แม่จะเข็มแข็งเพื่อหนู/ที่หนึ่งในหัวใจ
Group Blog
 
All blogs
 

* * * Japan Part II * * *

วันที่ 2 เริ่มกันด้วยไปเตร่กันแถว ชิบูยา โดยนั่งรถไฟจากที่พักไปลงที่สถานี kamata แล้วค่อยไปต่ออีกที ระหว่างที่กะลังดูๆ เส้นทางอยู่ ชายหนุ่มแปลกหน้าโพล่พรวดเข้ามา แล้วก็เอาบัตรตำรวจ (จริงหรือปลอมก็ไม่รู้) มาโชว์แว่บๆ แล้วก็เก็บ จากนั้นก็พูดภาษาญี่ปุ่น งุงงิง งุงงิง ไม่รู้เรื่อง รู้แต่ภาษอังกฤษอยู่คำคือ your passport อืม ตอนแรกนึกว่าจะมาช่วยบอกเส้นทางรถไฟซะอีก ดันมาขอดู passport เราก็บอกไปว่า จะดูทำไม เพื่ออะไร ไม่ให้ ถามว่าพูดอังกฤษได้ป่าว พี่แกก็บอกว่าไม่ได้ เอ๊า แล้วจะรู้เรื่องกันไหมเนี้ย พูดกันระหว่าง อังกฤษ กะ ญี่ปุ่น ต่างคนก็ต่างไม่รู้เรื่อง คุณตำรวจนอกเครื่องแบบ เลยเรียกเพื่อนที่ยืนดูที่ท่าอยู่มาช่วย แต่ขอโทษ คนมาใหม่ แย่กว่าเดิมอีก ท่าทาง หน้าตา แต่งตัวเหมือนกุ๊ยเลยอ่ะ แกมาแนวเดียวกัน เอาบัตรให้ดูแล้วรีบเก็บ แล้วก็บอกจะดู passport คราวนี้คนที่เดินผ่านไปมา ก็เข้ามาถาม อีตาตำรวจว่ามีไรเหรอ เค้าก็คงพูดกันรู้เรื่อง เห็นคนที่มาถามพยักหน้าแล้วเดินไป เราเลยคิดว่า อ้ายคนนี้มันคงเป็นตำรวจจริงมั้ง เลยหยิบ passport มาให้ดู แต่เราเป็นคนถือเอง เค้าจะหยิบไปดูเอง เราก็ไม่ให้ ยื้อกันไปมาสักพัก เห็นว่าเราไม่ยอมปล่อยมือ เค้าก็เลยโอเค ไปดีกว่า แล้วก็หายวั๊บไปอย่างรวดเร็ว ดู๊ ดู ทำเอาเสียเวลา เสียอารมณ์ (ประมาณว่า หน้าตาอิฉันเหมือนคนอพยพมากหรือนี่)

เสร็จจากเรื่องอีตาตำรวจ ก็ไปตะลุยเดินที่ ชิบูย่า มีแต่ห้างใหญ่ๆ ซึ่งของราคาแพงมาก ซื้อไม่ลงค่ะ จากนั้นน้องที่ไปด้วย อยากจะไปซื้อของที่ร้าน daiso ที่อยู่แถว ฮาราจูกุ ในหนังสือบอกแค่สถานีเดียว อืม เลยพากันเดิน แต่ไกลโค-ตะ-ระ เชียว ไม่แนะนำให้เดิน นั่งรถไฟดีกว่านะค่ะ ถึงจะแค่สถานีเดียวก็เถอะ เพราะร้านนี้อยู่ในซอยตรงข้ามสถานีรถไฟ ฮาราจูกุ พอดี มีทั้งหมด 4 ชั้น ไม่มีห้องน้ำ ด้วยว่าบังเอิญปวดท้องกะทันหัน เห็นตึกก็ใหญ่ดีดันไม่มีห้องน้ำ ไปเดินหาก็สามารถเข้าได้ที่ร้านแม็ค อยู่ถึงก่อนร้าน daiso นิดเดียวเอง ร้านค้าที่ฮาราจูกุ จะเป็นเสื้อผ้าวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ แต่ราคาประมาณวัยกลางคนอ่ะ แพงมั่กๆ แต่ละตัว 3000 เยนขึ้นทั้งนั้น แต่ยอมรับว่า การดีไซน์เสื้อผ้า จะน่ารัก แปลก สร้างสรรค์ดี แต่ใส่เมืองไทยไม่ได้ แถวฮาราจูกุ จะมีร้านเครปที่เค้าว่าอร่อยกันอยู่ด้วย คิวยาวเลยไม่ได้ไปลองชิม คนส่วนใหญ่ที่เดินจะเป็นนักศึกษา กับหนุ่มสาววัยทำงาน

