คนเกิดวันพุธ ความทุกข์โถมทับทวี
ไข้หวัดใหญ่ 2009 ถามไปตอบไป

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่

ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influnenza virus) อยู่ในตระกูล Orthomyxoviridae เป็น RNA virus (ไวรัสที่มีสารพันธุกรรมเป็น RNA) ชนิดมีเปลือกหุ้ม และมีไกลโคโปรตีนสองชนิดบนผิวคือ Hemagllutinin (H) และ Neuraminidase (N) โดย Hemagglutinin ทำหน้าที่เกี่ยวกับการหลอมรวมไวรัสเข้ากับเซลล์เจ้าบ้าน ส่วน Neurominidase ทำหน้าที่เกี่ยวกับการแตกหน่อของไวรัสออกจากเซลล์ที่ติดเชื้อแล้วเพื่อไปติดเชื้อเซลล์อื่น

ไกลโคโปรตีนสองชนิดนี้มีความสำคัญในการดำรงชีวิตของไวรัส ซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายออกไปตามสายพันธุ์และการกลายพันธุ์ ขณะเดียวกันก็เป็นแอนติเจนสำคัญที่ร่างกายของคน/สัตว์จะทำการจดจำได้ครับ





ตระกูล Orthomyxoviridae แบ่งเป็น 2 จีนัสโดยจีนัสแรกประกอบด้วย Influenza type A, B ส่วนจีนัสที่สองคือ Influenza type C

1. Influenza type A ก่อให้เกิดการติดเชื้อในคน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์ปีก โรคไข้หวัดใหญ่ที่พบในคนเกิดจาก type A ประมาณร้อยละ 80 นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุของการระบาดใหญ่ทั่วโลกด้วย นอกจากนี้ Influenza type A ยังมีการกลายพันธุ์ เปลี่ยนแปลงแอนติเจนบนเปลือกหุ้ม ก่อให้เกิดสายพันธุ์ใหม่อยู่เรื่อยๆ

2. Influenza type B เป็นสาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่ที่พบรองลงมาจาก type A แต่ก่อการติดเชื้อเฉพาะในคนเท่านั้นครับ มักพบในเด็กและคนแก่ Influenza type B มีการเปลี่ยนแปลงแอนติเจนบนเปลือกหุ้มน้อยกว่าสายพันธุ์ A จึงไม่ก่อการระบาดครั้งรุนแรง

3. Influenza type C พบว่ามีรายงานการติดเชื้อในคนและหมู แต่ไม่ค่อยมีความสำคัญ ผู้ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการ หรือแสดงอาการอย่างอ่อน คุณสมบัติของไวรัสชนิดนี้แตกต่างไปจาก type A และ B มากจึงจัดเป็นคนละจีนัส (มี genome จำนวน 7 ท่อนน้อยกว่า type A ละ B ซี่งมี 8 ท่อน มี hemagglutinin บน envelope เพียงชนิดเดียว และมี acetyl esterase ทำหน้าที่คล้าย nuraminidase )

ดังนั้นต่อจากนี้ไปเราจะโฟกัสที่เฉพาะเจ้า type A นี้เท่านั้นนะครับ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดที่พบการระบาดมากที่สุดคือ Influenza type A จึงมีการแบ่ง subtype ย่อยตามชนิดของแอนติเจนบนเปลือกหุ้ม (H subtype 1-15, N subtype 1-9) และมีระบบการเรียกชื่อที่เฉพาะเจาะจงคือ type/สถานที่ที่แยกเชื้อได้/ลำดับที่แยกเชื้อได้/ปีที่แยกเชื้อได้ (ระบุแอนติเจน)





การติดเชื้อและอาการแสดง

เชื้อจะถูกปล่อยออกมาทางอุจจาระสัตว์หรือคน ไวรัสไข้หวัดใหญ่ติดต่อโดยทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร การสัมผัสสิ่งคัดหลั่งต่างๆ การติดต่อระหว่างคนสู่คนเกิดขึ้นได้ยากกว่าสัตว์สู่คนครับ ต้องมีการสัมผัสโดยตรงอย่างใกล้ชิดและได้รับเชื้อในปริมาณมาก

ระยะฟักตัวในคนประมาณ 1-7 วัน อาการแสดงคือมีไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีน้ำมูก เจ็บคอ อาจมีคลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลียมาก ในรายที่อาการรุนแรงจะมีอาการปอดอักเสบและระบบหายใจล้มเหลวซึ่งมักเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต โดยมากเป็นในเด็กและคนแก่





