Shadowrun Return 2

ตอนที่ 2 ซีแอทเติล

ล้อเครื่องบินของปีเตอร์ทักทายกับรันเวย์ของซีแอทเติลด้วยการกระแทกให้พอรู้สึกได้ว่าสัมภาระบนชั้นเก็บของเหนือศรีษะพร้อมจะหล่นลงมาได้ทุกเมื่อ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีแอทเติล ฝนอันหนาวเหน็บของภาคเหนือตกลงมาอำพรางเมืองที่แออัดไปด้วยผู้คนต่างเผ่าพันธุ์ที่พร้อมจะแก่งแย่งแข่งขันกันทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด เป็นเวลาหกสิบกว่าปีมาแล้วตั้งแต่ปี 2011 ที่มนุษย์เริ่มมีการกลายพันธ์ุ ภัยพิบัติต่างๆเกิดขึ้นเป็นว่าเล่นตั้งแต่ภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นจนแทบจะอธิบายไม่ได้จนถึงโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในหลายๆประเทศพากันทยอยเสื่อมสภาพและถูกโทรจันโจมตีจนกลายเป็นอุบัติเหตุคลาสสิก สารกัมมันตรังษีมีอยู่ทั่วไปทุกหนแห่ง และไวรัส VITAS (Virally-Induced Toxic Allergy Syndrome) ถูกค้นพบที่อินเดีย ในเวลายี่สิบกว่าปีแมันกระจายไปสู่ทุกทวีปของโลกและคร่าชีวิตชาวโลกไปสามในสี่ของประชากรบนดาวดวงนี้ ผู้ที่รอดชีวิตเริ่มมียีนเปลี่ยนไป เด็กทารกรุ่นใหม่ที่คลอดออกมาเริ่มกลายพันธุ์ พวกเขาเริ่มแตกต่างทั้งทางกายภาพและความไวต่อพลังงานและระบบประสาท พวกเขาสามารถทำอะไรแปลกๆอย่างที่คนในอดีตเรียกกันว่า "เวทย์มนต์" ได้ โลกนำเอาศัพท์ในเทพนิยายมาแบ่งแยกชนชั้นรุ่นใหม่เป็น เอล์ฟ ดวอล์ฟ โทรล อ๊อค และมนุษย์ ในเมืองนี้มีประชากรที่ว่ามานี้ครบทุกแบบ ปีเตอร์แทบไม่อยากจะคิดถึงอดีต เขาเป็นเด็กกลายพันธุ์ที่ถูกเรียกว่าเป็นเอล์ฟ และเพื่อแลกกับการที่ไม่ต้องทนทุกข์กับความเป็นอยู่ที่ลำบากทำให้เขาต้องขายตาข้างซ้ายแล้วเปลี่ยนเป็นไซเบอร์อายเพื่อนำเงินส่วนที่เหลือมาประทังชีวิต ทำถึงขนาดนี้แล้วใครบ้างล่ะจะไม่ใส่ดาต้าแจค (Datajack) เข้าไปด้วย

ไม่นานนักปีเตอร์ก็ได้นั่งอยู่บนเบาะหลังในรถแท็กซี่เพื่อตามสัญญานที่อยู่ของแซมเข้าไปยังใจกลางย่านชุมชนที่เคยเรียกว่าเรดมอนด์ซึ่งตอนนี้รู้จักกันในชื่อเรดมอนด์ บาเรนส์ ย่านที่เรียกได้ว่าเป็นย่านที่แทบจะปราศจากกฏหมาย อาชญากรรมมีอยู่ทั่วไปทุกแห่ง แหล่งชุมนุมมั่วสุมของแก๊งอันธพาลทั้งหลาย รวมไปถึงยากุซ่ารุ่นใหม่ที่นี่ด้วย ถึงแม้ญี่ปุ่นจะถูกยึดครองไปแล้วด้วยเกาหลีเหนือแต่ก็ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่สองในห้าของโลก ภาษาญี่ปุ่นกลายเป็นภาษาที่สองในขณะที่สกุลเงินนูเยนกลายเป็นเงินสกุลหลักของโลก

