Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 
หลวงพ่อคูณ




หลวงพ่อคูณเคยเคาะศรีษะให้ดิฉันอย่างในภาพถึงสองครั้ง ท่านมองด้วยสายตาที่มีเมตตา ดูเป็นพระที่ใจดี
และตอนท่านมาดิฉันได้เดินใกล้ท่านอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะคนไปรอพบหลวงพ่อคูณเยอะมาก ตอนท่านเดินมา งง เลยค่ะ ที่ได้อยู่ใกล้ขนาดห่างไม่ถึงครึ่งวา จึงรู้ว่าตัวจริงท่านตัวเล็กไม่สูง และศิษย์ที่ตามท่านมาเสนอให้บูชาผ้ายันต์ผืนใหญ่รุ่นท่านยืนรุ่นแรก ซึ่งค่าบูชาก็ไม่แพง 300 บาท
สุดจะปลื้มเพราะหลวงพ่อคูณท่านลงลายมือเขียนยันต์ให้ด้วยอย่างตั้งใจเต็มใจ ด้วยปากกาเมจิค เสียดายแต่กาลเวลาผ่านไปสีเริ่มจาง
พอกลับมาบ้านพอมีคนรู้ใครก็ต่อว่าไปไม่บอกจะฝากบูชา อ้าวววว
ใส่กรอบติดฝา มีคนไม่รู้จักจอดรถมาตื้อขอบูชาด้วย แต่ดิฉันไม่ให้ หวง กว่าจะได้มามิใช่ง่ายๆ

















ท้องฟ้าเหนือมหาวิทยาลัยขอนแก่น คล้ายคนนั่งสมาธิ กำลังฮือฮามากตอนนี้





ถ่ายทอดสดและชมเทปย้อนหลังการบำเพ็ญกุศลศพ
พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ)
วันที่ 17-24 พฤษภาคม 2558
ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น



//www.kku.ac.th/kkuchannel/live-Luang-Phor-Koon-Parisuttho.php



ฮือฮาคลิป!! ร่าง ‘หลวงพ่อคูณ’ ลืมตา ขณะเคลื่อนย้ายสรีระสังขารที่รพ.มหาราช (คลิปวินาทีที่ 19-20)


//www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1431848393



ขอนแก่น สรีระสังขารหลวงพ่อคูณถึงศาลา25ปี มข แล้ว

คลิป

https://www.facebook.com/ch.3khonkaen/videos/1618882945013633/?pnref=story




สรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ถึง ศาลา 25 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว ท่ามกลางศิษยานุศิษย์เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศเพื่อร่วมไว้อาลัย และเตรียมเคลื่อนย้ายสรีระสังขารหลวงพ่อคูณไปยังศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษกในวันพรุ่งนี้


เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ที่ศาลา 25 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขบวนอันเชิญสรีระสังขารพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ จ.นครราชีสมา ซึ่งได้ละสังขารไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้เดินทางมาถึง ศาลา 25 ปี ซึ่งเป็นสถานที่ที่คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ใช้เป็นสถานที่สำหรับการตรวจสรีระสังขารและทำการตรวจสอบร่างกายตามขั้นตอนของการบริจาคร่างกายให้กับคณะแพทยศาสตร์ เพื่อใช้ในการเรียนการสอนวิชากายวิภาคศาสตร์ ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรม โดยทันทีที่ขบวนรถกว่า 100 คัน เดินทางมาถึง นั้น คณะศิษยานุศิษย์ กว่า 5,000 คน ทั้งจาก จ.ขอนแก่น,จ.นครราชีสมาและจังหวัดใกล้เคียงได้กล่าวคำว่าสาธุตลอดเวลา ท่ามกลางความอาลัยและความเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก

โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เชิญสรีระสังขารเข้าไปทำการตรวจสอบสรีระสังขาร เพื่อทำทะเบียนประวัติบุคคลที่บริจาคร่างกาย ก่อนจะทำการดองตามหลักวิชาการเพื่อรักษาเซลล์สมอง และทำการบรรจุไว้ในโลงเย็น ซึ่งตั้งอยู่บริเวณประรำพิธีชั่วคราวที่จัดทำขึ้น เพื่อให้พระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่จากหลายจังหวัดทั่วทั้งภาคอีสาน รวมไปถึงคณะศิษยานุศิษย์ได้ทำการเคารพศพ รวมทั้งการประกอบพิธีขอขมาและกล่าวคำอาราธนาศีลแด่หลวงพ่อคูณ

