|
>>> เรื่องเล่าจาก...Club Friday <<<
วันนี้ไปซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่ง ชื่อ เรื่องเล่าจาก Club Friday ความจริงหนังสือเล่มนี้เคยเห็นผ่านตามาแล้วทุกครั้งเวลาเดินเข้าไปร้านหนังสือ บังเอิญวันนี้ไปยืนรอพ่อลูกซื้อของกัน เลยไปหยิบมาอ่าน ปรากฏว่าอ่านไปอ่านมาชักติดใจ เหลียวซ้ายแลขวา ยังไม่เห็นวี่แววพ่อลูก รีบหยิบเล่มใหม่แล้วไปจ่ายตังค์เสร็จก็คว้าหมับใส่กระเป๋า (มีกระเป๋าใบใหญ่ๆมันก็ดีอย่างนี้เอง ไว้ช่วยซ่อนของที่ไม่อยากให้เห็นได้ดีนักแล)
พอกลับมาถึงบ้านรีบหยิบมาอ่าน โอ๊ย...เรื่องของคนอื่นแท้ๆ กลับน้ำหูน้ำตาไหลยิ่งกว่าเรื่องของตัวเอง จะเป็นอย่างนี้ประจำไม่ว่าดูหนังหรืออ่านหนังสือ ร้องไห้ได้เป็นวรรคเป็นเวร จนสามีต้องหยิบกล่องทิชชูมาวางไว้ข้างๆ เวลาเห็นท่าไม่ดี ส่วนวันนี้ลูกเดินมาถาม แม่ๆเป็นอะไร ทำไมน้ำตาไหล อ๋อ พ่อแกล้งแม่.... อิอิ โบ้ยให้พ่อซะ เด๋วหนูจัดการให้... คุณลูกผู้แสนดีบอก แล้วเดินไปตีพ่อ 2 ที 555 สะใจคุณแม่ หลังจากขอบใจคุณลูกเสร็จก็กลับไปอ่านหนังสือต่อ มีหลายเรื่องเชียวหล่ะที่อ่านแล้วรู้สึกประทับใจในความรัก ความผูกพัน ความรู้สึกดีดี ที่ใครบางคนมอบให้คนที่เค้ารัก บางครั้งก็ไม่ได้สนใจว่าจะต้องได้รับความรักนั้นตอบกลับมาไหม ขอแค่การได้อยู่ใกล้ๆคนที่เรารักหรือขอแค่ให้เค้าคิดถึงเราเป็นคนแรกเมื่อมีปัญหาก็พอ บางครั้งการเจ็บปวดจากการยอมรับความจริงก็อาจจะดีกว่าการอยู่กับความสุขจอมปลอม
- ใครจะคิดว่าแฟนตัวเองในวันนี้ จะกลายมาเป็นพี่เขยในอนาคต
- ใครจะคิดว่าแฟนตัวเองในวันนี้ จะกลายเป็นภรรยาของชายอื่น
- ใครจะคิดว่าคนที่เราไว้ใจที่สุด จะกลายเป็นคนหลอกลวงตลอดมา
- ใครจะคิดว่าคนที่เราจะแต่งงานด้วย จะกลายเป็นคนที่อยู่ถัดจะบ้านเราไปไม่กี่หลัง (แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเจอกันเลย)
- ใครจะคิดว่าเวลาที่เราคิดว่ามีเหลือเฟือ จะเหลือแค่ไม่กี่ชั่วโมง มีอีกหลายๆ เรื่องที่อ่านแล้วทำให้รู้สึกดีกับชีวิตของตัวเอง (ที่ไม่ต้องเจอกับเรื่องปวดใจเหล่านั้น) เรื่องที่ชอบสุดคือ ตนแพ้กลางคืน ก็ใครจะไปคิดว่าในขณะที่เราหลับอย่างเป็นสุข จะมีอีกหลายๆ คนเกลียดเวลากลางคืน เกลียดความเหงา ความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยว และไม่สามารถหลับได้อย่างเต็มตื่น เพราะต้องเจอกับฝันร้ายที่ไม่รู้จะหายไปเมื่อไหร่ เมื่อเรามานั่งทบทวนตัวเองว่านานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้ร้องไห้(ยกเว้นเมื่อดูหนังหรืออ่านหนังสือ) ก็แทบจะจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่ามันเมื่อไหร่กันที่เราร้องไห้ครั้งสุดท้าย พอคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกเป็นสุข เพราะแสดงว่าเราคงมีความสุขกับชีวิต หรือไม่ก็มีความเข้มแข็งของจิตใจ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เข้ามาก็ไม่สามารถทำให้จิตเราหวั่นไหวไปได้ แต่ที่เราจะพึงระลึกไว้เสมอคือ คนเรามีขึ้นมีลง มีสุขมีทุกข์ เป็นของคู่กัน วันนี้เราหัวเราะได้ก็จงหัวเราะให้เหมือนเป็นวันสุดท้าย แต่ถ้าวันไหนเราร้องไห้ก็จงร้องไห้เพื่อจะยิ้มรับวันใหม่อย่างสดใส
Create Date : 07 มกราคม 2550 |
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:00:18 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2439 Pageviews. |
|
|
|
โดย: montagio วันที่: 7 มกราคม 2550 เวลา:11:55:57 น. |
|
|
|
| |
|
|
เพิ่งฟังที่ฉอดกับพี่อ้อยเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา
เรื่องของการยอม
...
มีผู้ชายคนนึงโทรมาบอกว่า
มีภรรยาอายุต่างกัน 8 ปี
วันนึงภรรยาท้องขึ้นมาก็เลยกลับไปอยู่ที่บ้านของเธอ
อาทิตย์นึงถึงได้เจอกันสักที
....
จนกระทั่งภรรยาคลอดลูก
อยู่ไปอยู่มาเกือบปี
อยู่ดีๆผู้หญิงคนนี้ก็ถามว่า
คุณรักชั้นมั้ย ถ้ารักขออะไรสามข้อได้มั้ย
...
ข้อแรก ขอเลิก
ข้อสอง ขอให้ไปจากชีวิต
ข้อสาม ขออย่ามายุ่งกับลูก
...
สืบไปสืบมาสาเหตุที่สาวเจ้าอยากเลิกก็เพราะเธออ้างว่าเธอเหงา
...
ฝ่ายชายบอกว่า ที่ต้องเจอกันอาทิตย์ละครั้งเพราะว่าเค้าต้องไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงเธอและลูก
...
ฝ่ายชายยอมเลิกแต่โดยดี
แต่ใจก็คิดถึงลูกตลอด
เวลาคิดถึงก็มีแค่เพียงรูปถ่ายใบเดียวไว้ดูต่างหน้าเท่านั้น
...
ฝ่ายชายดูเป็นคนดีและใจเย็น
ยอมให้ทุกอย่างที่อีกฝ่ายร้องขอ
...
จนวันนึงฝ่ายหญิงโทรมาขอให้เซ็นเอกสาร
ยกลูกให้เป็นลูกของสามีใหม่
...
ฝ่ายชายหมดความอดทนบอกว่า
ลูกเป็นลูกของเค้า
ไม่ใช่ตุ๊กตาจะไปยกให้ใครง่ายๆได้ไง
...
พี่อ้อยถามว่าผ่านมากี่ปีแล้ว
ผู้ชายคนนั้นบอกว่า สี่ปีแล้ว แต่ยังรักเค้าอยู่
....
โอยยยยยยยยยย
ฟังแล้วผู้ชายแบบนี้ยังมีในโลกนี้อีกเหรอคะ
...
ลองเปิดไปฟังดูนะคะ
ทุกวันศุกร์
แล้วเราจะรู้ว่า
อะไรในโลกก็เกิดขึ้นได้
จริงๆนะคะ
...
ยาวไปนิด
ไม่ว่ากันนะคะ
...