เรดมอนด์เมื่อตอนต้นศตวรรษเคยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ในอเมริกาเหนือแถบตะวันตกเฉียงเหนือ แต่เพราะโทรจันที่ชื่อซาท๊อป (Satop) ทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ชิอาวาเสะ (Shiawase) ที่ตั้งอยู่ในเรดมอนด์ระเบิดทำให้เมืองนี้เคยมีฉายาว่าเมืองที่เรืองแสง โกลวซิตี้ (Glow City) คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะกลายพันธุ์หรือไม่ต่างก็พากันหลีกหนีเรดมอนด์ หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดวิกฤตการณ์ แครช อ๊อฟ ทเวนตี้ทเวนตี้ไนน์ (Crash of 2029) ในปี 2029 ไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวใหม่ที่ได้ฉายาว่า "แครชไวรัส" ทำให้อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์รวมทั้งอินเตอร์เน็ตทั้งโลกล่มพร้อมๆกันและก่อให้เกิดความเสียหายทั้งระบบอย่างไม่เคยมีไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวไหนทำได้มาก่อน มันลบทุกอย่าง บายพาสระบบตรวจสอบความร้อน รวมทั้งทำให้เกิดการประมวลผลอย่างหนักจนทำให้แผงวงจรไหม้ เหตุการณ์ส่งผลกระทบไปทั่วโลก มันเป็นยุคล่มสลายของอินเตอร์เน็ต มันต้องใช้เวลานานถึง 3 ปีในการสร้างระบบเชื่อมต่อแบบใหม่ขึ้นมาทั่วโลกแล้วเรียกมันว่า แมททริก (Matrix) ก่อนที่แมททริกจะถูก แครชไวรัสเวอร์ชั่นสองทำลายในปี 2064 และทำให้โลกมีระบบแมททริกที่เสถียรกว่าเดิม แม้เวลาจะผ่านมานานแล้วถึงกระนั้นเมืองนี้ก็ยังไม่ได้รับการบูรณะปรับปรุงใหม่

แท็กซี่หยุดลงหน้าร้านที่ชื่อ "เครื่องบดอวัยวะ" (Organ Grinders) เฟรนไชส์ดังที่ถูกต้องตามกฏหมายสำหรับซื้อขายอวัยวะไม่ว่าจากคนเป็นหรือคนตาย มันอดทำให้ปีเตอร์หวนนึกถึงอดีตตอนขายตาข้างซ้ายไม่ได้ ร้านนี้ก็เป็นสถานที่แบบนั้น และยังเป็นสถานที่ยอดนิยมหากใครซักคนต้องการกำจัดศพอันเกิดจากการทำเงินเล็กๆน้อยๆข้างถนน การมีร้านเฟรนไชน์แบบนี้ทำให้ย่านบาเรนส์ไม่ต้องลงทุนทำสถานที่เก็บศพของรัฐ ดูเหมือนตำแหน่งของแซมจะชี้เข้ามาที่ร้านนี้ ปีเตอร์เปิดประตูเข้าไปและแทบผงะเพราะถูกจู่โจมด้วยกลิ่นของความตายและสารฟอกขาว

บริเวณส่วนหน้าของร้านมีเก้าอี้นั่งรอเรียงเป็นแถว ไม่มีใครอยู่แล้ว มันเป็นเวลาที่ดึกเกินกว่าที่ใครจะทำงาน ปีเตอร์เดินสำรวจเข้าไปด้านในและต้องผงะด้วยกลิ่นที่รุนแรงกว่าเดิม ส่วนหลังนี้เป็นห้องโถงกว้าง ด้านในสุดเป็นตู้ล๊อกเกอร์เย็นสำหรับเก็บศพ พื้นที่ส่วนใหญ่ที่เหลือถูกแบ่งด้วยพาร์ติชั่นสำหรับเตียงชันสูตร ปีเตอร์เดินผ่านพาร์ติชั่นเข้ามา ที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าคือคนแคระคนหนึ่ง (Dwarf-ดวอล์ฟ) ที่กำลังผิวปากและสาละวนอยู่กับศพที่ยังดูสดใหม่ หากรอยยิ้มที่กว้างขนาดจากหูซ้ายถึงหูขวาของเขาพูดได้ก็คงจะพูดว่า "I love my job" (ไอเลิฟมายจ๊อบ) เขาเห็นปีเตอร์เดินเข้ามาจึงหยุดมือ

"ขอโทษครับ ผมไม่คิดว่าจะได้ต้อนรับใครในเวลานี้ ไอ้ตูดหมึกซักคนที่บริษัทแม่เพิ่งเอาพนักงานต้อนรับของผมกลับไป ให้ผมช่วยอะไรคุณได้ครับ?" คนแคระถาม

"คุณเป็นเจ้าหน้าที่ชันสูตรเหรอครับ?" ปีเตอร์ตอบกลับด้วยคำถาม

"ผมชื่อจอนห์ เดรสเดน เป็นผู้จัดการสาขาของร้าน "อวัยวะบด" แห่งนี้ครับ อ้อ... ใช่ มันทำให้ผมเป็นเป็นเจ้าหน้าที่ชันสูตรของเฟรนไชส์ร้านนี้ด้วย แล้วคุณคือ?"

