ด้วยสภาพสังคมในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เราแข่งกันทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องกิน เรื่องเรียน จนไปถึงเรื่องการทำงาน ส่งผลในจิตใจของเราเกิดความเหนื่อยล้า วันนี้แนะนำการ์ตูนแนวเยียวยาจิตใจที่เหนื่อยล้า เป็นการ์ตูนตลก ไร้มลพิษที่สามารถดู/อ่านได้ทุกเพศทุกวัย


ชื่อเรื่อง
Hanamaru Kindergarten(ภาษาอังกฤษ)
はなまる幼稚園 (ภาษาญี่ปุ่น)
花圈圈幼儿园 (ภาษาจีน)
ฮานามารุ อนุบาลเด็กดีนะจะบอกให้ (ภาษาไทย)


การ์ตูนเรื่องนี้ผลิตโดย Gainax ฉายครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ทางสถานีโทรทัศน์ TV Tokyo ในช่วงระหว่างวันที่ 10 มกราคม 2010 - 28 มีนาคม 2010 จำนวนตอนทั้งหมด 12 ตอน แนวคอมเมดี้ โรแมนติกและเยียวยาจิตใจ แต่ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคงจะเป็นเยียวยาจิตใจ


แนะนำตัวละคร



"จากซ้ายไปขวา อันซุ, โคอุเมะ, ฮิอิรางิ, ครูซึจิดะ, ครูยามาโมโตะ, แพนด้าเหมียว"

ตัวละครหลักในเรื่องนี้จะเป็นครูกับนักเรียนซึ่งมีจำนวนไม่มาก เด่นๆ มีเท่านี้

เนื้อเรื่อง
เป็นเรื่องราวการใช้ชีวิตในโรงเรียนของ ซึจิดะ ครูอนุบาล และพวกเด็กอนุบาลอย่างพวก อันซุ ฮิอิรางิ โคอุเมะ ซึ่งก็มีทั้งความวุ่นวาย ความน่ารัก เป็นการ์ตูนจบที่ตอนๆ ดังนั้นไม่ต้องกังวัลมากนักหากพลาดไม่ได้ชมตอนใดตอนหนึ่งไป











"ภาพตัวอย่างของการ์ตูนเรื่องนี้ในฉบับอนิเม"


ความรู้สึกเมื่อดูการ์ตูนเรื่องนี้จบ
เป็นการ์ตูนที่ดูเพลิน สนุกดูแล้วรู้สึกได้ว่าโลกนี้มันช่างดีงาม ถึงแม้ในเรื่องจากมีเด็กที่มีพฤติกรรมไม่ดี แกล้งเพื่อน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ดีกันได้ดังเดิม รวมไปถึงวิธีการแก้ไขปัญหาของคุณครูแต่ละคนก็ดูน่าสนใจดี

ที่ไม่ค่อยชอบดูเหมือนจะมีแค่ตอนเดียวคือตอนที่ 11 ที่ซึจิดะจิตตก ซึ่งผู้เขียนไม่ชอบเลย ที่น่าเสียดายอีกอย่างคือ มีแค่ 12 ตอนเท่านั้น อยากให้มีซีซั่น 2 ออกมาชะมัด

เมื่อเราหันมามองรอบตัวเรา สังคมมีแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน คำพูดโกหกถูกใช้กันไม่เว้นในแต่ละวัน (ศีลขาดกันว่าเล่น) การที่ได้รับชมการ์ตูนเรื่องนี้ เหมือนเป็นการเติมความหวังให้เราว่าโลกเรานี้ยังมีสิ่งดีงามอยู่ ถึงแม้มันอาจเป็นแค่จินตนาการในการ์ตูนก็ตามที



"ภาพหน้าปกหนังสือการ์ตูนทั้ง 12 เล่ม"