ด้านรศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ขั้นตอนการตรวจสอบสรีระสังขาร การจัดทำประวัติร่างกายในชิ้นส่วนต่างๆทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบที่คณะแพทยศาสตร์กำหนด ขณะที่ภาคพิธีการนั้นคืนวันนี้ จะยังคงไม่มีพิธีการใดๆมีเพียงการประกอบพิธีเคารพสรีระสังขารของคณะศิษยานุศิษย์ รวมไปถึงเหล่านักศึกษาแพทย์ที่มาร่วมขอขมาครูใหญ่ ส่วนโลงแก้วคาดว่าจะมาถึงในวัดพรุ่งนี้ ซึ่งกำหนดการในวันพรุ่งนี้ ช่วงเช้าจะมีพิธีสงฆ์ตามปกติ จากนั้นในเวลาประมาณ14.00 น.พระสงฆ์สวดมาติกาบังสุกุล เวลา 14.30 น.จะทำการเคลื่อนสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ จาก ศาลา 25 ปี ไปยังศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก โดยจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลโดยศิษยานุศิษย์และประชาชนผู้เคารพศรัทธา ในเวลา 18.00 น. ตั้งแต่วันที่ 17-23 พ.ค. และในเวลา 09.00 น.ของวันที่ 18-23 พ.ค.จะมีการประกอบพิธีทำบุญถวายภัตราหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์

ทั้งนี้กองอำนวยการงานบำเพ็ญกุศลฯได้กำหนดให้คณะศิษยานุศิษย์ได้เคารพศพในเวลา 06.00-22.00 น.ของทุกวัน ขณะที่ผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการถวายจัตตุปัจจัยเพื่อนำไปบริหารจัดการพิธีกรรมทางศาสนาหรือการร่วมจัดตั้งโรงทานต่างๆสามารถติดต่อได้ที่ชั้น 2 ของศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก////////








ส่วนกระบวนการที่จะนำสรีระร่างท่านไปใช้เพื่อการศึกษา คือ จะมีการนำร่างท่านไปดอง 1 ปีเราได้สั่งทำอ่างแก้วเป็นกรณีพิเศษ หากญาติโยมจะเข้าไปกราบก็สามารถเข้ามาได้จากนั้นจะนำร่างขึ้นมาให้นักศึกษา แพทย์ได้เรียนเป็นระยะเวลา 2 ปีการศึกษาเมื่อครบการศึกษาแล้วก็จะเป็นไปตามเจตนารมณ์ใช้เวลาประมาณ 3 ปีในปีที่ 3 จะมีการพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษสำหรับครูใหญ่ทุกคนที่ทางมข. ได้ขอไว้ก่อนหน้านี้ โดยจะมีหลวงพ่อคูณและครูใหญ่ทำพระราชพิธีพร้อมกันด้วยและในช่วง 3 ปีที่อยู่คณะแพทย์ศาสตร์.

//www.thairath.co.th/content/499248




รถพยาบาลนำร่างหลวงพ่อคูณไปยังมหาวิทยาลัยขอนแก่น





หลังพระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา มรณภาพเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 เวลา 11.45 น. ด้วยอายุ 92 ปี ณ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ท่ามกลางความโศกเศร้าของคณะแพทย์ที่ทำการรักษาอย่างสุดความสามารถและบรรดาลูกศิษย์ยานุศิษย์ทั่วประเทศ
มหาวิทยาลัยขอนแก่นขอแสดงความเสียใจและอาลัยยิ่งต่อการจากไปของพระเกจิอาจารย์ผู้มีคุณูปการต่อประเทศ ทั้งนี้มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้รับอนุญาตให้ดำเนินตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อ ในการนำสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ มาบำเพ็ญกุศลและมอบให้แก่นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ศึกษาเรียนรู้ต่อไป โดยมีกำหนดการดังนี้

วันที่ 16 พฤษภาคม 2558 ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. เคลื่อนย้ายสรีระสังขารจากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา โดยนำมาเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของบริจาคร่างกาย ณ อาคาร25ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น

วันที่ 17 พฤษภาคม 2558 เวลา 15.00 น. เคลื่อนสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ จากอาคาร 25 ปีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ไปยังศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น และใคร่ขอเชิญชวนบุคลากรมหาวิทยาลัยขอนแก่น ศิษยานุศิษย์และประชาชนทั่วไป ร่วมพิธีเคลื่อนสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ แต่งกายสุภาพ(ไว้ทุกข์)

วันที่ 17-23 พฤษภาคม 2558 เวลา 19.00 เป็นต้นไป ประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลโดย ศิษยานุศิษย์และประชาชนผู้เคารพศรัทธา ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น