ไข้หวัดใหญ่หมูคืออะไร

ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (สายพันธุ์ C มีการรายงานเช่นกัน แต่น้อยมาก) มีการติดเชื้อในหมูและทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ในหมูซึ่งก็เป็นโรคระบาดในสัตว์ทั่วไปที่ก่อให้เกิดอาการไข้ ไอ จาม มีปัญหาในระบบทางเดินหายใจ แต่โดยทั่วไปไม่รุนแรงถึงตาย ไข้หวัดใหญ่หมูที่มีการติดต่อไปยังคนพบได้น้อยมากครับ (แม้ว่าในมนุษย์จะมีตัวรับอนุภาคไวรัสของหมูก็ตาม) และการก่อโรคในคนซึ่งเกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่หมูที่เคยมีการรายงานก็น้อยมากอีกเช่นกัน อ้าว แล้วโรคระบาดในเม็กซิโกที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่า “ไข้หวัดใหญ่หมู” นี่มันมาจากไหนกัน เรามาลองอธิบายดูกันนะครับ





ทำไมไวรัสไข้หวัดใหญ่จากหมูจึงก่อให้เกิดโรคในคนได้

อธิบายโดยภาพรวมคือเกิดจากการกลายพันธุ์ของไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไวรัสมีสารพันธุกรรมที่เกิดการกลายพันธุ์ได้ง่ายดายมากๆเนื่องจากมันไม่มีการตรวจสอบความผิดพลาดของสารพันธุกรรม เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีเอนไซม์ RNA polymerase ซึ่งไม่มี proof reading activity ความผิดพลาดในการ replicate จีโนมพบได้ในอัตรา 1/104 bases ในแต่ละ replication cycle จากอัตราส่วนนี้จะพบว่ามีไวรัสชนิดใหม่เกิดขึ้นมากมาย เพียงแต่บางอนุภาคเท่านั้นที่จะเพิ่มจำนวนได้ต่อไป

การกลายพันธุ์ของไวรัสไข้หวัดใหญ่มีสองลักษณะ

1. Antigenic drift เป็นการกลายพันธุ์ระดับ point mutation คือมีการเปลี่ยนแปลงเบสบนสายนิวคลีโอไทด์เพียงเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายจดจำแอนติเจนเดิมไม่ได้ และก่อให้เกิดการระบาดของโรคเป็นครั้งคราวในบางพื้นที่

2. Antigenic shift เป็นการกลายพันธุ์ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนยีนระหว่างไวรัสต่างสายพันธุ์ ผลที่เกิดขึ้นคือเกิดการเปลี่ยนแปลงของแอนติเจนบนเปลือกอย่างมาก ทำให้เกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่ การกลายพันธุ์ดังกล่าวอาจทำให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ไปทั่วโลก





วงจรการติดต่อเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ข้ามสปีชี่ส์

1. ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ปีกจะพบ H1-H15 และ N1-9 ซึ่ง H และ N สามารถจับคู่ผสมกัน แต่ชนิดที่ก่อให้เกิดโรคจำกัดอยู่ในกลุ่มของ H5 และ H7

2. ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในหมูพบอยู่ในกลุ่มของ H1N1, H1N2 และ H3N2

3. ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในคนส่วนใหญ่พบว่าอยู่ในกลุ่ม H1N1, H2N2 และ H3N2

4. ไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการติดต่อแลกเปลี่ยนข้ามไปมาระหว่างสัตว์ชนิดต่างๆ ได้ โดยการติดต่อจากนกน้ำชนิดต่างๆ มายังไก่ ผ่านหมูที่เป็นตัวกลางผสมผสานไวรัสก่อนที่มาติดต่อถึงคน

5. โดยปกติในเซลล์ของคนจะไม่ปรากฏโมเลกุลตัวรับไวรัสที่มาจากสัตว์ปีกแต่จะมีตัวรับของไวรัสจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ส่วนในหมูจะมีตัวรับไวรัสทั้งคน และสัตว์ปีก

6. หมูจึงมีโอกาสรับเชื้อไวรัสจาก 2 แหล่งคือจากสัตว์ปีกและคนซึ่งจะเพิ่มจำนวนอยู่ในเซลล์เดียวกัน เปิดโอกาสให้มีการจับคู่ชิ้นส่วนของ RNA (gene reassortment) เกิดเป็นไวรัสย่อยชนิดใหม่ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแอนติเจนของไวรัสเป็นหมายเลขใหม่ของ H และ N (antigenic shift)

7. หากทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นในคนจะเป็นไวรัสใหม่ซึ่งเราไม่เคยมีภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดโรครุนแรงได้ และอาจติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งและทำให้เกิดการระบาดได้ในพื้นที่กว้างออกไป





สิ่งที่อธิบายมาทั้งหมดก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับไวรัส H1N1 สายพันธุ์ใหม่ “ไข้หวัดใหญ่ 2009" หรือเดิมถูกเรียกว่า "ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก” “ไข้หวัดใหญ่หมู” “swine influenza” นั่นเอง ซึ่งเป็นไวรัสที่เดิมไม่พบในหมู และชนิดของแอนติเจน (H1 และ N1) เดิมนั้นพบในมนุษย์แต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดโรคระบาดใหญ่ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรก็ไม่รู้ที่เกิดกับหมูตัวหนึ่ง (บางทีอาจจะเกิดอาจขั้นหลายตอนไม่ได้เกิดจากหมูเพียงตัวเดียว แต่เพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายขอยกตัวอย่างเป็นหมูหนึ่งตัว) บังเอิญ H1N1 ในมนุษย์ไปติดเชื้อหมู เจ้าหมูตัวนั้นก็บังเอิญติดไวรัสไข้หวัดใหญ่หมูอยู่แล้วสองชนิดและบังเอิญเจ้าหมูตัวนั้นก็ติดเชื้อไข้หวัดนกด้วย ไวรัสสี่สายพันธุ์ก็บังเอิญลั่ลล้าแลกเปลี่ยนยีนกันสนุกมือภายในร่างกายของร่างกายเจ้าหมู (quadruple reassortant) ได้ผลผลิตออกมาเป็น “ไข้หวัดใหญ่ 2009” (ต่อจากนี้ไปขอเรียกด้วยชื่อนี้เท่านั้น) ที่สามารถติดต่อจากหมูสู่คน และดำเนินไปจนกระทั่งติดต่อจากคนสู่คน ดังในขณะนี้…อธิบายอย่างนี้ พอเข้าใจไหมครับ





แล้วไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกอันตรายอย่างไร

ไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็มีอาการไม่ต่างจากไข้หวัดใหญ่ทั่วไปเท่าไรนัก ไม่ว่าเป็นไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว อ่อนเพลีย หนาวสั่น แต่นอกจากนี้อาจมีอาการท้องเสียและคลื่นไส้อาเจียนเพิ่มขึ้น สาเหตุการตายเกิดจากอาการแทรกซ้อนอย่างปอดอักเสบ ระบบหายใจล้มเหลวเช่นกัน ฟังดูแล้วอาการก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ความรุนแรงของมันคือการที่ร่างกายเราไม่รู้จักมันมาก่อนต่างหาก อย่างไรก็ตาม CDC ก็มีการติดตามเฝ้าระวังอาการโรคที่อาจมีรายงานใหม่ๆอยู่ตลอดครับ




รูปไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009



ระดับการเตือนภัยไข้หวัดใหญ่

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดระดับการเตือนภัยของไข้หวัดใหญ่ไว้ทั้งหมด 6 ระดับ ถามว่าจัดระดับไปทำไม? ก็เพื่อที่องค์การอนามัยโลกจะได้รับมือถูกครับ ณ เวลาปัจจุบัน ไข้หวัดใหย่ 2009 อยู่ในระดับเตือนภัยที่ระดับ 5

Interpandemic period

ระดับ 1 : พบไวรัสสายพันธุ์ใหม่แต่ยังไม่พบระบาดในสัตว์ที่อาจเป็นแหล่งสะสมโรค

ระดับ 2: พบโรคระบาดในสัตว์และมีศักยภาพพอที่จะระบาดมายังมนุษย์

Pandemic alert period

ระดับ 3: พบโรคระบาดในสัตว์ กระจายมาสู่คนแบบ "สัตว์-สู่-คน" หรือมีการติดต่อจาก "คน-สู่-คน" ในวงแคบ เช่น ติดโรคไปสู่คนที่ดูแลรักษา หรือสัมผัสโดยตรง ยังไม่มากพอที่จะทำให้เกิดการระบาดในวงกว้างหรือชุมชน

ระดับ 4: ตรวจพบการกระจายโรคแบบ "คน-สู่-คน" ในระดับชุมชน (Small cluster(s))

ระดับ 5: มีการกระจายของโรคแบบ "คน-สู่-คน" ในวงกว้างอย่างน้อย 2 ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน (Larger cluster(s))

