คุณแม่น้องแฝด ฮานากะฮารุ ^^
4 พฤศจิกายน 2553.........วันที่มีแต่เรื่องร้ายๆ




ตื่นเช้ามา....
ไม่คิดเลยว่าจะเป็นวันที่วุ่นวาย+แสนเศร้าได้ขนาดนี้

ตอนเช้าต้องปฎิเสธน้องที่มาสมัครงาน
ทั้งที่ตั้งใจจะรับอยู่แล้ว
แต่ปรากฎว่าเจ้าตัวดันเป็นไวรัสตับอักเสบบี
....รพ.จึงรับเข้าทำงานไม่ได้

ซวยจริงๆ เด็กอายุแค่ 25 เอง...ไปติดเชื้อที่ไหนหว่า
อย่างนี้ก็คงลำบาก ไปที่ไหนเค้าให้ตรวจสุขภาพก็คงทำงานไม่ได้ทุกที่
เราตั้งใจจะรับเพราะน้องเป็นญาติเจ้าหน้าที่ที่นี่ด้วย
ครอบครัวค่อนข้างลำบาก เพราะคุณพ่อป่วย
แม่ทำงานคนเดียว
เจ้าตัวเป็นพี่คนโตเพิ่งจบมหาลัยได้ปีเดียว
แทนที่จะช่วยแม่ได้ ก็กลับต้องอดเสียนี่

....แต่ถึงยังไง กฎก็ต้องเป็นกฎ
เราก็ต้องบอกปฎิเสธไป ไม่รู้ว่าจะเสียใจขนาดไหน
เฮ้อ....ทำใจลำบากจริงๆเลย

สายมา เจอลูกน้องในที่ทำงานมีปัญหา ดูเหมือนไม่มีอะไร
ไอ้เราก็ว่ากลิ่นแหม่งๆ แบบว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆเลยอ่ะ
จริงๆก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ไม่น่าจะผิดใจกันเลย
ได้แต่ทำใจ แล้วทำงานต่อเงียบๆ

สักพัก เลขาบอกว่าเอกสารที่ขอเบิกเงินค่าล่วงเวลาของลูกน้องเรามีปัญหา...
ตอนนี้เค้าจะไม่จ่ายเงินให้ ต้องรอลุ้นดวงต่อเอง
อย่างโชคดี คือได้เงินช้าหน่อย
แต่อย่างโชคร้ายคือ อดได้เงิน !!
ทั้งที่เด็กมันทำงานไปแล้ว
เรานับหนึ่งถึงร้อย ร้อยถึงหนึ่ง
แม่มทำไมมันเฮงซวยอย่างนี้วะ
ไม่รู้จะโทษทั้งคนมีอำนาจอนุมัติว่าเขี้ยวเกินไป
หรือว่าจะโทษเด็กเราที่มันสะเพร่าเหลือใจดี...
แต่ความซวยมันตกที่ตัวอิชั้น
ต้องมาแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าเอง
นี่ก็ไม่รู้ว่าถ้าเค้าไม่จ่ายตังค์
อิชั้นต้องควักเนื้อจ่ายให้มันมั้ยเนี่ยยยย
เซ็งโว้ย.....

ตอนเที่ยง รีบไปกินข้าว เพราะความหิวจัด ประกอบกับความเหนื่อยล้าจากเหตุการณ์ที่เจอตอนเช้า...
เจอคุณแม่โทรมาตอนเที่ยง

แม่บอกว่า "อาอี๊เป็นอะไรไม่รู้ เค้าวูบไป
ตอนนี้อยู่ ICU มาดูอี๊หน่อย"
เรารีบกินข้าวอย่างเร็ว เพื่อที่จะไปดูอี๊ที่ ICU ชั้นสอง

อาอี๊ (พี่สาวแม่) ปกติแกเป็น renal failure
จะเข้ารพ.เป็นประจำ
ล้างไตทุกอาทิตย์มาสองปีกว่าแล้ว
ตอนนี้ตัวผอมมาก ผิวคล้ำ โทรมกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย
ทุกทีก็มาแค่ล้างไตแล้วก็กลับ แต่มาหนนี้ถึงขั้น ICU
เรารู้สึกไม่ดีเลย ต้องเป็นหนักแน่ๆ

มาถึง ICU แม่อยู่รวมกลุ่มกับญาติๆกลุ่มใหญ่
เห็นแล้วตาลายไปหมด
คนราว 20 กว่าคน ยืนออหน้าห้อง ICU ดูแล้วบรรยากาศสับสนวุ่นวายมากเลย
พอเรามาแม่ก็เรียกเราหวัดดีญาติๆ
บางคนเราก็รู้จัก แต่บางคนก็ไม่รู้จัก
เหล่ๆมองแม่ แม่ยังพอไหว ยังไม่ร้องไห้อะไร คงเพราะทำใจได้มานานแล้ว ประกอบกับบรรยากาศที่มีญาติๆมาเยอะๆ เธอคุยกับคนนู้นคนนี้เลยลืมเศร้าไปบ้าง
แต่พี่สาวแม่อีกคนนี่ซิ ถ้าจะแย่ รู้สึกว่าซึมมากเลย
ส่วนลูกสาวของคนไข้ ไม่ต้องพูดถึง ตาแดงก่ำ บางคนก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว.....

