เพราะชอบดูหนังผี...เป็นชีวิตจิตใจ
อิชั้นคิดว่าเสน่ห์ของหนังผี อยู่ที่ความตุ้งแช่
จังหวะไหนจะผลุบ จังหวะไหนจะโผล่ มันช่างอึมครึม และกระตุ้นการหลั่งอะดรีนาลินได้ดีเหลือเกิน ตื่นเต้นๆดูแล้วลุ้น สนุกดี
แต่เห็นชอบดูอย่างนี้ เชื่อไหมคะ...ตอนเด็กๆ อิชั้นกลัวผีมากกก ถึงมากที่สุด
ก็คงเหมือนเด็กทุกคนทั่วไปเนอะ ค่าที่โดนขู่ + หลอกมาเยอะ ทั้งยังเกิดในช่วงปีที่บ้านเรือนยังคงความเป็นชนบทอยู่ โดยเฉพาะบ้านอิชั้นที่สองข้างทางยังเป็นท้องทุ่งนา
สมัยเด็กๆจึงรู้สึกเสียใจมาก ที่บ้านตัวเองอยู่ในที่รกร้างผู้คน และมืดได้ใจขนาดนี้ อยากให้แม่ย้ายบ้านไปอยู่ในเมืองที่มีคนเยอะๆ ผีจะได้อยู่ไม่ได้...(น่าน มโนได้ขนาดนั้น)
ก็คิดดูสิ ตอนอิชั้นป.4 หนังสือพิมพ์หัวเขียวยอดฮิตทีมียอดจำหน่ายสูงที่สุดในประเทศไทย (พูดมาซะขนาดนี้บอกชื่อเลยดีไหม) ลงข่าวหน้า 1 ว่า
"ผีปอบอาละวาด ให้ประชาชนระวังตัว"
ดึกดื่นค่ำมืดก็ให้ปิดประตูให้มิดชิด ห้ามเปิดโล่งโจ้งไว้เด็ดขาด
เด็กน้อยไร้เดียงสาวัย 9 ขวบ อ่านข่าวนี้ด้วยความตระหนกตกใจ หันไปมองประตูบ้านที่ทำด้วยไม้กระดานบานเดียวแล้วก็อยากร้องไห้ (ก็สมัยปี 2527-2528 น่ะ บ้านตามชนบทก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น)
ก็ขนาดหนังสือพิมพ์เค้ายังบอกว่ามีจริงๆ แล้วอิชั้นจะไม่เชื่อได้ยังไงล่ะ...
นึกสงสัยว่าถ้าผีปอบมันกระแทกเข้ามาแรงๆ มันจะพังไหม แล้วมันจะเข้าบ้านตรูได้หรือเปล่า (ไม่รู้ว่าผีปอบหรือซอมบี้ถึงได้แรงดีขนาดนั้น)
เอาเป็นว่าอิชั้นมีความทรงจำวัยเด็ก (ยามค่ำคืน) ที่ไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่นัก
สมัยก่อนตอนทุ่มนึงตามบ้านนอกก็มืดตึ๊บแล้ว อิชั้นก็มักจะพยายามดึงแขนแม่ที่นั่งเล่นตรงชานบ้านให้รีบปิดประตูเข้าบ้าน
กลัวตอนที่ป๊ะป๋าที่กลับบ้านดึกๆดื่นๆ จะโดนปอบลากไปกินระหว่างทาง และจะแปลงร่างมาหลอกแม่กะพวกอิชั้นให้เปิดประตูบ้านให้
( อิบร้า...เพ้อเจ้อแร่ะ !! นั่นมันเสือสมิง )
แต่จนถึงล่วงเลยมาถึงวัยนี้ เมื่ออายุมากขึ้น ผ่านโลกมาเยอะขึ้นความกลัวผีในวัยเด็กก็ลดลงมาเรื่อยๆ
แต่ไม่ได้หายไปปล่าวๆ กลับกลายมาเป็นกลัวสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "คน" แทน
ก็คนเราเป็นๆนี่แหล่ะ ที่ทั้งโกหก หลอกลวง จี้ปล้น ลักขโมย ข่มขืน จนถึงฆ่าแกงกันได้นี่สิ น่ากลัวกว่าผีตั้งเยอะ.....