Pandemic period

ระดับ 6: ระยะระบาดไปทั่วโลก มีการกระจายโรคแบบ "คน-สู่-คน" อย่างน้อยอีก 1 ประเทศในพื้นที่ต่างเขตตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด





การติดตามสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009

แน่นอนว่าตามข่าวสำนักข่าวไทยก็ได้ หนังสือพิมพ์ต่างๆก็คอย update อยู่เนืองๆ ข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดมาจาก 2 แหล่งด้วยกันคือศูนย์ควบคุมโรค (Centers for Disease Control and Prevention CDC) และองค์การอนามัยโลก (World health organization-WHO) ซึ่งจะรายงานสถานการณ์ปัจจุบันแบบวันต่อวันครับ

Update ข้อมูลล่าสุดจาก BBC ซึ่งนำข้อมูลจาก CDC และ WHO อีกที สีแดงคือติดเชื้อ สีดำคือตายสนิท





การรับประทานเนื้อหมูจะปลอดภัยหรือไม่

ไวรัสไข้หวัดใหญ่ถูกทำลายด้วยความร้อน 75-100 องศา และไม่มีรายงานการติดเชื้อไวรัสจากการรับประทานเนื้อหมูที่ปรุงสุก ดังนั้นอย่าเพิ่งอุปทานหมู่นะ (เมื่อตอนเช้า ซื้อข้าวไข่เจียวหมูสับ แม่ค้าเค้าไม่ขายด้วยแหละ บอกไม่มีเนื้อหมู )

ไวรัสสามารถตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานแค่ไหน

ไวรัสสามารถอยู่รอดในสิ่งแวดล้อมและติดเชื้อมนุษย์ภายใน 2-8 ชั่วโมงครับ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการติดต่อในคนที่มารวมกลุ่มกันมากกว่าการติดต่อจากเสื้อผ้า ของใช้ หรือสิ่งของ

จะกำจัดไวรัสได้อย่างไร

ตามที่บอกไปแล้วคือ ไวรัสสามารถถูกทำลายได้ด้วยความร้อนสูง นอกจากนี้ยังอาจใช้สารเคมีเช่น chlorine (ดังนั้นในสระว่ายน้ำก็ค่อนข้างปลอดภัยนะ), hydrogen peroxide, detergents (soap), alcohol เป็นต้น


แล้วยารักษาโรคนี้ล่ะ ได้ข่าวว่ามียารักษาใช่ไหม

ยาที่ใช้รักษาไข้หวัดใหญ่ทั่วไปสามารถนำมาใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้เช่นกัน เดิมยาที่รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ก็ได้แก่ Amantadine, Rimantadine (สองตัวนี้ ทางห้องปฏิบัติการได้ทดสอบแล้วว่าไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากเชื้อดื้อยาครับ) Oseltamivir, Zanamivir สองตัวหลังสามารถใช้ได้ผลในโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 กลไกการออกฤทธิ์คือยับยั้งเอ็นไซม์ neuraminidase ของเชื้อไวรัสทำให้ไม่สามารถแตกหน่อออกจากเซลล์ไปติดเชื้อเซลล์อื่นได้ สำหรับยาที่มีขายในเมืองไทยคือ Oseltamivir หรือชื่อการค้า Tamiflu ครับ (ตัวยาเดียวกันกับที่ใช้รักษาไข้หวัดนก) ไม่แน่ใจว่าจ่ายประกันสังคมได้หรือไม่? ยาก็มีราคาค่อนข้างแพงอยู่ครับและจากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการกักตุนยากันไว้ น่ากลัวว่าจะเกิดการใช้ยาที่ไม่สมเหตุสมผลและอาจทำให้เชื้อดื้อยาตามมาได้ อย่างไรก็ตาม มีการรายงานการดื้อยา Oseltamivir ในหลายประเทศแล้วด้วยดังข้อมูลตามลิงค์





ถ้ากลัวติดเชื้อ ฉีดวัคซีนได้หรือเปล่า

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบันประกอบด้วยเชื้อตาย Influenza A (H3N2), A (H1N1), B ซึ่งเปลี่ยนสายพันธุ์ย่อยไปในแต่ละปีๆ จะเห็นว่ามีสายพันธุ์ H1N1 อยู่ด้วย แต่ใช่ว่าจะเอามาใช้ได้กับไข้หวัดใหญ่ 2009 นะครับ เพราะตามที่บอกแล้วว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ มีสารพันธุกรรมจากทั้งไวรัสในหมู คน และนกอยู่ด้วยกัน ดังนั้น การฉีดวัคซีนที่มีอยู่ในท้องตลาดปัจจุบันไม่ช่วยป้องกันโรคครับ อย่างไรก็ตามองค์การอนามัยโลกก็กำลังทำการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 และคาดว่าจะพร้อมใช้ได้ในอีกไม่นานครับ