ฉบับหนังสือการ์ตูน
สำหรับฉบับหนังสือการ์ตูนวาดโดยนักเขียนที่ใช้นามว่า Yuto พิมพ์จำหน่ายที่ญี่ปุ่นโดย Square Enix โดยพิมพ์ลงนิตยสาร Young Gangan ในช่วงระหว่างวันที่ 25 เมษายน 2007 - 20 ตุลาคม 2011 สำหรับประเทศไทยพิมพ์จำหน่ายโดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ การ์ตูนเรื่องนี้มีทั้งหมด 11 เล่มจบ (ไม่รวมฉบับ 7.5)

ผู้เขียนเคยสอบถามไปทางสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ว่า มีโอกาสหรือไม่ที่ ฉบับ 7.5 จะตีพิมพ์ในประเทศไทย คำตอบที่ได้คือ มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับอนิเม ถ้าอยากหาอ่านจริงๆ คงต้องพึ่งเว็บแสกนหนังสือการ์ตูน (น่าเสียดาย เพราะอยากซื้อ)





"ภาพตัวอย่างลายเส้นการ์ตูนเรื่องนี้"


ความรู้สึกเมื่อได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้
ความรู้สึกไม่ค่อยต่างกับฉบับอนิเมมากนัก ในทางกลับกันผู้เขียนชอบฉบับหนังสือการ์ตูนมากกว่าด้วย เนื่องจากสะดวกในการเสพ ที่ฮากว่าสำหรับฉบับหนังสือการ์ตูนเห็นจะเป็นการแซวการ์ตูนเรื่องอื่น หรือเกม เช่น Love+



ความแตกต่างระหว่างฉบับอนิเม และหนังสือ
สิ่งที่เห็นได้ชัดในเรื่องความแตกต่างเลยก็คือ ลำดับการวางตอน ซึ่งในส่วนนี้อนิเมเรียงลำดับได้ดีกว่า โดยเริ่มตั้งแต่ซึจิดะมาสอนตั้งแต่วันแรก แต่ในฉบับหนังสือการ์ตูนจะเขียนย้อนไปย้อนมา และเนื่องจากฉบับอนิเมผลิตโดย Gainax จึงไม่แปลกที่จะมีการแซวการ์ตูนเรื่องอื่นๆของ Gainax ในส่วนนี้ถ้าคนที่เคยดูการ์ตูนเรื่องที่โดนแซวมาก่อนดูแล้วจะรู้สึกสนุกมากขึ้น แต่ถึงจะไม่เคยดูการ์ตูนเรื่องนั้นๆ มาก่อนก็สามารถดูได้โดยไม่เสียอรรถรสในการชม

โดยรวมเนื้อหาภายในเรื่องไม่แตกต่างกันมากจะมีในส่วนรายละเอียดบางส่วนที่ทาง Gainax แซวการ์ตูนในค่ายของตนเองแทรกเข้ามา ซึ่งหลังจากการ์ตูนเรื่องนี้ (ซีซั่นแรก) จบลง ในฉบับหนังสือการ์ตูน ในบางตอนก็ได้รับอิทธิพลการ์ตูนบางเรื่องจากค่าย Gainax เช่นกัน

อีกประการที่เห็นได้ชัดในฉบับอนิเมคือ ตัวละครที่เพิ่มขึ้นมากกว่าฉบับหนังสือการ์ตูน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วสำหรับความแตกต่างในส่วนนี้



"สังเกตตัวละครน่าสงสัยทางซ้ายสุด 2 คนให้ดี"


ข้อสังเกต
ในเรื่องนี้ไม่ค่อยมีจุดสังเกตอะไรให้จับผิดเท่าไหร่นัก เนื่องจากเป็นเรื่องที่ดูสบายๆ แต่ที่เห็นชัดคงจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรม และการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นในบางเรื่องซึ่งแตกต่างจากของไทย

ที่เห็นแล้วอยากจับผิดก็คิดตอนที่ซึจิดะโยนฟิกเกอร์ (จากาปอง) ทิ้งเพราะซ้ำ เป็นเมืองไทยมีหวังแย่งกันเก็บแน่ๆ แต่ที่ญี่ปุ่นคงเป็นเรื่องปกติมั้ง เพราะถ้าเทียบกับค่าครองชีพของเขาแล้ว ของพวกนี้ไม่ถือว่าแพงสำหรับเขา (เหรอ)

ที่ดูเหมือนจะเป็นประเด็นจริงๆ คงจะเป็นภาพที่เห็นด้านบน อยากให้ลองสังเกตตัวละครทางด้านซ้ายมือทั้งสองคนให้ดี ยุยกับอาซึสะ จากเรื่องเค-อง! ใช่หรือไม่?


ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเรื่องนี้
น่าแปลกใจที่การ์ตูนเรื่องนี้มีผลิตภัณฑ์ออกมาน้อยเกินคาด กลุ่มเป้าหมายมันแคบด้วยมั้ง เลยผลิตออกมายาก แต่ก็พอมีบ้าง เช่นพวกที่ห้อยมือถือ ตุ๊กตา เสื้อ การ์ดสะสม DVD การ์ตูนเรื่องนี้ แต่ไม่มากเหมือนเรื่องอื่นๆ


"ตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากการ์ตูนเรื่องนี้"


เพลงประกอบของเรื่องนี้
เพลงเปิด "Aozora Triangle"
เพลงจบ สำหรับเพลงจบเรื่องนี้มี 12 แบบเลยทีเดียว (ดูรายชื่อในส่วนของ Ost. เพลงที่ 1-12)

อัลบัม OSTของการ์ตูนเรื่องนี้ มีดนตรีที่เพราะๆ เยอะเหมือนกัน มีโอกาสลองหามาฟังกันได้
รายละเอียด OST
เรื่อง : Hanamaru Youchien: Hanamaru Best Album [childhood memories]
ชนิดของ OST : Animes
ศิลปิน : Shindou Kei, Takagaki Ayahi, MAKO, Hazuki Erino, Hino Satoshi, Hirota Shion, Mariya Ise, Satou Arise, Mizuhara Kaoru, Wakabayashi Naomi, Honna, Youko
จำนวน : 2 แผ่น
จำนวน Tracks : 15 + 36
Tracklist:

Disc 1
01. Egao Narabete
02. Kigurumi Wakusei
03. Kusa no Yubiwa Hana no Kanmuri
04. Hatsudou!! Love Beam☆
05. Ano ne Kiite ne
06. Heart no Housoku
07. Kuro Neko no Jazz
08. Nadeshiko Romance
09. Kokutou Drop
10. Boku no Wasuremono
11. Yes, We Can!!
12. Sekai de Ichiban
13. Yasashii Hidamari
14. Panda Neko Taisou (Minna de Issho ver.)
15. Aozora no Triangle (TV Size)

Disc 2
01. Star Dream
02. Hanamaru Youchien no Theme
03. Anzu no Theme
04. Tsuchi no Theme
05. Tsuiseki da!
06. Ame no Youchien
07. Miracle Hiiragi
08. Tik Tak
09. Koume no Theme
10. Angry
11. Hiiragi no Theme
12. Kusa no Yubiwa Hana no Kanmuri (inst.)
13. Hoshizora
14. Step By Step
15. Hanamaru no Nichijou
16. Hentekorin
17. Oyasumi
18. Time After Time
19. Sekai de Ichiban (inst.)
20. Poolside
21. Hanamaru Jet!!
22. Kirakira Koume
23. Nadeshiko Romance (vosa ver.)
24. Kizuna
25. Hanamaru March
26. Mainichi Tanoshii ne
27. Fantasy
28. Megami Nana
29. Christmas Kai
30. Merry Go! Land
31. boxing day
32. Yuki no Waltz
33. Yasashii Yamamoto-sensei
34. Kyou mo Tanoshikatta ne
35. Panda Neko Taisou (Yokoku ver.)
36. Egao Narabete (PV ver.)

นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ DJCD อีกด้วย



ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
//www.1999.co.jp
//www.amazon.co.jp/
ข้อมูลในส่วนของ OST
ข้อมูลจาก TV-Tokyo
//akibatan.com