จากนั้นไปต่อกันที่ ชินจูกุ นั่งรถไฟไป 2 สถานี ทั้งที่หอบของกันพะรุงพะรัง จากที่ไปช้อปร้าน daiso มา และเจอช่วงเวลา rush time 555555 เหมือนในหนังยังไงยังงั้นเลย คนในรถไฟเบียดกันสุดๆ ขอให้มีที่ยืนได้นิดนึง แกก็จะแทรกตัวยืนได้ประหนึ่งว่ามีที่เหลือเฟื้อ ส่วนพวกเราไม่สามารถไปได้ ขอรอรอบต่อไปดีกว่า แต่ไม่ต้องกังวลนะค่ะ รถไฟที่นี่แต่ละรอบมาเร็วมากบางทีไม่ถึง 5 นาทีก็มาแล้ว อาจจะเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน และมีคนใช้บริการเยอะด้วยกระมั้ง ทำให้รอรถไฟแต่ละรอบไม่นานนัก ถึงยังไงโดยเฉลี่ยแล้ว เวลาในการรอรถไฟก็อยู่ระหว่าง 3-8 นาที ประมาณนี้เอง ที่ชินจูกุไปเดินช้อปที่ห้างได้เป็นพวกของ sanrio มา น่ารัก น่าใช้ แต่ราคาไม่ค่อยน่าซื้อเลย ถึงยังไงก็อดใจไม่ได้ต้องซื้อมาอยู่ดี จากนั้นก็ไปทำเรื่องขอคืนภาษี ที่ญี่ปุ่นภาษีจะอยู่ที่ 5% ของราคาสินค้า มูลค่าของสินค้าที่ซื้อจะต้องมากกว่า 10000 เยน ขึ้นไป แล้วไม่รวมพวกอาหาร การขอคืนภาษีที่นี่ดีจัง ได้เป็นเงินคืนมาเลย จำได้ว่าตอนไปฮ่องกงหรือสิงคโปร เราไปทำเรื่องไว้ก่อน แล้วค่อยมาขอเป็นเงินคืนที่สนามบิน หรือไม่ก็ได้รับเป็นเช็คที่เค้าจะส่งมาให้เราที่เมืองไทย ซึ่งถึงตอนนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสกุลเค้าแล้วนี่ ในเมื่อเรากลับมาไทยแล้ว เฮ้อ...ช่างไม่ดีเอาเสียเลย (แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้คืนหล่ะน้า)

จากนั้นนั่งรถไฟกลับไปที่พัก แวะกินอาหารที่ร้านเดิม รู้สึกสะดวกแล้วมีให้เลือกเยอะดีและราคาถูก จบไปอีกหนึ่งวันหล่ะ พรุ่งนี้ต้องแพ็คกระเป๋าเตรียมย้ายโรงแรม แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ไม่รู้ว่าที่พักใหม่จะดีและอยู่ใกล้สถานีรถไฟหรือป่าว ตอนนี้จะไปไหนก็ขอใกล้สถานีรถไฟไว้ก่อน ไม่งั้นเดินลากกระเป๋ากันแฮ่กแน่เลย

ปล. รูปคงย่อเสร็จวันอาทิตย์ค่ะ แล้วจะมานำมาลงให้ชมนะค่ะ




 

Create Date : 21 เมษายน 2550    
Last Update : 21 เมษายน 2550 0:18:32 น.
Counter : 344 Pageviews.  

=> I Love You . . . Japan <=

6 วันเต็มกับชีวิตในญี่ปุ่น 12-17 เมษา ที่ผ่านมา

กับอุปสรรคที่มีมาตลอด ทั้งก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง และตอนกลับ

เฮ้อ... อะไรมันจะเหนื่อยขนาดนี้

แต่... มีทั้งความสุข ความสนุก ความลำบาก ความเหนื่อย ความตื่นเต้น และจบที่ความประทับใจ

ออกเดินทาง 12/4/07
เวลา 6.30 น UA 838 กัปตันลงจอดได้ห่วยมากๆ มึนและเมาจนอยากจะอ้วก เด็กในเครื่องร้องไห้ระงม เพราะตอนเอาเครื่องลงคงปรับระดับและความดันไม่ดี ปวดหัว ปวดหูสุดๆ ดีที่รอดมาได้ แต่เพื่อนข้างๆ รับเคราะห์จะเป็นลมแทน

ถึงสนามบินนาริตะเวลา 14.30 น. (เวลาในญี่ปุ่น) ใช้เวลานั่งเครื่องประมาณ 6 -6.30 ชั่วโมง และเวลาในญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง

รอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งก็เหมือนบ้านเราคือ แยกเป็นคนต่างชาติและคนญี่ปุ่น แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือ ทุกคนจะเข้าเป็นแถวเดียว พอช่องไหนว่างก็ค่อยเดินไปเข้าช่องนั้น และเมื่อมีช่องเปิดใหม่ เจ้าหน้าที่จะเป็นคนตัดแถวให้ไปตั้งแถวใหม่ แต่ถ้าเมืองไทย มีช่องเปิดใหม่ปุ๊บ วิ่งกรูกันไปเข้าแถว ใครวิ่งเร็วก็ได้ก่อนหล่ะนั่น

กลุ่มเราช้าสุด จนเจ้าหน้าที่เค้าช่วยยกกระเป๋าออกมาวางต่างหาก เพราะกระเป๋าของไฟท์ใหม่มาลงแล้ว อิอิ คราวนี้ก็ถึงเวลาตามหาที่พัก เรียวกัง kangetsu คนจองก็จองแบบตาสีตาสามาก ดูภาพ ดูบรรยากาศ อ่านคำอธิบายการเดินทางคร่าวๆ จากสนามบินถึงที่พักรวมใช้เวลา 100 นาที ก็ดูไม่นาน แต่สำหรับคนที่เพิ่งเคยไปอย่างเรา ก็ใช้เวลาไปทั้งหมด 3 ชั่วโมงหล่ะค่ะ แต่ไม่ผิดหวัง ที่พักถึงจะเล็กๆ กะทัดรัด แต่สะดวกสบายและบรรยากาศธรรามชาติดี มีคนไทยมาพักที่นี่หลายคนเหมือนกัน เสร็จสรรพถึงที่พักกันตอนทุ่มกว่าๆ มีคุณยายเป็นคนดำเนินการจัดห้องพักให้ แต่แกพูดและฟังอังกฤษไม่ได้ โชคดีมีแขกต่างชาติที่พูดญี่ปุ่นได้คอยช่วยสื่อสารให้ ถ้าเป็นช่วงกลางวันจะมีฝ่ายต้อนรับที่พอพูดอังกฤษได้ คอยแนะนำสถานที่เที่ยวต่างๆให้

หลังจากเก็บสัมภาระและนั่งพักจนหายเหนื่อย ก็พากันเดินสำรวจรอบๆที่พัก พร้อมกับหาที่ทานข้าวเย็นกันด้วย เดินกันเพลินไปหน่อย ร้านอาหารส่วนใหญ่จะปิดแล้ว มาได้ร้านอาหารที่เปิด 24 ชั่วโมงแบบซื้อไปทานที่บ้านแทน หน้าตาอาจจะดูขี้เหร่ไปหน่อย แต่ก็อร่อยใช้ได้เชียวหล่ะ สำหรับอาหารมื้อแรกที่ญี่ปุ่น

จากนั้นก็ได้โอกาสลองใช้ห้องน้ำ ที่แสนจะเล็กแต่เต็มไปด้วยคุณภาพ โถแบบที่เค้าเล่าๆ กัน มีปุ่มกดฉีดน้ำให้ ดีที่เพื่อนลองก่อน เลยออกมามาว่า ต้องกดปุ่มหยุดด้วยนะ ไม่งั้นน้ำก็จะฉีดไปเรื่อยๆ Haaaaaaaaa

อ่างอาบน้ำที่เอาไว้ใช้แช่แบบครึ่งตัว น้ำร้อนนี้ร้อนสุดๆ ส่วนน้ำเย็นก็ประมาณน้ำแข็งขั้วโลกเหนือเลยกระมั้ง ทุกโรงแรมที่นี่เค้าจะเตรียม แปรงสีฟันกับยาสีฟันให้ด้วย แบบใช้ได้ 1-2 ครั้งก็ทิ้งเลย จะมาเปลี่ยนใหม่ให้ทุกวัน สะดวกดีไม่ต้องพกให้เหนื่อย

ความจริงตามโรงแรมต่างๆ จะมีชาวญี่ปุ่นจากต่างเมืองมาพักกันเยอะเชียว เวลาขึ้นรถไฟ จะเห็นคนญี่ปุ่นลากกระเป๋าใบเล็กๆ เดินกันให้ขวักไขว่ จบวันแรกแบบปลอดภัยดี

แต่วันต่อไปหล่ะ จะเป็นไง....






 

Create Date : 20 เมษายน 2550    
Last Update : 10 กันยายน 2550 20:52:52 น.
Counter : 362 Pageviews.  

... คิดถึง ...

