Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
8 สิงหาคม 2557

The Last ship




ตอนนี้มีซีรีย์ฝรั่งน่าดูหลายเรื่องเลย 24 season 9 ก็เพิ่งจะจบไป
Strain เรื่องราวเกี่ยวกับตัวประหลาดที่ทำให้ผู้คนติดเชื้อปาราสิต
กลายเป็นสัตว์ดูดเลือดคล้ายหนังเรื่อง Alien, Extant เรื่องราวของ
นักบินอวกาศสาวที่เห็นภาพหลอน ทั้งสองเรื่องนี้เพิ่งฉายไป 4-5 ตอน

มีอีกเรื่องหนึ่งที่เพิ่งมีจำนวนตอนใกล้เคียงกันก็คือ The Last Ship
เรื่องราวของเรือฟริเกตชั้น Aegis ชื่อ Natha James ที่ได้รับมอบภารกิจ
ให้ทดสอบประสิทธิภาพของเรือใหม่ก่อนจะรับเข้าประจำการในกองเรือ
แต่เบื้อหลังนั้นก็คือ การคุ้มกันนักวิทยาศาสตร์ที่ไปเก็บตัวอย่างไวรัส

หลังจากการเดินทาง 4 เดือนไปยังทำภารกิจปกปิดที่ขั้วโลกเหนือ
เมื่อเสร็จสิ้นลงและเปิดรับการติดต่อทางวิทยุสื่อสารก็พบว่า
โลกที่พวกเค้ารู้จักนั้นได้หายไปเสียแล้ว เนื่องจากการระบาดของโรค
ที่ดูคล้ายกับถูกตัดต่อพันธุกรรมจากไวรัสที่ทำให้เลือดออกถึงตาย

ผสมกับสายรหัสจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่สามารถแพร่กระจายทางอากาศ
ที่สำคัญคือมันมีระยะฟักตัวที่สั้นมานับเป็นชั่วโมงก่อนที่เหยื่อจะเสียชีวิตลง
มันก็คงเป็นอย่างที่หลายคนคิดในตอนนี้ว่า หากมีใครซักคนที่สามารถตัดต่อ
พันธุกรรมให้ไวรัสอีโบล่าสามารถแพร่กระจายผ่านทางอากาศได้จะเป็นเช่นไร

คำตอบนั้นคงอยู่ในซีรีย์นี้ที่โลกตกอยู่ในสภาวะไร้การควบคุมอย่างสิ้นเชิง

และก็คงเหมือนกับหนังวันสิ้นโลกที่เกิดระบาดของโรคร้ายแรง
ที่ทางออกของเรื่องนี้มีอยู่สองอย่าง หนึ่งคือนักวิทยาศาสตร์สามารถ
หาเชื้อไวรัสมาเพาะพันธ์และผลิตมันออกมาเป็นวัคซีนได้
สองก็คือตัวเอกของเรื่องสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสนั้นได้

และโลกก็กลับสู่ความสงบสุข คนดูเดินออกจากโรงหนัง
เพราะว่านั้นเป็นเพียงโลกในนิยาย ในความเป็นจริงนั้นคงไม่ใช่
ซีรีย์นี้จะฉายให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาจากหนังที่จบแบบนั้นว่า
โลกนี้นั้นมันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างเช่นในหนัง



ผู้บังคับการณ์ได้ทราบความจริงที่ถูกปกปิดไว้ คำสั่งใหม่จากรัฐบาลคือ
ให้พวกเค้าลอยเรืออยู่ในน่านน้ำเปิดเพื่อรอคอยให้นักวิทยาศาสตร์ทำงาน
นำตัวอย่างเชื้อไวรัสที่เก็บมาได้เพื่อนำมาผลิตเป็นวัคซีน
ในซีรีย์ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเธอจะทำอย่างไร แต่มาลองสันนิษฐานกัน

สิ่งที่นางเอกเก็บมาได้เธอเรียกมันว่าไวรัสต้นแบบ
เป็นไวรัสในธรรมชิตที่มีโครงสร้างพื้นฐานก่อนที่จะถูกดัดแปลงพันธุกรรม
ดังนั้นสิ่งที่เธอทำก็น่าจะเป็นการเปรียบเทียบลำดับเบสของสายพันธุกรรม
ระหว่างสายพันธุ์ในธรรมชาติ เพื่อนำมาสู่งานขั้นต่อไป

เพราะก่อนอื่นต้องรู้ให้ได้ว่าไวรัสที่แพร่ระบาดนั้นมีความแตกต่าง
จากไวรัสพื้นฐานอย่างไร อะไรที่ถูกใส่มาเพื่อให้มันกลายเป็นไวรัสมรณะ
แต่นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเทียบกับเป้าหมาย ที่จะหาให้ได้ว่า
โครงสร้างไวรัสส่วนไหนที่กระตุ้นให้มนุษย์สามารถสร้างภูมิคุ้มกัน