การป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่สำคัญทำได้อย่างไร

1. ล้างมือด้วยสบู่ หรือถูด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ ตามที่บอกไปแล้วว่าไวรัสถูกกำจัดได้ด้วยแอลกอฮอล์ อันที่จริงไม่ใช่เฉพาะไข้หวัดใหญ่ 2009นะครับ ในช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนกระบาด การกระทำดังกล่าวก็สมควรอยู่ดี

2. การปิดปาก-จมูกด้วยหน้ากากปิดปาก-จมูกทั่วไปยังไม่มีหลักฐานว่า ป้องกันโรคได้

3. การหลีกเลี่ยง ไม่อยู่ในที่ที่มีคนแออัด เช่น กลุ่มประท้วงการเมืองในไทย ฯลฯ หรือห้องแอร์ช่วยป้องกันโรคได้

4. การไม่สูบบุหรี่ และไม่หายใจเอาควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบเข้าไป ซึ่งส่งผลให้ภูมิต้านทานโรคของระบบทางเดินหายใจอ่อนแอลงมีส่วนช่วยป้องกันโรคได้


ในรูปคือสถานการณ์ที่เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ ไม่ควร...ไม่ควร






ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่ข้อมูลคร่าวๆของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ขอให้ทุกคนรับมือกับสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกอย่างมีสติครับ


------------------------------------------------------------

References

//www.cdc.gov/h1n1flu/swineflu_you.htm
//www.who.int/csr/don/2009_05_02a/en/index.html
//en.wikipedia.org/wiki/Swine_influenza
//www.ams.cmu.ac.th/depts/clinmcrb/CMBwebsite/CMB508301/virushtml/7othomyxo.htm
//www.vcharkarn.com/vblog/42432
//www.fluwikie.com/index.php?n=Consequences.NeuraminidaseInhibitors



Create Date : 04 พฤษภาคม 2552
Last Update : 5 พฤษภาคม 2552 0:24:54 น. 2 comments
Counter : 9975 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะพี่คลิป ^/|\\^


อัพสาระดีๆตามเคยนะคะ


ออ.. ช่วงนี้แถวบ้านมีคนเป็นโรคชิกุลฯ เยอะมาก


เพิ่งเข้าห้องหวากอพบว่า พี่คลิปเปลี่ยนชื่อเป็น..


"ขลิบตรงนี้เซีเยะ" แล้วหรอคะ


ใครกันหนอช่างคิด ทำกับไอดอลของหนูได้


โดย: iCeLadyzInW วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:18:51:26 น.  

 
ขอบคุณบทความดีๆ อย่าลืมใส่ ผ้าปิดจมูก กันนะคะ


โดย: Aussie angel วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:44:37 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มีชีวิตบนดาวอังคารหรือเปล่านะ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]






....โลกมนุษย์นี้ไม่มีที่แน่นอน
ประเดี๋ยวเย็นประเดี๋ยวร้อนช่างแปรผัน
โชคหมุนเวียนเปลี่ยนไปได้ทุกวัน
สารพันหาอะไรไม่แน่นอน
ชีวิตเหมือนเรือน้อยล่องลอยอยู่
ต้องต่อสู้แรงลมประสมคลื่น
ต้องทนทานหวานสู้อมขมสู้กลืน
ต้องจำฝืนสู้ภัยไปทุกวัน
เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน
เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์
แต่คนที่ควรชมนิยมกัน
ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา


พันตรีหลวงวิจิตรวาทการ





เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา
จงเลือกเอาสิ่งที่ดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู
เรื่องที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย
จะหาคนที่มีดีเพียงส่วนเดียว
อย่าเที่ยวเสาะหาสหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเล่าเอย
ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง

หลวงพุทธทาส





ชีวิตใกล้ปัจฉิมวัย ไม่เป็นไปตามแผนการเมื่อปฐมวัย อะไรที่ยิ่งใหญ่เมื่อเช้า เป็นของเล็กน้อยเมื่อเย็น อะไรที่เป็นสัจจะเมื่อแดดจ้า กลายเป็นมายาเมื่อยามพลบ

We cannot live the afternoon if life
according to the program on life’s morning; for what was great in the morning will be little at evening, and what in the morning was true will at evening have become a lie.



C.G. Jung.




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มีชีวิตบนดาวอังคารหรือเปล่านะ's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.