"ผมมาที่นี่ด้วยเรื่องของแซม วัตต์"

รอยยิ้มของคนแคระเลือนหายไป

"แล้วอะไรทำให้คุณคิดว่าผมจะรู้เรื่องนั้นล่ะ?" เดรสเดนถาม

"แซมมีชิประบุตำแหน่งฝังอยู่ในกระโหลกของเขา ผมตามสัญญานมาถึงที่นี่"

"เข้าใจแล้ว คุณมาถูกที่แล้ว เขาอยู่ที่นี่แหล่ะ มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องฆาตกรรมนี่ ไม่มีเบาะแสของคนร้าย มันจะอะไรกันนักกันหนาในบาเรนส์นี่"

"แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเค้าตายแล้ว?" เดรสเดนถาม

"ผีดิจิตอลของแซมครับ ตอนที่หัวใจเค้าหยุดเต้น ผมได้รับข้อความที่อัดไว้ส่งมาขอให้ผมช่วยหาตัวคนร้ายเพื่อนำไปลงโทษ เค้าลางสังหรณ์ดีน่ะ"

คนแคระได้ฟังถึงกับตาโต รอยยิ้มแห่งความอยากรู้ก่อตัวขึ้นบนใบหน้าของเขา

"สวิชหลังความตายรึ? โอ้... น่าประทับใจมาก!"
"ผมเพิ่งชำแหละเค้าไปเมื่อกี้นี้เอง เชิญตามมาทางนี้" 

เดรสเดนนำทางปีเตอร์เดินเข้าสู่ห้องด้านในห้องนึง บนเตียงถูกวางไว้ด้วยร่างที่ไร้วิญญานของแซม ท่อนล่างของเขาถูกห่มไว้ด้วยผ้าฆ่าเชื้อสำหรับปิดศพ ข้างเตียงมีซองพลาสติกใสใส่หลักฐานของแซมไว้

"เขาเป็นเหยื่อคนที่สองของ เดอะรีปเปอร์แห่งเมืองมรกต (Emerald City Ripper) คนที่สามอยู่ที่ดาวน์ทาวน์" เดรสเดนบอก

"เดอะรีปเปอร์แห่งเมืองมรกต?" ปีเตอร์พูดตามด้วยเสียงสูงพร้อมทำหน้าเหยเก

เดรสเดนถอนหายใจ
"ผมไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อนี้นะ นั่นเป็นชื่อที่นักข่าวที่นี่ใช้เรียกฆาตกรรายนี้กัน ที่ผมรู้ก็คือมันเหมือนกับแจ็คเดอะรีปเปอร์ ฆาตกรรู้วิธีใช้มีดผ่าตัดอย่างดีเชียวล่ะ แต่รายนี้จะแปลกว่าหน่อยตรงที่ฆาตกรมักจะเอาอวัยวะของเหยื่อออกไปด้วย"

"แล้ว....?" ปีเตอร์อยากรู้ว่าอวัยวะส่วนใดของแซมหายไป

"ตับของคุณวัตต์ถูกตัดออกไปอย่างปราณีต"

"แล้วผู้โชคดีรายอื่นล่ะ?"

"เหยื่อคนแรกหัวใจหายไป คนที่สามม้ามหายไป"

"เดรสเดน ออกมานี่หน่อย!" เสียงตะโกนจากภายนอกดังเข้ามา

เดรสเดนรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร เขารีบวิ่งออกไปทันที

เมื่ออยู่เพียงลำพังกับแซม ปีเตอร์ได้มีโอกาศมองแซมอย่างชัดๆอีกครั้ง ใบหน้าแซมซีดขาวราวขึ้เถ้า เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นใบหน้าของเพื่อนคนนี้ที่ปราศจากรอยยิ้ม ใต้ช่วงอกตรงบริเวณตับดูยุบลงไป เหนือบริเวณนั้นเล็กน้อยมีรอยมีดผ่าตัดยาวเท่าดินสอ ปากแผลยังมีรอยเลือดที่แห้งเกรอะแล้ว บริเวณอื่นนอกจากนั้นไม่มีอะไรบุบสลาย มันเหมือนกับว่าฆาตกรรู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่าต้องการอะไรจากเขาและมันอยู่ตรงไหน