ถึงตรงนี้ก็คิดต่อไปไม่ถูกแล้วเพราะมันต้องใช้นักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก
ที่มีความรู้ในหลายสาขา ต้องการห้องทดลองที่มีเครื่องทันสมัยมากมาย
มันต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10-20 ปีเป็นอย่างต่ำ เงินทุนอีกนับพันล้านบาท
จนได้สิ่งที่เรียกว่า วัคซีนต้นแบบไปทดสอบในสัตว์ทดลองเพื่อหาความคุ้มโรค

แต่สุดท้ายความพยายามทั้งหมดอาจจะเสียเปล่า
เมื่อนำไปทดสอบในมนุษย์แล้วพบว่า มันไม่มีค่าอะไรเลย
งานทั้งหมดก็จะต้องเริ่มกลับไปตั้งต้นที่ศูนย์ใหม่
สิ่งมีชีวิตไม่ใช่อะไรที่ตรงไปตรงมา มันซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ

เดือนสิงหาคม 2014 ไม่มีอะไรที่จะดังไปกว่า อีโบล่าไวรัส
แรงบันดาลใจนี้มีที่มาจากครั้งหนึ่ง เคยไปนั่งฟังบรรยายจากนักวิจัย
ที่ทำงานด้านไวรัส Marburg แม้จะฟังอะไรไม่เข้าใจด้วยเป็นภาษาเยอรมัน
แต่ก็ประทับใจที่ว่า แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใดพวกเค้าก็ยังศึกษามันต่อไป



สิ่งนี้เองทำให้เห็นได้ว่า ทำไมเมื่อเกิดปัญหาใหญ่ เราต้องอาศัยต่างชาติ
เพราะว่าพวกเค้ามีนักวิจัยที่เจาะลึกเฉพาะด้าน ที่สามารถดำรงชีพได้ด้วย
งานเล็กๆ ที่ไม่มีประโยชน์อะไรทางเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลประเทศที่พัฒนาแล้ว
ก็ยังสนับสนุนเงินลงไป เพื่อหาคำตอบในเรื่องนั้น วันหนึ่งมันก็จะมีประโยชน์

ก่อนที่โรคจะรู้จักอีโบล่า ได้เกิดสิ่งที่เรียกว่าการระบาดของโรคประหลาด
ในช่วงปี 1960s ที่เมือง Marburg และ Frankfurt ประเทศเยอรมันและ
Belgrade ประเทศยูโกสลาเวียในสมัยนั้น จุดเริ่มต้นมาจากคนงาน
ของ Behringwerke laboratory ที่สัมผัสกับลิง Grivet จากทวีปแอฟริกา

คนที่ถูกนำเข้ามาใช้เป็นสัตว์ทดลองเพื่อพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ
ต่อมาคนงานสัตว์ทดลองในที่อื่นๆ ที่ทำงานกับลิงที่จับมาในคราวเดียวกันนี้
รวม 26 คนก็ป่วยด้วยอาการเดียวกัน คือไข้สูงและเลือดออกจากอวัยวะ
ต่อมาผู้ให้บริการทางการแพทย์ที่สัมผัสผู้ป่วยอีก 5 คนก็ล้มป่วยเช่นกัน

หลังการระบาดจบลงมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 31 ราย ในจำนวนนี้ 7 รายเสียชีวิต
ในปี 1967 นักวิทยาศาสตร์ได้สืบสวนเหตุการณ์และแยกแยะเชื้อที่เป็นสาเหตุ
และประกาศออกมาว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่เคยค้นพบมาก่อน
ตั้งชื่อตามเมืองที่สามารถ Identify ไวรัสชนิดนี้ว่า Marburg virus (MRVV)

หลังจากนั้นก็พบการระบาดเป็นระยะในประเทศแอฟริกาเช่น โรดีเซีย
แอฟริกาใต้ เคนย่า อังโกล่า ยูกันด้า แต่ที่น่าสนใจคือมีการประสบอุบัติเหตุ
จากการทำงานวิจัยเชื้อนี้ในห้องปฏิบัติการสองครั้งใน Koltsovo
ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการทางชีวภาพของสหภาพโซเวียต ในเขตไซบีเรีย

การระบาดแต่ละครั้งในธรรมชาติมักพบผู้ป่วยเพียง 1-4 คน
ยกเว้นการระบาดในปี 2004-2005 ที่ประเทศแองโกล่าที่พบผู้ป่วย 252 ราย
มีผู้เสียชีวิต 252 คน คิดเป็นอัตราตายที่สูงถึง 90% เลยทีเดียว
องค์การอนามัยโลกจัดให้เป็นเชื้ออันตรายสูงที่ต้อง BSL-4 Facilities



