bloggang.com mainmenu search
วันนี้เขียนรีวิวการ์ตูนเฉพาะเรื่องอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ไม่ได้เขียนรีวิวลักษณะนี้ ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบการ์ตูนแนว slice of life หรือที่หลายคนเรียกแนวเยียวยาจิตใจ เรื่องนี้ดูแล้วชอบมาก ดูแล้วดีต่อใจ เลยเขียนรีวีวแยกออกมาเลย







ชื่อเรื่อง
Akebi's Sailor Uniform (ภาษาอังกฤษ)
明日ちゃんのセーラー服 (ภาษาญี่ปุ่น)
明日同学的水手服 (ภาษาจีน)
ชุดกะลาสีของอาเคบิจัง (ภาษาไทย)


ฉาย 9 มกราคม พ.ศ. 2565 – 27 มีนาคม พ.ศ. 2565
แนว ชีวิตในโรงเรียน, เยียวยาจิตใจ (slice of life)
จำนวน 12 ตอน
สตูดิโอที่ผลิต CloverWorks


แนะนำตัวละคร


อาเคบิ โคมิจิ
วันเกิด 4 เมษายน
ชมรม การแสดง
เด็กสาวผู้หลงใหลในชุดกะลาสี นางเอกของเรื่อง สอบเข้าโรงเรียนโรไบ เนื่องจากชื่นชอบชุดกะลาสี โดยหารู้ไม่ว่าปัจจุบันเครื่องแบบเปลี่ยนเป็นแบบเบลเซอร์ไปแล้ว



คิซากิ เอริกะ
วันเกิด 23 มีนาคม
ชมรม ปีนเขา
เพื่อนคนแรกที่โคมิจิรู้จัก ลักษณะภายนอกมีความเป็นคุณหนูผู้ดี เล่นเปียโนเก่ง สนิทสนมกับโคมิจิมาก



อุซากิฮาระ โทวโกะ
วันเกิด 19 กุมภาพันธ์
ชมรม ซอฟต์บอล
เพื่อนสนิทอีกคน นั่งด้านหลังโคมิจิ ลักษณะนิสัยร่าเริง ขี้เล่น มีความสามารถในการทำขนม



โคโจ โทโมโนะ
วันเกิด 3 ตุลาคม
ชมรม วรรณกรรม
เพื่อนคนที่สองที่โคมิจิทักทาย เธอรู้สึกประทับใจโคมิจิที่จำชื่อเธอได้ อยู่ชมรมวรรณกรรม





อาเคบิ ยูวะ
แม่ของโคมิจิ เป็นช่างตัดเสื้อ เคยเรียนโรงเรียนโรไบเหมือนโคมิจิ



อาเคบิ คาโอะ
น้องสาวของโคมิจิ สนิทสนมกับโคมิจิมาก อยากใส่ชุดกะลาสีเหมือนโคมิจิ



อาจารย์ โคโมริ มาโกะ
อาจารย์ที่โรงเรียนประถมฟุตาบะที่โคมิจิเคยเรียน



ฟุคุโมโตะ มิกิ
ไอดอลที่โคมิจิชื่นชอบ



รายชื่อนักเรียน 1 -3 โรงเรียนมัธยมโรไบ ห้องที่โคมิจิเรียน มีนักเรียนทั้งหมด 16 คน ในภาพเรียงตามอันดับการนั่งโดยไล่ตั้งแต่เลขที่ 1-16 (ประตูห้องเรียนอยู่ทางขวา)






อาจารย์ ทามูระ โยริ
อาจารย์ประจำชั้น 1- 3




เลขที่ 13
มินาคามิ ลิลิ

เลขที่ 9 (หัวหน้าห้อง)
ทานิกาวะ เคย์

เลขที่ 5
คิซากิ เอริกะ

เลขที่ 1
อาเคบิ โคมิจิ




เลขที่ 14
ฮิราอิวะ โฮตารุ

เลขที่ 10
โทวเกะกุจิ อายูมิ
เลขที่ 6
โคโจ โทโมโนะ

เลขที่ 2
อุซากิฮาระ โทวโกะ




เลขที่ 15
ฮิบิโมริ โอชิสุ
เลขที่ 11
ทากาโนะ ไม
เลขที่ 7
ชิโจว ริโอนะ

เลขที่ 3
โอโอคุมะ มิโนรุ




เลขที่ 16
วาชิโอะ ฮิโตมิ
เลขที่ 12
นาวาชิโระ ยาสุโกะ
เลขที่ 8 (รองหัวหน้า)
ทัตสึโมริ ไอ