แล้วแม่ก็ชวนเราไปเยี่ยมอี๊ที่เตียง
เราเห็นสภาพอี๊แล้วอ่ะ ไม่ไหวแล้วจริงๆ
ไม่มีปฎิกริยาตอบสนองใดๆ ม่านตาก็ไม่ขยับ
รู้ว่าที่บ้านตัดสินใจเอากลับบ้าน
ก็ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไม........

V
V
V
V
V


ลูกสาวอี๊เข้าไปจับหน้า
แปลกจัง....เหมือนมีน้ำตาซึมจากตาอี๊
ลูกก็ร้องไห้ แล้วเอามือลูบหน้าลูบตาอี๊ เช็ดน้ำตาให้แม่
และก็เรียกแม่ๆ ตลอด
เหมือนยังทำใจไม่ได้ ที่แม่จะไปจริงๆ
ญาติเค้าก็บอกว่า อย่าเรียกเค้า อย่าให้เค้าห่วง....

เราเคยได้ยินว่า คนป่วยบางคนที่นอนไม่รู้สึกตัวบนเตียง
เราคิดว่าเค้าไม่รับรู้อะไร ที่จริงเค้ารับรู้
เค้าได้ยินทุกอย่างที่เราพูด
คิดอย่างนั้นเราก็ไม่กล้าพูด ไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น
ยอมรับว่ากลัวอ่ะ กลัวปากตัวเอง ปลอบใจคนก็ไม่เก่ง
ได้แต่โอบไหล่ลูกสาวเขา ซึ่งอายุเท่าๆกับเรา
หวังเพียงว่าสัมผัสจากเรา
น่าจะบอกความรู้สึกได้ดีกว่าคำพูด....

พอเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายเสร็จ
เตรียมให้รพ.พาอาอี๊กลับบ้าน
แม่บอกว่าแถวนี้มีร้านอาหารไหม....แม่หิวข้าว
ตกใจเลย เพราะแม่เป็นเบาหวาน กินยาคุมน้ำตาลอยู่
ถามแม่ว่ากินยาแล้วใช่ไหม แม่บอกว่าใช่
ปกติจะกินข้าวตามหลังจากนั้นไม่นาน แต่วันนี้เพราะได้ข่าวอี๊วูบก่อนเลยไม่ได้กินข้าว แล่นมารพ.ก่อนเลย

อยากจะร้องเจี๊ยกเลยจริงๆ
โห...ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่วูบตามอี๊ไปอีกคน
รีบพาแม่ไปกินก๋วยเตี๋ยวโดยไว กลัวชีจะน้ำตาลตก
พาแม่ไปกินเสร็จ รถรพ.ก็พร้อมพาอี๊กลับบ้านพอดี.....
แม่ไปกับรถรพ. ส่วนเรากลับมาทำงาน
เพราะรถเต็ม และแม่ก็ไม่ให้ไป
เพราะบอกว่าเราไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ อยู่ทำงานต่อดีกว่า....

..................................................

ตอนนี้สี่โมงเย็นแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าอี๊เป็นยังไง
โทรไปตอนบ่ายสาม แม่บอกว่าเค้ารอลูกชายมาดึงสายออกซิเจนออก...
แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นยังไง....
ถ้ามีเสียงโทรศัพท์เข้ามาเมื่อไหร่ ก็คงแปลว่าอี๊ไปแล้ว.....

จริงๆเราเลิกงานแล้วอ่ะ ตอนนี้
แต่ไปบ้านอี๊ไม่ถูก อยู่ไกลมาก เป็นแบบป่าๆลึกๆด้วย
ได้แต่รอฟังข่าวอย่างเดียว ทำอะไรไม่ได้เลย....

วันนี้จบการทำงานแบบวุ่นวายไปหนึ่งวัน แต่เรารู้สึกเหมือนยังไม่จบเลยอ่ะ
มันยังว้าวุ่นในใจยังไงก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง
ยังมีอะไรค้างคาอยู่ในใจ ยังลบมันไม่ออกเลย....
เฮ้อ......











Create Date : 04 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 19 มกราคม 2557 15:39:11 น. 3 comments
Counter : 559 Pageviews.

 
อ่านแล้วน้ำตาซึมตาม

เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: nLatte วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:30:09 น.  

 
น่าตกใจจังเลยคะ
แต่ก็ต้องทำใจนะคะ
เข้มแข็งนะ


โดย: ปันฝัน (ปันฝัน ) วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:21:31 น.  

 
ผ่านมันมาได้ใช่มั้ยคะ พี่แฮ็ก
อ่านแล้วหนูใจคอไม่ดีตามเลยค่ะ



โดย: numainew วันที่: 27 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:37:21 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hi hacky
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




Life is a journey....
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add hi hacky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.