วันที่ 18 – 23 พฤษภาคม 2558 เวลา 9.00 น. ประกอบพิธีทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทั้งนี้จะเปิดให้เคารพศพในเวลา 6.00 น.– 22.00 น.
ผู้มีจิตศรัทธาสามารถสามารถบริจาคจตุปัจจัยบริเวณชั้น 2 ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก โดยเงินจากการบริจาคจะนำไปบริหารจัดการพิธีกรรมทางศาสนา และเมื่อเสร็จสิ้นพิธีกรรมทางศาสนาจะส่งมอบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เพื่อเข้าสู่กระบวนการเรียนการสอน เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติสืบไป


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยขอนแก่น









16 พ.ค. ในหลวง พระราชทานโกศโถ บรรจุศพหลวงพ่อคูณเป็นกรณีพิเศษ

สำนักพุทธฯแจ้งสำนักพระราชวังกรณีพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ มรณภาพ ในการนี้ในหลวงพระราชทานโกศโถบรรจุศพเป็นกรณีพิเศษ


เมื่อวันที่ 16พ.ค. นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ได้ประสานไปยังสำนักพระราชวังเกี่ยวกับการมรณภาพของพระเทพวิทยาคมหรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งทางสำนักพระราชวังได้รับทราบแล้ว และในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานโกศโถในการบรรจุศพพระเทพวิทยาคมพร้อมฉัตรเบญจาเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งแต่เดิมตามลำดับสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นเทพจะได้รับพระราชทานหีบทองบรรจุศพ รวมทั้งพระราชทานน้ำหลวงสรงศพในวันที่17พ.ค.เวลา16.00น.ส่วนสถานที่ยังไม่ได้กำหนด

นายพนม กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้พศ.ยังได้รายงานให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลพศ.ได้รับทราบแล้ว พร้อมได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)นครราชสีมา ประสานอำนวยความสะดวกการจัดงานศพให้เป็นไปอย่างเหมาะสมตามประสงค์ของหลวงพ่อคูณ

ด้านนายสมเกียรติ ธงศรี ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นทราบว่า หลวงพ่อคูณได้บริจาคร่างกายให้แก่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่นและมีการกำหนดแนวทางการจัดงานศพไว้แล้ว ดังนั้นกรรมการวัด และศิษยานุศิษย์ จะมีการหารือกับทางโรงพยาบาลอีกครั้งว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป

อ่านต่อที่ : //www.dailynews.co.th/education/321644































สุดอาลัย! เปิดประวัติหลวงพ่อคูณ เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด หลังละสังขาร

สิ้นแล้ว สำหรับ พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ หลังจากป่วยเรื้อรังจากโรคต่างๆ หลายโรค และละสังขารในวัย 92 ปี 71 พรรษา ถึงแม้พระเกจินักพัฒนาจะจากไป แต่ท่านก็ทิ้งคำสอนที่ขัดเกลาให้เหล่าลูกศิษย์และประชาชนเป็นคนดี รวมถึงสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่ท่านระดมเงินบริจาคมาใช้จ่ายในการช่วยเหลือทุกคน โดยเฉพาะการก่อสร้างโรงพยาบาล โรงเรียนและอื่นๆ อีกมากมาย

ประวัติ พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ มีฉายาว่า เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด มีชื่อเดิมว่า คูณ ฉัตรพลกรัง เกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2466 ที่ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรชายคนโต ในจำนวนพี่น้อง 3 คน ของนายบุญ และ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง






หลวงพ่อคูณละสังขารแล้วอายุ 92 ปี ศิษย์โศกเศร้าหลวงพ่อคูณเกิดเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2466 ที่ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
ด้านการศึกษา ศึกษาหนังสือกับพระอาจารย์หล ทั้งภาษาไทย และภาษาขอม ศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานจากหลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ตำบลสำนักตะคร้อ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งท่านเป็นพระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระ และ วิปัสสนาธุระอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคม เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนและศิษย์อย่างมาก โดยศึกษาพุทธาคมจากนายหลอดซึ่งเป็นตาของท่าน และศึกษาวิชาฝังตะกรุดที่ท้องแขนก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากพระอาจารย์คง พุทธสโร วัดถนนหักใหญ่ ตำบลกุดพิมาน ต่อมาได้รับปริญญานิเทศศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

