง แต่ด้วยความอยากกินเลยให้เขาช่วยจัดเตรียมให้ อาหารที่ได้ก็มี หอยแมลงภู่ ปลา ปลาหมึก และกุ้ง กินกันพุงกาง ยังไม่หมดเลย กว่าจะจบงานก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน

เช้าวันอาทิตย์ 6.30 น ที่พักมีบริการจัดสำรับไว้ให้เราทำบุญตักบาตรด้วย พระที่อัมพวามีบางองค์เดินมาบิณฑบาตร ส่วนบางองค์พายเรือมาก็มี ซึ่งก็คงเหมือนวิถีชีิวตชาวอัมพวาส่วนใหญ่ที่ยังใช้เส้นทางน้ำกันอยู่ ดังนั้นแทบทุกบ้านจะมีเรือกพายหรือเรือหางยาวจอดอยู่ที่ท่าหน้าบ้าน จากนั้นเวลา 8 โมงเช้า เราก็พากันล่องเรืออีกครั้ง ไกด์พาเราไปไหว้พระตามวัดต่างๆ เช่น วัดจุฬามณี วัดบางกุ้ง วัดบางแคน้อย และชมวิถีชีวิตของชาวบ้านริมฝั่งอัมพวา กลับถึงที่พักประมาณ 11.30 น. เก็บสัมภาระ เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ เป็นอันจบแพ็คเก็จ 2 วัน 1 คืนที่อัมพวาด้วยความสนุกสนานและความประทับใจ หากมีเวลาคงได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมเยียมที่อัมวาใหม่อีกครั้ง



Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:19:46 น. 1 comments
Counter : 469 Pageviews.

 
หากมีเวลาเด้อค่ะ....


โดย: ปลายปัญญา วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:30:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่เจ้าปัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ขอรหัสผ่านหลังไมค์นะค่ะ
Free Counters
Friends' blogs
[Add แม่เจ้าปัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.