ทุกวันนี้ถึงแม้ต้องอยู่บ้านคนเดียว....หนังผีตอนดึก ก็ไม่ทำให้อิชั้นรู้สึกใดๆอีกแล้ว สามารถนั่งดูได้อย่างชิลๆ สบายมาก จนจบก็ปิดไฟนอน และหลับฝันดี
แต่ต้องหลังจากตรวจสอบแล้วว่าปิดประตูบ้าน หน้าต่างเรียบร้อย ลงกลอนเสร็จสรรพ เพื่อกันอาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาเยี่ยมสำรวจในบ้าน
ตอนนี้ถึงขั้นอธิษฐานกับตัวเองตลอดเวลา ถ้าเกิดได้ยินเสียงก๊อกแก๊กในบ้านในยามวิกาลล่ะก็......
ขอให้มาเป็นผีเถอะ จะผีบ้านผีเรือน ผีไม่มีญาติ กุมารทอง หรือสัมพเวสีที่ไหนก็ได้ มาเลยมา ไม่เกี่ยงทั้งนั้น เดี๋ยวอิชั้นจะทำบุญไปให้
ขออย่างเดียว....อย่าได้มาเป็นคนเด็ดขาด กลัว กลั๊ว กลัวจริงๆนะ
เวิ่นเว้อมาเยอะมากก
มาเข้าเรื่องหนังผีดีกว่า อย่างที่ว่า ตอนนี้มีภูมิต้านทานเยอะขึ้นแร่ะ ก็เลยชอบดูหนังแบบนี้ มีเรื่องอะไรบ้างมาดูกันเร็ว...
* กระทู้ในวันนี้นำเสนอหนังไทยล้วนๆ ไม่มีหนังฝรั่ง ** โปรดระวัง...เนื้อหาบางเรื่องมีสปอย
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแฝดสองคน ที่ยังมีความผูกพันธ์และความรัก ทั้งยังผูกเงื่อนความริษยา เราว่ามาช่าเล่นเรื่องนี้ดีนะ พอดีๆ ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป (ก่อนจะมาดีแตกใน 407 เที่ยวบินผี)
อันนี้แหล่ะที่เพลียมาก ทั้งบท ทั้งความเยอะของนักแสดง อันดับแรกเลย..ก็ทรงผมพี่ช่านี่แหล่ะ ! เพลีย
สาบานได้ว่าขึ้นเครื่องบินมาเกือบครึ่งชีวิต ไม่เคยที่จะเห็นแอร์โฮสเตสทำผมแบบนี้เลย คือไม่ใช่ว่าพี่ช่าทำแล้วไม่สวยนะ แต่อิชั้นว่าดูยังไง๊ มันก้อไม่ใช่ทรงที่สุภาพ แบบสากลนิยมอ่ะ อารมณ์ประมาณว่าพอเริ่มแรกกุก็ไม่อยากเชื่อแล้วว่ายัยนี่เป็นแอร์โฮสเตส (สอบตกตั้งแต่ทำผมแร่ะ)
แต่ที่เพลียใจสุดๆ ก็อีตรงมีผีสวมชฎา มารำไทยบนเครื่องบินความสูง 30,000 ฟุต !!
หร่อนมาจากไหน หร่อนเป็นใคร ตม.ที่ไหนปล่อยหร่อนขึ้นเครื่องทั้งเล็บฟ้อนพร้อมหัวชฎาขึ้นมาตายบนเครื่องย่ะ..ดวกส์!!! (ขอบคุณคุณหนูน้อยที่ให้ยืมศัพท์มาใช้)
นี่คือตัวอย่างของการใส่ตัวละครผีพร่ำเพรื่อ ซึ่งพอมันไม่มีทั้งเหตุผลและโลจิกส์มารองรับ ความน่ากลัวที่น้อยอยู่แล้วยิ่งลดลงไปจนแทบจะกลายเป็นหนังตลกไปซะชิบ
เมื่อผีชบาออกอาละวาด...