เลขที่ 4
คามิโมคุ เนโกะ

















เนื้อเรื่อง

เรื่องราวของอาเคบิ โคมิจิ สาวน้อยผู้หลงใหลชุดนักเรียนกะลาสีจากการที่ได้เห็นโฆษณาของไอดอลสาว ฟุคุโมโตะ มิกิ ที่ใส่ชุดกะลาสี ประกอบกับเห็นภาพคุณแม่สมัยก่อนที่ใส่ชุดกะลาสี ทำให้เธออยากเข้าโรงเรียนโรไบ ซึ่งคุณแม่ของเธอก็เคยเรียนโรงเรียนนี้เช่นกัน ทว่าเมื่อเธอสอบเข้าได้ ทางโรงเรียนได้เปลี่ยนเครื่องแบบไปเป็นแบบเบลเซอร์ไปเสียแล้ว หลังจากได้พบกับผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการไม่ขัดข้องในเรื่องชุดเครื่องแบบ แม้จะต่างยุคสมัยแต่ก็ถือว่าเป็นเครื่องแบบที่ถูกต้องตามกฎระเบียบ ทำให้เธอต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อ












ข้อคิดที่ได้จากการ์ตูนเรื่องนี้
- การมองโลกในแง่ดีของโคมิจิ
- เมื่อตัดสินใจอะไรไปแล้วก็เชื่อในสิ่งที่ตัดสินใจ และทำมัน
- ใช้ชีวิตให้สนุกสนานแบบโคมิจิ











ความรู้สึกเมื่อการ์ตูนเรื่องนี้จบ
เรื่องนี้ตั้งแต่เห็นภาพโปรโมตครั้งแรกก็รู้สึกเลยว่าน่าดู ส่วนหนึ่งมาจากภาพที่ดูสวยงาม และแนวเรื่องสบายๆ แต่ผมก็ดองไว้จนเมื่อมีเวลาจึงลองเปิดดู ปรากฎว่าดูแล้วติดมากกว่าที่คิด และรู้สึกอยากดูซ้ำ ประกอบกับดนตรีประกอบ (OST) ในเรื่องที่ฟังเพลิน ทำให้รู้สึกสบายๆ ในการรับชม

ถือว่าเป็นการ์ตูนที่ดูแล้วสบายใจมากเรื่องหนึ่ง แนะนำเลยครับ บรรยากาศของเรื่องสบายๆ เดินเรื่องในโรงเรียน แม้ว่าตอนจบจะดูรวบรัดในส่วนของงานกีฬาสีมากไปหน่อยก็ตาม ถ้ามีคนให้แนะนำการ์ตูนแนว slice of life เรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมจะแนะนำ

ผมลุ้นให้มีภาค 2 เนื่องจากยังมีจุดที่เอามาเล่นได้อีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อเรื่องช่วงพักร้อนกับครอบครัว ไปเที่ยวโตเกียวกับเพื่อน รวมไปถึงการทัศนศึกษา





ข้อสังเกตเล็กน้อย
- ในตอนที่ 2 ช่วงที่โคมิจิวิ่งกลับบ้าน พร้อมพูดชื่อของเพื่อนในห้องออกมา เธอไล่ชื่อเพื่อนของเธอตั้งแต่เลขที่ 2-16 เลย (เลขที่ 1 คือตัวเธอเอง)


- เรื่องชุดนักเรียนหญิงญี่ปุ่น ก่อนที่จะรับชมผมไม่เคยทราบมาก่อนว่าชุดนักเรียนหญิงญี่ปุ่นมันแยกประเภท เป็นชุดแบบเบลเซอร์ และชุดแบบเซลเลอร์ (ชุดกะลาสี) ซึ่งชุดที่เราเห็นสวยๆ ส่วนมากจะเป็นชุดแบบเบลเซอร์

ชุดแบบเบลเซอร์ ลักษณะชุดจะเหมือนชุดสูท ส่วนชุดแบบเซลเลอร์ จะเป็นชุดกะลาสี เด็กญี่ปุ่นหลายๆ คนอยากเข้าโรงเรียนบางโรงเรียนเพราะชุดนักเรียนเลยก็มีนะเออ อย่าคิดว่าเป็นแค่เรื่องในการ์ตูน แต่ในเคสของโคมิจิกลับกันคือ ชอบชุดแบบเซลเลอร์เลยอยากเข้าโรงเรียนนี้ ญี่ปุ่นจริงจังถึงขนาดมี หนังสือรวมชุดนักเรียน ม.ปลายออกมาวางจำหน่ายเลยนะครับ