สายตาของปีเตอร์ไปหยุดอยู่ที่ซองใส่หลักฐาน มันเป็นซองพลาสติกใส เขาสามารถมองดูของที่อยู่ภายในได้โดยไม่ต้องเปิดซอง ถ้าไม่ดูตอนนี้จะดูตอนไหน ปีเตอร์หยิบซองขึ้นมาเขย่าให้ของข้างในเรียงตัวใหม่เพื่อจะดูได้ง่ายขึ้น สิ่งที่เขาเห็นมีนามบัตรของสถานที่ชื่อ "เดอะซีมสเตรสยูเนี่ยน" (The Seam Stress Union) ด้านหลังบัตรถูกเขียนอะไรซักอย่างด้วยลายมือ น่าเสียดายที่เลอะเลือดจนอ่านไม่ได้ เสื้อสีม่วงของเขากระดุมหลุดหายไปหลายเม็ด มันเปื้อนเลือดเต็มไปหมด มีกระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมืออีกแผ่นนึง ปีเตอร์พยายามอ่านเท่าที่จะอ่านได้เพราะบางส่วนมันขาดไปและเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

แซม

ชั้นรู้สึกแย่มากที่เราทะเล---น เราเคย---------------ด้วยกันมาก่อน
-------บอกว่าชั้นเสี--- เจอกันที่นั่นนะ รัก เจสสิกา

สิ่งสุดท้ายที่อยู่ในซองหลักฐานคือเครดสติ๊กธรรมดาราคาถูกๆ (Credstick = credit stick) ที่ไม่มีระบบเข้ารหัส ถ้าปีเตอร์อยากดูของที่อยู่ข้างในก็ไม่มีทางที่ใครจะรู้ว่าเค้าทำ ปีเตอร์ยกแขนซ้ายขึ้นมาเอากำไล CommLink วางเหนือเครดสติ๊ก โฮโลดิสเพลย์ปรากฏขึ้นและเริ่มคอนเน็คเข้าไปในเครดสติ๊ก ของแบบนี้มันไม่ยากที่จะแฮก เขาไม่เจอข้อมูลอื่นใดนอกจากมีเงินอยู่ในนั้น 300 นูเยน เขาเรียกโฮโลคีย์บอร์ดขึ้นมาจัดการป้อนคำสั่งใส่ลงไป มูลค่านูเยนในเครดสติ๊กค่อยๆลดลงจนเหลือศูนย์ จากนั้นเขาก็ป้อนคำสั่งใหม่เพื่อเข้าไปดูปูมการใช้งาน จัดการเพื่มจำนวนการใช้จ่ายครั้งสุดท้ายเข้าไปอีก 300 นูเยน เสร็จแล้วจึงลบประวัติการเข้าถึง (Access) จาก CommLink ของเขา

"ถือว่าเป็นค่าดำเนินการนะเพื่อน นายคงไม่ต้องใช้มันแล้ว" 

ปีเตอร์กำลังถังแตกอย่างหนัก เงินของอาทิตย์หน้าถูกใช้เป็นค่าเครื่องบินและค่าใช้จ่ายต่างๆในการเดินทางมาที่นี่

ปีเตอร์มองดูเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว เขาเดินออกมาจากห้องนั้นแล้วพบว่าเดรสเดนกำลังสนทนาอยู่กับอ๊อคฟันแหลมเป็นงายาวโผล่พ้นหน้าออกมาและมีร่างที่สูงใหญ่คนหนึ่ง มองจากตรงนี้แล้วมันช่างแปลกพิลึกเพราะดูเหมือนว่าคนตัวใหญ่กำลังจะกินคนตัวเล็ก อ๊อคตัวสูงที่ยืนคุยกับดวอล์ฟตัวเล็กเป็นนักสืบแผนกฆาตกรรม หากปีเตอร์ไม่สนใจเรื่องงาอันยาว, หูที่ชี้แหลม, และแผงหน้าผากลงมาถึงคิ้วที่ทำให้นึกถึงมนุษย์ยุคหินของเขา ก็คงจะได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟถูกๆที่โชยออกมาไกลเป็นไมล์

"เหยื่อรายนี้ของรีปเปอร์... วัตต์... ชื่อนี้คุ้นๆนี่ ใช่ที่แม่เขาฆ่าตัวตายไปรึเปล่า?" นักสืบอ๊อคถามเดรสเดน

"ก็ตอนนั้นคุณให้สรุปแบบนั้น คุณแมคคลูสกี้" เดรสเดนตอบ

แมคคลูสกี้หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

"ไม่เอาน่า เธอทำของเธอเอง ปิดงานง่ายๆไม่ยุ่งยาก"

"ทีนี้ บอกชั้นหน่อยเดรสเดน มีอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง มันเป็นตั๋วให้ชั้นได้โปรโมทขึ้นเป็นร้อยโทได้เลยนะเคสนี้"

"ผมเขียนลงไปในรายงานหมดแล้ว ฆาตกรกระแทกเหยื่อให้นิ่งด้วยเวทย์มนต์ ให้ยากับเหยื่อ จากนั้นก็เอาอวัยวะภายในชิ้นนึงออกไปจากตัวเหยื่อในขณะที่เหยื่อยังมีชีวิตอยู่ ไอ้ชั่วนั่นดูเหมือนจะถนัดขวา ต้องมีมือที่เรียวและต้องใช้มีดผ่าตัดได้อย่างคล่องแคล่ว แถมยังต้องมีความรู้ในเรื่องกายวิภาคของทั้งมนุษย์และเมต้าฮิวแมน (มนุษย์กลายพันธุ์) เป็นอย่างดีด้วย

"อืมม... ถ้ายังงั้นชั้นต้องไปตามดูพวกศัลยแพทย์จิตตกใช่มั้ย?"

"ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมไม่รู้จักศัลยแพทย์คนไหนที่ยังใช้มีดผ่าตัดอยู่ การผ่าตัดทุกวันนี้ใช้เลเซอร์ที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ อาจเป็นพวกที่เกี่ยวกับแพทย์ทหารหรือพวกที่คลั่งไคล้ในเรื่องนี้จัดๆมากกว่า" เดรสเดนตอบ

"คำตอบของแกไม่ช่วยชั้นเลยเจ้าคนแคระ"

ในที่สุดแมคคลูสกี้ก็รู้สึกตัวว่ามีปีเตอร์ยืนอยู่ใกล้ๆ ปีเตอร์เองก็รับรู้ได้ถึงทักษะการสังเกตุที่เหนือธรรมดาของแมคคลูสกี้ ซึ่งจริงๆแล้วเขาประชด

"แล้วนายเป็นใครกัน?" แมคคลูสกี้ถาม หันหน้าไปยังปีเตอร์

"คุณเป็นนักสืบในคดีนี้ใช่มั้ยครับ? ผมได้รับการจ้างวานจากผู้ตายให้สืบหาฆาตกรของเขา" ปีเตอร์ตอบ

"เชอะ ถ้านายเข้ามาวุ่นวายในการสืบสวนของชั้น นายได้ไปนอนบนเตียงเดียวกับเจ้าคนที่จ้างนายแน่" แมคคลูสกี้ขู่ เขามองกลับไปที่เดรสเดน

"เดรสเดน หารายละเอียดเพิ่มเติมให้มากกว่านี้ จะต้องมีใครซักคนเข้าไปอยู่ในคุกภายในสัปดาห์นี้และชั้นจะได้เลื่อนขั้น เข้าใจมั้ย?" 

จากนั้นแมคคลูสกี้ก็หุนหันกลับออกไป
เดรสเดนดูท่าทางแปลกใจ

"นายหาเพื่อนใหม่ด้วยวิธีการนี้เป็นประจำอย่างนั้นเหรอ?"

"จริงแล้วเค้าไม่ใช่สไตล์ของเพื่อนที่ผมอยากคบด้วยหรอก" ปีเตอร์ตอบ

เดรสเดนหันหน้ามาหาปีเตอร์ด้วยท่าทางจริงจัง

"ตอบชั้นมาตามตรง นายจะทำงานนี้ให้กับผู้ตายยังงั้นเหรอ?" เดรสเดนถาม สรรพนามเริ่มเปลี่ยนไป อาจเพราะชอบสไตล์ของปีเตอร์

"แซมมาเสมอเวลาที่ผมต้องการความช่วยเหลือ ผมแค่อยากตอบแทนกลับคืน" 

"น่าประทับใจอีกแล้ว! นักสืบแมคคลูสกี้ไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่ หมอนั่นน่ะยอมจับแม่ตัวเองเข้าคุกด้วยซ้ำขอเพียงได้ขึ้นเงินเดือนอีกซัก 10 นูเยนต่ออาทิตย์ แถมเค้ายัง..." เดรสเดนหยุด ทำท่าครุ่นคิด

"นายมีเกียรติ ในแนวทางของตัวเอง ชั้นก็ให้เกียรติกับคนตายในงานของชั้น อย่างน้อยเรามีอะไรที่เหมือนกัน ชั้นช่วยอะไรนายได้ไหนบอกมาซิ"

"เมื่อกี๊แมคคลูสกี้พูดถึงแม่ของแซมว่ายังไง?" ปีเตอร์ถาม

"ในรายงานอย่างเป็นทางการสรุปว่าแม่ของเขาฆ่าตัวตายเมื่อปีที่แล้ว"

"ซึ่งคุณไม่เชื่อเหรอ?" ปีเตอร์ถาม
"ชั้นเป็นคนเขียนรายงานนั่นเอง แต่จริงๆแล้วชั้นตรวจเจอบางอย่างที่น่าสงสัย แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ชั้นพบรอยช้ำแปลกๆบนท่อนแขนส่วนบนของเธอ และเธอก็ไม่ได้ใช้มือข้างที่ถนัดเหนี่ยวไก"

"แต่ชั้นถูกบอกให้เลิกหาคำตอบ ชั้นก็เลยหยุดทำต่อ" 

"มีใครบ้างยังใช้มีดผ่าตัดอยู่?"