นำเอาเรื่องเล่าของความสยองขวัญตามมหาลัยชื่อดัง....เรื่องที่เด่นที่สุดคือ ป๊อกครืดด
เรื่องเกิดที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระยะเวลาที่เกิดไม่ทราบแน่ชัด แต่สถานที่เกิดคือ หอหญิง ในสมัยที่ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรังเรื่องเกิดกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของหอหญิงเจ็ด
ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกัน มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ำ รูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่ จึงไปไม่ไหว พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองแล้วจะห่อมาฝาก เพื่อนคนที่ไม่สบายก็ฝากซื้อราดหน้า หลังจากที่เพื่อนออกไป เมทคนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่อ อ่านได้ซักพักก็ไม่ไหวเพราะไข้ขึ้นจึงนอน
ตอนนอนอยู่นั้นสลึมสลือ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้ว ทำไมเพื่อนยังไม่กลับมาซะทซักพักได้ยินเสียงเบาๆ ดังจากชั้นล่างจากทางบันได
"ป๊อก
ป๊อก
ป๊อก
"เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามา จากทางบันไดเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่
แล้วเสียงก็เปลี่ยนเป็น "ครืด
. ครืด
" เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซักอย่างใกล้เข้ามาเรื่อย จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง
นักศึกษาหญิงเริ่มเอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่ยังเงียบ อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง ก๊อก ก๊อก ก๊อก แล้วเงียบไป
นักศึกษาสะดุ้งสุดตัว คิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อราดหน้าแขวนอยู่ พอเห็นห่อราดหน้า ก็งงว่าเพื่อนอยู่ไหน ทำไมต้องเอามาแขวน ทำไมมีแต่รอยเปียกน้ำเป็นทางจากบันได
รุ่งเช้ามีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทาง คาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ ลักษณะศพสภาพแขนและขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาดหลังจากทานข้าวเสร็จ
ลักษณะเสียงที่ได้ยิน สันนิษฐานได้ว่าเพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุง แล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพัก แล้วใช้คางเกยบันได ลากตัวเองขึ้นมาเป็นเสียง ป๊อก ป๊อก เสียง ครืด คือเสียงลากตัวเองจากบันไดมาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกัน หลังจากส่งห่อราดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง
ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่า แต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆ ห้องยืนยันว่า ในคืนนั้นก็ได้ยินเสียงดังกล่าวเช่นกัน
(ใครมี "แฟนเก่า" ที่บอก "เลิก" แต่เขา "ไม่ยอมเลิก" บ้างไหม?)
เรื่องนี้หนังออกแนวอินดี้หน่อยๆ เป้ อารักษ์เล่นเรื่องนี้ได้ดีนะ บุคลิกงงๆ อึนๆ เข้ากับในหนังดีมาก (ชมจริงๆ ไม่ได้ประชด)
ดูจบแล้วยังได้ยินเพลง "คิดถึงเธอทุกที ที่อยู่คนเดียว" ก้องอยู่ในหัวอยู่เลย
ลองของ1 + 2 เอามาลงเพราะภาพมันซาดิสท์ดี แต่อันนี้บ่องตงว่าไม่ได้ดู แบบว่าชอบผีแต่ไม่ชอบแนวทำร้ายร่างกาย ข้อมูลเลยไม่มี เหอๆ
แนวเดียวกับ ลองของ
ภาพถ่ายติดวิญญาณ ขายดิบดีไปถึงต่างประเทศ
โชคดีของชาวไทยที่ได้ดูเรื่องนี้ ก่อนที่จะเจอน้องอิมในเวอร์ชั่น อิมอิม ก้าวมหัศจจรรย์
เพราะอิชั้นนึกไม่ออกเลยว่าถ้าเห็นเธอมาก่อนที่จะดูหนัง จะเอาตรงไหนไปกลัว????