ทั้งนี้ หลวงพ่อคูณ ได้อุปสมบทเป็นภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดถนนหักใหญ่ เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2487 มีพระครูวิจารยติกิจ อดีตเจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทองสุก วัดโคกรักษ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ทองมาก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "ปริสุทฺโธ" ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่
หลวงพ่อคูณ ได้อุปสมบทเป็นภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดถนนหักใหญ่ เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2487นางทองขาว มารดาของหลวงพ่อคูณ เล่าให้เพื่อนบ้านฟังว่า ก่อนตั้งครรภ์ กลางดึกของคืนวันหนึ่งเวลาประมาณตี 3 นางได้ฝันเห็นเทพองค์หนึ่ง มีกายเรืองแสงงดงาม ลอยลงมาจากสวรรค์น้องสาวหลวงพ่อคูณ ชื่อ ทองหล่อ หรือ ป้าคำมั่น
ทั้งนี้ หลังจากที่หลวงพ่อคูณได้ศึกษาวิชาฝังตะกรุดที่ท้องแขนก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากพระอาจารย์คง พุทธสโร แล้ว ก็ได้เดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาคเหนือ และภาคอีสาน รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน คือ เมืองเวียงจันทน์ สปป.ลาว เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ด้วย

หลังจากเดินธุดงค์ ก็ได้เดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อบำเพ็ญกุศลโดยมิได้หวังผลตอบแทน และเพื่อสั่งสอนพุทธศาสนิกชนให้ประพฤติอยู่ในศีลธรรม ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาทางด้านวัตถุมงคลควบคู่กันไปด้วย และเริ่มใช้วิชาความรู้ของท่านให้เป็นประโยชน์เพื่อพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญเท่าที่ท่านจะสามารถกระทำได้จนเป็นพระนักพัฒนา ผู้มีเมตตาจิตสูงยิ่ง สร้างสาธารณประโยชน์มากมาย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียนหลายแห่ง เป็นที่นับถือ เคารพศรัทธาของคนทั่วประเทศ โดยเฉพาะชาวด่านขุนทดต่างพากันขนานนามท่านว่า "เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด"
"กูทำดีเขาจึงให้ของดีกูมา" คำสอนหลวงพ่อคูณหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ มีฉายาว่า เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด
หลวงพ่อคูณ เป็นพระมีอาจารวัตรสันโดษ มักน้อย ปราศจากมัจฉริยะ คือ ความตระหนี่ถี่เหนี่ยว แต่ท่านกลับมีเมตตาธรรมสูงส่ง ชอบที่จะช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก มุ่งมั่นในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง

ในปี 2539 หลวงพ่อคูณได้รับสมณศักดิ์เป็น "พระราชวิทยาคมอุดมกิจจานุจาทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี" จากนั้นก็ได้รับสมณศักดิ์ เป็น "พระเทพวิทยาคม"

ด้านวัตถุมงคลของท่าน เหรียญรูปไข่ครึ่งองค์ ปี 2512 ออกที่วัดแจ้งนอก จังหวัดนครราชสีมา หรือที่เรียกกันว่า เหรียญรุ่นแรก, เหรียญรูปไข่ครึ่งองค์ ปี 2517 ที่ระลึกในโอกาสสร้างกุฏิวัดสระแก้ว อ.เมืองนครราชสีมา, เหรียญรูปไข่นั่งเต็มองค์ ปี 2519 นอกจากนี้ หลวงพ่อคูณ ก็ยังสร้างพระเครื่องอีกหลายรุ่น จนตัวท่านเองก็ยังจำไม่ได้
แถลงการณ์ ฉบับที่ 4 ระบุว่า หลวงพ่อคูณได้มรณภาพลงแล้วหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ
ขณะที่คำสอนของหลวงพ่อคูณ ที่เคยกล่าวตักเตือนไว้ก็มีมากมาย อาทิ "ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้" "กูให้พวกมึงรู้จักพอเพียง" "กูดีใจที่ได้เกิดเป็นคนจนเพราะได้สร้างทานบารมี ถ้ากูเกิดเป็นคนรวยป่านนี้ คำว่า บุญก็ไม่รู้จักกัน" "เกิดมาแล้ว รักความสงบให้มีศีลธรรมไว้ประจำใจทุกๆ คน โลกจะได้อยู่ชุ่มกินเย็น..."

นี่คือประวัติโดยสังเขปของพระนักพัฒนา ที่ไม่หวังเงินทอง ลาภยศ ที่ใช้ชีวิตเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านทุกคน จนคนที่ด่านขุนทดต่างเลื่อมใสและยกย่องให้ท่านเป็นเทพเจ้า.