"ชุดนักเรียนแบบกะลาสี (ซ้าย) และแบบเบลเซอร์ (ขวา)" ภาพจากเพจครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น



"ล้างตาด้วยภาพนี้ดีกว่า ชุดนักเรียนแบบเบลเซอร์ (ซ้าย) และแบบกะลาสี (ขวา)"



- ในเรื่องนักเรียนที่มาเรียนที่โรงเรียนโรไบ จะมีสองประเภทคือ ไปกลับ และพักที่หอพักของโรงเรียน โดยหอพักของโรงเรียนชื่อหอพักมังเกตสึ หมายถึง ดวงจันทร์เต็มดวง หรือ จันทร์เพ็ญ นั่นเอง (ชื่อเพราะแฮะ)


- โรงเรียนประถมฟุตาบะ ที่อาเคบิ โคมิจิ และน้องสาวคาโอะเรียน คนน้อยโดยมีนักเรียนแค่คนเดียวเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นอุปกรณ์เครื่องใช้กลับไม่ต่างจากโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนมากเลย ในเรื่องมีการพูดถึงว่า หลังจากที่คาโอะ น้องสาวของโคมิจิเรียนจบ โรงเรียนแห่งนี้จะถูกปิดตัวลง การที่ประเทศญี่ปุ่นมีโรงเรียนลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในมนุษย์ ซึ่งประเทศทางยุโรปแถบสแกนดิเนเวียก็มีโรงเรียนลักษณะนี้ตามเมืองเล็กๆ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยนั้น นักเรียนเกือบ 100 ยังปิดเลยอ้างไม่คุ้มที่จะเปิด


- ในชีวิตจริงเป็นเรื่องยากที่จะพบเจอนักเรียนที่ใจกล้าแบบ อาเคบิ โคมิจิ ยิ่งเป็นประเทศญี่ปุ่นประเทศที่เคร่งเรื่องกฎระเบียบอะไรพวกนี้ การที่จะเด่นอยู่คนเดียว โดดเด่นไม่เหมือนใครนั่นยากที่จะเจอ หรือหากซวยสุดๆ อาจถึงขั้นมีการกลั่นแกล้งกันเลยทีเดียว และที่สำคัญโรงเรียนผู้หญิงล้วนมันไม่ได้สวยงามแบบในการ์ตูนเรื่องนี้


- สำหรับชื่อโรไบ นอกจากจะเป็นชื่อโรงเรียนของอาเคบิ โคมิจิ ยังเป็นชื่อของดอกไม้ อีกด้วย (蠟梅) Chimonanthus praecox หรือในชื่อของ Wintersweet มีดอกตูมเล็กๆ สีเหลือง ลักษณะเป็นช่อ โดยจะมีดอกถึงแค่ก่อนฤดูใบไม้ผลิ (ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ)



"ดอกโรไบ"



- โรงเรียนโรไบ เป็นโรงเรียนที่มีกิจกรรมชมรมหลากหลาย ตั้งแต่ชมรมกีฬา วรรณกรรม จนไปถึงขี่ม้าเลยทีเดียว และที่สำคัญสามารถเข้าร่วมชมรมหลายชมรมได้ด้วย


- ข้อนี้สปอยเล็กน้อย เพลงตอนจบของตอนที่ 4 เป็นเพลงจบพิเศษ จะเป็นโคมิจิกระโดดเชือก โดยในตอนนี้ถ้าเป็นในหนังสือการ์ตูน โคมิจิโดดเชือกเล่นและเหยียบโดนโคลนจนเสื้อเลอะ (ฉากโดดเชือกในเพลงนี่แหละ ในหนังสือการ์ตูนภาพจัดเต็มมาก) แต่ในอนิเมจะเป็นเพราะ ลูกซอฟต์บอลที่อุซากิฮาระ โทวโกะขว้างลอยไปทางโคมิจิ และตกลงที่ที่มีโคลน โคลนเลยกระเด็นโดนเสื้อโคมิจิ