"ทุกวันนี้นักเรียนหมอก็ยังต้องใช้มันฝึกเรียนในปีแรก เจ้าหน้าที่ชันสูตรก็เหมือนกัน แต่ไม่มีมืออาชีพคนไหนในยุคนี้ใช้มันแล้ว อาจเป็นได้ที่ร้านรับซื้ออวัยวะบางแห่งยังใช้อยู่ นั่นชั้นเดานะ แต่ชั้นก็ไม่รู้หรอกว่าต้องไปหาที่ไหน"

"ราคาของอวัยวะจริงตอนนี้เป็นยังไง?"

"ถ้าทั้งตัวแบบสุขภาพดีก็ขายได้หลายนูเยนโขเลยล่ะ แต่ถ้าขายแบบชิ้นเดี่ยวไม่ค่อยได้ราคาอีกแล้ว คนหันไปใช้อวัยวะไบโอเทียมกับพวกอวัยวะไซเบอร์กันหมด"

"ที่ร้านของชั้นเองก็จะซื้อขายกันเฉพาะที่เพิ่งตายกันใหม่ๆเท่านั้น แต่มีร้านอื่นอีกเยอะที่ไม่ค่อยเรื่องมากเท่าไหร่ พวกนั้นไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าศพเหล่านั้นมาจากไหน"

"คุณเคยได้ยินชื่อ ซีมสเตรสยูเนี่ยน รึเปล่า?" ปีเตอร์ถาม

"มันเป็นคลับที่อยู่ไม่ไกลนักในบาเรนส์ พวกที่ไปมีแต่พวกที่ไม่ใช่ชนชั้นกลางหรือชนชั้นสูง นายอาจจะชอบก็ได้ ส่วนชั้นน่ะเหรอ? ชั้นไม่ใช่คนที่ชอบออกไปข้างนอกเท่าไหร่ ชอบอยู่ในนี้มากกว่า อีกอย่าง อยู่กับพวกที่ตายแล้วไม่เรื่องมากดี"

"คำถามสุดท้าย แซมถูกฆ่าที่ไหนคุณทราบมั้ยครับ?"

เดรสเดนมองปีเตอร์อย่างลึกซึ้งครู่นึงก่อนจะพูดออกมา

"รู้อะไรมั้ย? ชั้นอาจช่วยนายได้ดีกว่านั้น ทำไมไม่ลองไปดูในล๊อกเกอร์เก็บศพตรงสุดโถงด้านในโน่นล่ะ นายอาจจะเจออะไรที่เป็นประโยชน์ได้"

"อืมม... โอเค... ผมจะลองดู"

ปีเตอร์เดินไปยังสุดโถงบริเวณที่เป็นล๊อกเกอร์เย็นที่ใช้เก็บศพตั้งเรียงรายเป็นแถวซ้อนกันเป็นชั้นๆ เขาลองดูไปเรื่อยๆแต่ละช่อง ต่างก็มีชื่อที่ไม่คุ้นเคยทั้งนั้น ในที่สุดมีอยู่ตู้นึงที่เขียนชื่อว่า จอนห์ โดห์ (John Doe) อุณหภูมิในตู้อยู่ที่ 21 องศาเซลเซียส เขาตกลงใจเปิดตู้นี้ ในช่องแช่เย็นช่องนี้บรรจุไว้ด้วยชายผู้หนึ่งที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย แขนทั้งสองข้างไขว้กันอยู่บนอก ทรงผมแนวเดรดล๊อคสีส้มซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ศพนี้ช่างดู... อยู่ในสภาพดีเยี่ยม

"โว้วว... อะไรกันนี่!" ปีเตอร์ตะโกนออกมา

อย่างรวดเร็วภายในการกระโดดเพียงครั้งเดียว ศพนั้นออกจากล๊อกเกอร์มายืนอยู่ข้างๆปีเตอร์ สำหรับคนที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับ เขาดูค่อนข้างมีพลังพอสมควร ปีเตอร์สังเกตุเห็นดาต้าแจคที่ฝังอยู่ในขมับของเขา นอกจากนั้นยังมีรอยสักที่บ่งบอกความเป็นชาแมนที่บริเวณต้นคอ เป็นการผสมผสานที่น่าสนใจ

"ชั้นบอกจอนห์ให้ปลุกตอนหกโมงเช้า นี่หกโมงเช้ารึยัง? มันดูไม่เหมือนหกโมงเช้าเลยนะ" ชายคนนั้นพูด