//www.thairath.co.th/content/499115








เปิดพินัยกรรม 'หลวงพ่อคูณ'

เปิดพินัยกรรม 'หลวงพ่อคูณ' กู...ไม่อยากให้ใครหาประโยชน์จากตัวกู




กระแสความโด่งดังของ พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทฺโธ) เจ้าของฉายา "เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด" มาพร้อมๆ กับผลประโยชน์อันมหาศาล สิ่งที่ตามมาคือ ความไม่ลงตัวเรื่องผลประโยชน์ ซึ่งตามมาด้วยความขัดแย้ง



จากปัญหาความขัดแย้งที่เกิดในวัดบ้านไร่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หลวงพ่อคูณเริ่มมีชื่อเสียง เมื่อ พ.ศ.2536 โดยเฉพาะเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ภายในวัดบ้านไร่เอง หลายคนอาจจะคิดว่าท่านเป็นพระแก่ๆ รูปหนึ่ง จะไปรู้เรื่องอะไร แต่แท้ที่จริงแล้วหลวงพ่อรู้เรื่องดังกล่าวถึงขนาดที่ต้องทำพินัยกรรมไว้ล่วงหน้าถึง 2 ฉบับ โดยฉบับแรกทำไว้เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2536 ส่วนฉบับที่สอง ซึ่งเป็นฉบับล่าสุด ทำไว้เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2543



“กูเองไม่อยากเป็นภาระกับคนอื่น เมื่อตายไปแล้วก็อยากให้ทุกคนได้ดำเนินการทุกอย่างตามที่ได้ระบุเอาไว้ในพินัยกรรม โดยกูเองก็ได้ให้ลูกศิษย์ทั้งสี่คนเป็นผู้ดูแลทุกอย่าง หลังที่กูตายไปแล้ว ส่วนเหตุผลที่กูให้เผาศพกู ก็เพราะกูไม่อยากให้เป็นภาระ ไม่อยากให้เกิดการแสวงหาประโยชน์ใดๆ จากตัวกู กูไม่ต้องการให้ศิษยานุศิษย์เดือดร้อน หรือเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อยามที่ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อไม่ต้องการให้เกิดเป็นปัญหาระหว่างลูกศิษย์ด้วยกัน อย่างน้อยก็เป็นการลดภาระลงไปได้ เพราะเมื่อได้ทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมาลูกศิษย์จะได้ไม่ต้องเกิดความขัดแย้งกันเอง” นี่คือเหตุผลการทำพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ ที่พูดผ่านสื่อมวลชนแขนงต่างๆ



พินัยกรรมก่อนมรณภาพของหลวงพ่อคูณเขียนเอาไว้เมื่อ 15 ปีก่อนนี้ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2543 โดยพินัยกรรมดังกล่าวมีพยานรับรอง 4 คน คือ 1.รศ.สุขชาติ เกิดผล รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2.นายประทีป วงษ์กาญจนรัตน์ 3.นายธวัช เรืองหร่าย ไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ และ 4.นายเนาวรัตน์ สังการกำแหง นิติกร 8 (ชำนาญการ) มหาวิทยาลัยขอนแก่น



เนื้อหาพินัยกรรมดังกล่าวมีข้อความว่า อาตมาหลวงพ่อคูณ อายุ 77 ปี ถิ่นพำนักวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ขอทำพินัยกรรมกำหนดการ เผื่อถึงการมรณภาพ เกี่ยวกับเรื่องการจัดงานศพของอาตมา ภายหลังที่อาตมาถึงมรณภาพลง



1.ศพของอาตมา ให้มอบแก่มหาวิทยาลัยขอนแก่นภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากมรณภาพลง เพื่อให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นมอบให้ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปศึกษาค้นคว้าตามวัตถุประสงค์ของภาคต่อไป



2.พิธีกรรมศาสนา การสวดอภิธรรมศพ ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำพิธีสวดพระอภิธรรมศพที่คณะแพทยศาสตร์ 7 วัน ตั้งแต่ถึงวันมรณภาพลง



3.การจัดทำพิธีบำเพ็ญกุศลเมื่อสิ้นสุดการศึกษาค้นคว้าของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว ให้จัดงานแบบเรียบง่าย ละเว้นการพิธีสมโภชใดๆ และห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ โกศ และพระราชพิธีอื่นๆ เป็นกรณีพิเศษเป็นการเฉพาะ



โดยให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กระทำพิธีเช่นเดียวกับการจัดพิธีศพของอาจารย์ใหญ่นักศึกษาแพทย์ประจำปีร่วมกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่น แล้วเผา ณ ฌาปนสถานวัดหนองแวง พระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น หรือวัดอื่นใดที่คณะแพทยศาสตร์เห็นสมควรและเหมาะสม โดยทำพิธีเผาให้เสร็จสิ้นที่จ.ขอนแก่น



4.เมื่อดำเนินตามข้อ 3 เสร็จสิ้นแล้ว อัฐิ เถ้าถ่าน และเศษอังคารทั้งหมด ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปลอยที่แม่น้ำโขง จ.หนองคาย ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม



5.ค่าใช้จ่ายและเงินอื่นใดที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามนัย ข้อ 2, 3 และ 4 ให้ดำเนินการ ดังนี้



5.1 ค่าใช้จ่ายในการจัดงานและบำเพ็ญกุศลศพทั้งหมด ให้นำเงินที่อาตมาบริจาคให้แก่ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อปี 2536 เป็นเงินเริ่มต้นในการดำเนินการจัดงานศพ ถ้าไม่เพียงพอให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทดรองจ่ายไปก่อน



5.2 ในการจัดการและบำเพ็ญกุศลศพ ตามนัยข้อ 5.1 หากมีเงินเหลือหรือมีผู้บริจาคสมทบ ให้คืนเงินที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทดรองจ่ายไปก่อนให้เสร็จสิ้น



5.3 หากมีเงินเหลืออยู่อีกหลังจากดำเนินการตามนัย ข้อ 5.1 และข้อ 5.2 แล้ว ให้มอบแก่กองทุนพระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฎ์ (หลวงปู่เทสก์) เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมช่วยเหลือพระสงฆ์ที่อาพาธประจำหอผู้ป่วยหอสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือให้ดำเนินการอย่างอื่นตามที่อาตมา หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เห็นสมควร โดยอาตมาจะแสดงความประสงค์ให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติมแนบไว้ให้ทราบต่อไป หากไม่ดำเนินการให้ถือตามความในตอนต้นเท่านั้น



6.ให้นายอำเภอด่านขุนทด ศึกษาธิการอำเภอด่านขุนทด และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกันเป็นผู้จัดการศพ มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามพินัยกรรมนี้



7.ให้ยกเลิกพินัยกรรม ฉบับวันที่ 15 กันยายน 2536 หรือฉบับอื่นใดที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ และให้ยึดถือพินัยกรรมฉบับนี้แทน



8.พินัยกรรมฉบับนี้ ต้นฉบับเก็บรักษาไว้ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และได้มีการทำสำเนาไว้อีก 3 ชุด เก็บรักษาไว้ที่วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาย อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ศึกษาธิการอำเภอด่านขุนทด และนายอำเภอด่านขุนทด แห่งละ 1 ฉบับ



ลงวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2543


เจตนาแห่งพินัยกรรม





อย่างไรก็ตาม เมื่อครั้งที่ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่ยังสุขภาพแข็งแรง นายสุทธิคุณ กองทอง อดีตนักข่าวโต๊ะพระเครื่อง "คม ชัด ลึก" แบบ "คำต่อคำ" หนึ่งในคำถามนั้น นายสุทธิคุณได้ถามถึงเหตุผลการทำพินัยกรรมฉบับดังกล่าว โดยหลวงพ่อคูณ ตอบว่า



การทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมา เพื่อไม่ต้องการให้ศิษยานุศิษย์เดือดร้อน หรือเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อยามที่ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อไม่ต้องการให้เกิดเป็นปัญหาระหว่างลูกศิษย์ด้วยกัน อย่างน้อยก็เป็นการลดภาระลงไปได้ เพราะเมื่อได้ทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมา ลูกศิษย์จะได้ไม่ต้องเกิดความขัดแย้งกันเอง



พร้อมกับเน้นย้ำคำตอบแบบภาษาบ้านๆ ว่า "กูเองไม่อยากเป็นภาระกับคนอื่น เมื่อตายไปแล้วก็อยากให้ทุกคนได้ดำเนินการทุกอย่างตามที่ได้ระบุเอาไว้ในพินัยกรรม โดยกูเองก็ได้ให้ลูกศิษย์ทั้งสี่คนเป็นผู้ดูแลทุกอย่าง หลังที่กูตายไปแล้ว ส่วนเหตุผลที่กูให้เผาศพกู ก็เพราะกูไม่อยากให้เป็นภาระ ไม่อยากให้เกิดการแสวงหาประโยชน์ใดๆ จากตัวกู นี่แหละที่กูอยากให้ทำนะไอ้ลูกหลานเอ้ย"



ในวันนี้ หลวงพ่อคูณ มรณภาพลงแล้ว เป็นที่น่าจับตามองว่า พินัยกรรมก่อนมรณภาพของหลวงพ่อคูณเขียนเอาไว้เมื่อ 15 ปีก่อนนี้ คือ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2543 จะถูกดำเนินตามเจตนารมณ์ของท่านหรือไม่ ดังคำพูดที่ท่านพูดไว้ว่า