- ข้อนี้สปอย ตอนที่ 9 ซึ่งเป็นตอนออริจินอลฉบับอนิเม ร้านค้าต่างๆ ที่โคมิจิและเพื่อนๆ แวะแต่ละร้านนั้นตรงกับความสนใจของแต่ละคน เช่น คิซากิ เอริกะเข้าร้านอุปกรณ์เดินป่า เนื่องจากเธออยู่ชมรมปีนเขา โคโจ โทโมโนะ เข้าร้านหนังสือ สมเป็นสาวน้อยชมรมวรรณกรรม


- ข้อนี้สปอย จากข้อที่ผ่านมาตอนที่ 9 อีกแล้ว คิซากิ เอริกะ พึ่งเคยทานแฮมเบอร์เกอร์เป็นครั้งแรก ถือได้ว่าเป็นคุณหนูอย่างแท้จริง ในหนังสือการ์ตูนเธอก็เป็นคุณหนูจริงๆ แหละครับ และในห้องจะมีอีกคนที่เป็นคุณหนูคือ ฮิราอิวะ โฮตารุ เรียกได้ว่ามีฐานะเลยแหละ


- โรงเรียนโรไบจำนวนนักเรียนต่อห้องถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับโรงเรียนมัธยมทั่วไป โดยห้อง 1-3 ห้องของโคมิจิมีนักเรียนทั้งหมด 16 คน เท่านั้น (ทั่วไปที่เห็นประมาณ 25 คน) แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ นักเรียนในห้องนี้ผลการสอบกลางภาค คะแนนติด Top 5 ของชั้นปีถึง 3 คน อันดับที่ 1 (ทานิกาวะ เคย์ หัวหน้าห้อง) และอันดับที่ 2 (ทัตสึโมริ ไอ) ตามอันดับ ส่วนโคมิจิ สอบได้อันดับที่ 5 จะเห็นได้ว่าเลขห้องก็เป็นได้แค่เลขห้อง












การเดินเรื่องในอนิเมเมื่อเทียบกับหนังสือการ์ตูน


เนื้อเรื่องในอนิเมตอนที่ 1 อยู่ในช่วงหนังสือการ์ตูนตอนที่ 0-2
เนื้อเรื่องในอนิเมตอนที่ 2 อยู่ในช่วงหนังสือการ์ตูนตอนที่ 3-6
เนื้อเรื่องในอนิเมตอนที่ 3 อยู่ในช่วงหนังสือการ์ตูนตอนที่ 7, 9-10
เนื้อเรื่องในอนิเมตอนที่ 4 อยู่ในช่วงหนังสือการ์ตูนตอนที่ 11,13.5
เนื้อเรื่องในอนิเมตอนที่ 5 อยู่ในช่วงหนังสือการ์ตูนตอนที่ X - เนื้อหาบางส่วนตอนที่ 33.5, 43.5

เนื้อเรื่องในอนิเมตอนที่ 6 อยู่ในช่วงหนังสือการ์ตูนตอนที่ 8, 12-13
เนื้อเรื่องในอนิเมตอนที่ 7 อยู่ในช่วงหนังสือการ์ตูนตอนที่ X - เนื้อหาบางส่วนตอนที่ 50.6, 57-59
เนื้อเรื่องในอนิเมตอนที่ 8 อยู่ในช่วงหนังสือการ์ตูนตอนที่ 14-16
เนื้อเรื่องในอนิเมตอนที่ 9 อยู่ในช่วงหนังสือการ์ตูนตอนที่ - X
เนื้อเรื่องในอนิเมตอนที่ 10 อยู่ในช่วงหนังสือการ์ตูนตอนที่ 17-18

เนื้อเรื่องในอนิเมตอนที่ 11 อยู่ในช่วงหนังสือการ์ตูนตอนที่ 18-19
เนื้อเรื่องในอนิเมตอนที่ 12 อยู่ในช่วงหนังสือการ์ตูนตอนที่ 20-23


X = ออริจินอล

เนื้อเรื่องในอนิเม 12 ตอน เทียบเท่ากับฉบับหนังสือการ์ตูน ถึงตอนที่ 23 โดยจบซีซั่นแรกถึงช่วงจบงานกีฬาสีเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องในอนิมตอนที่ 5,7 โดดข้ามโดยการเอาเนื้อหาในหนังสือการ์ตูนตอนหลังๆ มาใช้เลย ส่วนตอนที่ 9 จากที่ได้อ่านฉบับหนังสือการ์ตูน เหมือนจะเป็นออริจินอลเลยล่ะครับ แต่ถือว่าทำออกมาได้ดีนะ

**ณ วันที่เอนทรี่แสดงครั้งแรก ฉบับหนังสือการ์ตูนถึงตอนที่ 61



"ตัวอย่างภาพฉบับหนังสือการ์ตูน"