ตอนสุดท้ายที่น้องพลอยแสดงสนุกนะ เล่นกับความกลัวของคนได้อย่างดีทีเดียว
แต่แอบไม่ชอบตอนจบที่แอร์โฮสเตสพลอยกลับตัวพนมมือแบบโยคะ อยากให้สรุปว่าผีไม่ได้มีจริง แต่ชีเสียสติจนหลอนแล้วทำร้ายตัวเองมากกว่า (ดาร์กกว่าเห็นๆ)
สี่และห้าแพร่ง ขำตอนคนกลางและคนกอง ฮาได้คงเส้นคงวาดีมาก (ก่อนจะมาขยายความฮาของสี่เกลอ + หนึ่งมาริโอ้ ในพี่มากพระโขนง)
เราว่าเรื่องนี้พลอยสวย + สยองแบบอินดี้ๆดีอ่ะ
สุโค่ยกับเรื่องนี้มาก บรรยากาศนัวๆมืดๆ เข้ากับเนื้อเรื่องสุดๆ (ขนาดตอนกลางวันก็ยังมัวหม่นเลย)
ตอนจบก็หักมุมแล้วหักมุมอีกจนต้องเอาผ้าเช็ดเหงื่อกันเลยว่าจะหลอกอะไรตรูอีกวะ
เสียดายที่เรื่องนี้ฉายพร้อม The Other จึงหลีกไม่ได้ที่จะโดนเปรียบเทียบว่าเหมือนกัน แต่อิชั้นดูทั้งสองเรื่อง คิดว่าสนุกคนละแบบนะ ถึงดูเรื่องนึงแล้วดูอีกเรื่องก็ไม่เสียอรรถรส...confirm !!
รักฉันอย่าคิดถึงฉัน สิ่งที่เราได้มากกว่าความสยอง (เรื่องนี้มาแบบไม่หนักนะ) เป็นสไตล์เรื่อยๆมาเรียงๆมากกว่า ก็คือนิวรณ์ที่ผูกพระเอกกับคนรักเอาไว้โดยที่ไม่รู้ตัว แต่ก็เข้าใจได้ว่าการตัดคนที่เรารักมากๆให้ออกจากห้วงคำนึงของเรา คงไม่ง่ายนัก ถ้าเราเป็นพระเอกก็คงไม่รู้ว่าชาตินี้ทั้งชาติจะลืมคนรักได้ไหม หรืออาจจะลืมไม่ได้เลยตลอดชีวิต
ตอนจบหักมุมมาก แต่ไม่ได้หักแบบทึ่งนะ เป็นแบบอึ้งมากกว่า.. (เมิงคิดได้ไงฟร่ะ)
ชาตรีเป็นเด็กไร้ความหมาย ที่พ่อของเขาส่งไปเรียนที่สายชลวิทยา ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อนของชาตรีได้พูดคุยเรื่องผีในโรงเรียนและเรื่องครู
ในตอนกลางคืนชาตรีรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา พอฉี่เสร็จชาตรีได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเหมือนมันเคลื่อนที่ได้ แต่พอเข้าไปแล้วประตูก็เลยล็อก ชาตรีตกใจมากเลยอยากออกไป จนสักพักประตูก็เปิดได้ ชาตรีวิ่งหนีไปหอพักจนเขารู้สึกกลัวมาก
แล้วชาตรี ก็ได้พบกับวิเชียร เพื่อนร่วมห้องที่ดูเหมือนจะรู้อะไร ๆ ในโรงเรียนไปเสียทุกอย่าง และแล้วมิตรภาพระหว่างเพื่อนทั้ง 2 ก็ก่อตัวขึ้น ก่อนที่พบว่าแท้ที่จริงแล้ว วิเชียร ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ๆ
จากเรื่องย่อ + น้องแน็ค อดไม่ได้จริงๆที่จะจินตนาการว่านี่คือแฟนฉันเวอร์ชั่นเจี๊ยบที่เริ่มโตขึ้นและมีปัญหาครอบครัว เหอๆ