“กูเองไม่อยากเป็นภาระกับคนอื่น เมื่อตายไปแล้วก็อยากให้ทุกคนได้ดำเนินการทุกอย่างตามที่ได้ระบุเอาไว้ในพินัยกรรม โดยกูเองก็ได้ให้ลูกศิษย์ทั้งสี่คนเป็นผู้ดูแลทุกอย่าง หลังที่กูตายไปแล้ว ส่วนเหตุผลที่กูให้เผาศพกู ก็เพราะกูไม่อยากให้เป็นภาระ ไม่อยากให้เกิดการแสวงหาประโยชน์ใดๆ จากตัวกู กูไม่ต้องการให้ศิษยานุศิษย์เดือดร้อน หรือเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อยามที่ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อไม่ต้องการให้เกิดเป็นปัญหาระหว่างลูกศิษย์ด้วยกัน อย่างน้อยก็เป็นการลดภาระลงไปได้ เพราะเมื่อได้ทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมาลูกศิษย์จะได้ไม่ต้องเกิดความขัดแย้งกันเอง”

แสงแห่งศรัทธา รร.ดังโคราชถล่ม





ชื่อหลวงพ่อคูณรู้จักกันมานานในถิ่นอีสาน ด้วยความเข้มขลังทางวิชาอาคม และเดินธุดงค์ ทะลุปรุอีสาน ข้ามเข้าลาวใต้จรดลาวเหนือ เป็นหนึ่งคุณสมบัติผจญภัยร่ำเรียนเก็บไว้บอกเล่า แต่ผมกลับได้ยินชื่อหลวงพ่อคูณครั้งแรกๆ ก็คราวโรงแรมโรยัลพลาซ่า กลางเมืองโคราช ถล่มเมื่อ พ.ศ.2536



ท่ามกลางการนำศพออกจากพื้นที่อย่างน่าอนาถ ก็มีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นเช่นกัน เมื่อมีการพบหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกคานซีเมนต์หักลงมาทับท่อนล่างไว้ เธอติดอยู่กับความหนาหนักนั้นหลายวัน จนเมื่อพบเธอเข้า ทีมแพทย์ถูกส่งเข้าตรวจร่างกาย โดยเฉพาะส่วนที่ถูกทับนั้น ก่อนจะตัดสินใจผ่าตัดเพื่อตัดขาเธอออกท่ามกลางซากปรักหักพังตรงนั้นเอง ซึ่งภาพดังกล่าวถูกแพร่ออกอากาศทั่วประเทศ ผู้คนร่วมส่งกำลังใจให้เธออย่างล้นหลาม



นักแสดงอย่าง เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ และบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่เป็นอาสาสมัครของมูลนิธิร่วมกตัญญู อยู่ให้กำลังใจเธออยู่ใกล้ๆ (ผมได้พบกับพี่น้องคู่นี้อีกครั้ง เมื่อเหตุการณ์สึนามิที่เขาหลัก) ทีมแพทย์ทำการผ่าตัดแบบกลางแจ้งเป็นครั้งแรกในประเทศ และได้รับความสำเร็จที่น่าพอใจ



เหตุการณ์ที่โคราชมีผู้เสียชีวิตถึง 137 ชีวิต และบาดเจ็บร่วม 300 หญิงสาวถูกตัดขา รอดปลอดภัยท่ามกลางความยินดีของทุกคน เธอให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า เมื่อหมดแรงและสิ้นหวัง เธอเห็นหลวงพ่อคูณมาหา และได้กราบท่านอย่างชิดใกล้ แล้วก็รอดชีวิต และที่สำคัญเธอห้อยพระหลวงพ่อคูณ เป็นการย้ำกระแสเข้มขลังไปทั่วประเทศหนักเข้าไปอีก



นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้คนต่างเดินทางสู่วัดบ้านไร่ หาซื้อเช่าทุกอย่างที่เป็นหลวงพ่อคูณ คนใกล้ไกลต่างเดินทางมาให้ท่านเคาะหัว ตอกตะกรุดที่ท้องแขนกันอย่างมหาศาล คนไทยคนไกล รวมไปถึงข่าวลือสารพัดทั้งจริงทั้งลวง แต่ก็ทำให้ถนนทุกสายของผู้ชื่นชอบศรัทธาเดินทางสู่ด่านขุนทดอย่างหัวกระไดไม่เหือดแห้ง



หลวงพ่อถูกนิมนต์ไปทั่วประเทศ ทั้งทางรถ ทางเรือ รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ เพื่อความสะดวกรวดเร็วของภารกิจตามนิมนต์ และจากการเข้าได้ถึงพื้นที่ทุกประเภท อาคารห้างร้าน สารพัดเหรียญที่ผลิตออกมา เพียงมีรูปหลวงพ่อคูณนั่งยองๆ กับท่าถนัดสูบยา ความมั่งคั่งร่ำรวยจากการขออนุญาตผลิตสร้างเหรียญออกสู่ตลาดนับพันรุ่น มีเงินสะพัดหลายหมื่นล้านบาท ทั้งวัด ทั้งชาวบ้านได้รับอานิสงส์จาก "เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด" กันอย่างทั่วหน้า