"ขอโทษที ไม่นึกว่านายจะยังมีชีวิตในนั้น" ปีเตอร์พูด

"อ้อ... ใช่ เดรสเดนมันชอบแกล้งน่ะ นายไม่ใช่คนแรกที่โดนหรอก" เขาหัวเราะ

"อืมม.. ก็ยังดีที่ได้นอนนิดหน่อย อีกอย่างนึง เห็นว่านายยังไม่ฆ่าชั้น ซึ่งนั่นดีแล้ว เพราะหมายความว่านายไม่ได้มาตามหาชั้น แล้วถ้างั้นเรื่องของนายคืออะไรล่ะ?" ชายคนนั้นถาม

"ชั้นกำลังสืบเรื่องของแซม วัตต์ เดรสเดนคิดว่านายน่าจะช่วยชั้นได้" ปีเตอร์ตอบ

"แซมเหรอ ดีใจนะที่ยังมีคนนึกถึงเขา เราดื่มด้วยกันอยู่บ่อยๆที่คลับยูเนี่ยน เจ้านั่นมักจะก่อเรื่องอยู่เสมอๆ"

ชายคนนั้นตะโกนข้ามห้องออกไป

"จอนห์ หมอนี่เจ๋งมั้ย?"

"เออ... เจ๋งใช้ได้... เค้าทำงานให้แซม เชื่อมั้ยว่านี่มันเป็นเรื่องสวิชหลังความตาย ชั้นคิดว่านายคงพอจะช่วยเค้าได้ บางทีนายจะได้ไม่ต้องอยู่กวนชั้นในร้านทั้งวัน" เดรสเดนตะโกนกลับมา

"ขอบใจที่ขันอาสาแทนชั้นนะ"

เขาหยุดครู่นึงเพื่อประเมินปีเตอร์ แต่เป็นการยากที่จะคาดเดาว่าเค้ากำลังคิดอะไร

"เอาล่ะ ทีนี้... ชั้นชื่อเจค และนายคือ?"

"เรียกชั้นว่าพีทก็ได้" ปีเตอร์ตอบ

"ยินดีที่ได้รู้จัก พีท ฟังดูเหมือนนายมาจมอยู่ที่นี่ จอนห์พูดถูก ชั้นอาจจะช่วยนายได้"

"ชั้นอยู่กับแซมในคืนนั้น คืนที่เค้าถูกฆาตกรรม น่าสงสาร เราอยู่ในผับซีมสเตรสยูเนี่ยนคืนนั้น เมาแอ๋และค่อนข้าง... นายก็รู้... ออกจะโวยวายนิดหน่อย ช่วงนั้นชั้นแอบไปหลบคู่อริอยู่ในนั้นได้หลายวันแล้วหลังจากวิ่งงานแย่ๆมางานนึง คุณนายคุโบตะขอให้ชั้นช่วยโยนแซมออกไปชั้นก็เลยทำ แต่พอพาออกไปถึงซอยด้านหลัง ไอ้พวกอริของชั้นมันก็กระโดดเข้าใส่พวกเรา" เจคเล่า สีหน้ายังหวาดเสียวอยู่

"แดม... บางทีถ้าได้ซอยคาฟซักแก้วก็คงจะดีนะ จอนห์ นายพอจะเอาให้ชั้นซักแก้วได้มั้ย?"

"แกหาของแกเองเถอะเจค มือชั้นเปื้อนอยู่ไม่เห็นรึงัย... ไอ้เครื่องในตรงนี้มันติดอะไรนะ..."

เสียงแหว่ะจากงานของเดรสเดนดังออกมาให้ทั้งสองคนได้ยินถึงตรงนี้

"ขอบใจ จอนห์ นายมันเพื่อนแท้จริงๆ ยังไงก็ดี ตอนนี้ชั้นมีค่าหัวอยู่ อย่างที่ชั้นพูดไปแล้ว งานสุดท้ายของชั้นมันออกมาไม่เป็นอย่างที่วางแผนเอาไว้ ตอนที่อยู่ในซอยนั่น ไอ้พวกแก๊งฮาโลวีนมันกระโดดเข้าใส่พวกเรา แม่งคิดว่าเงินค่าหัวชั้นจะเป็นงานหมูๆ"

เจคยิ้มออกมาอย่างที่ปีเตอร์มองออกว่าผลลัพธ์ในคืนนั้นออกมาไม่สวยเลยสำหรับแก๊งค์นั้น

"แซมเดินโซเซออกไปจากวงต่อสู้ นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ชั้นเห็นเค้า จนกระทั่งมาเจอเค้าที่นี่ เตือนใจชั้นว่าซักวันนึงชั้นอาจต้องมาลงเอยที่นี่เช่นกัน"

