Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
20 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
เครื่องแต่งตัว โขน-ละคร กรมศิลปากร ทำไม? มาจากไหน?


คอลัมน์ สุวรรณภูมิ สังคมวัฒนธรรม

*คัดจากบทสรุปในหนังสือการศึกษา และการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับการแต่งกายยืนเครื่องโขน-ละครรำ กรมศิลปากรจัดพิมพ์เผยแพร่ พุทธศักราช 2550

การค้นคว้าประวัติ ความเป็นมาของเครื่องแต่งกายยืนเครื่องตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ การพัฒนาการของเครื่องแต่งกายยืนเครื่องจากเครื่องต้นมาสู่พัสตราภรณ์ โขน-ละคร และองค์ประกอบของเครื่องแต่งกายยืนเครื่องโขน-ละคร ที่มีอิทธิพลต่อกรมศิลปากร พบว่า

เครื่องแต่งกายยืนเครื่องของกรมศิลปากรได้รับอิทธิพลมาตั้งแต่สมัยอยุธยาโดยทำเลียนแบบเครื่องต้นของพระมหากษัตริย์ แต่มีการปรับเปลี่ยน และพัฒนาการไปตามสภาพแวดล้อมและสังคม

     นอกจากนี้ ได้ปรับเปลี่ยนวัสดุไปตามยุคสมัยด้วยเหตุปัจจัยทางเศรษฐกิจ ยังคงรักษาเอกลักษณ์ และความเป็นมาตรฐานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่มีข้อจำกัด และอุปสรรคในการดำเนินการด้านต่างๆ อาทิ

● ด้านฝีมือในการออกแบบลวดลายที่ยังขาดผู้ชำนาญการ

● ด้านงบประมาณที่ได้รับไม่เพียงพอต่อการจัดซื้อ หรือจัดจ้าง เพื่อให้งานมีคุณภาพ ได้วัสดุที่มีมาตรฐาน และวิธีการปักที่ถูกต้องตามแบบโบราณ

● การกำหนดระยะเวลาในการดำเนินงาน มีอุปสรรคต่อการสร้างงาน ทำให้ขาดความประณีตงดงาม

ผลที่ได้จากการศึกษาวิจัยมีประเด็นที่น่าสนใจที่จะนำมาอภิปราย ดังนี้

1. เครื่องแต่งกายยืนเครื่องโขน-ละครเป็นการเลียนแบบเครื่องต้น เครื่องทรงของพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน แต่ตามจารีตประเพณีที่เป็นข้อกำหนดมาแต่โบราณกาล ห้ามมิให้สามัญชนแต่งกายเลียนแบบเจ้านาย หรือตามสำนวนที่ว่า "ทำเทียมเจ้า" ซึ่งเชื่อว่าเป็นการไม่บังควร

ดังนั้นเครื่องแต่งกายยืนเครื่อง โขน-ละคร จึงมีการผันแปรให้แตกต่างไปจากเครื่องต้น ในส่วนของวัสดุ โดยใช้วัสดุที่มีค่าน้อย เช่น เงิน เพชร พลอยเทียม แต่ยังคงลักษณะรูปทรงไว้ให้เห็นที่มาอย่างชัดเจน บางอย่างอาจปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมกับการแสดง เพื่อความกระชับมั่นคงในการสวมใส่ขณะแสดง เช่น เพิ่มส่วนที่เป็น "กรอบหน้า" ของชฎา เพื่อให้ตีกรรเจียกจรไว้ถาวร เพิ่มมาลาหรือตัวมงกุฎรองรับเกี้ยว เกี้ยวยอด เพิ่ม "ลายท้าย" หรือ "ท้ายชฎา" เพื่อปกปิดสิ่งที่นำมาใช้หนุนศีรษะ ทั้งนี้เพื่อให้มีความมั่นคงในการสวมใส่ และเกิดความงดงามยิ่งขึ้น ทั้งยังมีความแตกต่างไปจากเครื่องต้นอันเป็นต้นแบบอีกด้วย


*2. จากการศึกษาพบว่า ชิ้นส่วนของเครื่องต้นที่พวกละครนำไปเรียกทับศัพท์เป็นชื่อชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องแต่งกายยืนเครื่องต้นโขน-ละครนั้น บางชิ้นส่วนยังอธิบายสับสนกันอยู่ เช่น

● ชายไหว ชายแครง ที่เป็นเครื่องต้นนั้น สร้างด้วยทองคำจำหลักลายฝังอัญมณีมีค่า 2 ชิ้น ซึ่งเดิมจะเป็นการเรียกรวมไม่แยกชิ้น มีสุวรรณกระถอบอีกองค์หนึ่งอยู่ระหว่างชายไหว ชายแครง ดังปรากฏในบทละครพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ อุณรุท และอิเหนา

● ชายไหว ชายแครง ในเครื่องแต่งกายโขน-ละคร เป็นการเรียกทับชื่อราชาศัพท์ของผ้าปัก 3 ชิ้น คือ ห้อยข้าง 2 ชิ้น และห้อยหน้า 1 ชิ้น ตามหลักฐานวรรณกรรมบทละคร