15 แห่งตั้งอยู่ภายในประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกราว 50 แห่งกระจายอยู่ทั่วโลก
ที่สามารถรองรับการทำงานวิจัยและแยกเชื้อเชื้อไวรัส Marburg และ Ebola
ที่อยู่ใกล้ๆ คือเกาหลีใต้สองแห่งในประเทศญี่ปุ่น และอีกสองแห่งในไต้หวัน
ส่วนที่มีจำนวนมากกว่านั้นอยู่ในจีนและอินเดีย ที่ยังน่ากังขาในมาตรฐาน

ส่วนที่แตกต่างไปจากห้องปฏิบัติการที่อยู่ในระดับต่ำกว่าก็คือ
ระบบรักษาความปลอดภัยภายในอาคารที่ต้องเข้มงวดมากที่สุด
เพราะเป็นเชื้อที่สามารถนำไปใช้เป็นอาวุธชีวภาพได้
ระบบการเข้าออกของทุกอย่างต้องออกแบบมาเพื่อป้องการปนเปื้อน

ทุกอย่างที่นำเข้าไปจะต้องถูกเผาทำลายห้ามนำกลับออกมาภายนอก
ระบบอากาศต้องเป็นบรรยากาศที่ติดลบเข้าไปเรื่อยๆ จนถึงห้องทดสอบ
Safety cabinet ที่ใช้ต้องเป็น class III ที่มีระบบดูดอากาศออกทั้ง 100%
แล้วกรองผ่าน Hepa filter ก่อนจะถูกระบายออกสู่ภายนอก

และที่เราเห็นกันเป็นภาพชินตาก็คือภาพชุดมนุษย์อวกาศ
ที่นักวิจัยต้องใส่ตลอดเวลาโดยมีระบบอากาศแยกต่างหากจากห้อง
ซึ่งนั่นเป็นเพียงตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่ามันต้องใช้เงินมากในการสร้าง
และที่แพงไปกว่านั้นก็คือการคงสภาพให้อยู่ในมาตรฐานตลอดเวลา

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล เพราะตัวอย่างพวกนี้สามารถส่งไป CDC ได้
ที่น่าสนใจกว่าคือการรับมือกับผู้ติดเชื้อต่างหาก จากภาพข่าวเราจะเห็นได้ว่า
การให้การรักษานั้นต้องใช้สถานพยาบาลที่รองรับไวรัสอันตรายนี้สูงได้
อเมริการับพลเมืองของตนไปแล้ว ตามมาด้วยเยอรมันนีและสเปน

ย้อนกลับมามองที่ประเทศไทย หากผู้ป่วยจากเขตที่มีการระบาด
หลุดรอดการกักกันจากสนามบินระหว่างประเทศมาได้จะเกิดอะไรขึ้น

เรามีความพร้อมแค่ไหน ในการรับมือกับเรื่องนี้ ?



Create Date : 08 สิงหาคม 2557
Last Update : 8 สิงหาคม 2557 16:06:23 น. 6 comments
Counter : 3214 Pageviews.  

 
ตอบได้เลยว่ารอความตายค่ะ ถ้ามาไทย เหอๆ

โหวตนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 8 สิงหาคม 2557 เวลา:18:43:30 น.  

 
น่ากลัวมากมายค่ะ
ไม่อยากให้มาไทยเลย
หวังว่าจะปลอดภัย

ขอบคุณมากๆค่ะ



โดย: lovereason วันที่: 8 สิงหาคม 2557 เวลา:23:49:29 น.  

 
หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นค่ะ

แต่ถ้าหลุดรอดมาจริงๆ .... ทำใจค่ะ

จริงๆ บ้านเราไม่ได้ยากจนมากมายนัก กับการมีเครื่องไม้เครื่องมือดีๆ ที่พอจะทำอะไรได้

แต่ก็นะคะ ในฐานะประชาชนพลเมืองคนนึง ขอให้เราผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ ไปได้ด้วยดี เหมือนที่เคยผ่านมาได้ทุกครั้งค่ะ สาธุ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 10 สิงหาคม 2557 เวลา:14:31:25 น.  

 
แสดงว่ามีการทดลองไวรัสที่อาฟริกาตะวันตกไหมคะ?

ปล.ส้มโอที่บ้านเป็นพันธุ์เปลือกค่ะ ไม่ค่อยมีเนื้อ ฝ่อไปก็มีคุณน้าว่ากำลังหาทางแปรรูปเปลือกส้มโออยู่ค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 12 สิงหาคม 2557 เวลา:15:57:45 น.  

 
สวัสดีอีกรอบค่ะ

ขอบคุณที่ไปหม่ำข้าวด้วยกันนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 สิงหาคม 2557 เวลา:10:17:17 น.  

 
เมื่อวานถกกันเรื่อง เอ็มเอช จ้า
อะไร ๆ ก็ถือประโยชน์ตัวเองมากไปจนลืมความเป็นคนเนาะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 สิงหาคม 2557 เวลา:10:08:00 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]