คิดถึง

คิดถึง

คิดถึง

ยิ่งรู้ว่า คนที่คิดถึง

อาจจะไม่ได้คิดเหมือนเรา

มันก็ยิ่ง ทุกข์ใจ

แน่นอน พรุ่งนี้เราอาจได้เจอกัน

แต่เวลานี้

ตอนนี้

คิดถึงมาก มาก






 

Create Date : 08 เมษายน 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:34:24 น.
Counter : 319 Pageviews.  

. . . คุณค่า . . .

สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว ใครบ้างจะไม่มีปัญหาครอบครัว

ปัญหามันก็คงแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมและตัวบุคคล

หลายคนทนไม่ได้หากแฟนตัวเองเจ้าชู้

หลายคนทนไม่ได้หากแฟนตัวเองขี้เหล้า เมายา

หลายคนทนไม่ได้หากแฟนตัวเองเป็นนักพนัน

และอีกหลายๆอย่างที่แล้วแต่

พื้นฐานการเลี้ยงดูบอกให้ยอมรับหรือไม่ยอมรับสิ่งไหน

แต่สำหรับทุกคน ทุกคู่

สิ่งที่ต้องการคือ

การได้รับการยอมรับ การรับรู้ว่าเรายังมีตัวตนอยู่

การได้รับการเอาใจใส่ การดูแล การเห็นคุณค่า

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นง่ายๆ เพียงแค่คำพูดหรือการกระทำ

“เหนื่อยไหม”
“วันนี้เป็นไงบ้าง”

การหยิบน้ำให้แค่หนึ่งแก้วที่เรากลับมา

การนั่งดูทีวีและพูดคุยถึงเรื่องที่ได้ดูด้วยกัน

เพียงแค่นี้สำหรับคนๆ หนี่งอาจจะเพียงพอแล้ว

แต่บางครั้งกลับกลายเป็นว่าการทะเลาะกัน

เป็นการบ่งบอกว่า “เรา” ยังอยู่ด้วยกัน

ดังนั้น บางทีคงไม่น่าแปลกใจเลย

หากบางคนแฟนเจ้าชู้ ขี้เหล้า เมายา มีเมียน้อยเป็น 10

แต่ภรรยายังยอมอยู่ด้วย เหตุผลอาจไม่ใช่เพราะลูกเพียงอย่างเดียว

เค้าอาจทำให้ภรรยาเห็นว่า คุณยังมีคุณค่าอยู่ ถึงแม้ผมจะเลวแค่ไหน

คุณก็ยังมีคุณค่าสำหรับผม

แต่สำหรับหลายๆ คู่ที่เลิกร้างกันไป

ก็คงเพราะต่างฝ่ายต่างไม่เห็นคุณค่าของกันและกันแล้ว

ก็เป็นได้




 

Create Date : 05 เมษายน 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:33:45 น.
Counter : 362 Pageviews.  

- - - เพื่ออะไร - - -

ใครๆมักบอกว่า การมีชีวิตอยู่บางครั้งมันไม่ง่าย

และยิ่งเมื่อใช้ชีวิตคู่ด้วยแล้วยากยิ่งกว่า

หลายต่อหลายคนต้องพ่ายแพ้อาถรรพณ์ 7 ปี

ซึ่งเราก็เคยต้องเสียน้ำตาให้กับ 7 ปีแห่งความรัก

ความหลังมาแล้ว

6 เดือนที่จมปลั๊กกับ 7 ปี ก่อนจะลุกขึ้นมาเพื่อพบว่า

หนทางข้างหน้ายังมีทางให้เราได้เดินอีกมาก

ผ่านมา 2 ปี กับการเริ่มความรักครั้งใหม่

และอีก 6 เดือนที่คบหา ก่อนจะตกลงปลงใจแต่งงานกัน

ก้าวสู่ปีที่ 5 ในการใช้ชีวิตคู่

หลายครั้งที่ท้อ

หลายครั้งที่ต้องเพิกเฉยกับคำพูดที่ไม่เข้าหู

หลายครั้งที่ต้องทนกับอารมณ์ขึ้นลงไม่มีเหตุผล

แต่ไม่เคยหมดซึ่งความอดทน

เพียงแต่บางครั้งรู้สึก “เหนื่อย”

ไม่ขอให้มาเข้าใจ

อยากได้เพียงกำลังใจแค่นั้นเอง

วันเดือนปีที่ผ่านมาและที่จะผ่านไป

ไม่ได้สำคัญ ไม่มีค่าและมีความหมายเลย

หากเราไม่รู้ว่า เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเพื่ออะไร...




 

Create Date : 03 เมษายน 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:26:38 น.
Counter : 346 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

แม่เจ้าปัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ขอรหัสผ่านหลังไมค์นะค่ะ
Free Counters
Friends' blogs
[Add แม่เจ้าปัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.