"ยังมีเรื่องอื่นที่นายรู้อีกมั้ย?" ปีเตอร์ถาม

"ชั้นรู้ว่าพวกเค้าเจอแซมตอนเช้าอีกบล๊อคถัดไปจากยูเนี่ยน" เจคก้มหน้าลง พยายามซ่อนความรู้สึกไว้ภายใต้แว่นตาสีแดง

"น่าละอายมาก ชั้นควรจะอยู่ที่นั่น ถ้าพวกแก๊งนี้ไม่มาซะก่อน"

"จะบอกอะไรให้พีท นายดูเหมือนจะดูแลตัวเองได้ตอนสู้ ตอนนี้ชั้นต้องการกำลังเสริมจะไปจัดการกับไอ้พวกแก๊งค์ฮาโลวีนนั่น หัวหน้าแก๊งมันส่งคนตามหาชั้นไปซะทั่วบาเรนส์ ชั้นต้องจัดการกับไอ้บ้านั่น"

"และเพื่อเป็นการตอบแทน ชั้นจะพานายไปยังที่ที่แซมถูกฆาตกรรม ยังไงมันก็ไม่ปลอดภัยอยู่แล้วถ้าจะไปไหนมาไหนคนเดียวที่นี่ในเวลากลางคืน เชื่อชั้นได้เลย"
เจคมองสำรวจปีเตอร์อีกครั้ง

"และบางที... ชั้นอาจจะมีอะไรที่เหมาะสมกับนายให้นายไว้ใช้ป้องกันตัวด้วย ว่าไงพีท?"

"มันก็ดีนะที่มีคนคอยระวังหลังให้เวลาอยู่ข้างนอกนั่น ถ้าหากเราไว้ใจเค้าได้นะ..."

"โอ้... ชั้นเข้าใจล่ะ ไม่ใช่เรื่องที่จะชวนกันง่ายๆสินะ ชั้นไม่ใช่คนที่จะไม่รักษาคำพูดนะ จอนห์ยืนยันได้ แถมนายก็ยังรู้ว่าชั้นกบดานอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ว่าชั้นจะขายนายได้ง่ายๆซักหน่อย ว่าไง ยังสนใจอยู่รึเปล่า?"

"จริงๆแล้วชั้นก็ชอบเรื่องความยุติธรรมข้างถนนนะ ได้ เจค ชั้นเอาด้วย"

"เยี่ยม ชั้นซ่อนอยู่ที่นี่มาตั้งแต่วันนั้นแล้ว พวกมันเยอะ แถมทั่วทั้งบาเรนส์ก็เป็นถิ่นของมัน ชั้นแปลกใจนะที่นายมาถึงที่นี่ได้โดยไม่เจอพวกมันรบกวน"

"ตลกนะเจค พรุ่งนี้นายไปซ่อนอยู่ในถังขยะหลังร้านได้" เดรสเดนตะโกนข้ามมาแซว

"แล้วนายอยากจะเลือกอาวุธอะไรมั้ย?"

"ชั้นชอบอยู่ไกลๆ นายมีไรเฟิลมั้ย?"

"งั้นเอานี่ไป ชั้นให้นายยืมใช้" เจคยื่น AK-97 ส่งให้ปีเตอร์

 "โอ้โห... นี่มันรุ่นใหม่ล่าสุดในตอนต้นศตวรรษเลยนะนี่ แค่เจ็ดสิบกว่าปีผ่านมาเท่านั้นเอง" ปีเตอร์เสียดสี

"พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกนะ เราจะออกไปตะลุยเมืองกลางดึกกัน"

"ชั้นพร้อมแล้ว" ปีเตอร์คอนเฟิร์ม

"นายเป็นคนนำนะ พวกแก๊งค์นั้นมันยังไม่รู้จักนาย... ตอนนี้" 




Create Date : 20 พฤษภาคม 2557
Last Update : 20 พฤษภาคม 2557 23:21:05 น.
Counter : 1126 Pageviews.

1 comments
  
Glossary
=====
Nuyen (นูเยน) สกุลเงินใหม่ของญี่ปุ่นหลังเข้าสู่โลกยุคที่ 6
CredStick (เครดสติ๊ก) Credit Stick ตัวเก็บข้อมูลดิจิตอลสำหรับพกพา
Datajack (ดาต้าแจค) ช่องสำหรับเสียบสายที่ขมับของเด็คเกอร์ เพื่อต่อเข้าไซเบอร์เด็คหรือแมททริก
Soykaf (ซอยคาฟ) กาแฟเทียมที่ผมสถั่วเหลืองเพราะกาแฟแท้แพงเกินไป

โดย: Karz วันที่: 20 พฤษภาคม 2557 เวลา:14:56:10 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Karz
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 126 คน [?]





สงวนลิขสิทธิ์