สรุปได้ว่า ชายไหว คือ ห้อยข้าง และชายแครง คือ ห้อยหน้า แต่ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานเขียนว่า ชายแครง คือ ผ้าห้อยทับหน้าขา และชายไหว คือ ผ้าห้อยที่อยู่ระหว่างชายแครง

3. เสื้อตัวพระแขนสั้นของคณะละครเจ้าคุณพระประยูรวงศ์ เป็นเสื้อละครที่มีแขนสั้นกว่าเสื้อของละครคณะอื่น และมีกนกปลายแขนที่มีลักษณะคล้ายรูปทรงของอินทรธนู

ลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งคือ การใส่พาหุรัดที่ต้นแขนต่อจากกนกปลายแขนเสื้อ ซึ่งแนวคิดในการทำเสื้อลักษณะนี้ มาจากฉลองพระองค์ทรงประพาสของรัชกาล ที่ 5 และกนกปลายแขนก็น่าจะได้รูปแบบมาจากนพอังษา ซึ่งเป็นอินทรธนูของเครื่องต้นด้วย

แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่า เสื้อแขนสั้นของละครที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เริ่มใช้ตามอย่างเสื้อแขนสั้นของคณะละครเจ้าคุณประยูรวงศ์ หากแต่น่าจะมีใช้มาแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ดังปรากฏอยู่ในบทละครเรื่องอุณรุณ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1 ที่ว่า

"ฉลององค์ทรงประพาสพื้นสุวรรณ รัดองค์กุดั่นประจำยาม"

4. รัดเกล้า เครื่องประดับชนิดหนึ่งของตัวนางนั้น มีใช้มาแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย โดยพบรัดเกล้าเปลวในภาพเขียนสีในสมุดข่อย และในสมัยรัตนโกสินทร์พบหลักฐานครั้งแรกในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 ที่กล่าวว่ารัดเกล้าเป็นศิราภรณ์ของนางสีดา และนางสุวรรณกันยุมา มิใช่เป็นของที่ประดิษฐ์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพียงแต่ว่ามีประกาศห้ามละครทั่วไปใช้รัดเกล้ายอดเหมือนละครหลวงเท่านั้น

5. กะบังหน้า เชื่อว่าเป็นของที่มีมาแต่โบราณ ปรากฏหลักฐานในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ และบทละครเรื่องอิเหนา พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1 มิใช่เป็นของที่ประดิษฐ์ขึ้นในรัชกาลที่ 2 พร้อมกับปันจุเหร็จตามที่เชื่อกัน

(มงกุฎกษัตริย์ เป็นคำเรียกชื่อในสมัยรัชกาลที่ 4 แต่เป็นของมีมาแล้วตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ (มงกุฎพระบุตรี) รูปแบบมงกุฎกษัตริย์นั้นไม่ปรากฏในพระเครื่องต้น สันนิษฐานว่าน่าจะมีพัฒนาการมาจากเกี้ยวยอด ที่มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยอยุธยา ดังจะเห็นได้จากภาพจิตรกรรมในลายรดน้ำบนฉากกั้นห้องศิลปะอยุธยาตอนปลายในพระ ที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

ข้อเสนอแนะ

1.ควรมีการศึกษาวิจัยเรื่องเครื่องแต่งกายละครประเภทต่างๆ ของกรมศิลปากร โดยจัดตั้งกลุ่มงานที่สามารถผลิตบุคลากรที่มีความชำนาญ เพื่อสามารถวิเคราะห์เนื้องานของการสร้างเครื่องแต่งกายยืนเครื่องได้อย่างถูกต้อง

2.ควรมีการศึกษาค้นคว้าบทโขน บทละครประเภทต่างๆ ที่ใช้ประกอบการแสดง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเครื่องแต่งกายโขน-ละคร เพื่อใช้เป็นข้อมูลของเครื่องแต่งกายสำหรับการแสดงของกรมศิลปากร

3.ควรมีการดูแลรักษา จัดเก็บข้อมูลเครื่องแต่งกายโขน-ละคร ของกรมศิลปากรอย่างมีระบบ

4.ควรมีการจัดการสัมมนาองค์ความรู้ด้าน นาฏศิลป์ไทย โดยผู้ทรงคุณวุฒิด้านเครื่องแต่งกาย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และแสดงความคิดเห็น สำหรับใช้เป็นฐานข้อมูลในการศึกษาค้นคว้าต่อไป

5.ควรมีการอนุรักษ์รูปแบบเครื่องแต่งกายยืนเครื่องโขน-ละคร ที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในความรับผิดชอบของกรมศิลปากรให้คงอยู่คู่ชาติบ้านเมืองสืบไป

6.ควร นำถนิมพิมพาภรณ์ และหัวโขนที่เป็นของตกทอดสืบมา ไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาค้นคว้า ด้วยเหตุที่สิ่งของเหล่านั้นมีคุณค่าทางศิลปะ และหมดอายุการใช้งาน การนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จะมีประโยชน์มากกว่าการเก็บรักษาไว้ในคลังพัสดุฯของสำนักการสังคีต

Credit : มติชนรายวัน วันที่ 03 ตุลาคม พ.ศ. 2551 หน้า 21

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E




Create Date : 20 กันยายน 2553
Last Update : 20 กันยายน 2553 21:44:39 น. 0 comments
Counter : 4711 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.