//www.komchadluek.net/detail/20150517/206411.html








วันที่ 18 พ.ค.2558 ที่หน่วยรับบริจาคร่างกาย ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีประชาชนเดินทางมากรอกเอกสารแบบฟอร์มอุทิศร่างกายจำนวนมากกว่าปกติ จนเจ้าหน้าที่ต้องจัดทำบัตรคิว ส่วนใหญ่ต่างก็บอกว่าต้องการอุทิศร่างกายให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนทางการแพทย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่นเดียวกับที่หลวงพ่อคูณได้ทำไว้เป็นแบบอย่าง

//www.bangkokbiznews.com/news/detail/647604#sthash.fAPiJPjm.Zqdz7Zgo.dpuf














ภาพก็ขอบคุณ ได้จากการแชร์ในเฟสบุ๊คที่ดิฉันประทับใจ











Create Date : 17 พฤษภาคม 2558
Last Update : 8 สิงหาคม 2558 14:54:15 น. 0 comments
Counter : 5661 Pageviews.

ใจรัก Jairuk Channel
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 91 คน [?]








ติดตามดูต่อที่YouTube

ใจรักJairukChannel



ติดตามดูต่อที่Facebook

ใจรักJairukChannel



แนะนำให้ชม

บัวหิมะ
บัวหิมะ
วิธีเลี้ยงบัวหิมะ
เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน
บั้งไฟพญานาคที่ไปดูมา
ติดอันดับTOP Page Views
อาหารและการดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยมะเร็งและคนทั่วไป
เที่ยวขอนแก่น
Michael Jackson
คอนเสิร์ตบอย Peacemaker
คลิปเจ้าขุน
การกลับมาของX Japan

ท่องเที่ยว

UFOที่เคยเห็น
บั้งไฟพญานาคที่ไปดูมา
หาดใหญ่และปัตตานี
ไข่มุกอันดามัน
อะ พีพี
เกนติ้ง
กัวลาลัมเปอร์
หาลิงเข้าถ้ำทะเลภูเขาเลยจ้า นอนดูหมอกที่ปราจีนบุรี
เที่ยวปราจีนบุรีต่อ
เลยจะถึงไหมละนี่
พักค้างแรมที่เลย
เลยจนเกือบถึงลาว
ขุดกรุเขื่อนป่าสัก
บึงแก่นนคร ขอนแก่น
พระธาตุขามแก่น
เดินทางไปลพบุรี
กินข้าวอิงภูชัยภูมิ
ลาว เวียงจันทร์
ลาว2
ปิดทริปเที่ยวลาว
ล่องเรือเจ้าพระยา
รถไฟลอยฟ้า ฟ้า ไทย
รถไฟใต้ดินไทย
ทะเลน้ำจืดหาดวังโกขอนแก่น บ้านปราสาทโคราช
วังน้ำเขียวโคราช
ชอปปิ้งหนองคาย
ตัวเมืองขอนแก่น
น้ำผุดทับลาว ชัยภูมิ
สนามหลวง2
ไปดูงานศิลป
สายน้ำกับปลาที่ไปปล่อย
งานExpro
เขื่อนอุบลรัตน์
เที่ยวป่าวัดพรไพรวัลย์
ล่องแพอ่างเก็บน้ำห้วยไร่
ทะเลหมอกภูพานน้อย
วัดเจดีย์ชัยมงคล
ครั้งหนึ่งที่เคยโบกรถ
น้ำหนาว,เพชรบูรณ์
พระพุทธชินราช,พระธาตุลำปางหลวง
น้ำพุร้อน,วัดร่องขุ่น
มหาลัยแม่ฟ้าหลวง,น้ำตกก้างปลา
เวียงแก่น,ภูชี้ฟ้า
ดอยแม่สลอง
อุทยานฯขุนแจ
สวนโลกราชพฤกษ์
วัดเจดีย์7ยอด,วัดเจดีย์หลวง
ดอยสุเทพ,ทุ่งสแลงหลวง
โครงการครูบ้านนอก
วัดหลวงพ่อโตใหญ่ที่สุดในโลก
ที่พักปากช่อง
เลย-ลาว-ท่าลี่
ถึงระยองแล้วจ้า
ทะเลตอนเช้า
งานเที่ยวภาคใต้






Friends' blogs
[Add ใจรัก Jairuk Channel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.