ผลงานน้องแอร์ ภุมวารีกับน้องอเล็กซ์สมัยที่ยังเป็นละอ่อนอยู่ (ถึงตอนนี้น้องอเล็กซ์ก็ยังคงความหน้าเด็กอยู่มิรู้หาย)
จะว่าไปก็คิดถึงน้องแอร์เหมือนกันนะ ป่านนี้ทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้
หนังตุ้งแช่น้ำดี ที่มีผีเป็นองค์ประกอบ
ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงกว่า พวกเราเหล่าคนดูได้รับรู้ความอัดอั้นตันใจของชายวัยกลางคนที่พยายามรักษาครอบครัวของตัวเองสุดชีวิต ในขณะที่บรรดาผีๆทั้งหลายก็มีหน้าที่เข้ามากระหน่ำซ้ำเติมให้มันพังเร็วยิ่งขึ้น
ตอนแรกห่วงแค่ว่าพี่ก้องผู้มีลุคอันแสนอบอุ่น อ่อนโยนของอิชั้นจะต้องมาสู้รบปรบมือกับผีมะขิ่น อิชั้นก็อดหวั่นไม่ได้ ว่าเฮียจะเล่นถึงมั้ย สาวก....เอ๊ยคนดูจะเชื่อกันไหมหนอ
แต่พอพี่ก้องพ่นวจีแซ่บ ตอนที่กำลังถูกอัญเชิญให้ออกจากงานว่า "กูไม่ออก ออกแล้วจะเอาอะไรแ-ก" หนูก็หมดห่วงพี่แร่ะ โอเคนะ
เชื่อแล้วว่าใครๆก็อยากสร้างเรื่องแม่นาค เพราะถ้าทำได้ดี ก็จะมีบรรดาแฟนๆให้การอุดหนุนอยู่เสมอ
ล่าสุดก็แม่นาคเวอร์ชั่น GTH ที่แหวกม่านประเพณีทำแม่นาคให้เป็นหนังตลกไปได้ซะนี่ เรียกความแปลกใหม่จนทำรายได้ทะลุไปไม่รู้กี่หลักแล้ว
ชื่อเรื่องพ่อมากพระโขนงก็จริง แต่ใครจะเชื่อไหมเนี่ยว่าที่มาเรื่องนี้มาจากการที่ GTH อยากจะสร้างหนังสักเรื่องที่มีสี่เกลอหัวแข็ง ที่ไปไหนก็เจอแต่เรื่องผีๆร่ำไปเป็นตัวดำเนินเรื่อง จะว่าไปที่หนังดังเนี่ยเครดิตส่วนนึงนอกจากผู้กำกับต้องยกให้ เต๋อ เผือก ฟรอยด์ เอ ที่เรียกพลานุภาพของแฟนคลับมาดูความฮากันล้นโรงเลยทีเดียวเชียว ส่วนพี่มากเนี่ย ถ้าหาใครมาเล่นไม่ได้จริงๆ เค้าจะเอาเต๋อมาเสียบ คิดดูเถอะ คนเดียวใช้งานทั้งเขียนบท ทั้งแสดงหนัง...โคตรจะคุ้มเลย
เอาพอกร้อมแกล้มเนอะ อิชั้นก็ดูมาประมาณนี้แหล่ะค่ะ แต่ยังไม่พอหรอก จะสรรหาดูมันไปเรื่อยๆตามประสาคนชอบความตื่นเต้น ว่าแต่ตัวอย่างหนังที่อิชั้นเอ่ยมา พอจะบิ้วท์เพื่อนๆให้อยากดูมั่งหรือยังเอ่ย
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการดูหนังผีนะคะ
Create Date : 16 กันยายน 2556 |
Last Update : 1 ตุลาคม 2557 19:01:59 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1376 Pageviews. |
|
|
ตามมาชมหนังด้วย
น่ากลัวทุกเรื่อง
ไลท์คนแรกก่นนะคะ