"ตัวอย่างภาพฉบับหนังสือการ์ตูน แบบลงสี อย่างงามเลย"



ความแตกต่างระหว่างฉบับอนิเม และหนังสือการ์ตูน

ความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนระหว่างอนิเม กับฉบับหนังสือการ์ตูนคือเรื่องของงานภาพ ในฉบับอนิเมลดทอนรายละเอียดลง แต่ก็จะมีช็อตที่เน้นภาพแบบต้นฉบับ ซึ่งช็อตลักษณะนั้นภาพจะสวยขึ้นเป็นพิเศษ

อีกเรื่องที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ การเพิ่มบทของตัวละครในเนื้อเรื่อง จากฉบับหนังสือการ์ตูนตอนที่ 0-23 ตัวละครในห้องจะยังไม่มีบทครบทุกคน แต่ในอนิเมจะมีเพิ่มบทของตัวละครลงไปจนครบ แม้จะน้อยบ้างมากบ้าง แต่ก็ถือว่ามีบทครบทุกคน แต่ในส่วนที่เห็นได้ชัดที่สุดถึงความแตกต่างต้องดูตอนที่ 3 ที่โคมิจิไปหอพักเพื่อนเพื่อซักเสื้อที่เลอะโคลน แม้จะไปด้วยเรื่องเดียวกัน แต่สาเหตุที่เสื้อเลอะแตกต่างกัน

สิ่งที่น่าสนใจในฉบับหนังสือการ์ตูน ภาพวาดต่อ 1 ตอนเยอะ บทพูดน้อยมากเดินเรื่องช้า ซึ่งเมื่อเอามาทำเป็นอนิเมจะต้องมีการเพิ่มบทเข้าไปบ้างเพื่อยืดแอร์ไทม์ รวมไปถึงมีการสลับตอนกันในบางส่วน รวมไปถึงการนำตอนหลังจากตอนที่ 23 ขึ้นมาก่อน ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่าทั้งสองส่วนมีจุดดีจุดด้อยต่างกัน ถ้าเป็นฉบับอนิเมความสัมพันธ์กับเพื่อนจะดูแนบแน่นกว่า โคมิจิจะดูเป็นมิตรกับทุกคนรวดเร็วกว่าในฉบับหนังสือการ์ตูน


แม้ว่าโดยส่วนตัวจะชอบ แต่ในประเทศไทยจะมีสำนักพิมพ์ไหนเอาเข้ามาจัดพิมพ์มั้ยหนอ...... ท่าจะยากเหมือนกัน นับวันสำนักพิมพ์ที่เป็นมิตรกับผมจะลดลงเรื่อยๆ คงต้องจัดของนอกเองล่ะมั้ง หวังว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบในภาพนี้นะ






"บ้านของอาเคบิ โคมิจิ หลังใหญ่พอสมควรเลย"



ผลิตภัณฑ์จากการ์ตูนเรื่องนี้
เด่นๆ ที่เห็นจะเป็น หนังสือการ์ตูน อนิเม ส่วน Goods ประเภทอื่น ณ วันที่บล็อกนี้เผยแพร่ยังมีไม่มากนัก ที่เห็นบ้างจะเป็น แสตนอคิลิค เสื้อ ภาพแขวน อยากให้มีพวกฟิกเกอร์บ้างจัง





เพลงประกอบของเรื่องนี้
การ์ตูนเรื่องนี้ได้ผลิตแผ่น CD OST ออกมาด้วย เพลงเพราะมาก โดยเฉพาะเพลงตอนจบ

OST

เพลงเปิด : The Beginning of Setsuna (Hajimari no Setsuna)
เพลงปิด : ฺBaton
Leave it to the Wind (Kaze ni Makasete)

อีกเพลงที่เราจะได้ยินในเรื่องคือเพลง Hem เป็นเพลงที่ปรากฎขึ้นในซีรี่ย์นี้ตอนที่ 2 ขับร้องโดย Miki Fukumoto (Shuka Saito)

01.he.m
02.Delusion
03.Illumination
04.Baton
05.風にまかせて
06.はじまりのセツナ



"หวังว่าจะได้เห็นการสลับที่นั่งแบบนี้ในฉบับอนิเมบ้าง"

Create Date :21 กรกฎาคม 2565 Last Update :21 กรกฎาคม 2565 17:57:45 น. Counter : 3031 Pageviews. Comments :50